Super God Gene – ตอนที่ 3080 แม่น้ำโฮลี่ไลท์

ตอนที่ 3080 แม่น้ำโฮลี่ไลท์

 

แม่น้ำโฮลี่ไลท์อยู่บนเขตภูเขาที่สูงที่สุดของดาวกู่หย่าง ซึ่งถูกเรียกว่ามิราเดีย มันคือแม่น้ำที่อยู่สูงที่สุดจนถูกขนานนามว่า “แม่น้ำบนท้องฟ้า”

 

ผู้คนที่กล้าไปที่นั่นนั้นมีจํานวนน้อยมาก ความยาวของแม่น้ำโฮลี่ไลท์ทั้งสายนั้นมีความยาวหลายพันไมล์ และมันมีแม่น้ำที่เล็กกว่าจํานวนนับไม่ถ้วนที่แตกแขนงออกไปที่ไหนก็ตามที่แม่น้ำไปถึง บริเวณนั้นก็จะอุดมไปด้วยชีพจรพระเจ้า ในเวลาหลายพันปีที่ผ่านมา ไม่รู้ว่ามียีนเรซกําเนิดขึ้นมาจากมันมากมายเท่าไหร่

 

ยีนเรซที่กําเนิดขึ้นมาไม่ใช่แค่เป็นยีนเรซระดับสูงเท่านั้น พวกมันยังผ่านวิวัฒนาการหลายต่อหลายครั้งจนเกิดเป็นยีนเรซชนิดต่างๆที่น่ากลัวยิ่งกว่าเดิม พวกมันล้วนแต่มีพลังที่แปลกประหลาดทําให้ผู้คนรับมือได้ยาก

 

ถึงแม้หานเซิ่นจะมีร่างกายที่แข็งแกร่ง แต่พลังของเขาถูกจํากัดโดยกฎของโลกใบนี้ ทําให้ประสาทสัมผัสของเขาช้าลง และมันยากที่เขาจะรู้สึกตัวถึงการมีอยู่ของพวกมันก่อนล่วงหน้า

 

ใกล้ๆกับแม่น้ำที่แยกตัวมาจากแม่น้ำโฮลี่ไลท์นั้นมีสถานีเทเลพอร์ตอยู่ หลังจากที่หานเซิ่นออกมาจากสถานีเทเลพอร์ต เขาก็มุ่งหน้าไปที่แม่น้ำลิตเติ้ลเปียโน

 

เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์นั้นมักจะอาศัยอยู่ในน้ำตื้น และไม่บ่อยเท่าไหร่นักที่ผู้คนจะได้เห็นพวกมันขึ้นมาบนบก พวกมันจึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่หาตัวได้ยาก

 

แม่น้ำลิตเติ้ลเปียโนนั้นหนาวเย็นมากๆ และด้วยความจริงที่ว่ามันเต็มไปด้วยอันตราย มันจึงมีน้อยคนนักที่จะเดินทางมาที่นี้

 

หานเช่นเดินทางอย่างระมัดระวัง และในเวลาไม่นานเขาก็ได้เห็นยีนเรซต่างๆมากมาย บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยยีนเรซสัตว์ปีกนานาชนิดและในแม่น้ำก็มียีนเรซที่เหมือนกับเป็ดและหงส์อยู่หลายตัว เขาเห็นแม้กระทั่งยีนเรซที่ดูเหมือนกับยีราฟอยู่ในแม่น้ำ นอกจากนั้นบนสองฝั่งของแม่น้ำ เขายังเห็นยีนเรซที่เหมือนกับสัตว์ตัวเล็กและสัตว์จําพวกแมลงอีกเป็นจํานวนมาก

 

มันมียีนเรซอยู่นับได้ถ้วน และถึงแม้พวกมันส่วนใหญ่จะเป็นยีนเรซระดับต่ำที่ไม่มีภัยอะไร แต่มันก็อาจจะมียีนเรซชนิดที่น่ากลัวซ่อนตัวอยู่ก็ได้

 

หานเซิ่นไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับยีนเรซมากนัก ก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ หานเซิ่นได้ซื้อหนังสือเกี่ยวกับยีนเรซมา แต่ในตอนที่เขามาถึง เขาก็พบว่าหนังสือนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเหมือนอย่างที่คิดเอาไว้

 

มันมียีนเรซอยู่มากเกินไป แค่ในเวลาชั่วครู่เขาก็ได้เห็นยีนเรซมากกว่าสิบชนิด ถ้าเขามัวเช็คพวกมันทีละตัวๆ มันก็คงจะใช้เวลาทั้งวัน

 

ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและยีนเรซบลัดโกสต์สปิริตที่เขามีอยู่ หานเซิ่นตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าลึกเข้าไปสู่แม่น้ำลิตเติ้ลเปียโน เขาตั้งใจที่จะเดินไปตามแม่น้ำโดยหวังว่าเขาจะได้พบเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์สักตัวหนึ่ง

 

หานเซิ่นไม่ได้เรียกยีนเรซออกมา เนื่องจากเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์นั้นมีประสาทสัมผัสที่ไวต่อยีนเรซ ถ้าเขารวมร่างกับยีนเรซอยู่ เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ก็คงจะหนีไปก่อนที่เขาจะได้เห็นตัวมัน

 

โชคดีที่ไม่ใช่ว่ายีนเรซทุกชนิดจะจู่โจมมนุษย์ ยีนเรซส่วนใหญ่นั้นไม่ได้สนใจมนุษย์ ตราบใดที่มนุษย์ไม่มายุ่งกับพวกมัน ยีนเรซบางส่วนยังหวาดกลัวมนุษย์ด้วยซ้ำ ซึ่งทําให้ในตอนที่หานเซิ่นเข้าไปใกล้พวกมัน พวกมันก็จะรีบหนีไป

 

“ดูเหมือนว่าแม่น้ำโฮลี่ไลท์จะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด” หานเซิ่นคิด

 

ฝูงหงส์ดํากําลังว่ายอยู่ในแม่น้ำ แม่น้ำนั้นเป็นสีเดียวกันกับท้องฟ้า มันเหมือนกับว่าท้องฟ้าและแม่น้ำประสานเข้าด้วยกัน มันจึงดูเหมือนกับว่าฝูงหงส์ดํากําลังว่ายอยู่บนท้องฟ้า

 

กลิ่นของใบหญ้า ต้นไม้และดอกไม้ลอยเข้ามาในจมูก พวกมันทําให้หานเซิ่นรู้สึกเย็นสบาย

 

น่าเสียดายที่ตลอดทาง หานเซิ่นไม่พบร่องรอยของเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์เลยแม้แต่น้อย ขณะที่เดินต่อไปเรื่อยๆ หานเซิ่นก็พลิกหน้าหนังสือไปด้วยเพื่อจะแยกแยะยีนเรซที่หาได้ยาก แบบนั้นเขาก็จะสามารถเปลี่ยนยีนเรซหายากที่ให้กลายเป็นไข่ยืนและนํากลับไปขาย ด้วยการทําแบบนั้นถึงเขาจะไม่ได้พบกับเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ แต่เขาก็จะได้รับเงินจํานวนมากจากการขายไข่ยีนและนําเงินไปซื้อเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์มาจากร้านหลูสือ

 

แต่หลังจากผ่านไปครึ่งวัน เขาก็ยังไม่ได้อะไรสักอย่าง ถึงมันจะมียนเรซอยู่มากมาย แต่พวกมันทั้งหมดเป็นยีนเรซระดับต่ำที่ไม่มีค่าอะไร หานเซิ่นจึงไม่คิดจะเสียแรงเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นไข่ยีน

 

ขณะที่เดินไปเรื่อยๆ หานเซิ่นก็พบคนๆหนึ่งที่กําลังนั่งยองๆอยู่ที่ริมแม่น้ำ คนๆนั้นดูจะอายุราวๆยี่สิบปี แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดูแข็งแกร่งมากๆ สิ่งที่สะดุดตาที่สุดเกี่ยวกับชายคนนี้คือหัวที่ไร้เส้นผม

 

ชายหัวโล้นคนนั้นกําลังนั่งยองๆอยู่ที่ริมแม่น้ำลิตเติ้ลเปียโน เขากําลังมองลงไปในแม่น้ำ มันบอกได้ยากว่าเขากําลังมองดูอะไรอยู่

 

“เขาพบยีนเรซหายากอย่างนั้นหรอ? หรือว่าบางทีมันจะเป็นเพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์?” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขาเดินเข้าไปหาชายหัวโล้นคนนั้น

 

ขณะที่กําลังเดินเข้าไป เขาก็พูดขึ้นว่า “เพื่อยเอ๋ย เจ้ากําลังมองดูอะไรอยู่อย่างนั้นหรอ?”

 

ชายหัวโล้นเมินเฉยต่อหานเซิ่นและยังคงจ้องมองไปที่แม่น้ำต่อไป เขาดูเหมือนกับนักตกปลาที่กําลังใช้สมาธิ แต่มือของเขาไม่ได้กําลังถือเบ็ดตกปลาอยู่

 

หานเซิ่นมองไปที่ใบหน้าของชายคนนั้นและสังเกตว่าเขาดูมีความสุขอย่างมาก ทําให้หานเซิ่นรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นไปอีก

 

หานเซิ่นเดินเข้าไปใกล้ๆและถามอีกครั้ง “เพื่อนเอ๋ย เจ้าโอเคใช่ไหม?”

 

แต่ชายหัวโล้นยังคงเมินเฉยต่อไป หานเซิ่นคิดว่านี่มันแปลกๆ เขาไม่รู้ว่าชายหัวโล้นนั้นเป็นอะไรกันแน่ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงพยายามมองไปในตําแหน่งที่ชายหัวโล้นกําลังมองอยู่

 

บริเวณที่ชายหัวโล้นกําลังมองไปนั้นคือแม่น้ำส่วนที่มีความลึกเพียงแค่หนึ่งฟุตเท่านั้น และน้ำของแม่น้ำก็ใสสะอาดมากๆ มันดูเหมือนกับคริสตัลไร้รอยต่อที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ พวกเขามองเห็นก้นของแม่น้ำได้อย่างชัดเจน

 

หานเซิ่นพยายามมองตามสายตาของชายหัวโล้น แต่นอกจากกรวดหินแล้ว มันไม่มีแม้แต่กุ้งหรือปลาตัวน้อยๆ เพียวไลท์ซาลาแมนเดอร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

หานเซิ่นหันกลับมามองที่ชายหัวโล้นและถาม “เพื่อนเอ๋ย เจ้ากําลังมองอะไรอยู่?”

 

ชายหัวโล้นทําเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินอะไร เขายังคงนั่งยองๆและจ้องมองไปที่แม่น้ำต่อไป ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขายังคงหายใจอยู่ หานเซิ่นก็คงจะเชื่อว่าอีกฝ่ายได้ตายไปแล้ว

 

“เขากําลังทําอะไรอยู่? มันมีบางสิ่งพิเศษอยู่ในแม่น้ำที่เรามองไม่เห็นอย่างนั้นหรอ?”

 

หานเซิ่นรู้สึกสับสน เขาพยายามมองไปในบริเวณที่ชายหัวโล้นกําลังมองไปอีกครั้งหนึ่ง

 

ครั้งนี้หานเซิ่นมองดูอย่างถี่ถ้วนและมองซ้ำๆหลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่เห็นอะไร มันไม่มีอะไรอยู่จริงๆ ข้างล่างนั้นเป็นเพียงแค่น้ำที่ใสสะอาด มันไม่มีแม้แต่ตะไคร่น้ำ

 

หานเซิ่นหันกลับไปมองชายหัวโล้นและเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงมองไปที่แม่น้ำอย่างใจจดใจจ่อ ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้กําลังแสแสร้ง หานเซิ่นขมวดคิ้วและมองไปที่ชายหัวโล้นอยู่สักพัก ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ

 

“เดี๋ยวก่อนนะ สายตาของชายคนนี้ไม่ได้กําลังมองไปที่ก้นของแม่น้ำ เขากําลังมองไปที่ผิวของแม่น้ำต่างหาก!” หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เขารีบมองไปที่ผิวน้ำ

 

แต่บนผิวน้ำไม่มีอะไรเช่นกัน ถ้ามันมีอะไร หานเช่นก็ควรจะมองเห็นมันนานแล้ว

 

ผิวน้ำนั้นใสเหมือนกับกระจก มันกําลังสะท้อนภาพของคนสองคน ทันใดนั้นหานเซิ่นก็รู้สึกตัวว่าชายหัวโล้นดูเหมือนจะกําลังมองไปที่ภาพสะท้อนของตัวเอง

 

“เขาเป็นอะไรของเขา? ทําไมเขาถึงกําลังมองเงาตัวเองที่อยู่ในน้ำ?”

 

หานเซิ่นมองลงไปที่ภาพสะท้อนของตัวเอง หลังจากที่มองไปสักพัก แม้แต่หานเช่นก็ต้องชะงักไป

 

งดงาม งดงามมากๆ หานเซิ่นไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่าเขาจะเติบโตขึ้นอย่างหล่อเหล่าขนาดนี้ ภาพสะท้อนของเขาดูเหมือนกับชายรูปงามที่หาใครเปรียบไม่ได้ เพียงแค่มองแวบเดียวก็ทําให้เขารู้สึกราวกับว่ากําลังตกหลุมรัก มันเหมือนกับการได้เห็นผู้หญิงที่งดงามเป็นครั้งแรกและไม่สามารถละสายตาไปจากเธอได้ มันทําให้หัวใจของเขาเต้นรัว

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset