“ขุนพลอับดับหนึ่งของเซเคร็ด เพอเพิลไฟต์ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาก่อน”
ชาโดว์ก็อตพูดขึ้นมาเมื่อเห็นเพอเพิลไฟต์ “แต่น่าเสียดายที่… ตอนนี้เจ้าเหลือแค่จิตวิญญาณเท่านั้นที่”
เพอเพิลไฟต์เมินเฉยต่อสิ่งที่ชาโดว์ก็อตพูด เขามองไปที่หานหยี่เฟย
หานหยี่เฟยมองด้วยความดูถูกและพูดอย่างเย็นชา “เรื่องของข้าไม่ใช่ธุระอะไรของเจ้า”
เพอเพิลไฟต์ตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“ข้าไม่ได้จะเข้าไปยุ่งเรื่องของเจ้า ข้าแค่จะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายเจ้าเท่านั้น”
“เจ้าคิดว่าข้าเทียบชั้นกับเขาไม่ได้อย่างนั้นหรอ?” หานหยี่เฟยดูไม่พอใจ
เพอเพิลไฟต์ส่ายหัว “ไม่ใช่ มันไม่สำคัญว่าเจ้าจะแข็งแกร่งสักแค่ไหน ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งที่สุดในจักรวาล ตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะทำร้ายเจ้า มันก็ต้องผ่านข้าให้ได้ซะก่อน”
ในตอนที่หานเซิ่นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกขนลุก เขาคิดในใจ
‘ดูเหมือนว่าสองคนนี้จะมีความสัมพันธ์บางอย่าง แต่หานหยี่เฟยบอกว่าเพอเพิลไฟต์นั้นตายไปแล้ว และมีเพียงแค่จิตวิญญาณของเขาก็ยังคงอยู่ เพอเพิลไฟต์ที่เรากำลังเห็นตอนนี้ไม่ใช่ร่างจริงๆอย่างนั้นหรอ?’
“พอสักที พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่มีตัวตนหรือยังไง?”
ชาโดว์ก็อตทนฟังไม่ได้อีกต่อไป เสียงที่เกรี้ยวโกรธของเขาดังก้องเหมือนกับฟ้าร้อง แสงสีแดงจากดวงตาของเขาส่องสว่างขึ้นและย้อมโลกอันมืดมืดด้วยสีแดง
ภายใต้เงาของรถม้าทองแดง เงาของหานเซิ่นและคนอื่นๆถูกครอบคลุมเอาไว้ ชาโดว์ก็อตไม่สามารถควบคุมพวกเขา ขณะที่พวกเขาอยู่ใต้เงาของรถม้าได้
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ต้องตกใจ เมื่อค้นพบว่าตัวเพอเพิลไฟต์ไม่มีเงา เขาเป็นเหมือนกับผีหรือวิญญาณ
ขณะที่แสงสีแดงจากดวงตาของชาโดว์ก็อตสว่างขึ้น ร่างกายของเขาที่อยู่ในความมืดมิดก็เริ่มจะเผยออกมาให้เห็น ตอนนี้หานเซิ่นและคนอื่นๆเห็นชาโดว์ก็อตได้อย่างชัดเจน
ชาโดว์ก็อตนั้นดูเหมือนกับมังกรดำที่ชั่วร้าย ร่างกายทั้งร่างปกคลุมด้วยเกล็ดสีดำเหมือนกับหมึก เขามีปีกผีเสื้อสีดำคู่หนึ่ง หัวของเขาดูเหมือนกับมังกร แต่เขามีเขาแค่เขาเดียว ร่างกายทั้งร่างของเขาปลดปล่อยไฟสีดำประหลาดออกมา มันดูเหมือนกับว่าความมืดมิดนั้นออกมาจากร่างกายของเขา
หานเซิ่นเห็นปีกของชาโดว์ก็อตกระพือ และทันใดนั้นความมืดมิดรอบๆตัวพวกเขาก็เริ่มรวมตัวกันกลายเป็นอสูรสีดำที่ล้อมพวกเขาจากทุกทิศทาง
มันมีทั้งมังกร ฟีนิกซ์ กิเลนและฟิชเบิร์ด สิ่งมีชีวิตต่างๆจากในตำนานปรากฏตัวจากในความมืด พวกเขาทุกตัวมีออร่าที่น่ากลัว ร่างกายของมันดำเหมือนกับหมึก พวกมันดูเหมือนกับเงามืด แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ดูเหมือนจะมีรูปธรรม มันเป็นอะไรที่ประหลาดมากๆ พวกมันทั้งดูเหมือนจริงและดูไม่เหมือนจริงในเวลาเดียวกัน
“เงาสีดำที่กลายเป็นซีโน่เจเนอิคนั่นคงจะต่อสู้ไม่ได้หรอกใช่ไหม?”
หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ ถ้าพวกมันมีพลังในการต่อสู้ ถึงพวกเขาจะเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่า มันก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะต้านทานสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเหล่านี้
สีหน้าของหานหยี่เฟยไม่เปลี่ยนแปลง เธอพูดอย่างสบายใจ
“เงาพวกนั้นเกิดขึ้นมาจากพลังของชาโดว์ พวกมันไม่ใช่ซีโน่เจเนอิคจริงๆ”
หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจ แต่หลังจากนั้นเธอก็พูดต่อไปว่า “แต่เงาพวกนี้มีพลังประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของซีโน่เจเนอิคเดิม”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหานเซิ่นก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ในตอนนี้รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยเงาของซีโน่เจเนอิคที่น่ากลัว มันมีแม้กระทั่งเงาของฟีนิกซ์ พวกมันทั้งหมดล้วนแต่เป็นซีโน่เจเนอิคขั้นทรูก็อต ไม่ต้องถึงพูดถึงพลังแปดสิบเปอร์เซ็นต์ แค่เงาพวกนี้มีพลังครึ่งหนึ่ง มันก็มีจำนวนมากกว่าที่พวกเขาจะรับมือได้แล้ว
“เงาในความมืด ฟื้นคืนดวงวิญญาณ! ลงทัณฑ์โลกนี้… อาณาจักรเงา… ความมืดจุติ”
ด้วยเสียงร้องคำรามของชาโดว์ก็อต ซีโน่เจเนอิคเงานับไม่ถ้วนก็ร้องคำรามตอบ พวกมันตรงเข้าไปที่ดาวโคลด์จากทุกทิศทาง
เงาของซีโน่เจเนอิคแต่ละตัวนั้นแข็งแกร่ง พวกมันแต่ละตัวสามารถทำลายดวงดาวทั้งดวงได้อย่างสบายๆ ตอนนี้พวกมันเป็นเหมือนกับคลื่นของอสูรที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดิน พวกมันวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเหมือนกับคลื่นปีศาจสีดำ มันเป็นภาพที่น่าตกใจเมื่อได้เห็น
ดราก้อนเลดี้และหานเซิ่นเตรียมตัวจะต่อสู้ ด้วยจำนวนศัตรูที่มากขนาดนั้น พวกเขาไม่คิดว่าเพอเพิลไฟต์จะต้านทานศัตรูได้ด้วยตัวคนเดียว
หานเซิ่นกำลังไตร่ตรองว่าควรจะใช้โหมดเทพเจ้าสปิริตขั้นสุดยอดเพื่อหนีไปดีไหม เหล่าเงาซีโน่เจเนอิคที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามานั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะรับมือได้
หานหยี่เฟยยังคงยืนนิ่งโดยที่ไม่ได้รู้สึกร้อนใจอะไร มันเหมือนกับว่าเธอไม่คิดจะต่อสู้ เธอเอาแต่มองซีโน่เจเนอิคเงาที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างใจเย็นโดยที่ไม่ทำการเคลื่อนไหวใดๆ
ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัว มันเหมือนกับจิตวิญญาณการต่อสู้จากสมัยโบราณกาล มันปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดินรอบๆตัวพวกเขา
หานเซิ่นหันไปมองเพอเพิลไฟต์ที่ตอนนี้กำลังปลดปล่อยลมปราณสีม่วงออกมา ร่างกายทั้งร่างของเขาลุกโชนด้วยเปลวไฟสีม่วง จิตวิญญาณการต่อสู้ที่เขาปลดปล่อยออกมานั้นเปลี่ยนเป็นวงแหวนสีม่วงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความมืดดูเหมือนจะถูกปัดเป่าออกไปโดยแสงสีม่วงเหล่านั้น
“ข้าบอกแล้วว่าตราบใดที่ข้าอยู่ที่นี่ ไม่มีใครทำร้ายนางได้” เสียงของเพอเพิลไฟต์ฟังดูเย็นชา ขณะที่ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟ
“ให้ข้าดูสิว่าจิตวิญญาณของขุนพลอันดับหนึ่งของเซเคร็ดจะมีดีสักแค่ไหนกัน”
ร่างกายของชาโดว์ก็อตลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีดำ มันทำให้เงาในความมืดสร้างซีโน่เจเนอิคขึ้นมาเพิ่มอีก
ถึงซีโน่เจเนอิคจะหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่สีหน้าของเพอเพิลไฟต์ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ในวินาทีต่อมา จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเพอเพิลไฟต์ก็ระเบิดออก และเพลิงสีม่วงก็รวมตัวกันกลายเป็นดวงอาทิตย์สีม่วง หลังจากนั้นตัวเขาก็ระเบิดออกมา
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่น่ากลัวนั้นกวาดล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆเหมือนกับซูเปอร์โนวา แรงระเบิดนั้นสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างได้
ซีโน่เจเนอิคเงาที่หลั่งไหลเข้ามาเหมือนกับคลื่นยักษ์นั้นถูกฆ่าตายโดยแสงสว่าง ความมืดที่ปกคลุมอวกาศถูกเปลี่ยนเป็นสีม่วงที่สว่างไสว เพอเพิลไฟต์เป็นเหมือนกับดาวฤกษ์ที่เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล และดวงดาวเต็มท้องฟ้าก็โคจรรอบตัวของเขา
ซีโน่เจเนอิคที่ปกคลุมทั้งท้องฟ้าและผืนดินถูกกวาดล้างไปในคราวเดียว ชาโดว์ก็อตส่งเสียงกรีดร้องออกมา ขณะที่สลายหายไปในแสงสีม่วงนั้น
“เพอลเพิลไฟต์ ถ้าข้าไม่ได้ถูกจำกัดพลัง ข้าจะไม่มีทางปล่อยให้เจ้าทำแบบนี้ได้” ชาโดว์ก็อตพูดก่อนที่เสียงของเขาจะหายไป และทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง
เพอเพิลไฟต์ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่หันมามองหานหยี่เฟย ก่อนที่จะกลับเข้าไปในรถม้าทองแดง หลังจากนั้นมังกรเมฆทั้งสิบก็ลากรถม้าทองแดงหายไปในอวกาศ
“เพอเพิลไฟต์แข็งแกร่งจริงๆ ไม่แปลกใจเลยที่ครั้งหนึ่งเขาเคยต่อสู้กับผู้นำเซเคร็ด” หานเซิ่นเอยชม
หานเซิ่นเคยได้ยินมาว่าเพอเพิลไฟต์นั้นเป็นขุนพลที่แข็งแกร่งที่สุดของเซเคร็ด แต่เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งแค่ไหนกัน ตอนนี้เขาได้เห็นมันกับตาตัวเอง
เพอเพิลไฟต์ที่เป็นแค่จิตวิญญาณสามารถใช้พลังของเขาเพื่อเอาชนะเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นที่จุติลงมาได้
“กลับเข้าไปในห้องปฏิบัติการเถอะ เทพสปิริตคงจะไม่ส่งใครมาอีกสักพักหนึ่ง พวกเราต้องทำให้เจ้าควบคุมพลังของเลือดสีฟ้าให้ได้”
หานหยี่เฟยมองรถม้าที่หายลับไปในอวกาศ ก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในห้องปฏิบัติการอย่างไร้รู้สึก