Super God Gene – ตอนที่ 3067 อีวิลบลัด

สำหรับฟางฉีหยวนแล้วนี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากๆ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจจะฆ่าเจียงปู้กู่ให้ได้

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงปู้กู่ตัดสินใจจะหยุดต่อสู้เป็นเวลายี่สิบปี ถึงแม้จะมีกองทหารนับพันและยานรบเต็มท้องฟ้า มันก็เป็นไปได้ที่จะเอาชนะเขา

 

ฟางฉีหยวนรู้ว่าเขาจำเป็นต้องใช้โอกาสนี้เพื่อฆ่าเจียงปู้กู่ ชื่อเสียงของเขาในฝ่ายนภาจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก สักวันหนึ่งเขาอาจจะได้กลายเป็นผู้นำของฝ่ายนภาถ้าเขาทำงานนี้สำเร็จ

 

ฟางฉีหยวนส่งฝ่ามือที่เป็นเหมือนดั่งขุนเขาออกไปเพื่อบดขยี้หานเซิ่น เขายินดีจะฆ่าทุกคนที่กล้ามาขวางของเขา ตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์บนฝ่ามือของเขาเรืองแสงออกมา มันเหมือนกับว่าภูเขาที่ถล่มลงมา แต่หานเซิ่นไม่แสดงทีท่าว่าจะหลบ เขารวมร่างกับบลัดโกสต์สปิริต

 

ราชานกยูงปีกทองยังคงอยู่ระหว่างการวิวัฒนาการ และแมวน้อยก็ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ นอกจากนั้นมันไม่ใช่ยีนเรซที่หานเซิ่นเป็นเจ้าของอย่างเป็นทางการ มันไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของหานเซิ่น ถ้าเขาต้องการจะรวมร่างกับมัน เขาก็จำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากแมวน้อย ด้วยเหตุนั้นยีนเรซที่หานเซิ่นสามารถพึ่งพาได้ในตอนนี้จึงมีแค่บลัดโกสต์สปิริต

 

มีลมปราณสีม่วงออกมาจากร่างกายของหานเซิ่น ทันใดนั้นก็มีหางลิงงอกออกมาจากก้นของเขา เส้นผมของเขาเปลี่ยนเป็นสีม่วงและตัวของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ร่างกายของเขามีแสงสีม่วงประหลาดห่อหุ้ม มันกำลังลุกโชนเหมือนกับเปลวไฟสีม่วง มันทำให้ผิวและผมของหานเซิ่นดูเหมือนกับแอเมทิสต์สีม่วง

 

“รวมร่างกับบลัดโกสต์สปิริตสำเร็จ คุณได้รับวิชาประสานยีนอีวิลบลัด”

 

หานเซิ่นไม่รู้ว่าวิชาประสานยีนอีวิลบลัดคืออะไร แต่เขารู้สึกได้ถึงพลังประหลาดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา มันไหลตามการเคลื่อนไหวหมัดของหานเซิ่น

 

Pang!

หมัดที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีม่วงของหานเซิ่นปะทะกับตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ของฟางฉีหยวน ผลลัพธ์ของมันคือการระเบิด หานเซิ่นยังคงยืนอยู่ที่เดิมและไม่ได้ขยับไปไหน ตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ถูกทำลายด้วยหมัดของเขา และมันยังคงพุ่งต่อไปหาฝ่ามือของฟางฉีหยวน มือของฟางฉีหยวนที่ดูเหมือนกับกีบเท้าของกวางแตกกระจายและกระเด็นออกไป

 

Blergh!

ฟางฉีหยวนพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น แสงศักดิ์สิทธิ์บนตัวของเขาดูริบหรี่ขณะที่เลือดกระอักออกมา เขาจ้องไปที่หานเซิ่นกับเจียงปู้กู่และพูด

“ข้าก็คิดว่าเจียงปู้กู่นั้นไม่กลัวความตาย เจ้าบอกว่าจะไม่ต่อสู้ตลอดยี่สิบปี แต่ที่ไหนได้เจ้าก็แค่จอมโกหกที่หลอกลวงทุกคน เจ้าบอกว่าเจ้าจะรักษาคำสาบานและตัดขาดจากอาณาจักรฉิน แต่ความจริงแล้วเจ้ากลับมีคนระดับสูงของอาณาจักรฉินคอยปกป้อง ดีมากราชครูเจียงปู้กู่ คำสาบานของเจ้ามันเหลวไหลทั้งเพ”

 

เจียงปู้กู่ดูสงบนิ่ง เขาไม่ต้องการจะโต้เถียงกับฟางฉีหยวน หานเซิ่นไม่สามารถทนดูได้อีกต่อไป เขามองไปที่ฟางฉีหยวนด้วยความดูถูกและพูด

“ข้าให้เจ้าบอกราคาใหม่ แต่เจ้ากลับปฏิเสธ ตอนนี้เจ้าเริ่มพูดจาไร้สาระ เพียงเพราะเจ้าเอาตัวเขาไปไม่ได้ นี่พระราชวังหวูเว่ยเต๋าไม่ได้เรื่องแบบนี้เสมออย่างนั้นหรอ?”

 

“หุบปาก! คนบ้าอย่างเจ้ากล้าดียังไงมาดูถูกอำนาจของพระราชวังหวูเว่ยเต๋า? เจ้าคิดว่าเจ้าจะหยุดข้าคนนี้ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ? ข้าหัวหน้าของเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์นั้นรวมร่างกับยีนเรซเจ็ดตัวได้พร้อมๆกัน การเป็นศัตรูกับข้าจะทำให้เจ้าทำไม่ได้แม้แต่จะร้องขอชีวิต”

ฟางฉีหยวนเตรียมตัวจะใช้โลหิตชีพจรเทพสปิริตของเขาและเรียกยีนเรซตัวอื่นออกมาเพื่อรวมร่าง

 

ยอดฝีมือหลายคนนั้นสามารถรวมร่างกับยีนเรซได้หลายตัวพร้อมกัน มันไม่ใช่สิ่งที่หายากอะไรนักในอาณาจักรทั้งเจ็ด แต่ฟางฉีหยวนบอกว่าเขาเป็นหัวหน้าของเซเว่นฮาร์ทส์ดีพาร์ทเมนต์และสามารถรวมร่างกับยีนเรซเจ็ดชนิดพร้อมๆกัน นั่นถือเป็นอะไรที่หาได้ยาก

 

ยอดฝีมือทั่วไปนั้นสามารถรวมกับยีนเรซพร้อมกันได้แค่สามถึงสี่ชนิดเท่านั้น และยีนเรซเหล่านั้นจะต้องเป็นยีนเรซที่มีธาตุที่ไม่ขัดแย้งกัน

 

ยกตัวอย่างเช่นยีนเรซธาตุน้ำจะไม่สามารถรวมกับยีนเรซธาตุไฟได้ การรวมร่างกับยีนเรซที่มีธาตุที่ขัดแย้งกันนั้นจะทำร้ายร่างกายของคนๆนั้น

 

แต่ทันใดนั้นสีหน้าของฟางฉีหยวนก็ดูย่ำแย่ขึ้นมา เขาต้องการจะเรียกยีนเรซอีกหกตัวออกมาเพื่อรวมร่าง แต่เขาค้นพบว่าการเชื่อมต่อกับโลหิตชีพจรเทพสปิริตนั้นถูกตัดขาดไป และเขาไม่สามารถเรียกยีนเรซที่อยู่ภายในออกมาได้

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ฟางฉีหยวนตกตะลึง เขามองเข้าไปในตัวเองและสังเกตเห็นว่าเครื่องหมายโลหิตชีพจรเทพสปิริตมีชั้นของลมปรานสีม่วงปกคลุมอยู่ และเลือดบนบาดแผลของเขาก็กลายเป็นสีม่วง

 

ทันใดนั้นฟางฉีหยวนก็รู้สึกหนาวขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมา

“มันคืออีวิลบลัดของบลัดโกสต์สปิริต… เป็นไปไม่ได้… บลัดโกสต์สปิริตนั้นสูญพันธุ์ไปพร้อมกับความตายของโมหลี่แล้วนี่น่า! ทำไมบลัดโกสต์สปิริตถึงมาอยู่ที่นี่ได้…”

 

ฟางฉีหยวนมองดูรูปลักษณ์ของหานเซิ่นและสังเกตเห็นว่าเขาดูคล้ายคลึงกับบลัดโกสต์สปิริตในตำนาน มันเป็นยีนเรซพิเศษที่สามารถสังหารราชาของอาณาจักรได้

 

“เมื่อกี๊เจ้าพูดว่ายังไงนะ?” หานเซิ่นยิ้มให้กับฟางฉีหยวน

 

ร่างกายของฟางฉีหยวนสั่นรัว เขารีบหันกลับและบินหนีไป เขาเพิ่งรวมร่างกับแค่โฮลี่เหวินไวท์เดียร์เท่านั้น เขาก็รู้ว่าไม่สามารถเอาชนะหานเซิ่นในสภาพนี้ได้ ถ้าเขาไม่หนีไป เขาก็ต้องตายอยู่ที่นี่

 

‘เวรเอ้ย! ข้าควรจะคาดเดาเรื่องนี้เอาไว้แล้ว มันไม่มีทางที่เจียงปู้กู่จะปล่อยให้ตัวเองถูกฆ่าตาย’ ฟางฉีหยวนคิด

 

“เจ้าแสร้งทำเป็นคนใจแข็ง แต่หลังจากนั้นเจ้ากลับพยายามบินหนี เจ้าคิดว่าหานเซิ่นคนนี้เป็นใครกัน” หานเซิ่นพูดอย่างเย็นชา เขายกเสาโลหะขึ้นและขว้างมันออกไปใส่ฟางฉีหยวนเหมือนกับจรวดมิสไซล์ ด้วยแรงมหาศาลของหานเซิ่น เสาโลหะนั้นไปถึงข้างหลังของฟางฉีหยวนในชั่วพริบตา

 

แค่ได้ยินเสียงพุ่งเข้ามา ฟางฉีหยวนก็รู้ว่าเขาไม่สามารถหลบมันได้พ้น เขารวบรวมพลังและหันกลับไปเพื่อใช้หมัดชกใส่เสาโลหะ

 

มันมีเสียงที่ดังมากๆดังขึ้นมา ฟางฉีหยวนรู้สึกราวกับว่ากำปั้นของเขาจะแตกสลาย แรงจากการปะทะนั้นผ่านมาถึงอกของเขาและทำให้เขากระอักเลือดออกมา เขาร่วงลงมากระแทกกับพื้นจนเกิดเป็นร่องลึก

 

ฟางฉีหยวนต้องการจะกระโดดขึ้นมา แต่เขาเห็นหานเซิ่นปรากฎตัวตรงหน้าและจ้องมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม

 

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อาณาจักรฉินมีคนหนุ่มที่น่ากลัวขนาดนี้อยู่?”

ฟางฉีหยวนเสียใจกับการกระทำของตัวเอง เขาสอดแนมอาณาจักรฉินมาเป็นเวลากว่าสิบปี เขาคิดว่าตัวเองรู้เกี่ยวกับยอดฝีมือทุกคนของอาณาจักรฉิน เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะมีคนที่ทรงพลังอย่างหานเซิ่นอยู่ ในความทรงจำของเขา อาณาจักรฉินนั้นไม่มียอดฝีมือแบบนี้อยู่ แต่มันสายเกินไปแล้วที่เขาจะมารู้สึกเสียใจในตอนนี้

 

หานเซิ่นยิ้มกับฟางฉีหยวนขณะที่ถามขึ้นว่า “ชื่อของเจ้าคือฟางฉีหยวนอย่างนั้นใช่ไหม?”

 

“ฆ่าข้า ถ้านั่นคือสิ่งที่เจ้าต้องการ อย่าเสียเวลาพูดจาไร้สาระกับข้า”

ฟางฉีหยวนรู้ว่าเขาจะต้องตาย เพราะยังไงซะคู่ต่อสู้ของเขาก็มียีนเรซที่ทรงพลังมากๆอย่างบลัดโกสต์สปิริตอยู่ เขาคิดว่าอีกฝ่ายมีความเกี่ยวข้องกับโมหลี่ บางทีพวกเขาอาจจะเป็นนักฆ่าที่สมคบคิดกัน การหนีจากคนแบบนั้นเป็นอะไรที่ยากเกินไปสำหรับเขา

 

แถมเขาถูกพลังอีวิลบลัดของบลัดโกสต์สปิริตด้วย เขาไม่สามารถเรียกยีนเรซออกมาได้ แถมเขายังได้รับบาดเจ็บหนัก มันจึงเป็นไปไม่ได้อีกแล้วที่เขาจะหนีไป

 

“ถ้าเจ้าอยากตาย มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ แต่ถ้าเจ้าต้องการจะมีชีวิตรอด มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” หานเซิ่นยิ้มขณะที่พูดกับฟางฉีหยวน

 

“เจ้าต้องการให้ข้าทรยศพระราชวังหวูเว่ยเต๋าอย่างนั้นหรอ? ไม่มีทาง!” ฟางฉีหยวนพูดอย่างแน่วแน่

 

“ข้าไม่ใช่คนของอาณาจักรฉิน ดังนั้นการทรยศพระราชวังหวูเว่ยเต๋าของเจ้าจะไปมีประโยชน์อะไรสำหรับข้า” หานเซิ่นพูด

 

“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ฟางฉีหยวนอึ้งไป เขาคิดว่าหานเซิ่นเป็นยอดฝีมือของอาณาจักรฉินที่ได้รับหน้าที่ให้มาปกป้องเจียงปู้กู่ แต่ตอนนี้หานเซิ่นบอกว่าเขาไม่ใช่คนของอาณาจักรฉิน มันทำให้ฟางฉีหยวนรู้สึกสับสนจนคิดอะไรไม่ถูก

 

“ข้าค่อนข้างชอบโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ของเจ้า ข้ากำลังต้องการสัตว์ขี่ ถ้าเจ้ามอบมันให้กับข้า ข้าจะไว้ชีวิตของเจ้า” หานเซิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม

 

“เจ้า… เจ้าคิดว่าจะหลอกข้าได้อย่างนั้นหรอ… เจ้าต้องการเอายีนเรซของข้าไปและเจ้าจะฆ่าข้าในภายหลัง เจ้ามันเป็นจอมโกหก!” ฟางฉีหยวนไม่เชื่อหานเซิ่น

 

“ข้าเป็นแค่นักธุรกิจธรรมดาๆคนหนึ่ง ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับชายคนนั้น ข้าแค่บังเอิญซื้อตัวเขามาโดยที่ไม่ได้รู้ว่าเขาเป็นใคร ถ้าเจ้ายอมมอบสิ่งตอบแทนที่เหมาะสมให้กับข้า ข้าก็คงจะยอมขายเขาให้กับเจ้า มันไม่มีความจำเป็นที่ต้องต่อสู้ขึ้นกัน เจ้าไม่เชื่อข้าก่อนหน้านี้ และตอนนี้เจ้าก็ยังคงไม่เชื่อข้าอีก มันจึงเป็นเรื่องยากที่ข้าจะอดกลั้นความอยากจะฆ่าเจ้าได้” หานเซิ่นถอนหายใจและเดินเข้าไปใกล้ๆ

“ข้าไม่ได้ต้องการจะฆ่าเจ้า แต่ถ้าเจ้าอยากตายมากขนาดนั้น ข้าก็จะช่วยเจ้าอีกแรง”

 

เมื่อเห็นหานเซิ่นเดินเข้ามากใกล้ ฟางฉีหยวนก็รีบตะโกนขึ้นว่า

“เดี๋ยวก่อน! ข้าจะมอบโฮลี่เหวินไวท์เดียร์ให้กับเจ้า… แต่เจ้าจะไว้ชีวิตข้าจริงๆใช่ไหม?”

 

เมื่อได้ยินแบบนั้นหลี่ปิงหยูที่ดูเหตุกาณ์อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าที่ดูย่ำแย่มากๆ เธอเป็นหนึ่งในผู้นำของพระราชวังหวูเว่ยเต๋า เธอรู้สึกไม่พอใจที่เห็นหนึ่งในพรรคพวกของเธอเป็นคนที่รักตัวกลัวตายแบบนั้น

 

โชคดีที่เธอสวมใส่หน้ากากอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่มีใครเห็นใบหน้าของเธอ

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset