หานเซิ่นแปลกใจ หานจิงจื่อบอกให้เขามาหาหานหยี่เฟย แต่หานหยี่เฟยกลับไม่รู้จักหานจิงจื่อ นั่นเป็นอะไรที่หานเซิ่นคาดไม่ถึง
“เจ้าไม่รู้จักหานจิงจื่ออย่างนั้นหรอ? เขาเป็นหมอดูแก่คนหนึ่ง เขามีหนังตาสองชั้น…” หานเซิ่นพยายามบรรยายรูปลักษณ์ของหานจิงจื่อ
หานหยี่เฟยส่ายหัว “เจ้าก็รู้ว่าข้าถูกขังอยู่ในภูเขาสองโลก นอกซะจากเขาเป็นคนจากยุคสมัยของเซเคร็ด ไม่อย่างนั้นข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเขาเป็นใคร?”
หานเซิ่นตกใจ เขาคิด ‘จริงด้วย ถึงหานจิงจื่อจะถือว่าแก่ แต่เมื่อเทียบกับคนอย่างหานหยี่เฟย อายุของเขาไม่ได้เสี้ยวของเธอ แบบนั้นเขารู้จักหานหยี่เฟยได้ยังไง?’
“เข้ามาข้างในก่อน” หานหยี่เฟยหันกลับและเดินลึกเข้าไปในห้องปฏิบัติการ
หานเซิ่นและดราก้อนเลดี้เดินตามหลังเธอไป ขณะที่แฟรี่หิมะบินไปปิดประตูที่อยู่ด้านหลังพวกเขา
ในห้องปฏิบัติการนั้นเต็มไปด้วยน้ำแข็ง อุณหภูมิภายในนั้นต่ำมากๆ ระหว่างที่เดินไป หานเซิ่นก็เห็นภาชนะที่ทำขึ้นมาจากน้ำแข็ง พวกมันกึ่งโปรงใส ซึ่งทำให้มองเห็นสิ่งประหลาดที่อยู่ภายใน มันมีทั้งอวัยวะของสิ่งมีชีวิตและของเหลวหลากสีสัน แถมบางภาชนะก็มีซีโน่เจเนอิคอยู่ทั้งตัว
“นั่งลง” พวกเขาเข้าไปในห้องที่ดูเหมือนกับห้องนั่งเล่น
หานหยี่เฟยนั่งลงบนเก้าอี้น้ำแข็ง เธอมองมาที่หานเซิ่นและถาม
“เจ้าบอกว่าคนที่ชื่อหานจิงจื่อบอกให้เจ้ามาตามหาข้าที่นี่อย่างนั้นใช่ไหม? เขารู้ได้ยังไงว่าข้าอยู่ที่นี่? แถมเขายังรู้ชื่อของข้าอีก”
“เขาแค่บอกให้ข้ามาหาเจ้าที่นี่ เขาไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่น ข้าจึงคิดไปว่าเจ้านั้นอาจจะใกล้ชิดกับเขา” หานเซิ่นรู้สึกหดหู่ ดูเหมือนว่าเขาถูกหลอกโดยหานจิงจื่อ
“ข้าบอกเจ้าอย่างมั่นใจได้เลยว่าข้าไม่เคยได้ยินชื่อคนๆนี้มาก่อน ข้าไม่รู้จักคนๆนี้”
หานหยี่เฟยเงียบไปชั่วครู่ หลังจากนั้นเธอก็ถามขึ้นว่า “ทำไมเขาถึงบอกให้เจ้ามาตามหาข้า?”
“ภายในร่างกายของข้ามีเลือดสีฟ้าอยู่ ข้าคิดว่าเจ้ารู้เรื่องนั้นแล้วซะอีก” หานเซิ่นขมวดคิ้ว
“เลือดสีฟ้า? เลือดสีฟ้าอะไร?” หานหยี่เฟยขมวดคิ้ว
“เจ้าไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปราสาทพระเจ้าอย่างนั้นหรอ?” หานเซิ่นถามด้วยความแปลกใจ
“ข้ามีงานวิจัยมากมากจำเป็นต้องทำ ข้าไม่มีเวลาไปดูอะไรพวกนั้น” หานหยี่เฟยพูด
หานเซิ่นอธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่จักรพรรดิมนุษย์หยดเลือดสีฟ้าลงบนตัวเขา ซึ่งหลังจากที่หานหยี่เฟยได้ยินเรื่องราว สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป เธอจับมือของหานเซิ่น ก่อนที่หานเซิ่นจะตอบสนอง เธอก็เอาเข็มออกมาจากไหนไม่รู้และแทงเข้าไปในนิ้วมือของเขา เธอดูดเลือดของเขาออกมา
ก่อนที่หานเซิ่นจะได้พูดอะไร หานหยี่เฟยก็วิ่งออกไปพร้อมกับเข็มในมือ เธอเข้าไปในห้องปฏิบัติการที่เต็มไปด้วยเครื่องมือมากมาย
ดราก้อนเลดี้และหานเซิ่นต้องการจะตามเข้าไป แต่หานหยี่เฟยพูดขึ้นมาก่อน “รออยู่ข้างนอก อย่าได้เข้ามาข้างใน”
หานเซิ่นรู้ว่าคนธรรมดานั้นไม่ควรเข้าไปในห้องปฏิบัติการ ถ้าพวกเขาไปแตะต้องเครื่องมืออะไรเข้า การทดลองก็อาจจะล้มเหลว ด้วยเหตุนั้นเขาจึงแค่รออยู่ด้านนอก
โชคดีที่กำแพงห้องปฏิบัติการนั้นทำขึ้นมาจากน้ำแข็ง มันใสเหมือนกับคริสตัล ดังนั้นพวกเขาจึงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน
หานหยี่เฟยใช้เครื่องมือต่างๆในห้องปฏิบัติการเพื่อวิจัยเลือดสีฟ้า และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเธอก็เดินออกมา
“ไม่เลว เลือดภายในร่างกายของเจ้าเป็นเลือดของผู้นำเซเคร็ด”
หานหยี่เฟยตรวจเช็คหานเซิ่นก่อนที่จะพูดต่อ “ร่างกายของเจ้ามียีนของผู้นำเซเคร็ดอยู่ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นเจ้าก็คงจะรวมเข้ากับเลือดสีฟ้าไม่ได้ ส่วนคนที่มอบเลือดสีฟ้าให้กับเจ้า เขาเอาเลือดของผู้นำเซเคร็ดมาจากที่ไหนกัน? เลือดมากมายขนาดนั้นมันเกือบจะเหมือนกับตัวผู้นำเซเคร็ดเอง”
“เป็นไปได้ไหมที่คนๆนั้นจะเป็นผู้นำเซเคร็ด?” หานเซิ่นเคยสงสัยว่าจักรพรรดิมนุษย์และฉินซิวอาจจะเป็นคนๆเดียวกัน
“ไม่” หานหยี่เฟยพูดอย่างมั่นใจ
“เหตุผล?” หานเซิ่นไม่รู้ว่าทำไมหานหยี่เฟยถึงมั่นใจในเรื่องนั้น
“ตามข้ามา ข้าจำเป็นต้องตรวจเช็คร่างของเจ้าอย่างละเอียด”
หานหยี่เฟยพาหานเซิ่นไปที่ห้องปฏิบัติการอีกห้อง พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เลือดของผู้นำเซเคร็ดนั้นแตกต่างไปจากเลือดธรรมดา ถ้าคนที่เจ้าบอกเป็นผู้นำเซเคร็ดตัวจริง เขาก็ไม่ควรจะพูดกับเจ้าต่อหน้าได้”
หานเซิ่นสับสน เขาจึงถามขึ้นว่า “นั่นหมายความว่ายังไง?”
หานหยี่เฟยพูดขณะที่เดินไป “เจ้าคงจะเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้นำเซเคร็ดสวมใส่ชุดเกราะอยู่ตลอดเวลาและไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าของเขาสินะ?”
หานเซิ่นพยักหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาก่อน แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้พบกับดวงวิญญาณของฉินซิวและได้เห็นรูปปั้นของผู้นำเซเคร็ด เขาจึงไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
หานหยี่เฟยพูด “ที่ผู้นำเซเคร็ดสวมใส่ชุดเกราะตลอดเวลา ก็เพราะร่างกายของเขานั้นพิเศษ ถ้าเขาไม่สวมใส่ชุดเกราะ ร่างกายของเขาก็จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขาจะเฉือนมือตัวเองเพื่อมอบเลือดสีฟ้าให้กับเจ้า ผู้นำจะไม่เปิดเผยมือของเขาออกมาจากนอกชุดเกราะ ด้วยเหตุนั้นคนที่มอบเลือดสีฟ้าให้กับเจ้าต้องไม่ใช่ผู้นำเซเคร็ด”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน หานเซิ่นก็ถูกพาไปที่ห้องปฏิบัติการอีกห้อง ห้องปฏิบัติการนี้แตกต่างไปจากห้องก่อนหน้า ห้องปฏิบัติการนี้สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย และอุณหภูมิภายในห้องก็ไม่ได้ต่ำเหมือนกันห้องอื่นๆ
หลังจากที่เข้าไปข้างใน หานหยี่เฟยก็เริ่มใช้เครื่องมือเพื่อสแกนร่างกายของหานเซิ่น
ขณะที่หานเซิ่นรับการสแกน เขาก็ถามขึ้นว่า “ร่างกายของผู้นำเซเคร็ดมีปัญหาอะไร? ทำไมเขาถึงต้องสวมใส่ชุดเกราะเอาไว้?”
“เจ้าควรจะรู้สึกถึงมันเหมือนกันถูกไหม?” หานหยี่เฟยถาม
“ในตอนที่เลือดของเจ้าถูกเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เจ้าจะถูกตัดขาดจากกฎและพลังของจักรวาล”
หานเซิ่นพยักหน้า เขาเองก็รู้สึกถึงเรื่องนั้น
“ผู้นำเซเคร็ดสวมชุดเกราะก็เพื่อสร้างบาเรียระหว่างร่างกายกับจักรวาล ถ้าไม่มีการป้องกันจากชุดเกราะ ร่างกายของเขาก็จะถูกทำลายโดยกฎและพลังของจักรวาล” หานหยี่เฟยยังคงใช้เครื่องมือต่างๆขณะที่พูด
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น หัวใจของเขาก็เต้นรัว
‘นั่นฟังดูคุ้นๆ มันฟังดูเหมือนกับในก็อตแซงชัวรี่ ในตอนที่ระดับของคนๆหนึ่งสูงกว่าของก็อตแซงชัวรี่ พลังของก็อตแซงชัวรี่ก็จะทำลายร่างกายของคนๆนั้น’
หานหยี่เฟยมองข้อมูลบนหน้าจอและขมวดคิ้ว “แปลกจริงๆ…”
“อะไรแปลก?” หานเซิ่นถาม
“นอกจากยีนเลือดสีฟ้าแล้ว ภายในร่างกายของเจ้ายังมีอีกยีนหนึ่งที่ใกล้เคียงกับยีนเลือดสีฟ้ามากๆ แต่มันจะไม่รวมกับเลือดสีฟ้า มันเป็นเพราะยีนนั้นที่ทำให้เจ้ารวมเข้ากับเลือดสีฟ้าโดยสมบูรณ์ไม่ได้” หานหยี่เฟยพูด
“นั่นควรจะเป็นรอยสักแมวเก้าชีวิต” หานเซิ่นบอกเธอเกี่ยวกับรอยสักแมวเก้าชีวิต ตอนนี้หานเซิ่นเริ่มเชื่อในสิ่งที่หานจิงจื่อบอกกับเขา ดูเหมือนว่าหานหยี่เฟยจะเป็นคนเดียวที่แก้ไขปัญหาของเขาได้จริงๆ อย่างน้อยๆหานหยี่เฟยก็เข้าใจเกี่ยวกับเลือดสีฟ้า
หานหยี่เฟยมองข้อมูลบนหน้าจอและพูดกับตัวเอง “ยีนของแมวเก้าชีวิตงั้นหรอ? นั่นควรจะเป็นไปไม่ได้ นอกซะจากว่า…”
ดูเหมือนหานหยี่เฟยจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอรีบใช้เครื่องมือเพื่อสแกนร่างกายของหานเซิ่นซ้ำอีกครั้ง