Super God Gene – ตอนที่ 2965 ดินแดนของพระเจ้า

 

สิ่งมีชีวิตมากมายทั่วจักรวาลต่างพากันมองไปที่สิ่งก่อสร้างลึกลับบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ หลายคนจดจำจีโนฮอลล์ได้ แต่ในครั้งนี้จีโนฮอลล์เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ มันมีวิหารมากมายอยู่ใต้จีโนฮอลล์

 

ในอดีตตอนที่จีโนฮอล์ปรากฏออกมา มันดูเหมือนกับดวงจันทร์ในกระจก ถึงแม้ทุกคนจะมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน แต่มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ใช่ของจริง แต่ตอนนี้ทุกคนรู้สึกว่าจีโนฮอลล์และวิหารมากมายที่ปรากฏออกมานั้นเป็นของจริง มันเหมือนกับว่าสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นสามารถตกลงมาจากท้องฟ้าได้ทุกเมื่อ

 

“วิหารเกราะนภา… วิหารสกายไวน์แรดิช… วิหาร…” ยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์ต่างๆเห็นตัวอักษรที่อยู่เหนือประตูของวิหารเหล่านั้น

 

สิ่งก่อสร้างทั้งหมดเรียงต่อกันเป็นเหมือนกับพีระมิดขนาดยักษ์ ชั้นล่างสุดมีวิหารอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะชั้นบนสุดมีเพียงแค่จีโนฮอลล์

 

“มันผ่านมานานแล้ว แต่ตอนนี้ในที่สุดบาเรียอวกาศก็ถูกทำลาย ยุคสมัยของการต่อสู้กับพระเจ้ามาถึงแล้ว นี่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเซเคร็ดจะเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างนั้นหรอ?”

ผู้นำปราสาทนภายืนอยู่บนยอดของปราสาทก้อนเมฆและจ้องมองไปที่ปราสาทพระเจ้าอันลึกลับ สีหน้าของเขาดูซับซ้อนมากๆ

 

“บาเรียอวกาศถูกทำลาย เวลาของพวกเรามาถึงแล้ว” ในก้นบึ้งของความมืดมิด สิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวส่งเสียงคำรามออกมา

 

“ในที่สุดมันก็เกิดขึ้น” บนถนนบนดวงดาวที่พังพินาศ หมอดูคนหนึ่งที่กำลังถือธงอยู่ถอนหายใจ ขณะที่มองไปที่ปราสาทของพระเจ้า

 

“ในที่สุดวันที่พวกเรารอคอยก็มาถึง ผู้นำเซเคร็ดไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ เขามีหนทางอยู่จริงๆ เขาทำลายบาเรียอวกาศได้อีกครั้งแล้ว”

ในปราสาทบนดาวแคระสีแดง ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เหมือนกับราชันพูดขึ้นมา เขามองไปที่ปราสาทของพระเจ้าด้วยความสนใจ

 

โหลวเลี่ยโค้งคำนับและพูด “ท่านประมุข บาเรียอวกาศถูกทำลายแล้ว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด ท่านประมุขได้โปรดให้ข้าไปต่อสู้ ข้าจะชิงวิหารพระเจ้ามาให้กับพยุหะโลหิตให้ได้”

 

สมาชิกของพยุหะโลหิตอีกสองคนคุกเข่าลงและแสดงความปรารถนาที่จะต่อสู้ออกไปทันที “ท่านประมุขได้โปรดให้พวกเราไปต่อสู้”

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน มันยังมีคนอื่นที่รีบร้อนยิ่งกว่าพวกเรา” ประมุขพยุหะโลหิตมองไปที่วิหารพระเจ้าและยิ้มออกมา

 

เสียงของนกดังขึ้นในอวกาศ และมันทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดจ้องมองไปที่จีโนฮอลล์ ทันใดนั้นก็มีนกยักษ์ประหลาดขนสีดำที่มีหัวเก้าหัวบินฉีกมิติของอวกาศออกมา มันปลดปล่อยออร่าที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ขณะที่มันบินเข้าไปหาปราสาทของพระเจ้า

 

“โกสต์คาร์…” หานเซิ่นจดจำมันได้ นกตัวนี้ดูเหมือนกับโกสต์คาร์ที่หานเซิ่นได้มาจากซีโน่เจเนอิคแผ่นหิน แต่นกตัวนี้ไม่ได้เป็นธาตุหิน มันเป็นโกสต์คาร์ตัวจริงๆ

 

โกสต์คาร์นั้นถูกเรียกกันว่าฟินิกซ์เก้าหัว ตำนานบอกว่ามันเป็นฟินิกซ์ที่เกิดมาผิดปกติ มันควรจะมีฟินิกซ์ทารกเก้าตัวกำเนิดขึ้นมา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทารกในครรภ์ทั้งเก้ารวมกันและเกิดเป็นมาฟินิกซ์เก้าหัวที่ผิดปกติ

 

โกสต์คาร์นั้นมีธาตุที่แตกต่างไปจากฟินิกซ์ทั่วๆไป แทนที่ร่างกายจะห่อหุ้มไปด้วยเพลิงของฟินิกซ์ ร่างกายของมันกลับเต็มไปด้วยควันสีดำที่ดูไม่ร้อนเลยสักนิดแทน

 

ท่ามกลางสายตาของทุกเผ่าพันธุ์ โกสต์คาร์เดินทางผ่านอวกาศและมาอยู่ตรงหน้าปราสาทของพระเจ้า มันมุ่งหน้าตรงไปยังวิหารหนึ่งที่อยู่ชั้นล่างสุดและบินลงไปยังลานกว้างของวิหาร

 

“เจ้าสิ่งมีชีวิตที่ต่ำต้อย เจ้ากล้าดียังไงมาที่วิหารพระเจ้าของข้า” มีเสียงดังออกมาจากภายในวิหาร

 

เมื่อได้ยินเสียงของพระเจ้า หัวทั้งเก้าของโกสต์คาร์ก็หัวเราะอย่างแปลกๆและหัวหนึ่งพูดออกมา

“บาเรียอวกาศถูกทำลายแล้ว พระเจ้าก็ไม่ใช่พระเจ้าอีกต่อไป วันนี้ข้าจะกลืนสิ่งประจำตัวพระเจ้าของเจ้า ข้าจะดึงธงพระเจ้าของเจ้าลงมาและเอาวิหารพระเจ้าของเจ้ามาเป็นของข้า”

 

หลังจากนั้นโกสต์คาร์ก็กระพือปีกและยื่นหัวออกไปงับธงของพระเจ้าสายฟ้าที่อยู่ในวิหาร

 

“เจ้ากล้าดียังไง!” เสียงของพระเจ้าฟังดูเกรี้ยวโกรธ มันดังเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง ประตูของวิหารเปิดออกและเผยให้เห็นเทพสปิริตที่เหมือนกับยักษ์ภายใน เทพสปิริตที่ห่อหุ้มด้วยสายฟ้าเดินออกมาจากวิหารและปล่อยสายฟ้านับหมื่นออกไปใส่โกสต์คาร์ทันที

 

“การกินเทพสปิริตนั้นเป็นบางสิ่งที่ข้าเคยทำเมื่อนานมาแล้ว ทำไมข้าจะไม่กล้า?”

โกสต์คาร์หัวเราะอย่างแปลกๆ มันไม่ได้หวาดกลัวต่อสายฟ้าที่พุ่งเข้ามา ในจังหวะที่สายฟ้ากำลังจะมาถึงตัวมัน โกสต์คาร์ก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นฝุ่นควัน

 

ฝุ่นควันนั้นไม่ได้กระจายออกและสลายไป มันจับกลุ่มกันเป็นก้อนเมฆควันสีดำที่พุ่งเข้าไปหาร่างกายของเทพสปิริต มันห่อหุ้มเทพสปิริตเอาไว้ภายในควันสีดำ

 

ทุกเผ่าพันธุ์จับจ้องไปที่หน้าวิหารพระเจ้าเพื่อดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เทพสปิริตนั้นถูกห่อหุ้มเอาไว้โดยควันสีดำ ซึ่งทำให้ไม่มีใครมองเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน

 

เสียงฟ้าผ่าดังมาจากภายในควันสีดำและตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของเทพสปิริต เมื่อดูจากเสียงร้องแล้ว สถานการณ์ของเทพสปิริตจะต้องเลวร้ายมากๆ

 

ไม่นานเสียงฟ้าฝ่าและเสียงกรีดร้องก็หายไป หลังจากนั้นควันสีดำก็เปลี่ยนกลับมาเป็นโกสต์คาร์อีกครั้ง

 

เทพสปิริตที่เหมือนกับยักษ์ถูกเปลี่ยนเป็นกองกระดูกสีขาว กระดูกนั้นไม่มีเนื้อติดอยู่แม้แต่นิดเดียว เหมือนกับว่าพวกมันถูกกินจนหมดเกลี้ยง

 

ปัง!

กระดูกสีขาวแตกกระจายในสายลมและเปลี่ยนเป็นสายฟ้ามากมาย หลังจากนั้นพวกมันก็ก่อตัวกันเป็นตรีศูลสายฟ้าในอากาศ

 

โกสต์คาร์อ้าปากและดูดตรีศูลเข้าไป ก่อนที่จะเงยหัวขึ้นและหัวเราะ

 

หลังจากนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังออกมาจากจีโนฮอลล์ที่อยู่ชั้นบนสุด

“เจ้าเอาชนะพระเจ้าสายฟ้าได้สำเร็จ เจ้าแค่ต้องนำธงลงมาเพื่อที่เจ้าจะได้แทนที่พระเจ้าสายฟ้าในฐานะเทพสปิริตคนใหม่ เจ้าจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ เจ้ายินดีจะรับตำแหน่งนั้นไหม?”

 

หานเซิ่นยังคงจำตอนที่โกลเด้นโกรวเลอร์โจมตีจีโนฮอลล์ได้ มันเป็นเสียงเดียวกับตอนนั้น

 

“ข้าเดินทางไปทั่วจักรวาลกินใครก็ตามที่ข้าต้องการ ข้าไม่ใช่สุนัขเฝ้าบ้านตัวหนึ่ง วันนี้ข้าอิ่มแล้ว วันหน้าข้าจะกลับมากินอีก” โกสต์คาร์หัวเราะและกระพือปีกบินหายไปในอวกาศ

 

หลังจากที่เกิดเรื่องทั้งหมดนี้ สิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์ต่างๆก็ตกตะลึง สิ่งมีชีวิตธรรมดานั้นไม่เคยรู้เกี่ยวกับโกสต์คาร์มาก่อน ทุกคนจึงตกใจที่ได้เห็นว่ามันกินเทพสปิริตคนหนึ่งเข้าไปอย่างง่ายดาย

 

ทันใดนั้นก็มีอสูรตัวใหญ่ที่ดูเหมือนกับลิงแม็กแคกปรากฏตัวออกมา มันตรงเข้าไปในวิหารพระเจ้าที่โกสต์คาร์เพิ่งจะบินจากไป มันไปอยู่ต่อหน้าวิหารและยื่นอุ้งมือออกไปเพื่อคว้าธงของวิหารมา

 

“เจ้าอาจไม่ต้องการเป็นพระเจ้า แต่ข้าต้องการ ให้ข้าเป็นเทพสปิริตที่ไม่มีวันตาย”

แม็กแคกยักษ์เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า ในจังหวะที่มือของมันกำลังจะสัมผัสกับธงพระเจ้า ประตูของวิหารพระเจ้าก็เปิดออก มีเทพสปิริตเดินออกมาขณะที่ร่างกายห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้า เขาพุ่งออกไปและเปลี่ยนแม็กแคกยักษ์ให้กลายเป็นผุยผง

 

เมื่อทุกสิ่งมีชีวิตเห็นว่าเทพสปิริตที่ออกมาจากวิหารพระเจ้านั้นดูเหมือนกับเทพสปิริตที่เพิ่งจะถูกโกสต์คาร์กินเข้าไปไม่มีผิด พวกเขาก็รู้สึกแปลกใจ “นี่เทพสปิริตไม่มีวันตายจริงๆหรอเนี่ย?”

 

หานเซิ่นรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เทพสปิริตในวิหารพระเจ้านั้นเป็นอมตะ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้ประหลาดใจอะไร

 

“ดูเหมือนว่ารอบนี้เราจะเป็นฝ่ายแพ้” หานเซิ่นมองไปที่แผ่นคริสตัลและรูปปั้นหยกที่กลายเป็นเสาแห่งแสง เขามีรอยยิ้มแห้งๆขณะที่หยิบเอาตะเกียงหินทั้งห้าที่ไม่มีแสงสว่างอีกแล้วขึ้นมา

 

เขาตั้งใจจะทำลายแผนการของผู้นำเซเคร็ดโดยหวังว่านั่นจะทำให้เสี่ยวฮวาหลุดพ้นจากเกมส์ของผู้นำเซเคร็ด แต่สิ่งที่เขาทำกลับเป็นการช่วยผู้นำเซเคร็ดทำลายบาเรียอวกาศ เขากลายเป็นตัวหมากที่ช่วยให้วิหารของพระเจ้าเผยออกมา

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset