“ฟังดูทรงพลัง นี่เจ้าแมวน้อยตัวนี้เป็นยีนเรซที่ทรงพลังจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นยกเจ้าแมวน้อยมาอยู่ตรงหน้า นอกจากความจริงที่ว่ามันดูคล้ายคลึงกับเฒ่าแมวแล้ว มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
ขณะที่หานเซิ่นมองไปที่เจ้าแมวน้อย เจ้าแมวน้อยเองก็มองมาที่หานเซิ่นด้วยดวงตาที่กลมโตและไร้เดียงสา แววตาของมันดูเหมือนกับสิ่งมีชีวิตน้อยๆที่ไม่รู้ประสีประสา
“เกี่ยวกับเรื่องนั้น โดยปกติแล้วยีนเรซที่เกิดมาพร้อมกับปรากฎการณ์ชีพจรพระเจ้าประหลาดจะค่อนข้างแข็งแกร่ง”
มิสเตอร์หยางพูดด้วยความลังเล “แต่ตอนนี้ตัวของมันยังเล็กเกินไป มันคงจะใช้เวลาอีกสักพักกว่าที่มันจะเติบโต”
ถึงแม้ยีนเรซนี้อาจจะเป็นอสูรที่ชั่วร้าย แต่รูปลักษณ์ของมันตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ที่อสูรชั่วร้ายควรจะมี มันดูไม่เข้ากันเลยสักนิดจนทำให้แม้แต่มิสเตอร์หยางก็เริ่มจะสงสัยในตัวเอง
โดยปกติแล้วมันจะมีหายนะตามมาหลังจากที่ยีนเรซที่มีสัญญาณของอสูรที่ชั่วร้ายถือกำเนิดขึ้นมา แต่ตอนนี้มันดูจะไม่เป็นแบบนั้น
หานเซิ่นมองไปที่แมวน้อยขณะที่ถามขึ้นว่า “ข้าจะทำให้มันเติบโตได้ยังไง? ข้าต้องป้อนอาหารแมวให้กับมันอย่างนั้นหรอ?”
“ยีนเรซจำเป็นต้องกินไข่ยีนหรือกินยีนเรซตัวอื่นเพื่อจะวิวัฒนาการ อาหารปกตินั้นไม่ได้ทำให้มันเติบโต” มิสเตอร์หยางตอบ
“นั่นดูเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ข้าจะไปหายีนเรซจำนวนมากมาป้อนให้กับมันได้จากที่ไหน?” หานเซิ่นดูลำบากใจ
การขุดหาไข่ยีนนั้นเป็นอะไรที่น่ารำคาญโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหานเซิ่นต้องการยีนเรซเป็นจำนวนมาก เขาคิดว่าไม่ว่าทางไหนมันก็เป็นอะไรที่ยากลำบาก
“ตอนนี้มันตัวเล็กมากๆ ดังนั้นแค่ไข่ยีนและยีนเรซระดับต่ำก็น่าจะเพียงพอสำหรับมันแล้ว แต่หลังจากที่นายท่านทำให้มันวิวัฒนาการและตัวมันใหญ่ขึ้นแล้ว ไข่ยีนและยีนเรซธรรมดาก็อาจจะไม่เพียงพอ มันจำเป็นต้องใช้ไข่ยีนและยีนเรซระดับสูงเพื่อจะวิวัฒนาการต่อไป”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ มิสเตอร์หยางก็ถามขึ้นว่า “นี่นายท่านต้องการจะเลี้ยงมันจริงๆอย่างนั้นหรอ? มันเป็นอสูรที่ชั่วร้าย และนายท่านไม่ได้ทำพันธสัญญากับมัน ถ้านายท่านเลี้ยงมันแบบธรรมดาๆ การที่มันจะทรยศก็เป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ”
“ไม่เป็นอะไร ข้าก็แค่จะเก็บมันไว้เล่นด้วย”
หานเซิ่นยกแมวน้อยขึ้นสูง เขามองไปที่มันและถาม “ข้าจะเรียกเจ้าว่าแมวน้อย?”
หานเซิ่นไม่เก่งเรื่องการตั้งชื่อ ในเมื่อมันดูเหมือนจะเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับเฒ่าแมว ดังนั้นมันก็ไม่เสียหายอะไรที่จะตั้งชื่อมันว่าแมวน้อย แบบนี้เฒ่าแมวก็ยังเป็นเฒ่าแมว นั่นจะช่วยขจัดปัญหาไปได้เยอะ
“เหมียว” แมวน้อยดูเหมือนจะเข้าใจ มันร้องเหมียวตอบหานเซิ่นราวกับว่ามันดีใจกับชื่อที่มันได้รับ
“มิสเตอร์หยางช่วยหาชีพจรพระเจ้าให้ข้าเพิ่มอีก ข้าต้องการหาไข่ยีนเพื่อมาป้อนให้กับแมวน้อย”
หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่สามารถรวมกับโลหิตชีพจรของไข่ยีนได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจไข่ยีนอีกต่อไป เขาแค่ต้องการไข่ยีนเพื่อป้อนให้กับแมวน้อย
“โอเค” มิสเตอร์หยางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า เขามองไปที่แมวน้อยด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
“ไม่กี่ปีมานี้ไม่รู้ว่าทำไม แต่จำนวนของชีพจรพระเจ้านั้นเพิ่มสูงขึ้นมาก เมื่อก่อนนั้นแค่จะหาไข่ยีนสักใบก็เป็นอะไรที่ยากมากๆแล้ว แต่เดี๋ยวนี้การจะหาไข่ยีนสามถึงสี่ใบนั้นไม่ใช่เรื่องยาก มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่ข้าจะหาไข่ยีนระดับต่ำให้กับนายท่าน ถ้าเป็นในอดีตละก็ มันจะเป็นเรื่องที่ยากมากๆ”
หานเซิ่นหันไปมองเสาโลหะที่ยาวยี่สิบสี่ฟุตและเดินไปข้างๆมัน เขายกมันขึ้นพาดไหล่ มันเหมือนกับว่าเขากำลังแบกไม้อยู่
“สิ่งนี้ควรจะมีมูลค่าพอสมควร บางทีอาจจะนำมันไปแลกกับไข่ยีนได้” หานเซิ่นพูด
มิสเตอร์หยางมองเขาอย่างแปลกๆก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “สิ่งสะกดชีพจรนั้นมีมูลค่าสูงมากๆ แต่เจ้าของของมันคงจะเป็นคนที่มีชื่อเสียงและทรงพลัง ถ้าเจ้าของมาพบว่านายท่านนำมันไปขาย มันก็อาจจะนำปัญหามาให้นายท่านอีก”
หานเซิ่นไม่สนใจและยังคงถือเสาโลหะต่อไป เขาให้มิสเตอร์หยางเริ่มนำทางเขาไปหาชีพจรพระเจ้าเพื่อขุดไข่ยีนเพิ่มอีก
เหมือนอย่างที่มิสเตอร์หยางพูด ชีพจรพระเจ้านั้นหาได้ไม่ยากอะไร หลังจากที่เดินไปเป็นระยะทางสิบไมล์ พวกเขาก็มาถึงชีพจรพระเจ้าอีกแห่งหนึ่ง ครั้งนี้มันไม่ได้มีเหตุการณ์ร้ายอะไรเกิดขึ้น พวกเขาขุดไข่ยีนสีขาวที่มีขนาดพอๆกับกำปั้นขึ้นมาจากพื้นได้อย่างรวดเร็ว
มิสเตอร์หยางตรวจเช็คมันและบอกว่ามันเป็นไข่ของยีนเรซงูพิษระดับบารอน มันเป็นยีนเรซที่หาได้ทั่วไป ผู้คนในเมืองแอนเชี่ยนท์ก็อตหลายคนมักจะใช้มันเป็นยีนเรซของพวกเขา
ในเมื่อมันเป็นยีนเรซที่ไม่ได้พิเศษอะไร หานเซิ่นจึงไม่ได้สนใจอะไรมัน เขามอบไข่ของงูพิษให้กับแมวน้อย เขาวางมันตรงหน้าของเจ้าแมว แมวน้อยดูตื่นเต้นอย่างมากและมันยื่นลิ้นออกมาเลียที่ด้านข้างของไข่ มันเลียไปและส่งเสียงร้องเหมียวๆออกมา ดูมันจะชอบไข่ยีนมากๆ
หัวของแมวน้อยไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่กระเพาะของมันกว้างมาก มันกินไข่ของงูพิษที่มีขนาดเท่ากำปั้นเข้าไปในคำเดียว และท้องของมันก็ไม่ได้ดูฟองขึ้นมาหลังจากที่กินเข้าไป ความจริงแล้วมันดูเหมือนว่าเจ้าแมวน้อยนั้นต้องการเพิ่มอีก
หานเซิ่นจึงจำเป็นต้องให้มิสเตอร์หยางพาเขาไปหาไข่ยีนเพิ่มอีก แต่หลังจากที่พวกเขาเดินไปได้อีกไม่นาน พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง
พวกเขาหันไปและเห็นโอเวอร์แบริ่งบั๊กขนาดใหญ่กำลังวิ่งเข้ามาหาพวกเขา มิสเตอร์หยางดูตกใจ เขาหวาดกลัวและตะโกนขึ้น “นี่ซือป๋อส่งคนมาแก้แค้นอย่างนั้นหรอ?”
“ไม่ใช่ซือป๋อ มันคือพีชฟูกับผู้ชายอีกคนที่ดูเด็กยิ่งกว่านาง”
ดวงตาของหานเซิ่นนั้นทรงพลัง ถึงแม้พวกเขาจะยังคงอยู่ในระยะไกล แต่หานเซิ่นก็มองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครที่อยู่บนหลังของโอเวอร์แบริ่งบั๊ก
แน่นอนว่าในตอนที่โอเวอร์แบริ่งบั๊กเข้ามาใกล้ มิสเตอร์หยางเองก็เห็นได้ว่าที่อยู่บนหลังของมันคือพีชฟูล และข้างๆเธอมีเด็กผู้ชายรูปงามที่สวมใส่ชุดสีขาว
ในตอนที่โอเวอร์แบริ่งบั๊กอยู่ห่างจากหานเซิ่นน้อยกว่าสิบห้าฟุต มันก็หยุดอยู่แค่นั้น เด็กชายในชุดสีขาวที่ดูอายุราวๆสิบสามถึงสิบสี่ปีมองมาที่หานเซิ่นด้วยความสนใจและถาม
“พีชฟูล เขาก็คือชายที่ใช้มือเปล่าเพื่อฆ่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กอย่างนั้นหรอ?”
“ใช่แล้ว นายน้อยไวท์” พีชฟูลตอบอย่างมีมารยาท
มิสเตอร์หยางดูตกใจ พีชฟูลเป็นหลานสาวของเจ้าเมืองดราก้อนซอง ฐานะของเธอจึงค่อนข้างสูง แต่ตอนนี้เธอดูมีมารยาทกับเด็กผู้ชายคนนี้อย่างมาก มันบ่งบอกว่าเขามีฐานะที่สูงยิ่งกว่าเธอซะอีก
“นี่เจ้าใช้มือเปล่าเพื่อฆ่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กจริงๆอย่างนั้นหรอ?”
เด็กชายในชุดสีขาวถามขณะที่เขากระโดดลงมาจากหลังของโอเวอร์แบริ่งบั๊ก เขาเดินเข้ามาหาหานเซิ่น
“ใช่” หานเซิ่นพยักหน้า เขาไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าฆ่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กตัวนี้ได้ไหม?” เด็กชายชุดขาวถามขณะที่เขาชี้ไปที่โอเวอร์แบริ่งบั๊กที่พวกเขาขี่มา
ถึงแม้โอเวอร์แบริ่งบั๊กตัวนี้จะเพิ่งโตเป็นผู้ใหญ่ แต่มันก็แข็งแกร่งกว่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กของซือป๋อมาก
“ข้ากับเจ้าไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ทำไมข้าต้องฆ่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กของเจ้าด้วย?” หานเซิ่นพูด
“นี่ไม่ใช่โอเวอร์แบริ่งบั๊กของข้า มันเป็นของนาง ข้าอยากเห็นว่าเจ้าฆ่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กด้วยมือเปล่าได้จริงๆหรือไม่” เด็กชายชุดขาวชี้ไปที่พีชฟูลขณะที่พูด
สีหน้าของพีชฟูลดูไม่ค่อยดีนัก แต่เธอไม่ได้พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอหวาดกลัวเด็กชายชุดขาวคนนี้
“ทำไมข้าต้องแสดงให้เจ้าดูด้วย? ข้าจะได้ประโยชน์อะไรจาการฆ่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กตัวนี้?” หานเซิ่นขมวดคิ้ว เด็กผู้ชายคนนี้ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ
หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น เด็กชายชุดขาวก็ครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้าฆ่าโอเวอร์แบริ่งบั๊กได้ด้วยมือเปล่าจริงๆ ข้าจะให้เจ้าเป็นคนรับใช้ของข้า”
เด็กผู้ชายชุดขาวพูดราวกับว่าสิ่งที่เขาพูดออกมานั้นเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับว่ามันถือเป็นความโชคดีของหานเซิ่นที่จะได้เป็นคนรับใช้ของเขา
เมื่อได้ยินแบบนั้น มิสเตอร์หยางก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมา เขารู้ว่าหานเซิ่นเป็นคนยังไง มันไม่มีทางที่คนอย่างหานเซิ่นจะยอมรับในเรื่องนี้