Super God Gene – ตอนที่ 3091 ให้โลหิตชีพจรเทพสปิริต

ตอนที่ 3091 ให้โลหิตชีพจรเทพสปิริต

 

เฟเธอร์แฟรี่บอกว่ามันมียีนเรซที่น่ากลัวอาศัยอยู่ที่ภูเขาโฮไลท์ นั่นทําให้หานเซิ่นรู้สึ กเป็นกังวลเขาไม่ต้องการประสบกับปัญหามากไปกว่านี้ด้วยเหตุนั้นเขาจึงค่อยๆพามิสเตอร์หยางขึ้นภูเขาไปอย่างระมัดระวัง

 

ตั้งแต่ที่หานเซิ่นได้พบกับบิ๊กสกายเดม่อน เขาก็ได้รู้ว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งประหลาดที่น่ากลัวมากมายเขาไม่สามารถรับมือกับทุกสิ่งทุกอย่างได้ เขาจึงจําเป็นต้องระมัดระวังและไม่ดึงความสนใจมาสู่ตัวเองมากจนเกินไป

 

“นายท่าน ที่นี่คือภูเขาโฮลไลท์ที่เป็นต้นกําเนิดของแม่น้ําโฮไลท์ในตํานานอย่างนั้นหรอ?” มิสเตอร์หยางรู้สึกตกใจเขามองไปที่ภูเขาอันลึกลับด้วยขาที่สั่นรัว

 

“มันก็เป็นแค่ชื่อเท่านั้น” หานเช่นไม่สนใจ เขาปืนขึ้นภูเขาต่อไป

 

หัวใจของมิสเตอร์หยางเต้นรัว “นายท่าน ข้าได้ยินมาว่าภูเขาโฮไลท์นั้นเป็นที่อยู่อาศัยของยืนเรซร่างสุดยอดที่น่ากลัว มันเต็มไปด้วยสิ่งลึกลับมากมาย ถึงแม้คนที่มาที่นี่จะเป็นยอดฝีมือระดับทอป พวกเขาก็จะต้องตายอย่างแน่นอน”

 

“ไม่เป็นอะไร ข้ารู้ทางลับที่จะพาพวกเราไปถึงวิหารพระเจ้าอย่างปลอดภัย” หานเซิ่นพูดขณะที่เดินหน้าต่อไป

 

หมอกอันลึกลับนั้นปกคลุมทั้งภูเขา ทําให้คนที่ในเขาขึ้นมา มองไม่เห็นอะไรที่อยู่ไกลเกินกว่าสิบห้าฟุต ระหว่างที่เดินทางขึ้นภูเขาไปนั้น พวกเขาจะได้ยินเสียงคํารามของอสูรและเสียงก้องของฟ้าร้องอยู่เรื่อยๆ มิสเตอร์หยางนั้นหวาดกลัวและไม่กล้าจะออกห่างจากหานเซิ่นเกินหนึ่งก้าว

 

ถึงบรรยากาศจะน่ากลัวมากๆ แต่มันก็เป็นอย่างที่เฟเธอร์แฟรี่ได้พูดเอาไว้ พวกเขาไม่ได้พบกับอันตรายใดๆในระหว่างที่พวกเขาปีนเขาขึ้นมา

 

มิสเตอร์หยางมีร่างกายที่อ่อนแอ ด้วยเหตุนั้นหลังจากที่ปุ่นเขาไปได้ไม่นาน เขาก็หอบจับตัวของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อราวกับว่าเขาฝ่าสายฝนมา เขาไม่สามารถขึ้นเขาต่อไปได้อีกหานเซิ่นจึง จําเป็นต้องแบกเขาขึ้นไป

 

ไม่รู้ว่าภูเขาลูกนี้นั้นสูงเท่าไหร่กันแน่ แต่ด้วยความเร็วของหานเซิ่น เขาต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันเพื่อจะมาถึงยอดของพวกเขา

 

บรรยากาศบนยอดภูเขานั้นแตกต่างจากดินแดนด้านล่าง มันให้ความรู้สึกที่อบอุ่นและอ่อนโยนราวกับว่าพวกเขาอยู่ในทะเลก้อนเมฆ อากาศนั้นปลอดโปร่งมากๆ มันไม่มีทั้งสายลม สายฟ้า และฝุ่นควัน มันเป็นสถานที่ที่สงบสุข

 

บนยอดภูเขานั้นมีวิหารโบราณตั้งอยู่ มันถูกสร้างขึ้นมาด้วยอิฐสีเขียว มันทั้งดูลึกลับและเก่าแก่

 

“นายท่าน มันมีวิหารพระเจ้าอยู่ที่นี่จริงๆ” เมื่อได้เห็นวิหารพระเจ้า มิสเตอร์หยางก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น

 

หานเซิ่นเงยหน้าขึ้นไปมองป้ายที่อยู่บนประตูของวิหาร มันมีตัวอักษรที่เขียนเอาไว้ว่า “วิหารพระเจ้าเฟเธอร์แฟรี่” อยู่

 

“เข้าไปข้างในกันเถอะ หลังจากที่เจ้าได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตแล้ว พวกเราจะเดินทางกลับ” หลังจากที่พูดจบ หานเช่นก็เดินเข้าไปข้างในวิหารพระเจ้า

 

มิสเตอร์หยางรีบตามหานเซิ่นเข้าไป “นายท่าน ตอนนี้ข้าจะไปขอล่ะนะ แต่ขากลัวว่ามันจะไร้ประโยชน์ และทําให้ความหวังดีของนายท่านเสียเปล่า”

 

หลังจากพูดจบ มิสเตอร์หยางก็เดินไปตรงหน้าแท่นบูชาที่มีรูปปั้นของเทพสปิริตตั้งอยู่ก่อนที่ จะคุกเข่าลงไปและเริ่มสวดภาวณา หลังจากนั้นเขาก็หยดเลือดของตัวเองลงบนเตาหิน

 

เขารู้ผลลัพธ์ที่จะออกมา เขาไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริต เขาแค่ต้องการรีบๆทําพิธีให้มันจบๆไปเพื่อที่จะได้เดินทางกลับ เขาไม่อยากให้หานเช่นต้องเสียเวลา

 

เลือดหยดลงไปบนเตา แต่มันไม่มีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้น ถึงมิสเตอร์หยางจะรู้อยู่แล้วว่ามันจะเป็นแบบนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี

 

หานเช่นยืนมองอยู่ตรงทางเข้าวิหารพระเจ้า มิสเตอร์หยางลุกกลับขึ้นมาและพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

 

“นายท่าน ดูเหมือนว่าข้าจะทําให้ความหวังดีของนายท่านต้องเสียเปล่า”

 

หานเซิ่นขมวดคิ้ว เขาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน แต่ถึงอย่างนั้นเฟเธอร์แฟรี่ก็ไม่เห็นแก่หน้าเขา นั่นทําให้เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจ “ไม่เป็นอะไร เจ้ารออยู่ตรงนี้”

 

หานเซิ่นแค่ต้องการให้มิสเตอร์หยางได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตเป็นของตัวเอง มันจะดีกว่าถ้าเขาไม่ต้องลงมือทําอะไร แต่ตอนนี้เขาจําเป็นต้องเดินเข้าไปหาแท่นบูชา

 

หานเซิ่นใช้มือตบใส่แท่นบูชา และทําให้แท่นบูชาเกิดเป็นรอยฝามือขึ้น ทั้งวิหารสะเทือนอย่างรุนแรง

 

มิสเตอร์หยางรู้สึกตกใจ เขารีบพูดอย่างตื่นตระหนก “นายท่านได้โปรดอย่าทําแบบนั้น! นายท่านจะทําแบบนั้นไม่ได้!”

 

ผู้คนในจักรวาลนี้ถูกสั่งสอนมาว่าเทพสปิริตเป็นผู้สร้างจักรวาลและให้กําเนิดทุกสิ่งมีชีวิตด้วย เหตุนั้นพวกเขาจึงอยู่เหนือทุกชีวิต วิหารพระเจ้าเป็นสัญลักษณ์ของเทพสปิริตแต่ละคนฉะนั้นไม่ ว่าจะยังไงพวกเขาก็ห้ามทําลายมัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกเทพสปิริตลงโทษ

 

ความเชื่อนี้ถูกฝังลึกในจิตใจของทุกๆคน ด้วยเหตุนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่มิสเตอร์หยางจะรู้สึกแบบนั้น ยังไงซะนั่นก็คือสิ่งที่เขาถูกสั่งสอนมา

 

เมื่อเห็นหานเซิ่นใช้มือตบใส่แท่นบูชา มิสเตอร์หยางก็คิดว่านั่นเป็นการดูหมิ่นต่อเทพสปิริตแม้แต่ราชาของอาณาจักรฉันก็ไม่กล้าทําอะไรแบบนั้น

 

หานเซิ่นเมินเฉยต่อมิสเตอร์หยางที่ตื่นตระหนกและพูดอย่างเย็นชาว่า “เฟเธอร์แฟรี่อยู่ที่ไหน?”

 

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่หานเซิ่นพูด มิสเตอร์หยางก็ตกใจยิ่งกว่าเดิม หานเช่นใช้มือตบแท่นบูชาและพูดชื่อของเทพสปิริตออกมาเสียงดัง นั่นไม่ต่างอะไรจากการรนหาที่ตาย

 

วินาทีต่อมาใบหน้าของมิสเตอร์หยางซีดเผือก เขาเห็นรูปปั้นของเทพสปิริตเริ่มจะเรืองแสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัว หลังจากนั้นก็มีชายแก่ที่ดูเหมือนกับแฟรี่ลอยลงมาจากแท่นบูชา

 

“โอ้ไม่… โอ้ไม่นะ… เทพสปริตปรากฏตัวออกมา นี่มันแย่แล้ว นายท่าน พวกเราต้องรีบหนีไปจากที่นี่”

 

มิสเตอร์หยางวิ่งเข้าไปหาหานเซิ่นเพื่อจะดึงเขาออกไป แต่เนื่องจากมิสเตอร์หยางนั้นไม่มีพลังเสริมจากยืนเรซ เขาจึงเชื่องช้าเกินไป ในตอนที่เขาจับแขนของหานเซิ่นได้ เทพสปิริตที่ดูเหมือนกับแฟรี่แก่ก็ลอยลงมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาเรียบร้อยแล้ว

 

ใบหน้าของมิสเตอร์หยางดูซีดเซียวและพูดในใจว่า “มันจบสิ้นแล้ว พวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่

 

แต่เทพสปิริตนั้นก้มหัวลงตรงหน้าเขาอย่างน่าประหลาดใจก่อนที่จะพูดอย่างมีมารยาทกับหานเซิ่นว่า

 

“เทพสปิริตน้อยไม่รู้ว่าท่านอยู่ที่นี่ด้วย ท่าน โปรดให้อภัยด้วยที่ข้าไม่ได้ออกมาตอนรับท่าน”

 

ร่างกายทั้งร่างของมิสเตอร์หยางแข็งที่อไป ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะที่จ้องไปที่เฟเธอร์แฟรี่และหานเซิ่นด้วยความตกใจ เขาไม่สามารถคิดอะไรได้ มันเหมือนกับว่าสมองของเขาหยุดทํางาน

 

หานเซิ่นชี้ไปที่มิสเตอร์หยางและพูด “คนๆนี้คือคนใช้ของข้า ข้าพาเขามาที่นี่เพื่อรับโลหิตชีพจรเทพสปิริต เจ้าจะมอบมันให้กับเขาได้ไหม?”

 

เฟเธอร์แฟรี่มองไปที่มิสเอตร์หยาง หลังจากนั้นเขากลับมามองที่หานเชื่นและถามอย่างระมัดระวัง “โลหิตชีพจรแบบไหนที่ท่านคิดว่าเหมาะสมกับเขา?”

 

เฟเธอร์แฟรี่รู้สึกหดหู ถึงเขาจะมอบโลหิตชีพจรเทพสปิริตให้กับคนอื่นๆได้ แต่มันจะทําให้เขาสูญเสียพลัง ถ้าเขามอบโลหิตชีพจรให้กับคนที่อ่อนแอ มันก็มีโอกาสสูงที่เขาจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไร

 

มิสเตอร์หยางที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขาเป็นบุคคลที่มียีนที่แย่ ภายใต้สถานการณ์ปกติ มันไม่มีทางที่เขาจะมอบโลหิตชีพจรให้กับคนแบบนั้น แต่ด้วยการที่หานเซิ่นเป็นคนขอเฟเธอร์แฟรี่ก็ไม่ สามารถปฏิเสธได้ ถึงแม้มิสเตอร์หยางจะอ่อนแอยังไง เขาก็ต้องจําใจมอบโลหิตชีพจรเทพสปีริตของเขาให้กับมิสเตอร์หยางอยู่ดี

 

“เจ้าเป็นคนตัดสินใจ” หานเซิ่นดูเหมือนกับว่าเขากําลังยิ้มให้กับเฟเธอร์แฟรี่ แต่เขาไม่ได้กําลังยิ้ม

 

เฟเธอร์แฟรี่กัดฟันและคิด “ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเราก็ต้องสูญเสีย ถ้าอย่างนั้นแทนที่จะต่อต้านและทําให้ดอลลาร์ไม่พอใจ ไม่สู้เราช่วยเหลือเขาจะไม่ดีกว่าหรอ?”

 

เมื่อคิดได้แบบนั้นเฟเธอร์แฟรี่ก็จุดเตาหินของเขา แสงศักดิ์สิทธิ์ของเตาหินเป็นเหมือนกับภูเขาไฟที่ปะทุ มีขนนกสีขาวเหมือนกับหิมะมากมายลอยออกมา พวกมันปกคลุมทั้งวิหารพระเจ้ามันเหมือนกับว่ามีขนห่านนับล้านร่วงลงมาจากท้องฟ้า

 

ทันใดนั้นขนนกนับไม่ถ้วนก็เริ่มบินเข้าไปในทิศทางของมิสเตอร์หยาง พวกมันละลายเข้าไปในร่างกายของเขา มันทําให้มิสเตอร์หยางรู้สึกราวกับว่าเขาอยู่บนสวรรค์ มันเหมือนกับว่าเขากําลังฝันไป

 

“โลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์” มิสเตอร์หยางสงสัยว่าทั้งหมดนี้เป็นความฝันหรือเปล่าแต่จริงๆแล้วเขาไม่เคยแม้แต่ฝันว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ตอนนี้เขาได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริต แถมมันยังเป็นโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์ มันมีผู้คนไม่มากนักที่จะได้รับโลหิตชีพจรเทพสปิริตที่สมบูรณ์แบบนี้

 

Super God Gene

Super God Gene

ในยุคสมัยที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของมนุษย์ถูกพัฒนาจนถึงระดับสูง ในที่สุดมนุษยชาติก็ได้ค้นพบวิธีการเทเลพอร์ต แต่เมื่อพวกเขาทดลองเทเลพอร์ต กลับพบว่าพวกเขาไม่ได้ถูกส่งไปในอนาคต อดีตหรือสถานที่อื่นๆที่มนุษย์รู้จัก แต่มันคือโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง สถานที่ลึกลับนี่ถูกเรียกว่า ‘ก็อด เเซงชัวรี่’ ที่นี่มีสิ่งมีชีวิตประหลาดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อมนุษย์ลองกินสิ่งมีชีวิตประหลาดเข้าไป ร่างกายของพวกเขาพัฒนาขึ้นและยังเพิ่มอายุขัยขึ้นด้วย มันคือก้าวที่ยิ่งใหญ่ของมนุษย์ชาติในการวิวัฒนาการเพื่อสร้างยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ “ด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ถูกฆ่า คุณได้รับวิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ เมื่อกินเนื้อของด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิ์ คุณมีโอกาสได้รับ 0 ถึง 10 Geno Point โดยการสุ่ม” The future unfolded on a magnificent scale into the Interstellar Age. Humanity finally solved the space warp technology, but when humanity transported themselves into the other end, they discovered that place neither had a past nor future, nor was there any land under the starry skies…… The mysterious sanctuary was actually a world filled with countless tyrannical unusual organisms. Humanity faced their great leap in evolution, starting the most glorious and resplendant new era under the starry skies. “Slaughtered the God Blood organism ‘Black Beetle’. Received the God Blood Black Beetle’s Beast Soul. Used the God Blood Black Beetle’s flesh. Randomly obtaining 0 to 10 points of God Gene(s).”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset