Super God Gene – ตอนที่ 2960 ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ด

ปีศาจสาวและอีแร้งแก่มองหน้ากัน ปีศาจสาวสะบัดมือและมีตะเกียงหินปรากฏออกมา ปีศาจสาวไม่ได้พยายามหลบ เธอถือยกตะเกียงหินมารับมีดแสงสีม่วงที่น่ากลัวของหานเซิ่น

 

มีดแสงสีม่วงถูกหยุดเอาไว้โดยแสงของตะเกียงหิน เปลวไฟในตะเกียงหินเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าเปลวไฟที่ถูกลมพัด แต่ที่สุดแล้วมันก็ป้องกันมีดแสงของหานเซิ่นเอาไว้ได้สำเร็จ

 

อีแร้งแก่และอสูรยักษ์ไร้ดวงตาส่งเสียงคำรามออกมา หลังจากนั้นพวกมันทั้งคู่ก็คายตะเกียงหินออกมา พวกมันเรียงแถวกันอยู่หน้าปราสาทศักดิ์สิทธิ์ร่วมกับปีศาจสาว แสงสว่างจากตะเกียงหินปกคลุมทั้งปราสาทศักดิ์สิทธิ์

 

หานเซิ่นมองไปที่ตะเกียงหินทั้งสามและสังเกตเห็นว่าพวกมันดูคล้ายกับตะเกียงหินที่เขาครอบครองอยู่มากๆ มันเหมือนกับว่าพวกมันทั้งหมดถูกทำขึ้นมาด้วยช่างคนเดียวกัน

 

‘แปลกจริงๆ พวกเขาบอกว่าตะเกียงหินนั้นคือตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดไม่ใช่หรอ แบบนั้นทำไมมันถึงได้มีอยู่หลายอันนัก?’ หานเซิ่นสงสัย

 

อีแร้งแก่ตะโกนอย่างเกรี้ยวโกรธใส่หานเซิ่น

“หานเซิ่น เจ้าอย่าได้อวดดีจนเกินไป! ถ้าสมบัติและสิ่งประจำตัวพระเจ้าของข้าไม่ได้ถูกทำลายไปในอดีต เจ้าก็คงจะไม่ได้มายืนอยู่ในตอนนี้!”

 

หานเซิ่นไม่สนใจว่าอีแร้งแก่จะพูดอะไร เขาฟันออกไปอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้หานเซิ่นใช้พลังมากกว่าเดิม แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ได้ดีเหมือนกับครั้งที่แล้ว

 

แสงจากตะเกียงหินทั้งสามแค่สั่นไหวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าตะเกียงหินทั้งสามนั้นสนับสนุนกันและกัน

 

หานเซิ่นลองฟันอีกหลายครั้ง ถึงแม้มีดแสงแต่ละครั้งจะทำให้เปลวไฟของตะเกียงหินทั้งสามสั่นไหว แต่พวกมันก็ไม่สามารถทำลายการป้องกันของตะเกียงหินทั้งสามได้

 

ด้วยเหตุนั้นหานเซิ่นจึงรู้ว่าตะเกียงหินของพวกเขานั้นแตกต่างไปจากตะเกียงหินที่เขาครอบครองอยู่

 

ตะเกียงหินของหานเซิ่นสามารถเสริมพลังให้กับพลังต่างๆได้ แต่มันไม่ได้มีพลังป้องกันอะไร

 

ส่วนตะเกียงหินของปีศาจสาวและคนอื่นๆนั้นมีพลังในการป้องกัน แต่ทว่าพวกมันดูเหมือนจะไม่สามารถเสริมพลังได้ ดูเหมือนว่าทั้งหมดที่พวกมันทำได้ก็คือสร้างโล่ป้องกัน

 

“หานเซิ่น เจ้าอย่าเสียเวลาเลย” อีแร้งแก่พูด

“ด้วยการป้องกันจากตะเกียงเผ่าเซเคร็ดพวกนี้ ถึงแม้เทพสปิริตจะมาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็เข้ามาในปราสาทศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้”

 

“สิ่งที่เจ้าพูดมันเหลวไหลสิ้นดี ตะเกียงทั้งสามอันเป็นตะเกียงเผ่าพันธุ์ และตะเกียงหินที่ข้ามีอยู่ก็เป็นตะเกียงเผ่าพันธุ์ เจ้าจะบอกว่าเซเคร็ดมีตะเกียงเผ่าพันธุ์ถึงสี่อันหรือยังไงกัน?” หานเซิ่นเย้ยหยัน

 

“มันไม่ใช่แค่สี่อัน พวกเรามีตะเกียงเผ่าพันธุ์อยู่ห้าอัน” ปีศาจสาวพูด

 

“ทุกเผ่าพันธุ์มีตะเกียงเผ่าพันธุ์แค่หนึ่งเดียว แต่เจ้าจะบอกว่าเซเคร็ดมีตะเกียงเผ่าพันธุ์ถึงห้าอันอย่างนั้นหรอ? พวกเจ้าคิดว่าข้าโง่หรือยังไง?” หานเซิ่นมองพวกเขาด้วยความดูถูก

 

“นั่นเป็นความโง่เขลาของเจ้า ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเผ่าอื่นไม่อาจจะมาเทียบกับตะเกียงเผ่าพันธุ์เซเคร็ดของพวกเราได้” อีแร้งแก่ตอบกลับด้วยความดูถูก

 

ปีศาจสาวพูด “ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเผ่าพันธุ์อื่นนั้นเป็นสิ่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้อยู่แล้ว พวกเขาก็แค่โชคดีที่ได้จุดดวงไฟในตะเกียงเผ่าพันธุ์พวกนั้น แต่ตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดนั้นเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้นำเซเคร็ด พวกมันเหนือกว่าตะเกียงที่เผ่าพันธุ์อื่นเป็นเจ้าของ พวกมันจะฉายแสงให้กับเผ่าพันธุ์ที่สนับสนุนเซเคร็ด ทุกสายพันธุ์ของเซเคร็ดจะได้รับความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์ นายน้อยจะกลายเป็นผู้นำของจักรวาล เจ้าเป็นพ่อของเขา เจ้าจะได้รับเกียรติศักด์สิทธิ์ไปด้วย ถ้าเจ้ายินดี เจ้าช่วยสนับสนุนการขึ้นเป็นใหญ่ของนายน้อยร่วมกับพวกเราได้”

 

หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ หานเซิ่นก็พูด “ถ้าตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดไม่ใช่ของจีโนฮอลล์ แต่เป็นสิ่งที่ผู้นำเซเคร็ดสร้างขึ้นมา แบบนั้นตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดจะได้รับการยอมรับจากจีโนฮอลล์และมอบการป้องกันให้กับผู้คนของเซเคร็ดได้ยังไงกัน?

 

“มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้รับการยอมรับจากจีโนฮอลล์ ทั้งหมดที่เจ้าจำเป็นต้องทำก็คือเข้าไปในจีโนฮอลล์และวางตะเกียงเผ่าพันธุ์บนจุดสูงสุด แบบนั้นมันจะอยู่เหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆทั้งหมด ใครมันจะกล้าคัดค้านในเรื่องนั้น?” อีแร้งแก่พูดอย่างภาคภูมิ

 

หานเซิ่นรู้สึกนับถือในหัวใจของเขา แต่เขาไม่ได้นับถืออีแร้งแก่ ที่เขารู้สึกนับถือคือฉินซิวที่เป็นผู้นำเซเคร็ด เผ่าพันธุ์อื่นนั้นแค่จุดดวงไฟในตะเกียงเพื่อจะได้รับตำแหน่งในหมู่เผ่าพันธุ์ชั้นสูง

 

แต่ทว่าฉินซิวเลือกที่จะทำตะเกียงขึ้นมาด้วยตัวเองและนำมันไปวางเอาไว้เหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ มันไม่ใช่สิ่งที่ใครๆจะทำอะไรแบบนั้นได้ แต่ดูเหมือนว่าแผนการของฉินซิวจะล้มเหลว เขาไม่สามารถนำตะเกียงเผ่าพันธุ์ของเซเคร็ดไปวางเอาไว้บนจุดสูงสุดของจีโนฮอลล์ได้

 

“หานเซิ่น เจ้าและนายน้อยเป็นพ่อลูกกัน พวกเจ้าน่าจะทำงานร่วมกัน ร่วมมือกับพวกเราและช่วยนายน้อยทำให้เซเคร็ดกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง” ปีศาจสาวพยายามที่จะโน้มน้ามหานเซิ่น

 

หานเซิ่นมองเธอด้วยความดูถูกและฟันออกไปใส่แสงของทั้งสามตะเกียง

 

“หานเซิ่น นี่เจ้าไม่มีหูหรือยังไง? พวกเราต่างก็ต้องการช่วยเหลือนายน้อยเหมือนกับเจ้า” อสูรยักษ์ไร้ดวงตาดูโมโห

 

หานเซิ่นฟันใส่แสงของตะเกียงซ้ำๆและพูด “ข้าบอกพวกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอว่าเสี่ยวฮวาไม่ใช่เครื่องมือของเซเคร็ด ถึงเซเคร็ดต้องการจะนำตะเกียงเผ่าพันธุ์ของตัวเองเข้าไปในจีโนฮอลล์ มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฮวา ถ้าพวกเจ้าต้องการจะทำแบบนั้น พวกเจ้าก็ต้องทำมันด้วยตัวของพวกเจ้าเอง อย่าได้ใช้ประโยชน์จากเสี่ยวฮวาของข้า”

 

“แถมพวกเจ้ายังขโมยเสี่ยวฮวาไปจากข้า พวกเจ้าแยกครอบครัวออกจากกัน พวกเจ้าจะต้องชดใช้ มันไม่มีความจำเป็นต้องพูดอะไรอีก”

หลังจากที่พูดจบ หานเซิ่นก็ฟันใส่ตะเกียงทั้งสามและทำให้ดวงไฟของตะเกียงสั่นไหวอย่างไม่หยุด ถึงแม้โล่แสงจะไม่ถูกตัดจนเปิดออก แต่มันก็ทำให้ปีศาจสาวและคนอื่นหวั่นใจ

 

“ร่างกายของหานเซิ่นแข็งแกร่งถึงขนาดนั้นได้ยังไง? ข้าคิดว่าเขาเกือบจะเทียบได้กับท่านผู้นำได้เลย” ปีศาจสาวตกตะลึง

 

มันยากที่จะจินตนาการได้ว่าสิ่งมีชีวิตจากก็อตแซงชัวรี่วิวัฒนาการไปถึงขั้นนั้นได้ยังไง

 

ถึงแม้สิ่งมีชีวิตในก็อตแซงชัวรี่จะกลืนกินสิ่งมีชีวิตอื่นเพื่อเสริมความแข็งแกร่งของตัวเอง แต่การเพิ่มระดับขึ้นด้วยวิธีแบบนั้นจะช่วยทายาทของพวกเขามากกว่าช่วยตัวเอง มันจะทำให้ยีนของรุ่นต่อๆไปนั้นดีขึ้น

 

เหมือนอย่างเสี่ยวฮวาที่สืบทอดยีนมาจากหานเซิ่น เขาถือเป็นคนที่ได้รับผลประโยชน์มากที่สุด เขาไม่ได้มียีนที่ไม่เสถียรเหมือนอย่างหานเซิ่น

 

การที่หานเซิ่นพัฒนาจนกลายเป็นขั้นทรูก็อตได้นั้นเป็นอะไรที่น่าตกใจ แถมตอนนี้เขาก็แข็งแกร่งจนน่ากลัว เขาเหนือกว่าสิ่งมีชีวิตขั้นทรูก็อตระดับท็อปส่วนใหญ่ นั่นเป็นอะไรที่ยากจะเข้าใจได้

 

“หานเซิ่น เจ้าอย่าเสียแรงเปล่าเลย” อีแร้งแก่พูด

“ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเจ้าจะเป็นที่สุดของขั้นทรูก็อต แต่เจ้าก็ทำลายการป้องกันจากตะเกียงเผ่าพันธุ์ทั้งสามไม่ได้อยู่ดี”

 

“จริงอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นพูด เขายกมีดเหตุและผลขึ้น และทันใดนั้นท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยมีดแสงที่มารวมตัวกัน

 

“พวกเจ้าทุกคนเป็นแค่หมากบนกระดาน ข้าไม่เชื่อว่ามันจะมีเกมส์หมากรุกที่ข้าทำลายไม่ได้” หานเซิ่นฟันลงมา จากนั้นมีดแสงทั้งหมดก็พุ่งลงมาเหมือนกับกาแล็กซี่ถูกพลิกกลับ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset