ภายในปราสาทพระเจ้า วิหารที่อยู่ใต้จีโนฮอลล์เริ่มปลดปล่อยแสงออกมา มันเหมือนดวงอาทิตย์ที่กำลังระเบิด
หลังจากนั้นวิหารพระเจ้าที่ส่องสว่าง จู่ๆก็ดับไป ในชั่วพริบตาวิหารที่เคยมีสีทองอร่ามนั้นกลับเต็มไปด้วยฝุ่น
“เกิดอะไรขึ้น?” หานเซิ่นและราชาไป๋ตกใจ
วิหารพระเจ้าที่ปลดปล่อยแสงสว่างออกมานั้นอยู่สูงมากๆ มันอยู่ถัดลงมาจากจีโนฮอลล์แค่ขั้นเดียว มันเป็นวิหารพระเจ้าขั้นแอนนิฮิเลชั่น เมื่อมองดูวิหารพระเจ้าในตอนนี้ มันดูเหมือนว่าวิหารนั้นได้ปิดตัวลง
“ในจักรวาลนี้ใครกันที่จะเอาชนะเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นและทำให้วิหารปิดตัวลงได้แบบนั้น?”
ขณะที่หานเซิ่นกำลังสงสัยในเรื่องนี้ เขาเห็นประตูของวิหารเปิดออกและมีเงาของอะไรบางอย่างออกมาจากประตู
สิ่งมีชีวิตของจักรวาลมองร่างกายที่ออกมาได้ไม่ทัน ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นคือเงาที่แว็บออกไป มันดูเหมือนว่าเงานั้นออกไปจากปราสาทของพระเจ้า
“โอ้ ไม่นะ!” สีหน้าของราชาไป๋เปลี่ยนไป
หานเซิ่นมองไปที่ราชาไป๋แลถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
“เทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นนั่นเข้าสิงร่างกายหนึ่งเพื่อจุติลงมา พวกเราควรรีบหนีไปจากที่นี่!” ราชาไป๋พูด
เขาต้องการจะหนีไปทันที แต่ก่อนที่เขาจะได้เคลื่อนที่ไปไหน เขาก็เห็นว่ามิติอวกาศใกล้ๆนั้นมีความเคลื่อนไหว มีร่างกายของคนๆหนึ่งปรากฏออกมา ซึ่งมันเป็นร่างกายเดียวกับที่ออกมาจากวิหารพระเจ้า
ร่างกายนั้นไม่สูงมากนัก เขาสูงกว่าหานเซิ่นแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น แต่ออร่าของเขาดูน่ากลัวมากๆ เขากำลังสวมใส่ชุดเกราะสีดำ บนไหล่ของเขามีค้อนสีดำที่มีขนาดพอๆกับถังบาร์เรล ดวงตาของเขาจ้องมองมาที่หานเซิ่น
“เจ้าฆ่าพระเจ้า! เจ้าสมควรตาย!” เทพสปิริตไม่ได้พูดอะไรมาก เขาพูดแค่ไม่กี่คำก่อนที่จะเริ่มแกว่งค้อนขนาดใหญ่ของเขา
หานเซิ่นเข้าใจว่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นนั้นเข้าสิงร่างกายและจุติลงมาเพื่อฆ่าเขาโทษฐานที่เขาไปฆ่าโมเม้นก็อต
หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไร เขาใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อหนีไป แต่ขณะที่เขากำลังอยู่ในอุโมงค์อวกาศ เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดบางอย่างข้างหู หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายถูกอะไรบางอย่างเข้า มันส่งเขากระเด็นออกไปจากอุโมงค์อวกาศ
หลังจากที่หลุดออกมาจากอุโมงค์อวกาศ หานเซิ่นก็เห็นว่าตัวเองยังคงอยู่ในอวกาศและเทพสปิริตคนนั้นอยู่ไม่ไกลจากเขา อีกฝ่ายกำลังถือค้อนขนาดใหญ่ที่ดูน่ากลัวอยู่ในมือ
อวกาศรอบๆกำลังแตกร้าวเหมือนกับแก้ว ค้อนของเทพสปิริตนั้นทำให้ทั้งระบบจักรวาลแตกร้าว การจะใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่นเพื่อหนีไปนั้นดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว หานเซิ่นรู้ว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว แต่แค่จะฆ่าเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ เขาก็ต้องใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดแล้ว ตอนนี้เทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นเข้าสิงร่างกายเพื่อจุติลงมา แค่พลังของค้อนนั่นก็เหนือกว่าพลังของหานเซิ่นแล้ว แม้แต่พลังอย่างเต็มที่ของหานเซิ่นก็ไม่อาจเทียบกับศัตรูคนนี้ได้
หานเซิ่นถือหอกสกายไวน์แรดิชเอาไว้แน่น เขาผลักดันพลังของตัวเองจนถึงขีดสุด
ราชาไป๋ที่อยู่ใกล้ๆขมวดคิ้ว เขามองไปที่เทพสปิริตและพูด
“ข้าไม่คิดว่าพวกเราล่วงเกินอะไรท่าน ทำไมท่านถึงต้องจุติลงเพื่อต่อสู้กับพวกเรา?”
เทพสปิริตที่กำลังถือค้อนตอบกลับอย่างเย็นชา “การฆ่าเทพสปิริตถือเป็นความผิด”
หลังจากนั้นเทพสปิริตก็แกว่งค้อนอีกครั้ง เขาอยู่ห่างจากหานเซิ่นพอสมควร พลังของค้อนนั้นไม่ได้ลงมาที่หานเซิ่น แต่มันทุบลงมาใส่อวกาศที่อยู่ตรงหน้าของเขา
หลังจากที่ค้อนทุบลงมา ทั้งอวกาศก็สั่นไหว หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายของเขาจะถูกทำลายโดยอวกาศที่สั่นสะเทือน
หานเซิ่นกระอักเลือดออกมา เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะต่อสู้กับมัน แต่ร่างกายซีโน่เจนอิคของเขาไม่อาจจะทนต่อพลังจากแรงสั่นสะเทือนที่น่ากลัวนั้นได้ อวัยวะภายในของเขาได้รับความเสียหายและกระดูกของเขาก็มีรอยร้าวเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนกับว่าพวกมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆได้ทุกเมื่อ
ราชาไป๋ถูกโจมตีด้วยเช่นกัน ร่างกายของเขาเรืองแสงออกมา มันเป็นโล่แห่งแสงที่เข้าห่อหุ้มร่างกายของเขา มันป้องกันการแตกร้าวของอวกาศที่น่ากลัวนั้นเอาไว้
เทพสปิริตทุบลงมาอีกครั้งหนึ่ง การทุบในครั้งนี้รุนแรงยิ่งกว่าครั้งก่อน หานเซิ่นพยายามรวบรวมพลังเพื่อเตรียมตัวจะต่อสู้
ตูม!
แต่ทันใดนั้นราชาไป๋ก็มาปรากฏตรงหน้าหานเซิ่น แสงประหลาดนั่นติดตามการเคลื่อนไหวของราชาไป๋มาและสร้างโล่ป้องกันที่บล็อกพลังสั่นสะเทือนจากค้อนขนาดใหญ่ของเทพสปิริตเอาไว้
“สปิริตของเทพสปิริต!” หานเซิ่นแปลกใจ แต่เมื่อเขามองดูมันดีๆ มันไม่ใช่เทพสปิริตจริงๆ แสงบนร่างกายของราชาไป๋นั้นเป็นเหมือนกับเทพและปีศาจที่มีสามหัวหกแขน แขนทั้งหกของมันมีอาวุธที่แตกต่างกัน
มันมีทั้งดาบ มีด โล่ แส้เหล็ก แหวนและกระจก พวกมันทั้งหมดปลดปล่อยแสงประหลาดที่ลึกลับออกมา มันสามารถป้องกันค้อนของเทพสปิริตเหมือนกับบาเรีย
หานเซิ่นมองไปที่แสงนั่นและเห็นว่ามันดูเหมือนวิญญาณอสูรและสปิริตของเทพสปิริต แต่มันแตกต่างออกไป หลังจากนั้นเขาก็นึกย้อนไปถึงซีโน่เจเนอิคในปราสาทไนน์ดีเฟ้นส์ที่ไม่มีสปิริตอยู่ เขาคิด ‘พวกนี้คืออาวุธสปิริตที่ทำขึ้นมาจากสปิริตของซีโน่เจเนอิคอย่างนั้นหรอ?’
ราชาไป๋จ้องไปที่เทพสปิริตและพูดกับหานเซิ่น “ตอนนี้เจ้ารีบหนีไปซะ”
“ทำไมเจ้าถึงปกป้องข้า?” หานเซิ่นไม่เข้าใจว่าทำไมราชาไป๋ถึงเสี่ยงต่อสู้กับเทพสปิริตคนนี้เพื่อปกป้องเขา ไม่ว่าจะดูยังไงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดี
หานเซิ่นไม่เชื่อว่าราชาไป๋จะปกป้องเขาเพียงเพราะเขาเป็นลูกศิษย์ ถึงแม้ลูกชายของราชาไป๋จะตาย ราชาไป๋ก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากนัก ส่วนหานเซิ่นก็เป็นแค่ลูกศิษย์คนหนึ่ง
ราชาไป๋ยังคงจ้องไปที่เทพสปิริตขณะที่พูด “ข้าไม่มีเวลามาพูดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ข้าคงจะทนได้อีกไม่นาน เจ้ารีบหนีไปจากที่นี่ ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เจ้าจะทำได้”
“จะไม่มีใครได้ไปทั้งนั้น! วันนี้พวกเจ้าต้องตายอยู่ที่นี่!”
เสียงของเทพสปิริตดังก้องเหมือนกับฟ้าร้อง หลังจากที่พูดแบบนั้นค้อนขนาดใหญ่ก็ถูกทุบลงมาใส่ราชาไป๋
การทุบลงมาในครั้งนี้รุนแรงถึงขนาดที่หานเซิ่นที่อยู่ด้านหลังก็ยังรู้สึกว่าไม่สามารถต้านทานมันได้
ราชาไป๋จ้องไปที่ค้อน เขาไม่ได้ถอยออกไป ร่างกายของเขาเป็นเหมือนกับเงาของเทพปีศาจที่คำรามอย่างเงียบๆในท้องฟ้า เขายกโล่ขึ้นขณะที่วิ่งเข้าไปปะทะกับค้อนขนาดใหญ่ของเทพสปิริต
ตูม!
คลื่นกระแทกที่เกิดขึ้นทำลายอวกาศรอบๆ ถึงหานเซิ่นจะใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อสู้กับคลื่นกระแทก แต่ชุดเกราะตงเสวียนก็เริ่มจะมีรอยร้าวปรากฏขึ้นมาให้เห็น
“หนีไป!” เสียงของราชาไป๋ดังขึ้นอีกครั้ง
หานเซิ่นกัดฟัน เขาหันกลับหลังและรีบหนีออกไป
“เจ้าจะหนีไปไหน!” เทพสปิริตตะโกน เขาแกว่งค้อนขนาดใหญ่ใส่หานเซิ่น แต่ราชาไป๋เข้ามาขวางเอาไว้
“ถ้ามีคนที่ข้าต้องการปกป้อง แม้แต่พระเจ้าก็ผ่านข้าไปไม่ได้” ราชาไป๋พูดอย่างภาคภูมิ
หานเซิ่นรู้สึกได้ถึงคลื่นกระแทกที่น่ากลัวจากด้านหลัง เขาจึงใช้พลังเพื่อส่งตัวเองออกไป