ปัง!
หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าร่างกายชนเข้ากับผิวน้ำและกลิ้งไปกับกระแสของมัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองกลิ้งไปไกลแค่ไหน ในตอนที่เขาทรงตัวได้ เขาก็เห็นทุ่งหญ้ารอบๆและท้องฟ้าที่กระจ่างใส น้ำในทะเลสาบนั้นใสสะอาดเหมือนกับกระจก
ท้องฟ้าสะท้อนกับผิวน้ำ มันทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าพวกเขาว่ายอยู่ในท้องฟ้า
“ที่นี่คือที่ไหน?” หานเซิ่นรู้ว่าที่นี่ต้องไม่ใช่สถานที่ธรรมดาทั่วไป เพราะเขาตกลงมาสู่ที่นี่ด้วยวิธีการที่ประหลาด เขาคงจะต้องผ่านการเทเลพอร์ต ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่มาอยู่ในทะเลสาบแบบนี้ มันมีป่าไม้และภูเขาหลายลูกอยู่รอบๆ ไม่สำคัญว่าเขาจะร่วงลงมาไกลแค่ไหน มันก็ไม่มีทางที่เขาจะร่วงลงมาอยู่ในทุ่งหญ้าแบบนี้
หานเซิ่นมองไปรอบๆ เขาสังเกตเห็นว่าอวกาศที่เขากำลังอยู่ในตอนนี้นั้นแตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้อยู่ในระบบจักรวาลเดิมอีกต่อไป
หานเซิ่นต้องการจะลุกขึ้นมา แต่เลือดสีแดงและสีฟ้ากำลังปะทะกันภายในร่างกายของเขา แขนขาของเขาชาจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้
หานเซิ่นรู้ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะสูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเองโดยสมบูรณ์
หานเซิ่นกัดฟัน เขาตัดสินใจใช้ยาที่หานจิงจื่อมอบให้ เขาเปิดฝาและดื่มของเหลวที่อยู่ข้างในเข้าไป ตอนนี้เขาจำเป็นต้องรักษาตัวเองก่อน เขาไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองสูญเสียการควบคุมได้
หานเซิ่นยังคงไม่เข้าใจอะไรหลายๆอย่าง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเลือดสีฟ้าในร่างกายถึงได้มอบความรู้สึกต้องการจะฆ่าเป่าเอ๋อ ขณะที่เขาไม่มีความรู้สึกแบบนั้นต่อราชาไป๋หรือซันมูนก็อตเอป
“มันเป็นเพราะร่างต่อสู้ซีโน่เจเนอิคอย่างนั้นหรอ? หรือว่ามันเป็นเพราะตัวเป่าเอ๋อเอง?”
หานเซิ่นไม่สามารถคิดหาคำตอบได้ หลังจากที่เขาดื่มยาเข้าไป ลมปราณโลหิตก็ถูกขับออกมาจากร่างกายของเขาเหมือนกับน้ำพุ ประสิทธิภาพของมันดียิ่งกว่ายาหยุดอาการท้องเสีย วิชาโลหิตชีพจรที่ทำงานอย่างบ้าคลั่งในที่สุดก็หยุดลง เมื่อปราศจากลมปราณโลหิต
“มันได้ผล!” ในที่สุดหานเซิ่นก็กลับมาควบคุมร่างกายตัวเองได้อีกครั้ง แต่หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกหดหู่
ในตอนที่วิชาโลหิตชีพจรหยุดทำงาน ร่างกายของเขาก็ไม่เหลือพลังอะไรอีก ไม่ว่าเขาจะพยายามใช้วิชาจีโนอะไร มันก็ไม่มีวิชาจีโนไหนที่ใช้งานได้
นั่นหมายความว่าหานเซิ่นมีแค่พละกำลังจากร่างกายที่เป็นขั้นทรูก็อตโดยที่ไม่มีพลังพิเศษอะไรให้ใช้
ในตอนนี้หานเซิ่นสามารถกระโดดขึ้นสูงได้ แต่เขาบินไม่ได้ เขาสามารถชกใส่ดวงดาว แต่หมัดของเขาต้องสัมผัสกับดวงดาวเพื่อทำแบบนั้น
“ทำยังไงดี? ตอนนี้เราบินไม่ได้! แบบนั้นเราจะไปที่ดาวโคลด์ได้ยังไง?” หานเซิ่นรู้สึกเศร้าเล็กน้อย
หานเซิ่นสามารถเสี่ยงลองใช้วิชาโลหิตชีพจรได้อีกครั้ง แต่เขากลัวว่าหลังจากที่ใช้วิชาโลหิตชีพจร มันจะไปปลุกพลังของเลือดสีฟ้าให้ตื่นขึ้นมาอีก
“ดูเหมือนว่าเราต้องลองดูว่าโหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจะทำลายพลังของเลือดสีฟ้าได้ไหม” หานเซิ่นหยุดลังเลและพยายามใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอด
ตูม!
แสงศักดิ์สิทธิ์ลุกโชนขึ้นบนร่างกายของหานเซิ่น มันทำให้เขาเข้าสู่โหมดเทพเจ้าสปิริตขึ้นสุดยอด ร่างกายทั้งร่างของเขาเหมือนกับเทพสปิริตในอวกาศและพลังทั้งหมดของเขาก็กลับคืนมา
แต่เนื่องจากอิทธิพลของหว่านเอ๋อร์ โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดก็คงอยู่ได้เพียงแค่ช่วงสั้นๆก่อนที่หานเซิ่นจะกลับคืนสู่ร่างปกติของเขา
แต่หลังจากที่หานเซิ่นกลับมาสู่ร่างปกติ เขาก็สังเกตได้ว่าเขายังไม่สามารถใช้พลังใดๆได้ นอกจากนั้นเลือดของเขาก็ยังคงเป็นสีฟ้า
“ดูเหมือนว่าเราต้องไปที่ดาวโคลด์จริงๆ”
หานเซิ่นมีแผนจะไปที่ดาวโคลด์อยู่แล้ว ถึงแม้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดจะลบล้างเลือดสีฟ้าในตัวเขาได้ แต่เขาก็ยังต้องการไปหาหานหยี่เฟยและถามเธอว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“หานหยี่เฟยควรจะเป็นผู้หญิงที่ถูกขังอยู่ในภูเขาสองโลก ในเมื่อเราเคยเห็นใบหน้าเธอ การจะหาตัวเธอก็ควรจะเป็นเรื่องง่าย แต่เราจะไปที่ดาวโคลด์ได้ยังไงกัน?”
หานเซิ่นปล่อยให้ร่างกายได้พักฟื้นก่อนที่จะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอีกครั้ง แบบนั้นเขาก็จะใช้วิชาจีโนต่างๆได้ ในจังหวะนั้นเขาจะใช้อาณาเขตตงเสวียนเพื่อสแกนดวงดาวที่เขาอยู่
แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นอะไรที่น่าผิดหวัง ดวงดาวที่เขากำลังอยู่เป็นดวงดาวที่ยังไม่ถูกพัฒนา มันมีแค่สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอยู่ที่นี่ มันไม่มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาพอจะพูดได้เลยแม้แต่ตัวเดียว
ดวงดาวที่อยู่รอบๆเองก็เหมือนกัน หานเซิ่นไม่คุ้นเคยกับดวงดาวเหล่านั้นเลย นอกจากดวงดาวที่เขากำลังอยู่แล้ว ดวงดาวอื่นรอบๆก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่เช่นกัน
“เราคงต้องเสี่ยงใช้กาแล็กซี่เทเลพอร์ตเทชั่น”
หานเซิ่นรู้สึกดีใจที่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดสามารถใช้งานได้ ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะต้องกระโดดไปมาในอวกาศ
หลังจากที่พักผ่อนอยู่บนทุ่งหญ้าจนพลังงานฟื้นฟูกลับคืนมา หานเซิ่นก็ใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดอีกครั้งและรีบใช้การเทเลพอร์ต
เนื่องจากเขาไม่รู้ตำแหน่งที่อยู่ของตัวเอง หานเซิ่นจึงได้แต่พึ่งดวงในการเทเลพอร์ต
หานเซิ่นภาวณา “เหล่าทวยเทพได้โปรดอวยพรให้ฉันเทเลพอร์ตไปยังดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาด้วยเถิด”
ในตอนที่โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดหยุดทำงาน หานเซิ่นก็หลุดออกมาจากการเทเลพอร์ต เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองร่วงลงไปในน้ำอีกครั้งหนึ่ง
“นี่เราโชคร้ายขนาดไหนกัน? ทำไมเราถึงตกลงมาในน้ำอยู่เสมอเลย?”
หานเซิ่นลากตัวเองขึ้นจากน้ำ และหลังจากที่มองไปรอบๆ เขาก็อึ้งจนพูดไม่ออก
เขาสังเกตว่าตัวเองอยู่ในน้ำ แต่เขาไม่ได้ตกลงมาในทะเลสาบหรือแม่น้ำ เขาตกลงมาในหม้อขนาดใหญ่
มันเป็นหม้อเหล็กขนาดใหญ่ที่มีความกว้างสิบสองฟุต และสูงยี่สิบถึงยี่สิบสี่ฟุต มันมีน้ำอยู่ครึ่งหนึ่งและมีวัตถุดิบหลายอย่างลอยอยู่ข้างในหม้อ มันมีทั้งต้นหอมจีน ขิง กระเทียมและพริก
หานเซิ่นเลียน้ำบนริมฝีปากของตัวเองและรู้สึกได้ถึงรสชาติที่จัดจ้านในปากของเขา
“โอ้มายก็อด! นี่เราเทเลพอร์ตลงมาอยู่ในหม้อของใครบางคนอย่างนั้นหรอ? นี่เขากำลังทำอาหารอะไร? ทำไมมันถึงได้เผ็ดขนาดนี้?”
หานเซิ่นมองไปรอบๆและค้นพบว่าในหม้อมีพริกสีเขียวแดงที่เขาไม่รู้จักอยู่เป็นจำนวนมาก
พริกสีเขียวและแดงนั้นขนาดใหญ่กว่าหัวของเหานเซิ่นซะอีก มันต้องไม่ใช่พริกสายพันธุ์ปกติแน่ๆ
หานเซิ่นต้องการจะออกไปจากหม้อ แต่เมื่อเขาเหลือบไปเห็นสิ่งที่อยู่ก้นหม้อ เขาก็หยุดชะงักไป
ในหม้อนั้นมีมากกว่าพริบที่เผ็ด มันมีสิ่งมีชีวิตอยู่ด้วย และหานเซิ่นก็รู้จักสิ่งมีชีวิตนั้น
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมเอมตี้ดราก้อนคิงที่ได้อันดับแปดในการประลองบัญชีรายชื่อเทพเจ้าจีโนถึงกลายมาเป็นกั้งที่ถูกต้มในหม้อร้อนนี้ได้!”
หานเซิ่นมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่อยู่ก้นหม้อและไม่รู้ว่าควรจะคิดยังไงกับมันดี