Super God Gene – ตอนที่ 3002 มันเริ่มแล้ว

เงาร่างกายที่อยู่หน้าประตูของจีโนฮอลล์ไม่ได้ทำอะไร เขาแค่มองมาทางหานเซิ่นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสีฟ้าและพูด

“ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับเรื่องนี้”

 

หลังจากที่พูดอย่างนั้น เงานั่นก็หายกลับเข้าไปในแสงสว่างของจีโนฮอลล์ ก่อนที่ประตูของจีโนฮอลล์จะปิดลงอีกครั้ง

 

ทุกสิ่งมีชีวิตคิดว่ามันกำลังจะมีการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนฟ้าดินเกิดขึ้น แต่ใครจะรู้ว่ามันจะจบลงแบบนั้น หลังจากที่ประตูของจีโนฮอลล์ปิดลง แสงแห่งเทพที่ออกมาจากวิหารพระเจ้าก็ดับไปเช่นกัน ความเงียบกลับคืนมาสู่ปราสาทของพระเจ้าอีกครั้ง

 

“โอ้มายก็อต! ถึงแม้เทพสปิริตทุกคนจะถูกเหยียดหยามแบบนั้น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรชายคนนั้นอย่างนั้นหรอ? ชายคนนั้นเป็นใครกัน? เขามาจากเผ่าพันธุ์ไหน?”

 

“เขาคงจะไม่ได้เป็นหัวหน้าของเวรี่ไฮหรอกใช่ไหม?”

 

“เผ่าเวรี่ไฮนั้นแข็งแกร่ง แต่พวกเขาไม่แข็งแกร่งพอจะทำให้เหล่าเทพสปิริตหวาดกลัวได้แบบนั้น”

 

“เขาต้องการทำอะไรกับก็อดฟาเธอร์หาน?”

 

ทุกเผ่าพันธุ์พูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาพยายามคาดเดาถึงตัวตนของผู้ชายและผู้หญิงสองคนนั้น และคาดเดาว่าพวกเขาต้องการจะทำอะไร

 

สีหน้าของผู้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาเปลี่ยนไป “ถึงแม้ปราสาทของพระเจ้าจะถูกเปิดเผยออกมา แต่เทพสปิริตก็ยังต้องทำตามกฎของปราสาทพระเจ้า พวกเขาต้องอยู่เฝ้าวิหารของตัวเอง ชายคนนั้นพูดด้วยความดูถูก แต่ถึงอย่างนั้นคนที่อยู่ภายในจีโนฮอลล์ก็ยังยินดีจะปล่อยเขาไปอย่างนั้นหรอ? นั่นหมายความว่าชายนั้นคือผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นใช่ไหม?”

 

ผู้นำปราสาทนภามองไปที่ชายคนนั้นอยู่นานก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

“เขาไม่ใช่ผู้นำเซเคร็ด ถึงแม้เลือดของเขาจะดูเหมือนกับเลือดของผู้นำเซเคร็ด แต่ทั้งเจ้าและข้าต่างก็รู้ดีว่าผู้นำเซเคร็ดนั้นตายไปแล้ว เขาไม่ใช่ผู้นำเซเคร็ด”

 

“ไม่สำคัญว่าเขาจะใช่หรือไม่ ชายคนนี้ทำให้คนที่อยู่ภายในจีโนฮอลล์ยำเกรงได้ ข้ากลัวว่าเขาคงจะเป็นปัญหาใหญ่ ทำไมเขาถึงได้อาบหานเซิ่นด้วยเลือดของเขา? เขาทำแบบนั้นไปเพื่ออะไรกัน?” ผุ้อาวุโสหนึ่งของปราสาทนภาพูด

 

ผู้นำปราสาทนภาพูด “เจ้าบอกว่าหานเซิ่นมาจากก็อตแซงชัวรี่อย่างนั้นสินะ ถ้านั่นเป็นความจริง เขาอาจจะไม่ได้มีสายเลือดคริสตัลไลเซอร์ที่บริสุทธิ์ ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะไม่ได้ง่ายอย่างที่ตาเห็น”

 

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ชายคนนั้นดึงมือกลับ บาดแผลบนมือของเขาฟื้นตัวเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของหานเซิ่นถูกย้อมด้วยเลือดสีฟ้า เขาดูเหมือนกับแฟรี่สีฟ้าที่เรืองด้วยแสงสีฟ้า

 

เลือดสีฟ้าถูกดูดซับเข้าไปราวกับว่าตัวเขาเป็นฟองน้ำ มันซึมเข้าไปในผิวของเขา ก่อนที่ร่างกายของหานเซิ่นจะกลับเป็นปกติ เขากลับมามีผมสีดำและผิวสีขาว

 

ในเส้นเลือดของหานเซิ่น เลือดสีแดงสดถูกแปดเปื้อนด้วยเลือดสีฟ้า มันกลายเป็นสีฟ้าเช่นกัน ชายที่ยืนอยู่ใต้ร่มก้าวถอยหลังออกไป ก่อนที่จะมองดูผลงานที่เขาทำขึ้นด้วยความสนใจ

 

หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเลือดในร่างกายของเขากำลังเดือด แม้แต่ไทม์ลูปก็ไม่อาจจะหยุดพลังสีฟ้าที่กำลังคำรามในร่างกายของเขาได้

 

เดิมทีเลือดสีแดงของเขานั้นตกผลึกเป็นคริสตัล แต่หลังจากที่สัมผัสกับเลือดสีฟ้า พวกมันก็เริ่มจะละลาย มันนำพาพลังประหลาดไหลไปตามอวัยวะภายในและกล้ามเนื้อของหานเซิ่น เส้นเลือดของเขาเป็นเหมือนกับงูสีฟ้าตัวเล็กๆจำนวนมาก

 

Roar!

หานเซิ่นมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและส่งเสียงร้องคำรามที่เจ็บปวดออกมา ในเสียงร้องนั้นร่างกายทั้งร่างของเขากำลังลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าเหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุ

 

ในจังหวะที่ทั้งร่างกายของหานเซิ่นถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง พลังชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดของพระเจ้าชั่วพริบตาก็ไม่มีผลต่อเขาอีกต่อไป เขาเป็นอิสระจากไทม์ลูป

 

“จริงๆด้วย หานเซิ่นไม่ใช่คริสตัลไลเซอร์บริสุทธิ์”

ผู้นำปราสาทนภาพูดพร้อมกับถอนหายใจ “ร่างกายของเขามีเลือดของผู้นำเซเคร็ด ไม่อย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายของเขาจะรวมเข้ากับพลังของเลือดสีฟ้า”

 

“พวกเจ้าเป็นใครกัน?” หลังจากที่หานเซิ่นเป็นอิสระ เขาก็ถามขึ้นมาขณะที่มองไปยังชายที่อยู่ใต้ร่ม ตอนนี้เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังประหลาด

 

ถึงแม้หานเซิ่นคิดว่าชายคนนี้คือจักรพรรดิมนุษย์ แต่เขาไม่ได้แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์

 

“ไม่สำคัญว่าข้าเป็นใคร เจ้าแค่จำเป็นต้องรู้ว่าพลังของเจ้าคือสิ่งที่ข้ามอบให้ก็เพียงพอแล้ว”

หลังจากที่พูแบบนั้น ชายคนนั้นก็หันหลังและเดินออกไปจากวิหารพระเจ้าชั่วพริบตา ผู้หญิงชุดแดงยังคงถือร่มเดินตามไปจากด้านหลัง พวกเขาทั้งสองคนออกไปจากปราสาทพระเจ้าและหายตัวไปในอวกาศ

 

หานเซิ่นไม่มีเวลามาหาว่าชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ การแก้ไขปัญหาในตอนนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุด เขาไม่สามารถปล่อยให้เป่าเอ๋อถูกกักขังอยู่ที่นี่ได้

 

หานเซิ่นวิ่งเข้าไปหาพระเจ้าชั่วพริบตาพร้อมกับไลท์ซิสเซอร์ในมือ มังกรสีขาวและดำสองตัวพุ่งตรงเข้าไปที่คอของเธอ

 

Katcha-cha!

แต่พลังของไลท์ซิสเซอร์ตัดได้เพียงแค่เส้นผมของพระเจ้าชั่วพริบตาไม่กี่เส้นและทิ้งรอยแดงไว้บนคอของเธอเท่านั้น ซึ่งไม่นานเมื่อถึงลูปต่อไปพระเจ้าชั่วพริบตาก็กลับเป็นปกติ

 

“ถึงแม้ไลท์ซิสเซอร์จะตัดพลังการเวลาได้ แต่พลังทำลายล้างของมันไม่ได้ดีเท่าไหร่นัก ตอนนี้ที่เราหลุดออกมาจากไทม์ลูปได้ก็เพราะเรามีเลือดสีฟ้า ส่วนคนอื่นยังคงติดอยู่ในไทม์ลูป มันเป็นอะไรที่ไร้ประโยชน์สำหรับเราที่จะฆ่าพระเจ้าชั่วพริบตา เพราะตราบใดที่ไทม์ลูปยังอยู่ เธอก็จะกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขารู้สึกได้ถึงพลังของเลือดสีฟ้าในร่างกาย แต่เขาไม่สามารถใช้พลังนั้นได้

 

เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะฆ่าพระเจ้าชั่วพริบตาและบินไปหาซันมูนก็อตเอปแทน หานเซิ่นต้องการจะลองดึงอีกฝ่ายออกไปจากวิหารพระเจ้าชั่วพริบตา

 

หานเซิ่นไม่กล้าใช้เป่าเอ๋อหรือโกลเด้นโกรวเลอร์เป็นตัวทดลอง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงลองกับซันมูนก็อตเอปก่อนเป็นคนแรก

 

แต่หานเซิ่นค้นพบว่าเขาไม่สามารถลากซันมูนก็อตเอปออกไปจากไทม์ลูปได้ มันไม่สำคัญว่าซันมูนก็อตเอปจะถูกลากไปทางไหน เขาก็กลับมาปรากฏภายในวิหารอีกครั้งเมื่อถึงลูปต่อไป ร่างกายของเขาไม่สามารถออกไปจากเขตแดนของวิหารพระเจ้าชั่วพริบตาได้

 

“เราจะทำยังไงดี?” หานเซิ่นพยายามคิดหาวิธี ในตอนนี้เขามีพลังของเลือดสีฟ้า เขาสามารถเมินเฉยต่อพลังของชั่วพริบตาไร้สิ้นสุดและหนีออกไปจากที่นี้ได้ แต่เป่าเอ๋อและโกลเด้นโกรวเลอร์นั้นจะยังคงติดอยู่ที่นี่ หานเซิ่นไม่สามารถปล่อยให้เป็นแบบนั้นได้

 

ในสถานการณ์แบบนี้ ถึงแม้หานเซิ่นจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด ซึ่งจะทำให้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากไทม์ลูป แต่เขาก็ไม่สามารถช่วยเป่าเอ๋อกับโกลเด้นโกรวเลอร์ได้อยู่ดี

 

‘พลังของเลือดสีฟ้าไม่ได้รับผลกระทบจากไทม์ลูป ถ้าเราควบคุมพลังนี้ เราจะใช้มันฆ่าพระเจ้าชั่วพริบตาได้ไหมนะ’

หานเซิ่นนึกถึงตอนที่ชายคนนั้นหยดเลือดสีฟ้าลงบนตัวของเขา ดูเหมือนว่าอะไรก็ตามที่เลือดสีฟ้าสัมผัสจะไม่ได้รับผลกระทบจากไทม์ลูป

 

หานเซิ่นพยายามจะควบคุมพลังของเลือดสีฟ้า แต่ผลลัพธ์ไม่ดีนัก มันเหมือนกับว่าพลังนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะควบคุมได้

 

หานเซิ่นลังเลอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจใช้วิชาโลหิตชีพจร เขารู้ว่ามันต้องมีวิชาจีโนที่สามารถควบคุมพลังของเลือดสีฟ้าได้อยู่ แต่เขายังคงรู้สึกกังวล ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้ใช้วิชาโลหิตชีพจรตอนแรก แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถมัวมาสนใจเรื่องแบบนั้นได้

 

ทันทีที่เขาใช้วิชาโลหิตชีพจร พลังของเลือดสีฟ้าในร่างกายของเขาก็ไหลตามกระแสพลังของวิชาโลหิตชีพจร แต่ความเร็วในการไหลของเลือดสีฟ้านั้นเร็วกว่าความเร็วของโลหิตชีพจร มันไม่ใช่วิชาโลหิตชีพจรที่ควบคุมพลังของเลือดสีฟ้า แต่เป็นพลังของเลือดสีฟ้าที่กำลังดึงโลหิตชีพจรอย่างบ้าคลั่ง

 

ภายในปราสาท จักรพรรดิมนุษย์หลี่ตา เมื่อเขาเห็นว่าดวงตาของหานเซิ่นเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เขาก็พูดกับตัวเอง “มันเริ่มแล้ว”

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset