หานเซิ่นมองไปที่ปราสาทของพระเจ้าในอวกาศ ปราสาทของพระเจ้านั้นมีขนาดใหญ่มหึมา มันประกอบไปด้วยวิหารที่งดงามจำนวนมาก พื้นที่ของมันกว้างใหญ่เหมือนกับอวกาศในระบบจักรวาล
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะแม็กแคกยักษ์เพิ่งจะถูกเทพสปิริตฆ่าไป มันจึงไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นที่ปรากฏตัวออกมาเพื่อต่อสู้กับเทพสปิริตอีก
ปราสาทของพระเจ้าจึงลอยอยู่ในอวกาศอย่างเงียบๆ มันดูเหมือนกับสิ่งที่อยู่ระหว่างความเป็นจริงและความฝัน ทั้งๆที่มันเป็นปราสาทที่มีขนาดใหญ่โตขนาดนั้น มันกลับไม่กินพื้นที่ของจักรวาลเลยแม้แต่นิดเดียว
นอกจากวิหารของพระเจ้าสายฟ้าที่ถูกเปิดออกก่อนหน้านี้แล้ว ประตูของวิหารพระเจ้าอื่นๆยังคงปิดสนิทเช่นเดียวกับประตูของจีโนฮอลล์ที่อยู่ด้านบนสุด
“มันยากที่จะหนีจากความโกลาหล ที่สุดแล้วบาเรียอวกาศก็ทำลายโดยผู้นำเซเคร็ด แต่ตอนนี้ผู้นำเซเคร็ดไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ถ้ามันเกิดการต่อสู้กับพระเจ้าขึ้นอีกครั้ง ใครจะหยุดเทพสปิริตจากการจุติลงมา?” ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาถอนหายใจ
หานเซิ่นมองไปที่ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาและถาม “นั่นมันหมายความว่ายังไง?”
ผู้อาวุโสหนึ่งพูด “เมื่อปราสาทของพระเจ้าอยู่ที่นี่ พวกเขาจะถูกจำกัดโดยกฎของจักรวาล ด้วยเหตุนั้นพวกเขาจึงถูกขังอยู่ในวิหารพระเจ้าของตัวเอง พวกเขายังออกมาจากวิหารเพื่อไปฆ่าฟันสิ่งมีชีวิตในจักรวาลไม่ได้”
“นั่นเป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอ?” หานเซิ่นถาม
ผู้อาวุโสหนึ่งส่ายหัว “มันจะเป็นเรื่องดีถ้าพวกเขาออกมาไม่ได้จริงๆ แต่สิ่งมีชีวิตของจักรวาลนั้นต้องการจะกลายเป็นพระเจ้า พวกเขาต้องการเข้าไปแทนที่เทพสปิริตคนปัจจุบัน ในทางกลับกันเทพสปิริตก็จะเข้าสิงสิ่งมีชีวิตที่ไปยังวิหารของพวกเขา หลังจากนั้นพวกเขาก็จะเดินทางไปทั่วจักรวาลเพื่อทำการฆ่าฟัน ในตอนนี้วิหารของเทพสปิริตทั้งหมดนั้นปิดอยู่ แต่ถ้ามีสิ่งมีชีวิตพยายามจะท้าสู้กับพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆและเกิดถูกเข้าสิง มันก็จะเกิดความโกลาหลขึ้น”
“เมื่อก่อนเซเคร็ดได้บังคับให้ปราสาทของพระเจ้าเผยตัวเองออกมา ยอดฝีมือของยุคสมัยนั้นเข้าคิวกันเพื่อจะสังหารเทพสปิริต ซึ่งทำให้เทพสปิริตทำการโต้กลับ เทพสปิริตเข้าสิงผู้คนเพื่อจุติลงมา นั่นเป็นวิธีการที่พวกเขาทำลายเซเคร็ดจนกลายเป็นระบบจักรวาลร้างเหมือนอย่างทุกวันนี้ โชคดีที่เมื่อก่อนเซเคร็ดนั้นแข็งแกร่งมากๆ พวกเขาช่วยกันฆ่าเทพสปิริตที่เข้าสิงผู้คนและปกป้องจักรวาลเอาไว้ได้ แต่ตอนนี้ผู้นำเซเคร็ดไม่อยู่แล้ว ในจักรวาลนี้มันไม่มีฝ่ายไหนที่จะแข็งแกร่งเหมือนอย่างเซเคร็ดในอดีต ถ้าเทพสปิริตจุติลงมา ใครกันที่จะหยุดพวกเขา? จักรวาลนี้จะต้องล่มสลายเป็นแน่”
ปีศาจสาวพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้นและพูดอย่างไม่เห็นด้วย
“ที่เจ้าพูดมาทั้งหมดมันไร้สาระสิ้นดี เจ้าจะบอกว่าพวกเราไม่ควรทำลายบาเรียอวกาศเพื่อฆ่าเทพสปิริตอย่างนั้นหรอ? ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะหลุดพ้นจากกฎของจักรวาลนี้ได้ยังไง? มีเพียงแค่การฆ่าเทพสปิริตและเอาอาวุธประจำของพวกเขามาเท่านั้น พวกเราถึงจะมีอิสรภาพ พวกเราจะไม่ถูกผูกพันโดยประสงค์ของเทพสปิริต พวกเราแค่จำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น พวกเราไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวเทพสปิริตพวกนั้น ผู้คนบอกว่าพวกเขากลัวเทพสปิริตที่จุติลงมาทำลายโลกใบนี้ แต่นั่นก็เป็นแค่ข้ออ้างของผู้คนที่หวาดกลัวและไร้ประโยชน์”
ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาโต้แย้ง “จักรวาลนี้มีกฎ กฎของจักรวาลเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่ทุกคนจะได้มีชีวิตอยู่อย่างปกติ ถ้าพวกเจ้าไปทำลายกฎเหล่านั้น สมดุลของจักรวาลก็จะถูกทำลายไปด้วย หลังจากนั้นความโกลาหลก็จะตามมา”
“ถ้าพวกเราไม่ทำลายกฎ มันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” อีแร้งแก่พูด
“พวกเราจำเป็นต้องทำลายกฎเพื่อจะสร้างกฎของตัวเอง พวกเราควรจะควบคุมชะตากรรมของตัวเอง”
ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นที่ต่างกัน และไม่มีฝ่ายไหนที่โน้มน้ามอีกฝ่ายได้
ไนน์เทาซันด์คิงพาปลาทองทั้งสองเข้ามา เขาเข้ามาโค้งคำนับหานเซิ่นและพูด “นายท่าน”
หานเซิ่นชี้ไปที่ปีศาจสาว อีแร้งแก่ อสูรไร้ดวงตาและเรดโกสต์
“จับพวกเขามัดเอาไว้และพาตัวพวกเขาไป พวกเราจะแลกเปลี่ยนกับแมวเก้าชีวิตโดยใช้ชีวิตของพวกเขา”
“ไม่มีความจำเป็นที่นายท่านต้องลำบากทำอะไรแบบนั้น” ปีศาจสาวพูดด้วยรอยยิ้ม
“ถ้านายท่านถูกเลือกโดยท่านผู้นำ พวกเราก็ยินดีจะช่วยเหลือนายท่านอย่างเต็มความสามารถ พวกเราจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยนายท่านทำลายเหล่าเทพสปิริต ตอนนี้ชีวิตของพวกเราเป็นของนายท่านแล้ว ถ้านายท่านอยากจะเห็นพวกเราตาย ทั้งหมดที่นายท่านต้องทำก็คือเอยปากออกมา”
หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ ปีศาจสาวก็พูดต่อ “ถึงแม้นายท่านจะไม่ต้องการพวกเรา แต่ข้าต้องขอบอกว่าการจับตัวพวกเราเป็นตัวประกันนั้นไร้ประโยชน์ เฒ่าแมวนั้นยินดีจะสละทุกอย่างเพื่อเสี่ยวฮวา เขาไม่มีทางยอมแลกนายน้อยเพื่อกับชีวิตของพวกเรา แต่นายท่านไม่จำเป็นต้องกังวล ด้วยคำพูดของผู้นำเซเคร็ด เฒ่าแมวนั้นจะมอบนายน้อยคืนให้กับนายท่าน”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสหนึ่งก็พูดแทรกขึ้นมา “ถ้าเจ้าใช้วิชามีดใต้นภาได้ เจ้าก็คงจะมีความสัมพันธ์กับปราสาทนภา มันมีคำกล่าวว่าของพวกเราที่ข้าหวังว่าเจ้าจะลองคิดเกี่ยวกับมัน กฎของจักรวาลและปราสาทพระเจ้าไม่ควรถูกทำลาย ไม่อย่างนั้นจักรวาลจะตกอยู่ในความโกลาหล”
“นายท่านอย่าไปฟังที่เขาพูด” ปีศาจสาวรีบพูดขึ้นมา
“ในตอนที่นายท่านฆ่าเทพสปิริตทั้งหมดได้แล้ว นายท่านก็จะเป็นคนที่กำหนดกฎของจักรวาลนี้ ใครมันจะกล้าขัด?”
ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หานเซิ่นยกมือขึ้นเพื่อหยุดเขาเอาไว้
“เนื่องจากผู้นำปราสาทนภานั้นดีกับข้า ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น เจ้าไปจากที่นี่ซะ”
“ได้โปรดคิดดูดีๆ” ผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาพูด แต่เขาสัมผัสได้ว่าหานเซิ่นจะไม่เปลี่ยนใจ สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและจากไป
“นายท่าน เขารู้ความลับเกี่ยวกับปราสาทศักดิ์สิทธิ์มากมาย เขาต้องเป็นสายลับที่เทพสปิริตส่งมาแน่ นายท่านไม่ควรไว้ชีวิตเขา” อีแร้งแก่พูดขึ้นมา
หานเซิ่นมองอีแร้งแก่อย่างเย็นชา “ผู้นำเซเคร็ดก็คือผู้นำเซเคร็ด ข้าก็คือข้า ข้าไม่ใช่เจ้านายของพวกเจ้า และข้าจะไม่ทำอะไรก็ตามที่เจ้านายของพวกเจ้าต้องการให้ข้าทำ ไนน์เทาซันด์คิง พาตัวพวกเขาไป”
ไนน์เทาซันด์คิงดูลังเล แต่เมื่อหานเซิ่นออกคำสั่ง เขาก็ไม่กล้าขัด ด้วยเหตุนั้นเขาจึงเข้าไปมัดตัวปีศาจสาวและคนอื่นๆเอาไว้
ปีศาจสาวและคนอื่นๆไม่ได้ขัดขืน พวกเขาดูเหมือนจะยอมรับมัน ไนน์เทาซันด์คิงจึงมัดตัวของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
อสูรยักษ์ไร้ดวงตาพูด “ไม่ว่านายท่านต้องการให้พวกเราทำอะไร พวกเราก็จะทำ พวกเราจะทำทุกอย่าง”
หานเซิ่นยิ้มแห้งๆ เขารู้ว่าปีศาจสาวและคนอื่นๆไม่ได้จงรักภักดีต่อเขา พวกเขาแค่จงรักภักดีต่อฉินซิว
หานเซิ่นคิด ‘ไม่แปลกใจเลยที่ฉินซิวเป็นคนที่เก่งกาจที่สุดในยุคสมัยนั้น ถึงแม้เขาจะตายไปแล้ว สิ่งมีชีวิตระดับท็อปก็ยังยินดีจะตายเพื่อเขา อิทธิพลของเขานั้นยากจะหยั่งถึงได้’
หานเซิ่นมีแผนจะกลับไปที่สเปชการ์เด้นเพื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ ถึงตอนนี้เขาจะได้รู้อะไรมากขึ้น แต่เขาก็ยังคงไม่รู้ถึงต้นกำเนิดของเรื่องทั้งหมด มันยังมีเรื่องอีกมากที่เขาต้องหาคำตอบ เขาไม่ต้องการจะด่วนตัดสินใจในทันที
ด้วยพลังของฉินซิว การมีชีวิตอยู่อย่างยาวนานเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ตราบใดที่เขาไม่ทำอะไรโง่ๆ เทพสปิริตนั้นจะไม่มายุ่งอะไรกับเขา
แต่ฉินซิวตัดสินใจจะต่อสู้กับเทพสปิริต มันต้องมีเหตุผลที่ทำให้เขาทำแบบนั้น ก่อนที่หานเซิ่นจะรู้ถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา เขาจะไม่สุ่มสี่สุ่มห้าไปต่อสู้กับเทพสปิริต
“พระเจ้านั่นหมายความว่ายังไง…” หานเซิ่นนึกย้อนไปถึงพระเจ้าที่เคยสิงร่างของกู่หว่านเอ๋อ ขณะที่มองขึ้นไปยังจีโนฮอลล์ที่อยู่บนจุดสูงสุดของปราสาทของพระเจ้า
ทันใดนั้นดวงตาของหานเซิ่นก็เป็นประกายขึ้นมา ในลานกว้างของหนึ่งในวิหารพระเจ้า เขาเห็นรูปปั้นสีทองอยู่
ไม่ใช่ มันเป็นอะไรที่มากกว่ารูปปั้นสีทอง มันคือโกลเด้นโกรวเลอร์ที่เข้าไปในจีโนฮอลล์ก่อนหน้านี้