ทุกเผ่าพันธุ์รู้สึกตกใจ จนถึงตอนนี้มีเพียงแค่หานเซิ่นและราชาไป๋เท่านั้นที่กล้าไปท้าสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่น แต่ตอนนี้มีใครบางคนบินขึ้นไปที่จีโนฮอลล์โดยตรง มันทำให้ผู้คนรู้สึกตกตะลึง
ในจังหวะที่เท้าของเสี่ยวฮวาเหยียบลงบนลานกว้างของจีโนฮอลล์ ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ทำอะไรก็มีเสียงดังออกมาจากภายในจีโนฮอลล์
“เจ้ารู้ไหมว่าการดูหมิ่นเทพสปิริตนั้นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงแค่ไหน?”
ประตูของจีโนฮอลล์ค่อยๆเปิดออกและเผยให้เห็นแสงสว่างอันเจิดจ้าที่อยู่ภายใน มีเงาของใครบางคนอยู่ในแสงสว่างนั้น คนอื่นๆมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่เพียงแค่ได้เห็นเงาลางๆก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว
เสี่ยวฮวาจ้องไปยังเงาที่อยู่ภายในจีโนฮอลล์และพูด
“ข้าไม่ได้ต้องการจะดูหมิ่นเทพสปิริต ข้าแค่มาที่นี่เพื่อหาตัวฉินหลาน ส่งตัวฉินหลานมาให้กับข้า และข้าจะไปจากที่นี่ทันที”
หานเซิ่นที่อยู่บนดาวโคลด์เบิกตากว้าง เขาจ้องมองเสี่ยวฮวาที่อยู่ต่อหน้าจีโนฮอลล์ ถึงแม้มันจะผ่านมาหลายปี แต่เขาก็ยังจำลูกของตัวเองได้เป็นอย่างดี เขาแน่ใจว่านั่นคือเสี่ยวฮวา
“เสี่ยวฮวาไปทำอะไรที่นั่น?” หานเซิ่นรู้สึกร้อนรนขึ้นมา เขาเคยต่อสู้กับเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นมาก่อน เขาจึงรู้ดีว่าเทพสปิริตขั้นสูงนั้นน่ากลัวแค่ไหน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็แค่ทรงพลังมากๆ ดังนั้นถ้าต้องต่อสู้กัน เขาก็ยังพอจะมีโอกาสชนะ
แต่ความน่ากลัวของเทพสปิริตที่อยู่ในจีโนฮอลล์นั้นยากจะหยั่งถึง พวกเขาไม่ได้แค่ทรงพลัง พวกเขาเป็นอะไรที่มากยิ่งกว่านั้น
“แปลกจริงๆ…” หานหยี่เฟยหันไปมองเสี่ยวฮวาที่ยืนอยู่ในลานกว้างของจีโนฮอลล์ เธอขมวดคิ้วและพูดกับตัวเอง
“ถึงชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดจะยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แต่ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนั้นไปได้?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น หานเซิ่นก็สะดุ้ง เขารีบหันมาถาม “เจ้าว่าอะไรนะ? ที่เสี่ยวฮวาใส่คือชุดเกราะของฉินซิว?”
หานหยี่เฟยประหลาดใจ เธอมองมาที่หานเซิ่นและถาม “เจ้ารู้จักคนที่สวมใส่ชุดเกราะนั่นอยู่อย่างนั้นหรอ?”
“นั่นคือลูกชายของข้า” หานเซิ่นรีบตอนก่อนที่จะถามขึ้นว่า
“เจ้าบอกว่าชุดเกราะนั่นคือชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดอย่างนั้นใช่ไหม? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ลูกชายของเจ้า?” หานหยี่เฟยแปลกใจ เธอไม่ตอบคำถามของหานเซิ่น เธอดูจะไม่เชื่อสิ่งที่หานเซิ่นพูด
“เจ้าแน่ใจหรือว่าคนที่สวมชุดเกราะนั่นคือลูกชายของเจ้า เขาเป็นลูกชายทางสายเลือดอย่างนั้นหรอ?”
“ข้าแน่ใจว่านั่นคือลูกชายทางสายเลือดของข้า” หานเซิ่นพูดด้วยความมั่นใจ
“เขาถูกแมวเก้าชีวิตพาตัวไปที่ปราสาทศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเล็ก แต่ข้าแน่ใจว่านั่นคือเขา”
หานเซิ่นไม่คิดว่าตัวเองจะมองผิดไปได้ เพราะไม่ว่ายังไงพวกเขาก็เป็นพ่อลูกกัน แถมเขายังรู้สึกถึงร่างกายราชาสปิริตขั้นสุดยอด ซึ่งนอกจากลูกชายของเขาแล้ว ในจักรวาลนี้ไม่มีทางเป็นคนอื่นได้ไป
“นั่นเป็นอะไรที่แปลก ยีนของเจ้าส่วนใหญ่มาจากคริสตัลไลเซอร์ ถ้าเขาเป็นลูกชายของเจ้า ไม่ว่าเขาจะได้รับการถ่ายทอดยีนมาจากเจ้ายังไง เขาก็เป็นแค่คริสตัลไลเซอร์ มันไม่มีทางที่เขาจะสวมใส่ชุดเกราะนั่นได้ นอกซะจาก…” ใบหน้าของหานหยี่เฟยดูจริงจัง
“นอกซะจากอะไร?” หานเซิ่นแทบจะอดไม่ได้ที่จะเปิดหัวของหานหยี่เฟยเพื่อหาคำตอบจากในนั้น
“นั่นเป็นไปไม่ได้” หานหยี่เฟยส่ายหัว ดูเหมือนว่าเธอจะปฏิเสธการคาดเดาก่อนหน้านี้ของตัวเอง
“แค่บอกข้ามาถึงสิ่งที่เจ้าคิด” หานเซิ่นรู้สึกร้อนรนเหมือนกับว่าเขากำลังถูกไฟเผา
“ข้าไม่แน่ใจ มันเป็นแค่การคาดเดาเท่านั้น และมันก็ไม่ใช่ว่าการคาดเดาของข้าจะถูกต้อง พวกเราควรรอดูไปก่อน”
หานหยี่เฟยมองไปที่หานเซิ่นและพูดต่อ “มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะร้อนรน ถึงแม้นั่นจะเป็นลูกชายของเจ้าจริงๆ เจ้าก็ยังไปที่นั่นไม่ได้ ก่อนที่เจ้าจะควบคุมเลือดสีฟ้าได้ การไปที่จีโนฮอลล์ก็ไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย ส่วนคนที่เจ้ากล่าวอ้างว่าเป็นลูกชายของเจ้า ถ้าเขาสวมใส่ชุดเกราะของผู้นำเซเคร็ดอยู่จริงๆล่ะก็ เขาก็มีโอกาสอยู่ ในตอนนี้เจ้าจำเป็นต้องใจเย็นเอาไว้ เจ้าจำเป็นต้องสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์ให้ได้เร็วที่สุด แบบนั้นถ้าลูกชายของเจ้าเอาชนะเทพสปิริตไม่ได้ เจ้าก็จะได้ไปช่วยเขา”
หานเซิ่นเข้าใจในเรื่องนั้น แต่เขาพยายามจะสงบนิ่งอย่างสมบูรณ์มาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังทำไม่สำเร็จ แถมตอนนี้เขาก็รู้สึกร้อนรนจนไม่สามารถสงบลงได้
‘หานหยี่เฟยพูดถูก เราต้องใจเย็นเอาไว้ เราต้องมีพลังเพียงพอถึงจะแก้ไขปัญหานี้ได้’ หานเซิ่นหายใจเข้าลึกและบังคับให้ตัวเองสงบจิตใจ
ในเวลานี้เงาที่อยู่ในจีโนฮอลล์เดินออกมาจากประตูเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คนๆนั้นเดินออกมา ประตูของจีโนฮอลล์ก็ปิดลง
“พระเจ้าชั่วพริบตา!” ในที่สุดผู้คนก็เห็นคนที่ออกมาจากจีโนฮอลล์
หานเซิ่นเองก็เห็นเช่นกัน แต่เขาไม่ได้ประหลาดใจมากนัก เขาเคยได้ยินพระเจ้าบอกว่าจีโนฮอลล์นั้นถูกเฝ้าโดยเทพสปิริตขั้นแอนนิฮิเลชั่นทั้งสิบสองคน บางทีเวลานี้อาจจะเป็นเวลาของพระเจ้าชั่วพริบตาที่ต้องเฝ้าจีโนฮอลล์ พระเจ้าชั่วพริบตายังคงดูเย็นชาเหมือนเช่นเคย เธอยืนอยู่บนขั้นบันไดของจีโนฮอลล์และมองลงมาที่เสี่ยวฮวา
“ไม่ว่าเจ้าจะมาด้วยเหตุผลอะไร การดูหมิ่นมีโทษตาย”
หลังจากนั้นพระเจ้าชั่วพริบตาก็ยกแขนขึ้นอย่างช้าๆ เธอชี้นิ้วออกไปที่เสี่ยวฮวา ในตอนที่นิ้วของเธอยื่นออกไปจนสุด คลื่นประหลาดก็เข้าปกคลุมทั้งจีโนฮอลล์ มันเหมือนกับว่ากาลเวลานั้นถูกหยุด ทุกสิ่งทุกอย่างถูกแช่แข็งเอาไว้
พลังในการหยุดเวลาของพระเจ้าชั่วพริบตานั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเคยเห็นในการต่อสู้ครั้งก่อน ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นอะไรที่น่าตกใจอยู่ดี เมื่อเห็นว่านิ้วของพระเจ้าชั่วพริบตาถูกยกขึ้นมาชี้ไปที่เสี่ยวฮวาเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็คิดว่าเสี่ยวฮวาคงจะตอบโต้อะไรไม่ได้
แต่เสี่ยวฮวายังเคลื่อนไหวได้ ถึงแม้เวลาจะถูกหยด เขายกกำปั้นขึ้นมาและชกไปที่พระเจ้าชั่วพริบตา
ปัง!
เปลวเพลิงสีขาวที่น่ากลัวทำลายแสงจากนิ้วมือของพระเจ้าชั่วพริบตา มันเหมือนกับดาวตกที่พุ่งไปหาเธอ สีหน้าของพระเจ้าชั่วพริบตาเปลี่ยนไป ร่างกายของเธอแว็บหายไปเพื่อหลบหลีกพลังหมัดนั้น
หมัดเพลิงสีขาวปะทะเข้ากับประตูของจีโนฮอลล์จนเกิดเป็นเสียงที่ดังกังวาน ถึงแม้ประตูของจีโนฮอลล์จะไม่ได้รับความเสียหาย แต่มันก็ทำให้ประตูสั่นไหว
“นั่นเป็นไปได้ยังไง?” ทุกสิ่งมีชีวิตรู้สึกแปลกใจ
พลังของพระเจ้าชั่วพริบตานั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง แต่ตอนนี้มันมีคนที่สามารถทำลายพลังหยุดเวลาได้โดยการใช้เพียงแค่หมัดเดียว แม้แต่ตัวพระเจ้าชั่วพริบตาก็ไม่กล้าจะรับพลังนั้นตรงๆ มันแสดงให้เห็นถึงความน่ากลัวของพลังนั้น
“คนๆนี้เป็นใครกัน?”
“เขามีพลังที่น่ากลัวมากๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ในจักรวาลมียอดฝีมือที่ทรงพลังขนาดนี้อยู่?”
ทุกเผ่าพันธุ์ในจักรวาลตกตะลึง แม้แต่สีหน้าของสิ่งมีชีวิตจากโบราณกาลก็เปลี่ยนไป พวกเขาดูไม่อยากจะเชื่อ
“ข้าไม่ต้องการฆ่าฟัน อย่าให้ข้าต้องทำแบบนั้น ส่งตัวฉินหลานมาให้กับข้า”
เสี่ยวฮวาเริ่มก้าวออกไปหาประตูของจีโนฮอลล์ ใบหน้าของเขาดูเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
“แสง…ชั่วพริบตา…” พระเจ้าชั่วพริบตาไม่ตอบ คลื่นอันลึกลับกระเพื่อมออกจากร่างกายของเธอ มันเหมือนกับว่าแม่น้ำของกาลเวลาถูกผลักดัน และทำให้กาลเวลาไหลเร็วขึ้นกว่าเดิม เวลาชั่วพริบตาคือเวลาหนึ่งพันปี