ดาวตูรินนั้นแตกต่างไปจากดาวปกติ มันเป็นดวงดาวที่ไม่วิหารพระเจ้า และเนื่องจากมันไม่มีวิหารพระเจ้า มันจึงไม่มีเมืองที่ถูกสร้างขึ้นรอบๆวิหาร
ด้วยเหตุนั้นดาวตูรินจึงเป็นดาวหายากที่มีเมืองอยู่หลายเมือง บนดาวตูรินนั้นมีเมืองเล็กๆอยู่เป็นร้อยเมือง
ในตอนที่หานเซิ่น มิสเตอร์หยาง โกสต์คิลล์ เจียงปู้กู่และแม่กับลูกสาวกำลังเดินไปบนถนนของเมืองท่าที่ใหญ่ที่สุดที่มีชื่อว่าเมืองสปิริตไลท์
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ถ้าเจ้ามีที่ต้องไป ข้าก็แนะนำให้พวกเจ้าไปซะ” หานเซิ่นพูดกับเจียงปู้กู่ที่กำลังเดินตามมา
เจียงปู้กู่ส่ายหัว “นายน้อยจ่ายเงินสามพันฉินเพื่อซื้อตัวข้า นอกซะจากข้าจะทำบางสิ่งเพื่อตอบแทนนายน้อย ไม่อย่างนั้นร่างกายนี้ก็เป็นของนายน้อย”
หานเซิ่นหัวเราะและไม่ได้พูดอะไรไปมากกว่านั้น เขาแค่หันมามองสองแม่ลูกและพูด “ถ้าพวกเจ้าต้องการไป ข้าจะมอบเงินจำนวนหนึ่งให้พวกเจ้าเพื่อไปใช้เริ่มต้นชีวิตใหม่”
“ได้โปรดให้พวกเราไปกับนายน้อยด้วย!” แม่วัยสาวดึงลูกสาวมาใกล้เพื่อก้มลงกราบต่อหน้าหานเซิ่น
“ลุกขึ้น ถ้าเจ้าต้องการจะอยู่ต่อ ข้าก็ไม่ว่าอะไร”
หานเซิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อยและให้มิสเตอร์หยางช่วยพวกเขาลุกขึ้น หลังจากนั้นเขาก็หันไปถามมิสเตอร์หยางว่า “มิสเตอร์หยาง เจ้ารู้ไหมว่าราชาฉินเคยอาศัยอยู่ที่ไหน?”
“ราชาฉินอาศัยอยู่ที่เมืองราชาฉิน ข้าได้ยินมาว่าเมื่อก่อนนั้นมันไม่มีเมืองอยู่ แต่ในภายหลังเมืองถูกสร้างขึ้นมาในสถานที่ที่ราชาฉินเคยอยู่อาศัย” มิสเตอร์หยางเล่าตำนานและเรื่องราวให้หานเซิ่นฟังขณะที่พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ
ในเวลาเดียวกันภายในเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์ ใบหน้าของผู้จัดการเหวินซีดเผือก เขาอ้าปากค้างขณะที่เขาจ้องไปที่หัวหน้าของเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์ ฟางฉีหยวนด้วยตกใจอย่างที่สุด
“หัวหน้าฟางล้อเล่นใช่ไหม?” ผู้จัดการเหวินพูดอย่างตะกุกตะกัก
“ใครจะมีเวลามาล้อเล่นกับเจ้า? คนที่เจ้าขายไปคือเจียงปู้กู่ตัวจริง เขาคือราชครูของอาณาจักรฉินที่มีชื่อเสียง” ฟางฉีหยวนมองผู้จัดการเหวินราวกับว่าเขาเป็นคนโง่
ผู้จัดการเหวินยังคงไม่อยากจะเชื่อ “นั่นควรจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเขาคือราชครูเจียงปู้กู่จริงๆ เขาจะกลายเป็นทาสให้คนอื่นรังแกได้ยังไงกัน? มันต้องเป็นการเข้าใจผิดแน่ๆ”
ฟางฉีหยวนหัวเราะอย่างเย็นชา “ราวๆสิบปีก่อน เจียงปู้กู่ได้รับคำสั่งจากองค์ราชาให้ไปที่พระราชวังหวูเว่ยเต๋าตามลำพัง เขาจำเป็นต้องฆ่าผู้นำสองคนของพระราชวังหวูเว่ยเต๋าและไล่พวกเขาออกไปจากดินแดนของอาณาจักรฉิน แต่อาจารย์สอนดาบของเจียงปู้กู่คือปรมาจารย์ดาบที่เป็นหนึ่งในผู้นำทั้งเก้าของพระราชวังหวูเว่ยเต๋า เขารู้สึกว่าเขาได้ทรยศอาจารย์ของตัวเอง ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจหยุดต่อสู้เป็นเวลายี่สิบปี ไม่ว่าจะอยู่หรือตาย เขาจะไม่ต่อสู้กับใครอีก นอกจากนั้นเขายังลาออกจากราชสำนักและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย”
“เมื่อก่อนนั้นข้าเคยเห็นเจียงปู้กู่อยู่หลายครั้ง และข้ายังได้เห็นเขาบุกโจมตีพระราชวังหวูเว่ยเต๋า คนๆนั้นต้องเป็นเจียงปู้กู่ตัวจริงไม่ผิดแน่”
หลังจากที่พูดแบบนั้น ฟางฉีหยวนก็มองไปที่ผู้จัดการเหวินและพูดต่อ “ถ้าเจ้าเก็บเจียงปู้กู่เอาไว้ ไม่ว่าเจ้าจะส่งเขาไปที่อาณาจักรฉินหรือขายเขาให้กับพระราชวังหวูเว่ยเต๋า เจ้าก็จะได้รับค่าตอบแทนมหาศาล ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าจะขายเขาด้วยราคาแค่สามพัน”
เมื่อผู้จัดการเหวินได้ยินแบบนั้น เขาก็ล้มลงไปกับพื้นอย่างหมดสภาพ เขาเหมือนกับคนบ้าที่พูดประโยคซ้ำๆว่า “ข้าขายราชครูของอาณาจักรฉินเจียงปู้กู่ในราคาสามพันฉิน…”
ดวงตาของฟางฉีหยวนดูเหมือนกับว่ากำลังลุกเป็นไฟ “มันยังผ่านมาไม่ถึงยี่สิบปี ดูเหมือนว่าเจียงปู้กู่จะรักษาคำสาบานของเขา มันต้องเป็นโชคชะตาที่พระเจ้ามอบให้กับข้า”
หานเซิ่นและคนอื่นๆไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นภายในเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์ แต่หลี่ปิงหยูกำลังมองไปที่เจียงปู้กู่อย่างเงียบๆ สายตาของเธอดูอาฆาต
เจียงปู้กู่นั้นได้ฆ่าผู้นำสองคนของพระราชวังหวูเว่ยเต๋า หนึ่งในสองคนนั้นคืออาจารย์ของหลี่ปิงหยู ไม่อย่างนั้นโดยปกติแล้วด้วยอายุและประสบการณ์ของหลี่ปิงหยู เธอคงจะยังไม่ได้รับตำแหน่งผู้นำ
ด้วยเหตุนั้นเจียงปู้กู่จึงเป็นศัตรูคู่อาฆาตของหลี่ปิงหยู แต่หลี่ปิงหยูนั้นยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเจียงปู้กู่ตรงหน้าคือราชครูของอาณาจักรฉินตัวจริง เนื่องจากเธอไม่ได้เห็นการต่อสู้ด้วยตาตัวเอง
ขณะที่หลี่ปิงหยูกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้ จู่ๆเธอก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ฟังดูเหมือนกับเม็ดฝน มีชายในชุดสีขาวกำลังขี่กวางสีขาว แต่ทว่าเขามีหนวดสีดำ กวางขาวนั้นงดงามยิ่งกว่าม้า และร่างกายของมันก็เรืองแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา
หานเซิ่นเองก็เห็นกวางและชายคนนั้น เขาเห็นว่ากวางขาวนั้นกำลังตรงเข้ามาทางพวกเขา ด้วยเหตุนั้นเขาจึงหยุดเดิน
กวางขาวหยุดวิ่งในตอนที่มันอยู่ห่างจากพวกเขาสามสิบฟุต มันวิ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่มันก็สามารถหยุดตัวเองได้ในทันที มันเหมือนกับว่ากวางขาวนั้นถูกแช่แข็งบนพื้นอย่างไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ
“ข้าได้ยินว่าเจ้าซื้อทาสสามคนในราคาสามพันฉิน ข้าขอแลกเปลี่ยนหนึ่งในพวกเขากับเงินสามหมื่นฉิน ฟังดูเป็นยังไง?”
ฟางฉีหยวนนั่งอยู่บนหลังกวางขาวและยิ้ม เขาไม่ได้มองไปที่หานเซิ่นแม้แต่นิดเดียว เขาเอาแต่จ้องไปที่เจียงปู้กู่
“ข้าจะไม่แลกเปลี่ยนเขากับเงินสามหมื่นฉิน” หานเซิ่นพูดขณะที่เขามองไปที่ฟางฉีหยวน
มิสเตอร์หยางมองหานเซิ่นอย่างจริงจังและกระซิบบอกเขาว่า
“นายท่านต้องระวังเอาไว้ ยีนเรซที่ชายคนนั้นกำลังขี่อยู่ ต้องเป็นโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ร่างสุดยอดไม่ผิดแน่ ในอาณาจักรฉินมันจัดอยู่ในท็อปร้อย”
ฟางฉีหยวนเมินเฉยต่อหานเซิ่นและมิสเตอร์หยาง เขาแค่มองไปที่เจียงปู้กู่และถาม “ราชครู เจ้ายังจำข้าได้ไหม? ข้าคือฟางฉีหยวน”
หลังจากที่พูดแบบนั้น มิสเตอร์หยางก็ดูตกใจมาก เขาไม่ได้คาดคิดว่าทาสคนนั้นจะเป็นเจียงปู้กู่ราชครูของอาณาจักรฉินจริงๆ
เจียงปู้กู่มองไปที่ฟางฉีหยวนอย่างสงบนิ่งและพูด “เจ้าเป็นลูกศิษย์ของผู้นำฝ่ายนภา ข้าเคยเห็นเจ้าบนยอดเขาวิถีนภา เจ้ายืนอยู่ถัดจากผู้นำฝ่ายนภา”
“ถ้าเจ้ารู้ขนาดนั้น มันก็ไม่มีความจำเป็นที่ข้าต้องพูดอ้อมค้อมอีก”
ฟางฉีหยวนพูดอย่างเย็นชา “ความแค้นของพระราชวังหวูเว่ยเต๋า วันนี้ข้าจะให้เจ้าชดใช้มัน”
เขารวมร่างกับโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ มันทำให้ร่างกายของฟางฉีหยวนแข็งแกร่งขึ้น หัวของเขามีเขากวางคู่อันศักดิ์สิทธิ์งอกออกมา มือทั้งสองข้างของเขาเปลี่ยนเป็นกีบเท้าของกวางที่ถูกสลักด้วยตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์
ฟางฉีหยวนส่งฝ่ามือออกไปใส่เจียงปู้กู่ แสงศักดิ์สิทธิ์บนตัวของเขาไหลไปรวมตัวกันที่ตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์บนฝ่ามือ ทำให้ตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์เรืองแสงขึ้นมา
ตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์นั้นดูเหมือนกับว่ากำเนิดจากท้องฟ้าและผืนดิน มันกระตุ้นพลังของท้องฟ้าและผืนดิน มันทำให้หานเซิ่นและคนอื่นๆรู้สึกราวกับว่าพวกเขาจะถูกบดขยี้ภายใต้อักษรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเหมือนกับภูเขานั่น
เจียงปู้กู่แค่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างสงบนิ่ง ขณะมองไปที่ฟางฉีหยวนที่พยายามโจมตีใส่เขา เขาไม่ได้คิดจะหลบหลีกหรือตอบโต้ และเขาก็ไม่ได้เรียกยีนเรซออกมาเพื่อรวมร่าง
หานเซิ่นแค่มองดูอยู่เฉยๆ แต่ในตอนที่เขาเห็นว่าฝ่ามือของฟางฉีหยวนกำลังจะถูกร่างกายของเจียงปู้กู่นั้น เจียงปู้กู่ก็ยังไม่ขยับเขยื้อน มันเหมือนกับว่าเขายินดีที่จะยอมรับความตาย นี่ทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ
เขาสัมผัสได้ว่าเจียงปู้กู่นั้นไม่คิดจะตอบโต้ เขายินดีที่จะรับการโจมตีนั้น
ฟางฉีหยวนดูอาฆาตและตื่นเต้นมากๆเมื่อเห็นว่าแม้ตัวเองจะต้องตาย เจียงปู้กู่ก็ยังคงรักษาคำสาบานของตัวเอง วันนี้ในที่สุดฟางฉีหยวนจะกำจัดศัตรูของพระราชวังหวูเว่ยเต๋าได้สำเร็จ
ไม่สำคัญว่าเจียงปู้กู่จะมีชื่อเสียงโด่งดังมากเพียงใด ถ้าเขาไม่รวมร่างกับยีนเรซ มันก็ไม่มีทางที่เขาจะทนรับตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ของฟางฉีหยวนได้
แต่ทันใดนั้นจู่ๆก็มีมือของใครบางคนมาดึงเจียงปู้กู่ไปด้านข้าง มันทำให้การโจมตีของฟางฉีหยวนถูกความว่างเปล่า
ฟางฉีหยวนขมวดคิ้ว เขามองไปยังคนที่ดึงแขนเจียงปู้กู่และพบว่ามันคือคนที่ซื้อตัวเจียงปู้กู่ไปด้วยเงินสามพันฉิน หานเซิ่น
“พวกเรายังไม่ได้ตกลงราคากันเลย แต่เจ้าก็พยายามจะเอาตัวเขาไปแล้ว เจ้านี่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย” หานเซิ่นยิ้มให้กับฟางฉีหยวน