Supreme Magus – ตอนที่ 10 เติบโตและเรียนรู้

Supreme Magus ตอนที่ 10 เติบโตและเรียนรู้

 

ตอนที่ 10 เติบโตและเรียนรู้

 

หลายปีที่ผ่านมาไม่ใช่เรื่องง่าย

 

ในที่สุดเขาก็ได้รับอนุญาตให้พูดได้ ตั้งคำถามมากมายที่อยากรู้ เข้าใจครอบครัวและโลกใบนี้มากขึ้น

 

เขตที่เขาอาศัยอยู่คือหมู่บ้านลูเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของประเทศลัสเทรีย ในอาณาจักรกริฟฟ

 

มีประเทศและอาณาจักรอื่นๆอีกมากมาย แต่พ่อแม่ของเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับชีวิตนอกหมู่บ้าน และพวกเขาก็ไม่คิดจะสนใจ

 

ในสายตาของคนในหมู่บ้าน กษัตริย์คือสิ่งมีชีวิตในตำนาน พวกเขาทั้งศรัทธาและเกรงกลัวเขาเป็นผู้เก็บภาษีและตัดสินความยุติธรรม ในเทศกาลวันขอบคุณฤดูใบไม้ผลิของพวกเขา กษัตริย์จะมาร่วมพิธีด้วย

 

พ่อแม่ของเขาไม่เคยเล่าเรื่องเวทมนตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสงครามเลยสักครั้งเดียว พวกเขาเอาแต่เล่านิทานเพ้อฝัน

 

เจ้าหญิงที่งดงาม วีรบุรุษผู้กล้าหาญ และปีศาจแสนชั่วร้าย

 

เด็กน้อยไม่พอใจเอามากๆ เขาต้องการเรียนรู้ทุกอย่างที่มีประโยชน์ ประเทศเพื่อนบ้าน อาณาจักรใกล้เคียง ทวีปต่างๆ หรือแม้กระทั่งชื่อของดาวดวงนี้

 

เขาต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เวทมนตร์ หรือตำนานอะไรก็ตามที่ช่วยให้เขาเข้าใจโลกภายนอกมากขึ้น

 

แต่พ่อแม่ของเขารู้เกี่ยวกับโลกภายนอกอันกว้างใหญ่แค่น้อยนิด เขาจึงไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการ

 

คนที่นี่จะแต่งงานเร็วกว่าปกติ เขาไม่รู้ว่าพื้นที่อื่นๆจะเหมือนกันหรือไม่ แต่อย่างน้อยมาตรฐานของหมู่บ้านนี้คืออายุ 16

 

ราซเป็นลูกเพียงคนเดียวและได้สืบทอดฟาร์มของพ่อ คือพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ในปัจจุบันเอเลน่าตั้งท้องหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน นั่นก็คือเจ้าฝาแฝดเอเลซ่าและออป้า

 

หลังจากนั้นเธอก็ท้องอีกทุกสองปี หมายความว่าราซและเอเลน่าอายุ 25 ปี เอเลซ่าและออป้า 8 ปี ไทรอน 6 ปี ทิสต้า 4 ปี ลิท 2 ปี

 

จากการสังเกตุของเขา คำถามส่วนใหญ่ที่บรรดาพี่ๆของเขาถามราซและเอเลน่า “สิ่งนี้คืออะไร” “มันใช้ทำอะไร” “ทำไมเป็นอย่างนั้น”

 

เขาใช้เวลามากขึ้นกับครอบครัว และในที่สุดก็ได้รู้ว่า ทำไมพ่อของเขาที่เป็นเจ้าของฟาร์มดีๆ มีคอกวัวและโรงไก่ ถึงมีปัญหาเรื่องฐานทางครอบครัวยากจน

 

ทิสตา พี่สาวคนรองเกิดมาพร้อมกับอาการปวยแต่กำเนิด ร่างกายของเธออ่อนแอและไม่สามารถทำกิจกรรมแบบเด็กคนอื่นได้

 

การเดินเร็วเพียงพอที่ทำให้เธอหอบ จนเธอต้องหยุดพักเป็นเวลานาน เมื่ออาการปวยแย่ลงเธอจะเริ่มไออย่างรุนแรง

 

พ่อและแม่พาเธอไปหานาน่าในหมู่บ้าน แต่หญิงชราเองก็ไม่สามารถรักษาเธอได้ ทำได้เพียงบรรเทาอาการปวยให้ทุเลาลง

 

ยาของทิสต้ามีราคาแพงมาก แม้ว่าทิสต้าจะกลับมาอยู่ที่บ้านแต่เธอก็ยังต้องใช้ยาอยู่ตลอด

 

ทั้งยาและการดูแลของนาน่า ใช่ ต้องด้วยจ่ายเงิน เธอเป็นแค่คนรู้จักไม่ใช่ครอบครัว

 

ทุกครั้งที่มีค่าใช้จ่ายก็จะเกิดปัญหาอยู่บ่อยครั้ง

 

ลิทรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดกับเธอ แม้เขาจะไม่ได้ใช้เวลากับทิสต้ามากนัก แต่เพราะเอเลน่าและเอเลซ่ารักเธอมาก ทำให้เธอมีค่าสำหรับเขาเช่นกัน

 

ลิทรู้สึกหมดหนทาง เขาไม่สามารถฝึกเวทมนตร์ธาตุแสงและความมืดได้ เวทมนตร์ธาตุแสงจำเป็นเข้าใจหลักกายวิภาคและระบบในร่างกายมนุษย์ เขาไม่กล้าเสี่ยงที่จะใช้ใครเป็นหนูทดลอง

 

เวทมนตร์ธาตุมืดเขาเคยเห็นมันครั้งเดียว ไม่มีใครในครอบครัวของเขาใช้มันได้

 

ในโลกก่อน ความมืดคือตัวแทนของปีศาจและความชั่วร้าย เขาไม่รู้ความคิดของผู้คนบนโลกนี้ที่มีต่อเวทมนตร์ธาตุมืดเป็นยังไง

 

เขาได้แต่หวังว่าจะได้รับการสอนเวทมนตร์จากเอเลน่าและราซ ในขณะที่อดทนกับการใช้ชีวิตในครอบครัว

 

เขาต้องร่าเริง แต่ไม่มากเกินไป เขาต้องสงสัย แต่ไม่มากเกินไป เขาต้องวิ่งไปรอบๆ แต่ห้ามออกจากบ้าน

 

หากเขานั่งนิ่งๆในห้อง พวกเขาจะกังวลเพราะเขาเงียบเกินไป หากเขาวิ่งไปรอบๆบ้าน แต่ก็จะถูกดุเพราะซุกซนเกินไป

 

พวกเขาปฏิเสธที่จะสอนเวทมนตร์ให้เด็กน้อย และห้ามไม่ให้เขาแอบเรียนรู้

 

ลิทไม่สามารถออกไปข้างนอกคนเดียวได้ ไม่สามารถเข้าใกล้เตาผิง ไม่สามารถตั้งคำถามเกินวัยได้

 

ทุกอย่างถูกห้ามด้วยเหตุผลว่า รอจนกว่าเขาจะ “เติบโตขึ้น”

 

ลิทอยากจะกรีดร้องว่า ชั้นอาจเป็นเด็กทางชีววิทยา แต่จริงๆฉันอายุมากที่สุดในบ้าน” แต่สิ่งที่เขาทำได้คือนั่งดูดนิ้วและเชื่อฟัง

 

ความบาดหมางกับออป้าไม่เคยถูกแก้ไขและเขารู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรของไทรอนอย่างชัดเจน แต่เขาไม่แปลกใจ เป็นปกติสำหรับน้องชายที่จะมีพี่ชายเป็นแบบอย่าง

 

ไทรอนไม่เคยยุ่งกับเขาถ้าหากไม่จำเป็น เขารู้สึกได้ชัดเจนว่าทุกครั้งที่ไทรอนดูแลเขา นั่นเป็นเพียงเพราะหน้าที่ ไม่มีความรักระหว่างพวกเขา

 

แต่เขาก็ไม่ได้สนใจว่าไทรอนจะคิดยังไง ครึ่งชีวิตที่แล้วของเขาใช้ไปกับการอยู่ในครอบครัวที่ผิดปกติมันสอนเขาว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจคนที่ไม่ได้รักเขา ตราบใดที่ไทรอนไม่ได้คิดร้าย เขาเลือกที่จะไม่สนใจ

 

เมื่ออายุ 3 ขวบ เขาก็ไม่อาจอดทนได้อีก ฤดูหนาวที่ต้องติดอยู่ในบ้านตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันรวมกับวังวนความหิวที่กลับมาอีกครั้ง กำลังจะทำให้เขาเสียสติ

 

มันเป็นช่วงบ่ายที่มีพายุหิมะอยู่ด้านนอก ครอบครัวของเขารวมตัวกันที่รอบๆเตาผิง เอเลน่าสอนวิธีการเย็บผ้าให้เอเลซ่าและทิสต้า ราชสอนวิธีแกะสลักไม้ให้ออป้า แต่ไทรอนและลิทได้รับอนุญาตให้ดูเท่านั้น พวกเขาอายุน้อยเกินไปที่จะใช้ของมีคม

 

ลิทพยายามอ้อนวอนแล้ว แต่พ่อเขาปฏิเสธเสียงแข็ง เขาหันไปหาแม่ทันที “มือลูกยังเล็กเกินไป มันยังไม่ถึงเวลา” เธอตอบ

 

แต่เอเลน่าก็พูดถูก ร่างกายของเขายังเล็กเกินไป ความทรงจำในอดีตแล่นขึ้นมา จากเด็กหนุ่มแข็งแรงที่ฝึกไอคิโด กลายมาเป็นเด็กทารกที่ต้องนอนปวกเปียก แค่คิดเขาก็อยากจะร้องให้

 

ดังนั้นเขาจึงอดทนรอให้ราชสอนออป้าจนจบ แล้วรวบรวมความกล้าเดินไปขอให้พ่อของเขาสอนวิธีการเขียนและนับเลข

 

ราชประหลาดใจอีกครั้ง “เจ้ายังเด็กเกินไป ปกติแล้วเด็กทุกคนจะไปโรงเรียนเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆ เมื่ออายุ6ขวบ เจ้าไม่คิดว่ามันน่าเบื่อ?”

 

มันเป็นเรื่องเหมือนกับธรรมเนียมปฏิบัติของที่นี่

 

“น่าเบื่อ? ไม่มีอะไรน่าเบื่อไปกว่านี้แล้ว ข้านั่งอยู่เฉยๆทุกวัน ไม่ว่าเมื่อวาน วันนี้ หรือพรุ่งนี้ข้าอยากลองพ่อได้โปรดสอนข้าที่”

 

ราชพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นลิทพยายามขนาดนี้

 

ความคิดของเขาเกินกว่าเด็ก เหมือนที่เขารู้ว่าเรามีปัญหาเรื่องอาหาร แม้ว่าเขาจะยังหิวมากแต่เขาก็จะไม่งอแงและขอมันอีก เขาไม่เหมือนเด็กทั่วไป” ราชคิด เขาต่างจากออป้ากับไทรอนมาก ข้าไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ดีเกินไป หรือที่ผ่านมาข้าตามใจพวกเจ้ามากเกินไป”

 

ราชต้องการปฏิเสธ แต่เอเลน่ากำลังจ้องมองเขาอยู่แล้ว มือของเธอไม่ได้หยุดเย็บผ้า ปากของเธออธิบายให้เด็กๆฟังว่าพวกเขาทำอะไรผิด แต่ดวงตาของเธอจับจ้องที่เขาอยู่อย่างชัดเจน

 

“ข้าพูดอะไรได้บ้าง? การเรียนไม่ต้องใช้เครื่องมืออันตราย อ่ะ! เครื่องมือ

 

ราซมองดวงตาสดใสแฝงด้วยความคาดหวังของลิท เขาข่มขู่ใจตัวเอง และตอบว่า

 

“ข้าขอโทษ แต่เราไม่มีเครื่องมือในการเขียน ข้าไม่สามารถสอนเจ้าได้”

 

ทวางแผนทุกอย่างไว้ก่อนที่จะถาม เขาจึงมีทางออกอยู่แล้ว เด็กน้อยเดินไปหยิปถาดขนาดใหญ่ที่ใส่ขี้เถ้าจากเตาผิงไว้

 

“ข้ามีแล้ว เราสามารถเขียนได้มากเท่าที่เราต้องการ” ราชประหลาดใจกับความเฉลียวฉลาดของลิท เขากำลังหาวิธีปฏิเสธอีกครั้ง แต่เมื่อสังเกตุว่าการจ้องมองจากเอเลน่าขมวดคิ้วเป็นปม มือของเธอที่จับเย็นผ้าเคลื่อนไหวเร็วขึ้น พร้อมทั้งเหงื่อบนหน้าผากของเธอซึมออกมา

 

“มันมีพายุหิมะทั้งในบ้านและนอกบ้าน สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้

 

“เจ้าอยากเริ่มอะไรก่อน” เขาได้แต่หวังว่าสิทจะเบื่อเร็วและปล่อยเขาไปพักผ่อน

 

“นับ” ลิทตอบทันที ราชนั่งลงบนพื้นข้างๆลิทและเริ่มวาดเส้นในขี้เถ้า เด็กน้อยดูร่าเริงและมีความสุข

 

ตัวเลขที่นี่มีรูปร่างแตกต่างจากตัวเลขอารบิก แต่วิธีใช้กับเหมือนกัน แม้แต่วิธีการคำนวณก็เหมือนกัน

 

ลิทต้องจำตัวเลขใหม่ เขาเรียนรู้รูปร่างของพวกมันแล้วเริ่มทำตารางสูตรคูณ มันเป็นเรื่องง่ายดายมากสำหรับเขา เพียงแค่สลับชุดตัวเลขได้ทุกอย่างก็เหมือนเดิม

 

เมื่อเขาทำเสร็จ ลิทก็เริ่มขอคำถามจากผู้ชมของเขา และเมื่อออป้าถามอย่างประชด “124เท่าของ11คือเท่าไหร่? เขาตอบกลับอย่างรวดเร็ว “1364”

 

ทุกคนตะลึงกันหมด

 

เอเลน่าห้ามใจตัวเองไม่ได้ เธอยืนขึ้นแล้วดึงเด็กน้อยขึ้นมากอด

 

“อัจฉริยะน้อยของแม่! แม่ภูมิใจในตัวเจ้ามาก!” ในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เขาก็เข้าใจสิ่งที่ใช้เวลานานนับปี ทันเอเลซ่าและทิสต้าเดินเข้าไปกอดและแสดงความชื่นชมน้องชายคนเล็กของพวกเธอ ขณะที่ฝ่ายชายในครอบครัวยังคงตกตะลึงไม่หาย

 

ในพื้นที่ชนบทแบบนี้ พวกเขาเรียนรู้แค่วิธีนับ เพื่อไม่ให้โดนโกงเมื่อพวกเขาซื้อและขายสินค้าดังนั้นพวกเขาจึงจำได้แค่บวกและลบเท่านั้น การคูณและหารที่เกือบจะไม่ได้ใช้จึงกายเป็นเรื่องยาก

 

การอ่านและการเขียนยากกว่าและใช้เวลามากกว่า แต่ก็ง่ายพอๆสำหรับเขา ที่รู้จักคำศัพย์ทั้งหมดแล้ว เพียงแค่รู้ตัวอักษรของคำศัพท์และจดจำ เพื่อที่จะสามารถอ่านและเขียนได้

 

ทุกคนในครอบครัวตกตะลึงอีกครั้ง และมีเพียงคนเดียวที่ไม่ยินดีด้วยคือออป้า

 

เขาเดินออกไปเพียงลำพังด้วยความอิจฉา

Supreme Magus

Supreme Magus

Supreme Magus
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Supreme Magusไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีแค่ไหน แต่หากคุณได้รู้ถึงชีวิตของผม …. เดเร็ค แมคคอยนั้น คุณก็จะไม่มีทางมองโลกในแง่ดี หรือเป็นบวกได้แน่นอน พ่อของผมเป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน หรือที่หลายคนเรียกกันว่าไบโพลาร์นั่นแหละ …. ในช่วงเวลาหนึ่งเขาสามารถจะหายเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองได้เป็นเวลาหลายวัน โดยที่เขาก็จะออกจากห้องมาแค่ช่วงเวลาที่ต้องเข้าห้องน้ำ และกินข้าวเท่านั้น ขณะที่ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง …. เขาก็จะเป็นชายที่ดูเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวเสมอ นอกเหนือจากนี้แล้วมันก็ยังมีช่วงที่เขาอยู่ในอารมณ์สดใสและร่าเริงด้วย โดยในอารมณ์นี้นั้นเขาก็จะทำงานเหมือนกับคนบ้า แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะทำงานมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆเลย เพราะเขามันไร้ความสามารถ ซึ่งเรื่องพวกนี้เองมันก็ได้ทำให้พ่อของผมกลายเป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน และท้ายที่สุดแล้วด้วยสภาพทั้งหมดที่พ่อของผมต้องเผชิญนั้นมันก็ได้ทำให้เขาตัดสินใจใช้ยาเสพติด โดยผมเชื่อว่าเมื่อผมพูดมาถึงตรงนี้นั้น ผมก็สามารถจะจัดให้เขาเป็นหนึ่งในพ่อยอดแย่ได้โดยที่ไม่มีใครครหา ….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset