นิยาย Supreme Magus ตอนที่ 14 เรียนรู้การแลกเปลี่ยนอีกครั้ง
ตอนที่ 14 เรียนรู้การแลกเปลี่ยนอีก ครั้ง
“เธอทําแบบนั้นได้ยังไงนะ?” เซเลียเอ่ยถามขึ้นขณะที่ยังคงรู้สึกประหลาดใจอยู่
“เวทมนตร์ไงครับ ผมได้รับพรจากแสงสว่างตามที่เป็นข่าว เคยได้ยินไหมครับ?”
จากนั้นเซเลียก็เริ่มทําหน้าตาระลึกถึงความทรงจําเก่าๆ จนกระทั่งจําได้ในที่สุด
“อ้อ! ฉันจําได้แล้ว เธอคือเด็กเวทย์ที่ทุกคนเอ่ยปากถึงในลูเทียนั่นเอง นั่นอธิบายอะไรได้มากมายรวมถึงพฤติกรรมแย่ๆของเธอด้วย”
“ขออภัยครับ คุณเจอเด็กผอมกะหร่องมาขอความช่วยเหลืออยู่หน้าบ้าน แต่สิ่งที่คุณทํากลับเป็นการไล่เขาทางอ้อมด้วยการแลกเปลี่ยนที่ไม่ยุติธรรม ถึงกับหัวเราะเยาะใส่ความเพียรพยายามของเขา แล้วอะไรอีกนะครับ ผมเป็นคนที่มีพฤติกรรมแย่ๆหรือครับ?” ตอนนี้ลิธโกรธจนคิดว่าการแบ่งเหยื่อให้กับเธอดูเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับความรู้สึกนี้
เซเลียกลับหัวเราะดังลั่น “เด็กน้อย เธอนี่มันตลกจริงๆ อย่างแรกนะ เมื่อเธอมาขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าในลักษณะนี้ สิ่งที่หวังได้มากที่สุดคือ ถูกไล่ออกไปแบบสุภาพ ถ้าฉันต้องทําตามคําขอของคนบ้าทุกคน ฉันคงต้องยากจนล้มละลายไปแล้ว อย่างที่สอง เธอกระแทกประตูใส่หน้าฉัน จากนั้นก็เดินกลับมาหาและทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นเป็นพฤติกรรมที่แย่มาก”
เมื่อได้ฟังความคิดเห็นของเธอ ลิธก็ทําได้เพียงเห็นด้วย สี่ปีที่ผ่านมาเขาอยู่อย่างสันโดษ ไม่ข้องเกี่ยวกับใครนอกจากคนในครอบครัว เขาเคยชินกับการได้รับการตอบรับโดยลืมกฎทางสังคมพื้นฐาน ลืมแม้กระทั่งสิ่งที่ควรอยู่ในสามัญสํานึกเสียด้วยซ้ํา
แต่ความหิวของเขาก็เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้ด้วยเช่นกัน มันทําให้เขามีแนวโน้มที่จะกลายเป็นคนโมโหร้าย ลิธเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเซเลียพูดถูก และสิ่งที่เขาทําลงไปเมื่อเช้าวันนั้นดันมีแต่อารมณ์ล้วนๆ ช่างไม่มีมารยาทเอาเสียเลย
“ผมขอโทษจริงๆครับ” เขาพูดพร้อมกับจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “ผมไม่มีข้อแก้ตัวสําหรับพฤติกรรมของผม และจะเข้าใจหากนี่เป็นเหตุผลที่ทําให้คุณยกเลิกข้อตกลงระหว่างเรา”
เซเลียกลับหัวเราะหนักขึ้น
“ใจเย็นก่อน เด็กน้อย ถึงฉันจะบอกว่า เธอบ้าและหยาบคายก็ตาม แต่ฉันก็ชอบ และจากที่เธอพูดมา ฉันเองก็ทําตัวแย่ไปหน่อย และสุนัขก็ไม่กินเนื้อพวกเดียวกันเองด้วย ข้อตกลงของเราก็ยังเป็นข้อตกลง”
เธอยื่นมีดเล่มเล็กๆให้โดยหันด้ามที่เป็นไม่ให้กับลิธ
“กฎขอที่หนึ่ง รีดเลือดออกจากตัวเหยื่อให้ไวที่สุดเท่าที่จะทําได้ ถ้าเลือดเริ่มจับตัวเป็นก้อนเนื้อจะเน่าเสีย กรีดคอแล้วห้อยหัวมันลงเพื่อให้เลือดมันไหลออกมา” เธอชี้เขาให้ไปที่ราวตากผ้า
“ถ้าเธอไม่ต้องการหนังของมัน ฉันมักจะตัดหัวมันไปเลย นั่นยิ่งทําให้ทุกอย่างไวขึ้น”
ลิธวางมีดลงก่อนจะร่ายเวทย์น้ํา เพื่อให้มันห่อหุ้มทั้งมือ จากนั้นก็ทําให้มันกลายเป็นน้ําแข็ง จนกลายเป็นใบมีดที่คมกริบ ตัดหัวนกออกไปโดยใช้มีดสําหรับกระรอกเท่านั้น
เซเลียผิวปากขึ้นมาด้วยความชอบใจ
“เทคนิคดีนี่ เธอไม่กลัวเลือดใช่ไหม?”
“อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ ผมหิวเกินกว่าจะสนใจดวงตากลมโตกับขนอันอบอุ่นของมัน ผมมองพวกมันเป็นอาหารเท่านั้น”
เซเลียยกนิ้วโป้งให้ “นั่นแหละทัศนคติที่ถูกต้องสําหรับนักล่า!”
จากนั้นเธอก็นําสัตว์เหล่านั้นไปแขวน เมื่อเห็นว่าราวตากผ้านี้สูงเกินกว่าที่ลิธจะเอื้อมถึง และลิธเองก็ไม่คิดจะทําอะไรเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดนี้
“เอาล่ะ ในเมื่อเรากําลังจะสร้างความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ด้วยกันแล้วทั้งยังมีข้อตกลงบ้าๆนั่นด้วย บอกหน่อยได้ไหมว่าทําไมถึงมาหาฉันแทนที่จะไปหาพ่อกับแม่ของเธอ? ฉันไม่รู้จักครอบครัวเธอเลย แต่นี่เป็นสิ่งที่ชาวนาทุกคนทําเป็นกันนะ และมันก็แพงเกินไปด้วยถ้าจะให้ใครมาแล่เนื้อสัตว์ให้เธอน่ะ”
“จริงด้วย” ลิธเริ่มคิดใคร่ครวญก่อนว่าจะตอบอย่างไรดี เขาสบตาเธอแล้วถามขึ้นมาว่า
“นี่จะเป็นความลับระหว่างเรา ศิษย์อาจารย์ กับข้อตกลงบ้าๆนั่นด้วยใช่ไหมครับ?”
เซเลียพยักหน้า และรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับคําตอบจริงจังกลับมา
“ตั้งแต่ที่ผมจําความได้ ผมกับพี่ชายน้องชายไม่เคยมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเลย ทุกสิ่งทุกอย่างดูเลวร้าย โดยเฉพาะพี่ชาย” ลิธตัดสินใจถอดเรื่องหนักอกหนักใจออกมาระบายให้ฟัง การเล่าเรื่องราวให้กับคนแปลกหน้าฟังถือเป็นวิธีการคลายเครียดที่ดีที่สุด อีกอย่างการทําลายชื่อเสียงของออร์พัลก็นับเป็นกลยุทธ์ที่ดีอีกด้วย
“ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะเวทมนตร์หรือเปล่า แต่มันทําให้ผมกินจุมาก มันคงไม่ใช่เรื่องใหญ่ถ้าหากผมไม่มีพี่น้องอีกสี่คนหนึ่งในนั้นก็มีภาวะผิดปกติมาแต่กําเนิดค่ารักษาของเธอก็แพงมาก จนแทบจะทําให้ทางบ้านแบกรับไม่ไหวแล้ว”
“ขอบคุณพระเจ้าที่ฉันเป็นลูกคนเดียวว่าแต่เธอทําอะไรกับพี่ชายเธอไหม?” ลิธแสร้งทําเป็นไม่ได้ยินเธอเอ่ยถาม
“นั่นหมายความว่า ถึงแม้พ่อกับแม่จะทํางานหนักขนาดไหน ก็ไม่สามารถหาอาหารมากมายมาเลี้ยงดูพวกเราได้” จากนั้นลิธก็ชี้ไปที่แขนบางๆของตนเอง เพื่อทําให้เธอรู้สึกสงสารมากขึ้น
“และน้องชายของผมก็กําลังจะโตขึ้น เขาเริ่มอยากอาหารมากขึ้นแล้ว”
“เมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว พี่ชายผมเริ่มโกรธขึ้นมา เขาจะกล่าวโทษทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ได้ดังใจให้เป็นความผิดของผม เขามักจะพูดว่า”
“จะมีลูกออกมาทําไมตั้งมากมาย ในเมื่อแค่เลี้ยงยังเลี้ยงให้ดีไม่ได้เลย”
“ทําไมเขาต้องได้อาหารเท่าผมด้วยล่ะ? เขาไม่ได้ทําอะไรเลยในขณะที่ผมต้องไปทํางานในทุ่งตลอดทั้งปี!”
“นี่ไม่ใช่น้องชายผม นี่มันปลิงดูดเลือดที่ดูดเอาชีวิตผมไป!”
“ฉันจะสาปแช่งให้แกตายๆไปซะ”
“นี่เธอกําลังแต่งเรื่องให้ฉันสงสารอยู่หรือเปล่า? เด็กน้อย เพราะนี่มันแย่มากเลยนะ” เซเลียขมวดคิ้ว และรู้สึกสงสัยว่าจะมีใครกล้าพูดจาแบบนี้กับน้องชายตัวเล็กๆของตัวเองได้ยังไง
ลิธส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “ถ้าเป็นเรื่องแต่งก็ดีน่ะสิครับ”
“แล้วพ่อของเธอได้ทุบตีสั่งสอนเขาบ้างไหม? บางทีนั่นอาจจะทําให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาก็ได้”
ลิธส่ายหน้าอีกครั้ง
“ไม่เลยครับ นี่เริ่มตั้งแต่ผมยังเล็กมากๆ ต่อให้พ่อจะลงมือสั่งสอนก็ตาม นั่นกลับทําให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก จนทําให้ตอนนี้ผมต้องไปนอนในห้องพี่สาวแทน”
เซเลี่ยกัดริมฝีปากพยายามจะไม่ขําเรื่องนี้ “ยังเร็วเกินไป”
“เร็วเกินไปสําหรับอะไรนะครับ?”
“ไม่มีอะไร พูดต่อสิ”
“ประมาณปีที่แล้ว เมื่อผมเริ่มฝึกใช้เวทมนตร์ และเริ่มเก่งพอที่จะใช้ทํางานบ้านด้วยตนเอง บางครั้งผมก็ไปช่วยเลี้ยงสัตว์ แถมยังช่วยสะกดอาการป่วยของพี่สาวได้ด้วย” ลิธสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอีกว่า
“เกือบจะตลอดเวลาเลยล่ะ”
“งั้นทุกอย่างก็น่าจะดีขึ้นแล้วใช่ไหม”
“ผิดแล้วครับ ทั้งบ้าน โรงนา และเครื่องมือต่างๆล้วนต้องการการซ่อมแซม คุณยังสามารถคํานึงถึงอุบัติเหตุต่างๆที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกสถานการณ์แล้วค่อยเรียงลําดับความสําคัญได้ แต่ใช้ไม่ได้กับพี่ชายผม สถานการณ์ระหว่างเราไม่ดีขึ้นเลย”
“ตอนนี้เขาโทษผมไม่ได้แล้ว ล่าสุดเขาโทษพี่สาวขี้โรคของผมแทน และ พูดในสิ่งที่ผมไม่มีทางพูดออกมาแน่” ลิธถ่มน้ําลายลงบนพื้นราวกับต้องการขจัดรสชาติอันสกปรกโสมมในความทรงจํานั้น
“เขาบอกว่า มันจะดีกว่านี้สําหรับเธอ ถ้า…” จากนั้นลิธก็ชี้ไปยังเหยื่อที่ถูกแขวนไว้
“ถ้าจัดการเธอให้เหมือนกับสัตว์พวกนั้นน่ะหรอ? เด็กน้อย พวกเราอาจจะทําตัวแย่ แต่พี่ชายเธอน่ะ เสียสติไปแล้ว”
ลิธขบฟันกรอด เขาจําได้แม่นว่า ออร์พัลพูดอะไรออกมาบ้าง
“มันจะดีกว่าสําหรับเธอ และสําหรับพวกเรา! เธอทํางานไม่ได้ ทิสต้าจะไม่มีวันมีเพื่อน ตกหลุมรักใคร หรือมีลูกเป็นของตัวเองได้เลย เธอจะต้องเป็นภาระของครอบครัวไปตลอด แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่มีใครอยู่บ้านนี้แล้ว ใครจะดูแลเธอล่ะ? เอลิซ่าหรอ? หรือจะเป็นปลิงตัวน้อยกันล่ะ?”
ลิธยังจําได้ว่าแม่ของเขาร้องห่มร้องไห้กับคําพูดที่โหดร้ายนี้ยังไง ทิสต้าวิ่งเข้าไปกอดแม่ ส่วนราซก็ตบตีออร์พัลเสียยกใหญ่จนเขาเดินไม่ได้ไปหลายวัน
“ใช่แล้ว” เขาตอบรับเสียงต่ํา
“นั่นคือเหตุผลที่ผมรังเกียจเขาและไม่ต้องการให้แตะต้องหรือกัดกินเหยื่อของ ผมแม้แต่คําเดียว”
“ฉันเข้าใจ ขนาดไม่รู้จักเขา ฉันยังเกลียดเขาไปแล้ว”
“ไม่ ผมไม่เกลียดเขา” ลิธแย้ง
“ความเกลียดก็เปรียบได้กับความรักเป็นความรู้สึกที่ไม่มีเหตุผล เรียกว่ารังเกียจจะมีเหตุผลกว่า”
“ว้าว! ช่างเป็นเด็กที่มีความคิดลึกล้ําที่เดียวเชียว คู่ควรกับการเป็นนักล่ามาก! เอาล่ะ คุยกันพอแล้ว ได้เวลาลงมือทํางาน”
เซเลียเก็บกระรอกลงมาแล้วส่งต่อให้ลิธ
“เราจะเริ่มจากเจ้าตัวน้อยนี่ก่อน มันตัวเล็กและฝึกง่ายกว่า ต่อให้เธอทําไม่ดีก็ ไม่เป็นไร เพราะมันไม่มีเนื้อมากนัก”
เธอวางกระรอกไว้บนเขียง และยื่นอีกตัวให้ลิธ
“วันนี้ฉันจะสอนเธอจัดการกับสัตว์ฟันแทะ แต่ในกรณีที่เจอกระต่ายขาวราวกับหิมะ เธอนํามาให้ฉันนะ มันมีค่ามากกว่าขนสีน้ําตาลในฤดูใบไม้ผลิ ถ้าทําให้หนังของมันเสียหายเพียงนิดเดียว มูลค่าของมันจะลดลงไปมากทีเดียว”
เซเลียยื่นมีดสั้นให้เขาอีกครั้ง “ถ้าอยากให้ฉันสอนเธออย่างถูกต้อง ก็ทําตามฉัน ใช้มีดนี้แล้วทําตามที่ฉันสอน”
ลิธพยักหน้าตอบรับ
“ดึงหนังส่วนหลังของกระรอกแล้วกรีดที่หลังคออย่างน้อยครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางทั้งสองข้างเปิดขยายรูที่เธอกรีดไว้ เอานิ้วเกี่ยวใต้หนัง มือข้างหนึ่งดึงไปทางข้างหลังอีกข้างหนึ่งดึงไปทางหัว…”
ในระหว่างที่กําลังดูอยู่นั้น ลิธรู้สึกว่าการถลกหนังกระรอกเหมือนกับการถอดถุงมือที่เหนียวเหนอะหนะ น่าขยะแขยง
“ฉันรู้ว่ามันน่าผิดหวัง แต่เจ้าหางพุ่มตัวนี้มันไม่มีหนังดีๆ มันก็แค่ตัวมีขนที่น่าเกลียด แต่เธอใช้หนังของมันทําอย่างอื่นได้ และมันก็นุ่มและอุ่นมากนะ เอาล่ะถึงขั้นตอนที่ยากแล้ว”
“เมื่อถึงตอนที่จะเอาเครื่องในออก ให้ระวังตอนกรีด ถ้าเธอกรีดโดนกระเพาะปัสสาวะหรือลําไส้ เนื้อสัตว์จะเปื้อนน้ําดี หรืออุจจาระ ทําให้ต้องเสียเนื้อไป นี่เป็นกฎที่ใช้ได้กับสัตว์ทุกตัว ดังนั้นระวังให้ดีนะ เด็กน้อย”
การควักไส้กระรอกออกมานั้นช่างน่าสยดสยองและมีแต่เลือด แต่เขารู้ว่าเมื่อทําทุกอย่างจนเสร็จสิ้นก็จะมีเนื้อให้กิน นั่นจึงทําให้เขาไม่รู้สึกอึดอัดใดๆเลย
เมื่อเสร็จสิ้นทุกกระบวนการ เซเลียก็นํากระรอกทั้งสองตัวมาเสียบไม้แล้วย่างในเตาผิง
“ระหว่างรอของว่างตอนเช้า ฉันจะสอนเธอลวกน้ําถอนขนนก ตามที่บอกไป น้ําที่ใช้ลวกต้องไม่ร้อนเกินไปหรือเย็นเกินไป เอาแค่ลุ่มนิ้วแล้วไม่รู้สึกว่ามันลวกนิ้ว แต่ก็ไม่สามารถจุ่มนานเกินหนึ่งวินาที เพราะจะลวกนิ้วได้ นั่นคืออุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการลวก”
เซเลียหยิบหม้อขนาดใหญ่วางลงบนกองไฟที่เธอเตรียมไว้หลังบ้าน “มันเป็นงานเลอะเทอะ ถ้าทําข้างนอกจะดีกว่า”
กลิ่นของเนื้อปรุงสุกทําให้ลิธน้ําลายไหล เขาไม่อาจยอมให้เนื้อเหล่านั้นไหม แม้แต่นิดเดียวแน่นอน
“Jorun!” ทันใดนั้นหม้อก็เต็มไปด้วยน้ํา แล้วลิธก็เอามือจุ่มลงไป “Infiro!” ทําให้น้ําร้อนจนเกิดไอขึ้นมา
เซเลียผิวปากขึ้นมาอย่างยอมรับ “ทั้งรวดเร็วทั้งมีประสิทธิภาพ ฉันเริ่มเสียใจ ความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์นี้น้อยลงเรื่อยๆแฮะ เข้าใจแล้วว่าทําไมแม่มดเฒ่าเนเรียถึงได้จองตัวเธอไว้ เอาล่ะ พร้อมจะทําต่อแล้ว แต่ก่อนอื่น…”
เซเลียเข้าไปข้างในชั่วครู่แล้วกลับออกมาพร้อมกับกระรอกย่างตัวเล็กๆ สองจาน ก่อนที่เธอจะยื่นจานให้กับลิธ เขาก็คว้ากระรอกไปกินเสียแล้ว เขากินอย่างตะกละตะกลาม ทั้งดูดทั้งแทะจนเหลือแต่กระดูก หลังจากเลียนิ้วครบทุกนิ้ว แล้วเขาก็กลับเข้าสู่สภาวะสงบเหมือนก่อนหน้านี้
“พระเจ้า ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ” เซเลียพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงเหน็บแนม “เอาอีกจานไหม? เพราะนั่นมันดูน่าหวาดหวั่นมาก และฉันรู้ว่าจะกินแค่หนึ่งจานหรือสอง…” ลิธไม่ได้ยินสิ่งที่เธอแซะเลย เขามองเห็นแต่กระรอกย่างที่กําลังใกล้เข้ามา และทันทีที่เซเลียแสร้างทําเป็นเสนอส่วนแบ่งให้ มือเขาก็ขยับแล้ว
หลังจากกินกระรอกตัวสุดท้ายหมดลง ลิธก็เห็นว่าเซเลียกําลังยืนอึ้งอ้าปากค้าง แต่กลับไม่มีคําพูดใดๆออกมา จานนั้นยังคงอยู่ใกล้หน้า เขาค่อยๆวางกระดูกคืนกลับลงไปในจาน
“ไม่จําเป็นต้องถือจานให้ผมหรอก แต่ขอบคุณมาก คุณนี่ใจดีจังเลยนะครับ”