“เฒ่าจอมโกหก หนูหิว” บนถนนแห่งหนึ่ง เด็กผู้หญิงกำลังดึงแขนเสื้อของชายแกที่อยู่ข้างๆ ดวงตาของเธอเบิกกว้างขณะที่เธอมองไปที่เขา เธฮทำให้แน่ใจว่าตัวเองดูน่าสงสารเป็นพิเศษ
ใบหน้าของเธอดูเหมือนกับว่าเธอกำลังโหยหิว มันเหมือนกับว่าเธอถูกทารุน มันทำให้คนอื่นๆสงสารเธอและร้องไห้เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องที่เธอเล่า ดวงตาของชายแก่กระตุก เมื่อครึ่งวันก่อนเป่าเอ๋อเพิ่งจะกินอาหารที่แพงที่สุดและใช้เงินของเขาไปจนหมด เขาอยากจะตบปากตัวเองและด่าตัวเองที่ไร้ประโยชน์ เขาไม่สามารถแม้แต่จะเลี้ยงดูเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งได้
“เด็กน้อย ตั้งแต่ที่เจ้ามาอยู่กับข้า ปากของเจ้าก็ไม่เคยหยุดขยับเลย”
ชายแก่พูดอย่างหดหู่ “การที่เจ้ากินมากขนาดนั้น ถึงแม้ข้าจะมีภูเขาเงินภูเขาทอง มันก็จะถูกใช้จนหมด นี่หานเซิ่นเลี้ยงเจ้าไหวได้ยังไงกัน?”
“พ่อไม่เคยปล่อยให้หนูต้องหิว ถ้าคุณบอกว่าคุณดูแลหนูไม่ได้ หนูจะกลับล่ะ” เป่าเอ๋อพูดอย่างไม่พอใจ เธอหันกลับหลังและเตรียมตัวที่จะจากไป
“เด็กน้อย ข้ายอมแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปหาอะไรอร่อยๆกิน” ชายแก่พูดขณะที่จูงมือเป่าเอ๋อไปกับเขา
“เฒ่าจอมโกหก คุณอย่าได้พยายามหลอกหนูอีก” เป่าเอ๋อหลี่ตาขณะที่มองไปที่ชายแก่
“ถึงข้าจะหลอกคนอื่น แต่ข้าไม่กล้าจะหลอกเจ้า” ชายแก่พูด
“เจ้าแค่จำเป็นต้องอดทนอีกหน่อย ข้าจะพาเจ้าไปกินของดีๆ ที่นั่นเจ้าจะกินมากเท่าไหร่ก็ได้ ข้าให้สัญญาว่าเจ้าจะอิ่มหนำสำราญ”
“ใจดีจริงๆ” เป่าเอ๋อยิ้มกว้าง เธอจับมือของชายแก่และทำตัวน่ารัก
“เด็กผู้หญิงคนนี้…เลี้ยงดูยากจริงๆ นี่เจ้าหานเซิ่นเลี้ยงดูนางจนโตถึงขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” ชายแก่พูดไม่ออก
“ว่าแต่เฒ่าจอมโกหก ข้าคิดว่าท่านไม่มีเงินแล้วซะอีก” เป่าเอ๋อมองไปที่ชายแก่และกระพริบตาปริบๆ
“การกินอาหารนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไป”
ชายแก่จูงเป่าเอ๋อเดินไปบนถนนขณะที่มืออีกข้างกำลังถือธงเอาไว้ ดูเหมือนว่าเขาจะกำลังมองหาบางสิ่ง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็โค้งตัวลงไปหยิบก้อนหินแหลมคมขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมา
เขาจูงมือของเป่าเอ๋อขณะที่เดินไปเรื่อยๆ ในตอนที่พวกเขามาถึงทางแยกรูปตัวT เขาก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะวางหินแหลมคมนั่นบนมุมถนนที่เขาเลือก
เป่าเอ๋อกระพริบตาปริบๆและถาม “พวกเราจะหาของกินด้วยวิธีแบบนี้ได้จริงๆอย่างนั้นหรอ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ของอร่อยๆจะมาหาพวกเราในไม่ช้า” ชายแก่พูด เขาจูงมือเป่าเอ๋อเดินไปพร้อมกับเขา ไม่นานหลังจากนั้นพวกเขาก็มาหยุดอยู่ที่ริมถนน เขาวางธงในมือลงและเอาผ้าสีเหลืองออกมาปูลงบนพื้น เขาเอาเก้าอี้ออกมาและนั่งลงด้านหลังผ้าเหลืองก่อนที่จะหลับตาลง
“เฒ่าจอมโกหก นี่มันจะได้ผลจริงๆน่ะหรอ?” เป่าเอ๋อรอคอยอยู่สักพัก แต่ของอร่อยก็ยังคงไม่ปรากฎออกมา
“อย่าเพิ่งใจร้อน มันกำลังจะมา” ชายแก่พูดกับเธออย่างใจเย็นโดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา
หลังจากผ่านไปอีกสักพัก จู่ๆไก่และสุนัขบนถนนก็กระโดดอย่างแตกตื่น มีชายขี่ยีนเรซที่เหมือนกับปูตัวใหญ่สีทองมาตามถนน
เมื่อปูสีทองตัวใหญ่เหมือนกับรถถังตัวนี้เข้ามาใกล้พวกเขา ดวงตาของชายแก่ก็ลืมขึ้นมา เขาเป่าลมออกจากปากจนเกิดเป็นเสียงประหลาด ในตอนที่ปูยักษ์สีทองได้ยินเสียงนั้น ร่างกายของมันก็หยุดชะงักอย่างกะทันหัน มันทำให้คนที่อยู่บนหลังของมันถูกโยนออกไปข้างหน้า หัวของเขากระแทกลงกับพื้นตรงหน้าของหมอดูแก่คนหนึ่ง
หมอดูแก่มองไปที่ชายหนุ่มและพูด “หนุ่มน้อย หน้าผากของเจ้านั้นหมองคล้ำ วันนี้เจ้าจะประสบกับเคราะห์ร้าย”
ชายหนุ่มพยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น เขาเช็ดเลือดออกจากจมูกและมองไปที่ชายแก่ก่อนที่จะพูดอย่างเย็นชาว่า “หมอดูเฒ่า เจ้ากล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับข้า? เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร?”
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นเพื่อจะชกใส่ชายแก่ แต่ชายแก่ไม่ได้หลบ เขาแค่พูดขึ้นว่า
“ถ้าข้าดูไม่ผิด เจ้าเพิ่งจะประสบกับความเปลี่ยนแปลงที่ทำให้คนที่เศร้าโศกมีความสุขมากๆ”
ในตอนที่ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้น เขาก็ดูแปลกใจและลดหมัดลง
“หมอดูเฒ่า ใครส่งเจ้ามาที่นี่? ทำไมเจ้าถึงรู้เรื่องของข้า?” ชายหนุ่มมองไปที่ชายแก่ตั้งแต่หัวจรดเท้า
ชายแก่ส่ายหัว “ข้าต้องการช่วยเหลือผู้คน แต่ผู้คนมักจะไม่ยอมเชื่อ ช่างเถอะ”
หลังจากนั้นชายแก่ก็เก็บข้าวของและจูงมือเด็กผู้หญิงตัวน้อยเดินจากไป ขณะเดียวกันเขาก็พูดกับตัวเอง “พระเจ้าอิจฉาคนที่เป็นอัจฉริยะ มันช่างเป็นอะไรที่น่าเสียดาย…”
“เดี๋ยวก่อนหมอดูเฒ่า เจ้าหมายความว่ายังไง? อย่างน้อยก็บอกกับข้ามา ไม่อย่างนั้นข้าจะถอนฟันออกจากปากของเจ้าให้หมด หลังจากนั้นเจ้าจะพูดจาไร้สาระไม่ได้อีก” ชายหนุ่มยื่นมือหยุดพวกเขาทั้งสองเอาไว้
ชายแก่ถอนหายใจและพูด “ข้ากลัวว่าถึงข้าจะบอกเจ้าไป เจ้าก็จะไม่เชื่อข้า เอาแบบนี้เป็นไง? ข้าจะให้คำแนะนำเจ้าอย่างหนึ่ง และเจ้าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินให้กับข้า ถ้ามันมีประโยชน์กับเจ้า มันก็ถือเป็นความสุขของข้า ถ้ามันไม่มีประโยชน์ พวกเราต่างก็ไม่ได้สูญเสียอะไร”
หลังจากนั้นชายแก่ก็เอาเชือกเส้นหนึ่งออกมาและมอบมันให้กับชายหนุ่ม
“เจ้าหมายความว่ายังไง?” ชายหนุ่มรับเชือกไปด้วยความสงสัย มันดูเหมือนเชือกธรรมดาที่มีความยาวน้อยกว่าเก้าฟุต ถ้าไม่ใช่เพราะว่าชายแก่เพิ่งจะบอกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาได้ ชายหนุ่มก็คงจะใช้เชือกเส้นนี้รัดคอของชายแก่ไปเรียบร้อยแล้ว
ชายแก่พูดขึ้นว่า “มัดเชือกรอบเอวของเจ้าและมัดปลายเชือกอีกด้านกับยีนเรซนั่น หลังจากนั้นเจ้าก็จะรู้เอง”
“ก็ได้ ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าเจ้าต้องการอะไร ถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไรล่ะก็ ข้าจะกลับมาและทำให้เจ้าไม่เหลือฟันในปากแม้แต่ซี่เดียว พวกเจ้ามานี่และค่อยเฝ้าหมอดูเฒ่าคนนี้เอาไว้”
หลังจากที่ชายหนุ่มตะโกน มีชายร่างใหญ่หลายคนปรากฏตัวออกมา พวกเขาเข้ามาขวางทางชายแก่และเด็กผู้หญิงตัวน้อยเอาไว้
“ข้ามีเรื่องต้องไปทำ ถ้ามันไม่มีประโยชน์อะไร ในตอนที่ข้ากลับมา ระวังปากของเจ้าเอาไว้ให้ดี”
หลังจากที่ชายหนุ่มพูดแบบนั้น เขาก็กระโดดขึ้นไปบนหลังของปูยัก์และทำตามคำแนะนำที่ชายแก่มอบให้กับเขา เขามัดปลายเชือกด้านหนึ่งกับเอวของเขาและปลายเชือกอีกด้านกับปูสีทอง หลังจากนั้นเขาก็เตรียมตัวจะจากไป
“ช้าก่อน มัดเชือกระหว่างเจ้ากับยีนเรซให้สั้นลงหนึ่งฟุตกับอีกเจ็ดนิ้ว” ชายแก่พูด
ในหัวใจของชายหนุ่ม เขาไม่ได้เชื่อในสิ่งที่ชายแก่พูด แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเขาในวันนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะรู้ได้ แต่ชายแก่คนนี้กับสามารถพูดออกมาได้อย่างถูกต้อง ซึ่งทำให้เขารู้สึกหวั่นใจ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงลองทำตามที่ชายแก่บอก
ชายหนุ่มมัดเชือกให้สั้นลงและคิด ‘ถ้าเชือกนี่ไม่มีประโยชน์อะไรล่ะก็ ข้าจะทำให้ปากของเขาพูดออกมาไม่ได้อีก’
หลังจากนั้นเจ้าปูเริ่มวิ่งออกไป ในตอนที่ถึงทางแยก เจ้าปูยักษ์สีทองก็หมุนตัวด้วยความเร็วสูง มันทำให้ชายหนุ่มร่วงลงมาจากหลังของเจ้าปู ดวงตาของชายหนุ่มเปิดกว้างด้วยความตกใจ เขาเห็นตัวเองเกือบจะร่วงลงไปบนพื้น แต่เชือกที่รัดเอวของเขาอยู่ดึงเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะร่วงลงไปถึงพื้น
เมื่อชายหนุ่มเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เขาก็เริ่มจะเหงื่อตก มันมีหินที่แหลมคมอยู่ห่างไปจากดวงตาของเขาแค่ห้านิ้วเท่านั้น ถ้าเชือกไม่ได้ดึงเขาเอาไว้ ในตอนที่เขาร่วงลงมาจากหลังของปู เขาก็คงจะตาบอดไปแล้ว
เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น ขาของชายหนุ่มก็อ่อนลงไป หน้าผากของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะรอดพ้นจากเคราะห์ร้ายมาได้อย่างหวุดหวิด
ชายร่างใหญ่หลายคนล้อมชายแก่และเด็กผู้หญิงเอาไว้ ผู้คนหลายคนกำลังมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทันใดนั้นชายหนุ่มที่เพิ่งจะเลี้ยวผ่านมุมถนนไปนั้นวิ่งกลับมา