“พวกเราควรไปหาที่พูดคุยกัน” ราชาไป๋พูดกับหานเซิ่นด้วยรอยยิ้ม
“เอาสิ” หานเซิ่นอยากรู้ว่าทำไมก่อนหน้านี้ราชาไป๋ถึงได้ปกป้องเขา และทำไมราชาไป๋ถึงยอมปล่อยให้เขาเอาทรัพยากรไปตามที่ต้องการ
ราชาไป๋นำทางหานเซิ่นไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรมาก หานเซิ่นเชื่อว่าราชาไป๋คงจะพาเขากลับไปที่เอ็กซ์ตรีมคิง แต่ราชาไป๋ไม่ได้ทำแบบนั้น ราชาไป๋ไปหยุดอยู่ที่ดาวเคราะห์น้อยดาวหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงบนดาวเคราะห์น้อยที่ตกผลึก ก่อนจะหันมายิ้มให้กับหานเซิ่นและกวักมือเรียก “มานั่งด้วยกันสิ”
หานเซิ่นนั่งลงและถาม “ทำไมเจ้าถึงมาตามหาข้า?”
ราชาไป๋ชี้ไปที่ปราสาทพระเจ้าในอวกาศและพูด “ตอนนี้เจ้าคงจะรู้ถึงพลังของเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นแล้วสินะ ถ้าเจ้าต้องต่อสู้ตามลำพัง มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะเทพสปิริตในวิหารพระเจ้า แต่ถ้าพวกเราร่วมมือกัน บางทีมันอาจจะมีโอกาสอยู่ เจ้าคิดว่ายังไง?”
หานเซิ่นมองขึ้นไปที่ปราสาทพระเจ้า ก่อนจะหันกลับมามองที่ราชาไป๋และถาม “ทำไมต้องเป็นข้า? บอกเหตุผลมา”
ราชาไป๋ดูเหมือนรู้อยู่แล้วว่าหานเซิ่นจะถามแบบนั้น เขายิ้มและพูด
“มันเป็นเหตุผลง่ายๆ ที่จริงแล้วมันเป็นเพราะสิ่งนี้”
ราชาไป๋ลูบแหวนที่อยู่บนนิ้วของเขา มันเป็นแหวนโลหะที่มีอัญมณีสีดำอยู่ มันไม่ได้ดูมีพลังอะไรพิเศษ ในตอนที่คนอื่นมองเห็นมัน พวกเขาก็คงจะเชื่อว่ามันเป็นแค่แหวนประดับธรรมดาๆ
แต่ทว่าหานเซิ่นมองไปที่มันอย่างใจจดใจจ่อ ขณะที่คิดกับตัวเอง
‘อัญมณีสีดำนั่นดูเหมือนกับคริสตัลสีดำที่ฮอไรซอนทอลอีวิลมอบให้กับเรา’
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหานเซิ่น ราชาไป๋ก็ยิ้มและพูด
“แหวนวงนี้เป็นสมบัติที่พวกเราได้รับมาจากอัลฟ่า เขานำมันกลับมาจากเซเคร็ด อัลฟ่าของพวกเราเคยบอกว่าถ้ามีสิ่งมีชีวิตไหนที่ทำให้แหวนวงนี้มีปฏิกิริยาได้ พวกเราเอ็กซ์ตรีมคิงจะต้องช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตนั้นอย่างเต็มความสามารถ มีเพียงแค่สิ่งมีชีวิตนั้นที่จะทำให้เอ็กซ์ตรีมคิงมีอิสรภาพอย่างแท้จริง”
“มันมีปฏิกิริยากับข้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามพร้อมขมวดคิ้ว
หานเซิ่นไม่เชื่อว่าคนอย่างราชาไป๋ที่ได้ขึ้นเป็นกษัตริย์นั้นจะเชื่อฟังคำพูดของอัลฟ่า พวกเขาทุกคนต่างก็มีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเอง พวกเขาคงจะไม่ฟังคำพูดของอัลฟ่าที่ให้เชื่อฟังคนนอกอย่างหานเซิ่นที่อาจจะเป็นศัตรู
ราชาไป๋พยักหน้าและพูด “ใช่ แหวนวงนี้สืบทอดต่อมาในเผ่าพันธุ์ของพวกเราหลายต่อหลายรุ่น แต่มันก็ไม่เคยมีปฏิกิริยากับสิ่งมีชีวิตไหนเลย พวกเราเริ่มคิดว่าสิ่งที่อัลฟ่าพูดเอาไว้นั่นไม่เป็นความจริง แต่ในที่สุดหลังจากที่พวกเรารอคอยมาอย่างยาวนาน แหวนวงนี้ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมา มันเป็นปฏิกิริยาที่ลึกเข้าไปในจิตวิญญาณ มีแต่ผู้ที่สวมใส่แหวนเท่านั้นที่จะรู้สึกถึงมัน ตั้งแต่ตอนแรกที่ข้าพบกับเจ้า ข้าก็รู้ว่าเจ้าคือคนที่เอ็กซ์ตรีมคิงรอคอยมาเป็นพันล้านปี”
หานเซิ่นมองไปที่ราชาไป๋โดยที่ไม่ได้พูดอะไร เรื่องแบบนี้ฟังดูเหมือนเรื่องที่มีอยู่แค่ในนิยายเท่านั้น หานเซิ่นคิดว่ามันยากจะเชื่อได้ว่าจะมีคนที่จงรักภักดีต่ออะไรบางอย่างแบบนั้นอยู่จริง มันไม่ใช่ว่าในโลกนี้จะไม่มีคนที่จงรักภักดีแบบนั้นอยู่เลย หานเซิ่นเคยพบคนอย่างไนน์เทาซันด์คิงและคนอื่นๆที่จงรักภักดีต่อฉินซิวจนถึงวินาทีสุดท้าย หานเซิ่นเชื่อว่าความจงรักภักดีของพวกเขาเป็นของจริง
แต่เอ็กซ์ตรีมคิงนั้นต่างออกไป ถึงมันจะไม่ใช่เรื่องยากที่คนๆหนึ่งจะจงรักภักดีไปชั่วชีวิต แต่ความจงรักภักดีที่สืบทอดผ่านรุ่นสู่รุ่นนั้นเป็นบางสิ่งที่หานเซิ่นไม่สามารถทำใจเชื่อได้
ผู้คนส่วนใหญ่จำบรรพบุรุษสามรุ่นก่อนหน้าไม่ได้ด้วยซ้ำ เผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นอยู่มาเป็นพันล้านปี และผ่านมาไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น ถ้าพวกเขายังเชื่อในคำพูดของอัลฟ่าอยู่ สมองของพวกเขาก็คงจะมีปัญหาแน่ๆ
ดูเหมือนราชาไป๋รู้ว่าหานเซิ่นกำลังคิดอะไร เขาลูบแหวนและพูด
“แน่นอนว่าคำพูดของอัลฟ่าไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้ข้าปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี เหตุผลหลักคือในคำกล่าวของอัลฟ่า เจ้านั้นกุมกุญแจชะตากรรมของเผ่าเอ็กซ์ตรีมคิงเอาไว้ นั่นหมายความว่าข้าจำเป็นต้องปฏิบัติกับเจ้าเป็นอย่างดี”
“กุญแจอะไร?” หานเซิ่นถาม
“ร่างกายของเอ็กซ์ตรีมคิงนั้นมาจากการวิจัยของผู้นำเซเคร็ด มันคือบางสิ่งที่เรียกว่าจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ ถ้าจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ ทุกสิ่งมีชีวิตจะถูกปลุกศักยภาพภายในยีนต้นกำเนิดออกมาเพื่อที่ยีนของพวกเขาจะวิวัฒนาการ ทุกสิ่งมีชีวิตจะมีร่างกายศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากที่พูดแบบนั้น ราชาไป๋ก็มองมาที่หานเซิ่น ดูเหมือนว่าเขาต้องการจะถามอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถามออกมา เขาพูดต่อไปว่า
“ในตอนที่เซเคร็ดล่มสลาย จีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์นั้นยังไม่สำเร็จ อัลฟ่าของพวกเราได้ใช้จีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่ยังไม่สำเร็จนั้นและได้รับร่างกายพิเศษมา เขาใช้ร่างกายพิเศษนั่นเอาชีวิตรอดท่ามกลางความโกลาหล และทำให้เอ็กซ์ตรีมคิงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้”
“ร่างกายพิเศษที่ว่านั่นคือร่างกายแห่งราชันอย่างนั้นสินะ?” หานเซิ่นถาม
ราชาไป๋พยักหน้าและพูด “ใช่ มันคือร่างกายแห่งราชัน ร่างกายพิเศษนั่นมีอยู่ในยีนของพวกเรา แต่มันแตกต่างไปจากยีนปกติ ในตอนแรกผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงจะยังเปิดใช้ร่างกายแห่งราชันไม่ได้ คนที่เป็นอัจฉริยะนั้นจะเปิดใช้ร่างกายแห่งราชันได้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขาอายุสิบห้าถึงสิบหกปีเท่านั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป สายเลือดของพวกเราก็เจือจางลงไปเรื่อยๆ ในตอนนี้ผู้คนของเอ็กซ์ตรีมคิงจะเปิดใช้ร่างกายแห่งราชันได้เมื่อถึงระดับราชัน”
หานเซิ่นมองไปที่แหวนและถาม “เรื่องนั้นเกี่ยวข้องยังไงกับแหวนนั่น?”
ราชาไป๋ถอดแหวนออกมาและวางมันลงตรงหน้าหานเซิ่น
“จากที่อัลฟ่าบอกกับพวกเรา แหวนนี่เป็นเครื่องมือทดสอบร่างกายศักดิ์สิทธิ์ มันจะมีปฏิกิริยาเฉพาะกับร่างกายศักดิ์สิทธิ์เท่านั่น”
หานเซิ่นหยิบแหวนขึ้นมา แหวนที่ดูธรรมดาๆนั่นทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นไหว ดูเหมือนมันจะทำให้คริสตัลสีดำของหานเซิ่นส่งเสียงร้องออกมา
หานเซิ่นลูบอัญมณีสีดำบนแหวนและคิด ‘มหัศจรรย์จริงๆ แต่เราสัมผัสได้ว่าอัญมณีสีดำบนแหวนนี้แตกต่างไปจากคริสตัลสีดำ’
“อัลฟ่าของพวกเราเชื่อว่าผู้นำเซเคร็ดต้องมีแผนสำรองอยู่ ถึงแม้เขาจะตายไปแล้ว พวกเราก็เชื่อว่าใครสักคนจะทำการวิจัยจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ต่อจากเขาจนสำเร็จ พวกเราแค่จำเป็นต้องเก็บแหวนนั่นเอาไว้และรอคอยจนกระทั่งจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่สมบูรณ์ถูกสร้างขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นร่างกายแห่งราชันของพวกเราก็จะสมบูรณ์แบบ มันจะกลายเป็นร่างกายศักดิ์สิทธิ์ที่แท้จริง มันจะไม่ใช่ร่างกายแห่งราชันที่จะเจือจางไปเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป” ราชาไป๋มองหานเซิ่นด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ
“ถ้าเจ้าต้องการจีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์จากข้า ข้าก็บอกได้เลยว่าเจ้ามาหาผิดคนแล้ว ข้าไม่เคยใช้จีโนฟลูอิดร่างกายศักดิ์สิทธิ์ และข้าก็ไม่รู้วิธีที่จะทำของแบบนั้นขึ้นมา” หลังจากที่พูดแบบนั้น หานเซิ่นก็โยนแหวนกลับไปให้ราชาไป๋
ราชาไป๋รับแหวนเอาไว้ เขายิ้มให้กับหานเซิ่นและพูด
“พวกเราจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลัง วันนี้ที่ข้ามาหาเจ้าก็เพราะมาถามว่าเจ้าสนใจจะร่วมมือกับข้าเพื่อฆ่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นหรือเปล่า?”
หานเซิ่นเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามกลับไปว่า “เจ้าต้องการจะฆ่าเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นคนไหน?”
“พระเจ้าชั่วพริบตา” ราชาไป๋พูดออกมาอย่างช้าๆ