หนึ่งในซีโน่เจเนอิคมีขนสีขาวและผิวสีดำ มันดูเหมือนกับวานรแก่ ส่วนซีโน่เจเนอิคอีกคนดูเหมือนกับสปิริต ร่างกายของเขาเรืองแสงสีเขียวออกมา เขาดูเหมือนกับผีที่คนอื่นสามารถมองทะลุผ่านได้
ออร่าของสปิริตทั้งสองดูทรงพลังมากๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต มันไม่มีอะไรต้องสงสัยในเรื่องนั้น
“ขอบคุณก็อดฟาเธอร์หานที่มา ข้าสบายดี แต่ทำไมข้าถึงไม่เห็นดอลลาร์มาด้วยกัน?” ราชาไป๋ยิ้ม ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับความบางหมางที่เคยมีต่อหานเซิ่นในอดีต
“ดอลลาร์บอกว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกหน่อย เขากำลังเตรียมอาวุธที่ทรงพลัง เขาจะตามมาทีหลัง” หานเซิ่นตอบ
ราชาไป๋พยักหน้าและไม่ได้ถามอะไรอีก เขาชี้ไปที่ซีโน่เจเนอิคทั้งสองและพูด
“นี่คือซันมูนก็อตเอป เขาเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตธาตุกาลเวลาที่แข็งแกร่ง ส่วนนี่คือสเปชสปิริต เขาเป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อตธาตุอวกาศ ด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขาและด้วยพลังของเจ้ากับดอลลาร์ การร่วมมือของพวกเราต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”
“คุณรอบคอบจริงๆ” หานเซิ่นพูดก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“ว่าแต่คุณจะทำลายพลังของพระเจ้าชั่วพริบตาที่กักขังโกลเด้นโกรวเลอร์อยู่ยังไง?”
“ด้วยสิ่งนี้” ราชาไป๋ไม่มัวพูดอะไรไร้สาระ เขานำสมบัติออกมาแสดงให้หานเซิ่นดู มันเป็นกรรไกรหยกสีทอง ใบมีดของกรรไกรด้านบนเป็นโลหะสีดำ ขณะที่ส่วนล่างมีสีขาวบริสุทธิ์ ใบมีดทั้งสองนั้นถูกหลอมขึ้นมาให้ดูเหมือนกับมังกรสองตัว
“นี่คือสมบัติที่มีชื่อว่าไลท์ซิสเซอร์ มันทำขึ้นมาจากยีนซีโน่เจเนอิคของมังกรแสงธาตุกาลเวลาขั้นทรูก็อตสองตัว อัลฟ่าของพวกเราได้ฆ่ามังกรแสงตัวเมียและตัวผู้เพื่อนำยีนของมันมาทำเป็นอาวุธ ด้วยการรวมวัตถุดิบที่หายากจำนวนมาก พวกเขาใช้เวลานานหลายปีเพื่อจะหลอมไลท์ซิสเซอร์นี้ขึ้นมา มันใช้ได้ผลดีมากๆกับใบเสมาและพลังธาตุกาลเวลา มันควรจะทำลายพลังกาลเวลาที่กักขังโกลเด้นโกรวเลอร์อยู่อย่างง่ายดาย และนี่ยังเป็นอาวุธที่จะใช้เพื่อฆ่าพระเจ้าชั่วพริบตา”
หลังจากที่หยุดไปชั่วครู่ ราชาไป๋ก็พูดต่อ “ข้าให้สัญญากับเจ้าว่าข้าจะให้เจ้าเป็นคนใช้มัน แต่ไลท์ซิสเซอร์เป็นอาวุธที่ใช้ได้เฉพาะคนที่มีพลังธาตุกาลเวลาเท่านั้น ข้าจึงขอแนะนำให้ซันมูนก็อตเอปเป็นคนใช้มัน เพราะเขาน่าจะดึงประโยชน์ของมันออกมาได้มากที่สุด”
“แน่นอนว่าเรื่องนี้ให้ก็อดฟาเธอร์หานเป็นคนตัดสินใจ ข้าแค่แนะนำเท่านั้น” ราชาไป๋พูดขณะที่ส่งกรรไกรให้กับหานเซิ่น
หานเซิ่นลองใช้พลังของตัวเอง และเขาพบว่าไม่สามารถทำให้ไลท์ซิสเซอร์ทำงานได้ เขาจำเป็นต้องมีพลังธาตุกาลเวลาเพื่อใช้อาวุธชิ้นนี้
‘ราชาไป๋นี่เจ้าเล่ห์จริงๆ เขารู้อยู่แล้วว่ามีแค่คนที่มีพลังธาตุกาลเวลาเท่านั้นที่จะใช้ไลท์ซิสเซอร์นี้ได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพาซันมูนก็อตเอปที่ใช้มันได้มาด้วย เขาคงจะคิดว่าเราใช้มันไม่ได้อย่างนั้นสินะ แต่เขาคิดผิด เราไม่เพียงแค่ใช้พลังธาตุกาลเวลาได้ เรายังเคยศึกษาวิจัยเกี่ยวกับมันด้วย’ หานเซิ่นเย้ยหยันในจิต
เมื่อราชาไป๋เห็นว่าหานเซิ่นไม่สามารถเปิดใช้พลังของไลท์ซิสเซอร์ได้ เขาก็ยิ้มออกมา ซันมูนก็อตเอปมองหานเซิ่นด้วยสีหน้าอวดดี เขาคิดว่าหานเซิ่นคงจะยอมให้เขาเป็นคนใช้ไลท์ซิสเซอร์
ขณะที่หานเซิ่นถือไลท์ซิสเซอร์อยู่ในมือ เขามองไปที่ซันมูนก็อตเอป ในตอนที่ซันมูนก็อตเอปคิดว่าหานเซิ่นกำลังจะส่งไลท์ซิสเซอร์มาให้กับเขา ออร่าของหานเซิ่นก็เกิดความเปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นไลท์ซิสเซอร์ก็ปลดปล่อยเสียงคำรามของมังกรสองตัวออกมา แสงสีดำและสีขาวเรืองขึ้นมาอย่างสว่างไสว มันกลายเป็นมังกรสีดำและสีขาวที่บินวนรอบตัวของหานเซิ่น
สีหน้าของซันมูนก็อตเอปเปลี่ยนไป ราชาไป๋เองก็ดูตกใจเช่นกัน แต่ใบหน้าของเขากลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะออกมา
“ก็อดฟาเธอร์หานนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ คาดไม่ถึงเลยว่าก็อดฟาเธอร์หานจะเชี่ยวชาญพลังธาตุกาลเวลาด้วย”
“แค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่มันเพียงพอที่จะใช้ไลท์ซิสเซอร์นี่”
หานเซิ่นพูดก่อนที่จะเก็บไลท์ซิสเซอร์ไป ไลท์ซิสเซอร์นั้นทรงพลัง แต่มันก็กินพลังงานจำนวนมากเช่นกัน หานเซิ่นแค่ใช้มันเพียงชั่วครู่ แต่เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้าแล้ว
ในตอนแรกซันมูนก็อตเอปคิดว่าตัวเองจะเป็นคนที่ได้ใช้ไลท์ซิสเซอร์ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว เขารู้สึกหดหู่ เขาถามขึ้นอย่างหงุดหงิด
“ทำไมดอลลาร์ถึงยังไม่มาอีก? นี่เขากลัวว่าจะถูกพระเจ้าชั่วพริบตาฆ่าเลยไม่กล้ามาอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคิด ‘ถึงแม้ราชาไป๋จะไม่รู้ว่าหานเซิ่นและดอลลาร์เป็นคนๆเดียวกัน แต่เขาคงจะสงสัยในความสัมพันธ์ของพวกเรา การร่วมมือกันในครั้งนี้อาจจะถูกทำเพื่อทดสอบพวกเราก็เป็นได้ โชคดีที่เป่าเอ๋อใช้แว่นกันแดดเปลี่ยนร่างเป็นเราได้ ไม่อย่างนั้นราชาไป๋ก็อาจจะเกิดเอะใจขึ้นมา’
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นเป่าเอ๋อในร่างของดอลลาร์บินเข้ามา
“ขอโทษที่ทำให้พวกเจ้าต้องรอ” เป่าเอ๋อพูด เธอลอกเลียนแบบการพูดของหานเซิ่น
“แค่เจ้ามาที่นี่ก็ดีพอแล้ว” ราชาไป๋พร้อมกับหัวเราะ
“ในเมื่อทุกคนมาถึงแล้ว พวกเราก็เข้าไปในปราสาทพระเจ้ากันเถอะ”
หานเซิ่นเรียกโล่เมดูซ่าส์เกซออกมาและถือกรรไกรด้วยมืออีกข้าง พร้อมกับเปิดใช้อาณาเขตกาลเวลาของเขา
“ดี!” ราชาไป๋พยักหน้า คนอื่นๆไม่มีใครออกความเห็นอะไร พวกเขาเรียกอาวุธของตัวเองออกมาเตรียมตัวต่อสู้
เป่าเอ๋อเปิดใช้งานแหวนอีวิลโลตัสและเกราะกระดูกนภา ร่างกายของเธอเรืองแสงสีม่วงออกมาและปกคลุมไปด้วยมีดแสงที่เหมือนกับใบเลื่อย
ราชาไป๋ใช้ร่างกายพิเศษของเขา ซันมูนก็อตเอปและสเปชสปิริตเองก็ปลดปล่อยพลังป้องกันที่แข็งแกร่งออกมา เหตุผลที่ทุกคนใช้พลังของตัวเองและเอาอาวุธออกมาตั้งแต่แรก นั่นก็เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าพระเจ้าชั่วพริบตา พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอะไร
หลังจากเตรียมตัวกันพร้อมแล้ว ทุกคนก็เข้าไปในปราสาทพระเจ้า เมื่อพวกเขาเข้าไปในเขตแดนของปราสาทของพระเจ้า สิ่งมีชีวิตมากมายทั่วจักรวาลก็หันความสนใจมาที่พวกเขา
“นั่นดอลลาร์ไม่ใช่หรอ? นี่เขากำลังจะไปที่วิหารพระเจ้าเพื่อฆ่าเทพสปิริตอีกแล้ว”
“ทำไมราชาไป๋ถึงได้มากับดอลลาร์ด้วย
“โว้ว! ก็อดฟาเธอร์หานก็มาด้วยหรอเนี่ย ครั้งก่อนเขาถูกพระเจ้าชั่วพริบตาเล่นงานไป ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้ากลับมาอีก”
“ซีโน่เจเนอิคสองคนนั้นเองก็ดูไม่ธรรมดา นั่นเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากๆ นี่พวกเขาจะไปท้าสู้กับเทพสปิริตคนไหนกัน? มันต้องเป็นเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์แน่ๆ”
“เทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์อะไรกัน? ดอลลาร์ฆ่าเทพสปิริตขั้นดิแซสเตอร์ได้ด้วยตัวคนเดียว แบบนั้นเขาจะไปร่วมมือกับคนอื่นทำไม? ข้ากลัวว่าเทพสปิริตที่พวกเขาจะไปฆ่านั้นอาจจะเป็นขั้นแอนนิฮิเลชั่น”
ทุกสิ่งมีชีวิตในจักรวาลจับจ้องไปที่หานเซิ่นและคนอื่นๆ ขณะที่พวกเขาเคลื่อนที่เข้าไปยังวิหารหนึ่งในปราสาทพระเจ้า
…
ในปราสาทบนดวงแคระสีแดง ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดกี่เพ้าและถือร่มสีแดงมองขึ้นไปบนฟ้า เธอพูดขึ้นว่า
“นายท่าน หานเซิ่นกำลังจะไปท้าสู้กับพระเจ้าชั่วพริบตาอีกครั้ง พวกเราควรจะไปทำสิ่งที่หานจิงจื่อบอกให้พวกเราทำไหม?”
“เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำตามที่เขาบอกอย่างนั้นหรอ?”
จักรพรรดิมนุษย์นั่งอยู่บนบัลลังก์ ขณะที่มองหานเซิ่นและคนอื่นๆเข้าไปในเขตแดนของปราสาทพระเจ้า
ผู้หญิงชุดแดงพูดขึ้นมา “ถึงแม้ตามทฤษฎีแล้วหานจิงจื่อจะไม่มีทายาท แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีทายาทจริงๆ หานเซิ่นจะต้องเป็นเหลนของเขา ดังนั้นพวกเขาควรจะมีความสัมพันธ์กัน บางทีเขาอาจจะใช้พวกเราเพื่อช่วยหานเซิ่นทำลายเขตแดนนั้น”