บางสิ่งไม่สามารถเข้าใจในเวลาอันสั้นได้ หานเซิ่นจึงหยุดคิดเกี่ยวกับมันและเดินเข้าไปหากองหินที่ฝังบลัดโกสต์สปิริตอยู่ เขาเคลื่อนย้ายเศษหินออกไปเพื่อจะดูว่าบลัดโกสต์สปิริตนั้นตายไปหรือยัง ถ้ามันยังไม่ตาย เขาก็จะชกใส่มันอีกหมัดสองหมัด ถ้ามันตายไปแล้ว เขาก็จะเอามันไปเป็นอาหารให้กับแมวน้อย
แมวน้อยนั้นกินเนื้อของโอเวอร์แบริ่งบั๊กเข้าไปเป็นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ร่างกายของมันยังคงอ่อนแรง มันยังไม่วิวัฒนาการเช่นกัน มันต้องการอาหารเพิ่มอีก
แต่ในตอนที่เขาเคลื่อนย้ายเศษหินออกไป เขาก็ต้องประหลาดใจ เนื่องจากมันไม่มีร่างของบลัดโกสต์สปิริตอยู่ แต่มันมีไข่ยีนสีม่วงขนาดเท่ากำปั้นอยู่แทน ดูเหมือนจะเป็นไข่ยีนของบลัดโกสต์สปิริต
“ไม่มีทาง หมัดเดียวของเราทำให้มันย้อนกลับกลายเป็นไข่ยีนเลยอย่างนั้นหรอ?”
หานเซิ่นทั้งประหลาดใจและดีใจ สำหรับผู้คนในโลกใบนี้ มีเพียงแค่ไข่ยีนเท่านั้นที่สามารถใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตเพื่อควบคุมได้ ยีนเรซที่ฝักตัวออกมาแล้วนั้นไม่สามารถถูกควบคุมโดยโลหิตชีพจรเทพสปิริตได้ ถึงแม้จะทำให้มันยอมเชื่อฟังได้ แต่นั่นก็แค่ในฐานะสัตว์เลี้ยงสำหรับต่อสู้เท่านั้น ไม่สามารถรวมร่างกับมันได้
คัมภีร์นภาอำพันของหานเซิ่นสามารถเปลี่ยนยีนเรซให้กลับกลายเป็นไข่ยีนได้ นั่นหมายความว่าหานเซิ่นสามารถควบคุมยีนเรซที่ฝักตัวแล้วได้ ต่อไปนี้เขาสามารถหายีนเรซที่โตเต็มวัยได้โดยตรง เขาไม่จำต้องขุดหาไข่ยีนตามชีพจรพระเจ้าอีก
“นี่เป็นอะไรที่ดีมากๆ ไม่คาดคิดเลยว่าคัมภีร์นภาอำพันจะมีประโยชน์ในโลกใบนี้ถึงขนาดนี้” หานเซิ่นหยิบไข่ยีนของบลัดโกสต์สปิริตขึ้นมาด้วยความรู้สึกภูมิใจในตัวเอง
ตราบใดที่เขามีพลังคัมภีร์นภาอำพันอยู่ มันก็เป็นเรื่องง่ายที่เขาจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวย เพราะราคาของยีนเรซนั้นต่ำกว่าราคาของไข่ยีนมาก ถ้าหานเซิ่นทำให้ยีนเรซที่เขาเจอกลับกลายเป็นไข่ยีนอีกครั้ง ราคาของมันก็จะเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า
การใช้พลังทั้งหมดเพื่อใช้คัมภีร์นภาอำพันนั้นเป็นอะไรที่ทำให้เขาสูญเสียพละกำลังมากเกินไป ด้วยเหตุนั้นการจะทำให้ยีนเรซระดับสูงกลายเป็นไข่ยีนจึงถือเป็นเรื่องยาก แต่หานเซิ่นไม่จำเป็นต้องเลือกยีนเรซระดับสูง การใช้พลังของคัมภีร์นภาอำพันเพื่อทำให้ยีนเรซระดับราชันหรือต่ำกว่ากลายเป็นไข่ยีนนั้นไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป
“ดูเหมือนว่าเราไม่จำเป็นต้องไปตามสถานที่ที่มีชีพจรพระเจ้าและเสียเวลาขุดหาไข่ยีนอีก เราเลี้ยงแมวน้อยได้โดยการขายยีนเรซที่กลายเป็นไข่ยีน” หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจมากๆ
เมื่อเห็นว่าโกสต์คิลล์ยังคงหมดสติ หานเซิ่นก็ไม่ได้รีบไปปลุก เขาเดินไปหาเตาหินและเปิดฝาของมันเพื่อดูว่ามีของมีค่าอะไรอยู่ภายในหรือเปล่า
ในตอนที่ฝาของเตาหินถูกเปิดออก เตาหินก็ปลดปล่อยกลิ่นหอมที่น่ารื่นรมย์ออกมา หานเซิ่นคิด ‘มันมียาศักดิ์สิทธิ์บางอย่างอยู่ภายในอย่างนั้นหรอ? ฉินซิวสั่งให้คนๆนี้ตามหาวิธีที่จะชุบชีวิตคน เขาคงจะไม่ได้มาที่นี่เพื่อปรุงยาชุบชีวิตคนขึ้นมาหรอกใช่ไหม?’
หานเซิ่นยื่นหัวเข้าไปมองและสิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาแปลกใจ
ภายในเตาหินไม่ได้มียาศักดิ์สิทธิ์เหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้ แต่มันไม่ได้ว่างเปล่า ภายในเตาหินมีไข่ยีนสีทองที่มีขนาดพอๆกับไข่นกกระจอกเทศอยู่ เปลือกไข่นั้นเป็นเหมือนกับคริสตัลสีทองเรืองอร่าม
“ภายในเตาหินนี่มีไข่ยีนอยู่ ไม่รู้ว่ามันถูกต้มอยู่ภายในเตาหินนี่มาเป็นเวลายาวนานแค่ไหนแล้ว แต่มันก็ควรจะสุกเรียบร้อยแล้ว เรากำลังรู้สึกหิวอยู่พอดีเลย การกินไข่นี้เพื่อลองท้องก็เป็นความคิดที่ไม่เลว ไข่ยีนนี่จะมีรสชาติแบบไหนกัน มันจะรสชาติดีกว่าไข่นกไหมนะ?” หานเซิ่นพูดกับตัวเองขณะที่หยิบไข่ยีนออกมาจากเตาหิน
ขณะที่ไข่ยีนอยู่ในมือของหานเซิ่น หานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจจากภายในไข่ เขาสังเกตว่าไข่ยีนนั้นยังคงไม่ได้ถูกต้มจนสุก มันยังคงมีสิ่งมีชีวิตอยู่ข้างใน
“ระดับของไข่ยีนนี้คงจะค่อนข้างสูง เราควรลองดูว่าจะควบคุมมันได้ไหม” หานเซิ่นลูบผิวของไข่ด้วยความรู้สึกลำบากใจ
ก่อนหน้านี้ในตอนที่แมวน้อยรวมร่างกับเขา หานเซิ่นก็ได้รู้ว่าเขาสามารถรวมร่างกับยีนเรซได้ แต่เขาไม่รู้วิธีการที่มนุษย์ของโลกใบนี้ควบคุมยีนเรซด้วยโลหิตชีพจรเทพสปิริตของพวกเขา
หานเซิ่นคิด ‘อีวิลโลตัสก็อตบอกว่าโลหิตชีพจรของเราเหนือกว่าของเขา โลหิตชีพจรของเราก็ควรจะควบคุมไข่ยีนนี้ได้ แต่เราจะใช้โลหิตชีพจรเพื่อควบคุมไข่ยีนนี้ได้ยังไงกัน’
หานเซิ่นคิดว่าในเมื่อเขาไม่ได้มีโลหิตชีพจรเทพสปิริตเหมือนกับคนอื่น เขาก็จำเป็นต้องใช้วิธีดั้งเดิม เขายื่นนิ้วกลางออกมาและหยดเลือดลงบนไข่ยีนสีทอง
เลือดสีแดงของเขาถูกดูดซับหายเข้าไปในไข่ยีนเหมือนกับว่ามันถูกดูดเข้าไปโดยฟองน้ำ หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นภายในหัวของเขา
“คุณได้รับยีนเรซระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์ ราชานกยูงปีกทอง”
ภายใต้สายตาของหานเซิ่น เปลือกของไข่ยีนแตกกระจายและมีนกยูงสีทองตัวน้อยๆบินออกมา มันกลายเป็นแสงสีทองเข้าไปในทะเลจิตของเขา
“ยีนเรซเข้าไปในทะเลจิตได้เหมือนกับวิญญาณอสูรอย่างนั้นหรอเนี่ย?” หานเซิ่นแปลกใจ
ตั้งแต่ที่หานเซิ่นมาที่โลกใบนี้ ถึงทะเลจิตของเขาจะยังคงอยู่ แต่วิญญาณอสูรนั้นเรียกออกมาไม่ได้ พวกมันเป็นเหมือนกับหานเซิ่นที่ถูกจำกัดโดยกฎของโลกใบนี้
หานเซิ่นลองเรียกนราชานกยูงปีกทองออกมาและพบว่าเขาสามารถเรียกมันออกมาได้อย่างง่ายดาย นกยูงตัวน้อยปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของหานเซิ่น
มันเหมือนกับวิญญาณอสูร หานเซิ่นมองเห็นข้อมูลเกี่ยวกับมัน (ร่างวัยเยาว์)
ราชานกยูงกลายเป็นแสงสีทองและเข้าไปในร่างกายของหานเซิ่น หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็เกิดความเปลี่ยนแปลง บนหัวของเขามีขนหัวของนกยูงงอกขึ้นมาและด้านหลังของเขาก็มีปีกสีทองของนกยูง
“ยังโชคดีที่ก้นของเราไม่มีขนนกยูงงอกออกมา…” หานเซิ่นมองดูใบหน้าของตัวเอง หลังจากที่รวมร่างกับราชานกยูงปีกทอง
โดยใช้จิตใจ ปีกบนหลังของหานเซิ่นก็เริ่มกระพือ เขาสามารถบินขึ้นบนท้องฟ้าได้ และเขาก็บินด้วยความเร็วที่สูงมากๆอีกด้วย
“อย่างน้อยๆในอนาคตเราก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางด้วยเท้าอีก”
โดยปกติแล้วหานเซิ่นไม่กลัวเหนื่อยจากการเดินเท้า แต่ถ้าเขาต้องการจะเดินทางด้วยความเร็วสูง การวิ่งด้วยเท้าของตัวเองนั้นเป็นอะไรที่เหนื่อยมากๆ เนื่องจากเขาถูกจำพลังโดยกฎของโลกใบนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่สะดวกกว่ามาก ถ้าเขาใช้พลังของยีนเรซที่ไม่ถูกจำกัดโดยกฎของโลกใบนี้
เมื่อเห็นว่าการหยดเลือดของตัวเองลงไปบนไข่ยีนนั้นได้ผล หานเซิ่นจึงเอาไข่ยีนของบลัดโกสต์สปิริตออกมาและหยดเลือดของเขาลงไป
มันเป็นเหมือนอย่างไข่ยีนของราชานกยูงปีกทอง ไข่ยีนของบลัดโกสต์สปิริตนั้นฝักตัวอย่างรวดเร็วและเสียงประกาศก็ดังขึ้นในหัวของหานเซิ่น
“คุณได้รับยีนเรซระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์ บลัดโกสต์สปิริต”
แน่นอนว่าสิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากไข่ยีนของบลัดโกสต์สปิริตก็คือลิงขนม่วง แต่ลิงขนม่วงตัวนี้มีขนาดเล็กกว่ามาก หานเซิ่นสามารถถือตัวของมันในมือข้างเดียว มันดูน่ารักมากๆ มันดูเหมือนกับสิ่งที่ทำขึ้นมากหยกม่วง
“บลัดโกสต์สปิริต: ยีนเรซระดับเทพเจ้ากลายพันธุ์ (ร่างวัยเยาว์)”
“น่าเสียดาย เนื่องจากบลัดโกสต์สปิริตถูกย้อนกลับไปเป็นไข่ยีนอีกครั้งหมายความว่ามันจะกลับไปสู่วัยเยาว์ ถ้าเราต้องการทำให้มันโตเต็มวัยอีกครั้ง เราก็ต้องป้อนอาหารให้กับมันจำนวนมาก?” แค่คิดถึงเรื่องนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกแย่ขึ้นมา
หานเซิ่นต้องการจะลองรวมร่างกับบลัดโกสต์สปิริตดู แต่ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงครางดังมาจากโกสต์คิลล์ ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะตื่นขึ้นมา ดังนั้นหานเซิ่นจึงรีบเก็บบลัดโกสต์สปิริตและราชานกยูงปีกทองกลับเข้าไปในทะเลจิต ก่อนที่จะหันไปมองโกสต์คิลล์