หานเซิ่นรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งจะได้เพลิดเพลินกับการหลับใหลที่แสนสุข เขารู้สึกดีจนเกือบจะร้องออกมา
หานเซิ่นลืมตาขึ้น และสิ่งที่เขาเห็นตรงหน้า ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ เขาไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ได้ในทันที
หานเซิ่นจำได้แค่ว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำนั้นลากลงไปในอุโมงค์ตรงกันข้ามจนกระทั่งเขาหมดสติไป
มันเหมือนกับว่าชุดเกราะคริสตัลสีดำต้องการจะฆ่าเขา และหานเซิ่นคิดว่าตัวเองคงจะต้องตายแน่ๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้น มันเหมือนกับว่าเขาแค่หลับไป
ในตอนที่หานเซิ่นตื่นขึ้นมา เขาสังเกตเห็นว่าตัวเองเปลือยเปล่าและขดตัวอยู่ในเศษซากของเปลือกไข่ หว่านเอ๋อหายตัวไปและมีชายวันกลางคนยืนอยู่ตรงหน้าเขา คนๆนั้นจ้องมองมาที่ร่างกายของเขาด้วยสายตาที่ละโมบ
ในหัวของหานเซิ่นมีหลายคำผุดขึ้นมา หื่นกาม เกย์และแว่นตา หานเซิ่นมองชายวัยกลางที่ค่อยๆเดินมาหาเขาขณะพึมพำ
“เจ้าเป็นของข้า เจ้าเป็นของข้า”
‘ไปลงนรกซะ ไอ้คนวิปริต’ หานเซิ่นคิดแต่เขาไม่ได้พูดอะไร เขาง้างหมัดเพื่อเตรียมจะชกใส่ชายวัยกลางคน
ในตอนที่ชายวัยกลางคนเห็นหานเซิ่นง้างหมัด ใบหน้าของเขาก็ดูตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมขณะที่พูดขึ้นว่า “ยีนเรซมนุษย์ ยีนเรซมนุษย์ที่หายาก ข้าอยากรู้จริงๆว่ามันมีธาตุอะไรกัน ตำนานบอกว่าไข่ยีนของราชาฉินเป็นธาตุกาลเวลาและอวกาศ ถ้านี่คือยีนเรซมนุษย์ธาตุกาลเวลาและอวกาศล่ะก็ หลังจากที่เขาเติบโตขึ้น มันก็มีโอกาศที่เขาจะยึดครองวิหารพระเจ้าและสร้างอาณาจักรของตัวเองได้สำเร็จ”
“มิสเตอร์เหมิงระวัง มันมีบางสิ่งผิดปกติ…” มิสเตอร์หยางที่อยู่ใกล้ๆพยายามจะพูดเตือน
“ไม่ต้องกังวล เจ้าคิดว่ายีนเรซมนุษย์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่จะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นหรอ?”
มิสเตอร์เหมิงไม่สนใจคำเตือนของมิสเตอร์หยาง เขาไม่รู้สึกถึงพลังจากหมัดของหานเซิ่น
มิสเตอร์เหมิงคิด ‘ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องเอาเขามาเป็นของตัวเองก่อน หลังจากนั้นเราก็จะสั่งสอนเขา ยีนเรซมนุษย์เป็นสิ่งที่มีค่ามากๆ เราจะปล่อยให้ข่าวนี้รั่วไหลออกไปไม่ได้ เราคงจะเก็บมิสเตอร์หยางเอาไว้ไม่ได้’
ทันใดนั้นเขาปลดปล่อยพลังและยื่นมือออกไปเพื่อรับหมัดของหานเซิ่น
ร่างกายของมิสเตอร์เหมิงขยายใหญ่ หัวของเขามีเขาวัวงอกขึ้นมาและเส้นผมของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดำเหมือนกับเหล็ก ร่างกายของเขาดูแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก และมันมีออร่าที่ทรงพลังปลดปล่อยออกมา แต่ในตอนที่มือของเขาสัมผัสกับหมัดของหานเซิ่น สีหน้าของมิสเตอร์เหมิงก็เปลี่ยนไป เขาไม่มีโอกาสจะโต้กลับ มือของมิสเตอร์เหมิงถูกบดขยี้โดยหมัดของหานเซิ่นและหมัดพุ่งต่อไปถูกที่อกของเขา ร่างกายของมิสเตอร์เหมิงถูกส่งกระเด็นออกไปชนเข้ากับกำแพงจนระเบิดออกและกลายเป็นรอยเลือดบนกำแพง
มิสเตอร์หยางอ้าปากค้าง เขาตกตะลึงไปเมื่อเห็นมิสเตอร์เหมิงกลายเป็นรอยเลือดบนกำแพง เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้เห็น
เขาสัมผัสได้ว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติ แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ไม่สำคัญว่ายีนเรซจะมีระดับสูงขนาดไหน แต่ในตอนที่มันเพิ่งกำเนิดขึ้นมา มันจะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมาก ถึงแม้ทารกของยีนเรซระดับสูงจะแข็งแกร่งกว่าทารกของยีนเรซทั่วไป แต่มันก็ไม่มีทางที่จะแข็งแกร่งขนาดที่สามารถเปลี่ยนร่างกายของมิสเตอร์เหมิงให้กลายเป็นรอยเลือดบนกำแพงได้ในหมัดเดียวแบบนี้
มิสเตอร์เหมิงเป็นยอดฝีมือระดับที่สูงมากๆของเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อต ถึงแม้เขาจะไม่ใช้ยีนเรซ แต่เขาก็เหนือกว่าคนส่วนใหญ่ ยีนเรซที่เพิ่งเกิดขึ้นมา ไม่มีทางฆ่าเขาได้อย่างง่ายดายในหมัดเดียว
มิสเตอร์หยางเชื่อว่าถ้าเขาเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนอื่น มันก็คงจะไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา
“ทำไมเขาถึงอ่อนแอแบบนั้น?” หานเซิ่นมองกำปั้นตัวเองด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าอีกฝ่าย เขาคิดว่าชายวัยกลางคนๆนั้นดูค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่อีกฝ่ายกลับอ่อนแอ่มากๆและไม่สามารถทนหมัดๆเดียวได้
ความจริงแล้วนั่นเป็นแค่หมัดธรรมของหานเซิ่น ในตอนที่หานเซิ่นชกออกไป เขาตั้งใจจะจับตัวอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อถามหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้
ใครจะไปรู้ว่าในตอนที่เขาเริ่มใช้วิชาจีโน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัว มันทำให้เขาต้องยับยั้งพลังของตัวเองและลดแรงหมัดลง หมัดที่เขาชกออกไปจึงเหมือนกับหมัดที่ชกใส่น้ำที่มีแรงต้านทานที่สูงมากๆ
แต่หมัดแบบนั้นกลับทำให้ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแกร่งตัวระเบิดอยู่ดี หานเซิ่นไม่กลัวการฆ่าคน แต่เขากลัวการฆ่าคนดี ด้วยเหตุนั้นเขาจึงต้องการจะถามคำถามก่อน โชคร้ายที่สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ไปซะแล้ว เขารู้สึกแย่ขณะที่หันไปมองมิสเตอร์หยางที่อยู่ใกล้ๆ
มิสเตอร์หยางรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่สุด เมื่อครู่นี้หานเซิ่นฆ่ามิสเตอร์เหมิงในหมัดเดียว ภาพที่น่ากลัวนั้นทำให้ท้องใส้ของเขาปั่นป่วน ตอนนี้เมื่อหานเซิ่นมองมาที่เขา เขาก็รู้สึกหวาดกลัวราวกับว่าเขากำลังถูกมองโดยราชาปีศาจ มิสเตอร์หยางขาอ่อนและล้มลงไปบนพื้น เขาฉี่ราดออกมา
หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาต้องการจะใช้ศาสตร์ตงเสวียนเพื่อตรวจเช็คอีกฝ่าย แต่ในตอนที่เขาใช้ศาสตร์ตงเสวียน เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวอีกครั้ง มันเหมือนกับว่ามีภูเขาลูกใหญ่มาทับตัวของเขา ทำให้เขาไม่สามารถใช้วิชาจีโนได้
หลังจากที่หานเซิ่นยับยั้งวิชาจีโนของตัวเอง แรงกดดันประหลาดก็หายไป
“นี่มันหมายความว่า… เรามาที่อีกโลกหนึ่งอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้ ในตอนที่เขาใช้พลังของเลือดสีฟ้า ร่างกายของเขาจะถูกปฏิเสธโดยกฎของจักรวาลจีโน แต่มันไม่ได้รุนแรงขนาดนี้
หานเซิ่นลองดูอีกหลายครั้งและค้นพบว่าการคาดเดาของเขานั้นถูกต้อง พลังของโลกนี้ปฏิเสธเขา แต่มันไม่ได้ปฏิเสธเขาซะทีเดียว ถ้าเขาไม่ได้ใช้วิชาจีโนหรือพลังมากจนเกินไป โลกใบนี้ก็จะไม่ปฏิเสธร่างกายของเขา
“ตอนนี้เราพอจะเข้าใจแล้ว นี่ควรจะเป็นโลกที่ฉินซิวเกิดขึ้นมา ร่างกายของเรามียีนของฉินซิวอยู่ ดังนั้นเราจึงไม่ถูกปฏิเสธ แต่ในโลกนี้วิชาจีโนของจักรวาลจีโนนั้นถูกปฏิเสธ สถานการณ์ของเราเหมือนกับฉินซิวในจักรวาลจีโน” หานเซิ่นรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
หานเซิ่นรู้สึกดีใจ ในตอนแรกเขากลัวว่าโลกที่ฉินซิวจากมาจะเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากมาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นแบบนั้น อย่างน้อยๆชายสองคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็อ่อนแอ่มากๆ พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะต่อสู้กับหานเซิ่นได้
‘ถ้าฉินซิวเข้าไปในจักรวาลจีโนได้ เราก็ควรจะกลับไปที่นั่นได้เช่นกัน สิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการหาข้อมูลเกี่ยวกับโลกใบนี้ บางทีเราอาจจะพอหาข้อมูลเกี่ยวกับฉินซิวได้’ เมื่อคิดได้แบบนั้นหานเซิ่นก็หันไปมองมิสเตอร์หยางที่ตอนนี้ตัวสั่นอยู่บนพื้น