ตอนที่ 2 อารัมภบท 2
แม้ว่าการที่เขาถูกกลั่นแกล้งมันจะสิ้นสุดลงไปแล้ว แต่ชีวิตทางสังคมของเขามันก็ไม่เคยดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขาจะหาเพื่อนได้อย่างไรเมื่อเขามีชีวิตที่น่าอับอายแบบนี้ ?
เขาต้องซ่อนรอยฟกช้ำด้วยการสวมเสื้อแขนยาวตลอดเวลา นอกเหนือจากนี้แล้วนี่ยังไม่นับรวมดวงตาที่ลึกโบ๋ที่แสดงถึงอาการเหนื่อยล้าอยู่ตลอด ซึ่งทั้งเพื่อนร่วมชั้น และอาจารย์ของเขานั้นล้วนแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
แต่กระนั้นแม้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้ของเขามันจะน่าเจ็บปวดมากๆ แต่เขาก็ยังคงมีน้องชายคนเล็กของเขาที่คอยแบ่งปันความเจ็บปวดอยู่ด้วย คาร์ลคือทุกสิ่งที่เขามี ครอบครัว เพื่อนฝูง และความมั่นใจ คาร์ลเป็นทุกอย่างของเดเร็ค
แต่อย่างไรก็ตาม ความรักมันก็เป็นเรื่องธรรมดาของวัยรุ่น
เมื่อเดเร็คเริ่มโตขึ้น เขาก็แอบชอบผู้หญิงที่เป็นเพื่อนร่วมชั้น และความรักครั้งนี้มันก็ทำให้เขาแทบบ้าเลย เพราะเขาไม่สามารถจะบอกเรื่องนี้กับใครได้ เนื่องจากเขาไม่มีเพื่อน และเขาก็ไม่คิดว่าจะมีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้ด้วย
เดเร็คไม่ได้เป็นขี้อายหรือมีหน้าตาที่เลวร้ายใดๆ ซึ่งถ้าจะให้พูดกันตามตรงสิ่งเดียวที่เป็นปัญหาของเขาก็คือนามสกุล นามสกุลแมคคอย …. ซึ่งมันเป็นของเอสซิโอ้ แมคคอย พ่อของเขาผู้ที่เป็นขยะ และเป็นที่รังเกียจของทุกคน !!!
เดเร็คเคยคิดแผนที่จะฆ่าเอสซิโอ้ โดยตามความต้องการของเดเร็คนั้นถ้าเขาจะฆ่าเอสซิโอ้ เขาก็ต้องการที่จะให้มันเป็นไปอย่างช้าๆ และทรมาณมากที่สุด เพื่อให้สาสมกับสิ่งที่เอสซิโอ้ทำกับเขามาตลอดหลายปี
กระนั้นเมื่อเวลาผ่านไป เดเร็คก็คิดได้ว่าตัวเองนั้นโง่แค่ไหนที่คิดเรื่องนี้ขึ้นมา ….
เดเร็คยังเป็นแค่เด็ก เขาใจร้อนและขาดการยับยับชั่งใจ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกเกลียดเอสซิโอ้แค่ไหน แต่ชายคนนี้ก็ยังเป็นพ่อของเขา
ฆ่าเอสซิโอ้ ? แล้วหลังจากนั้นล่ะ ? หนีออกจากบ้านเพื่อหนีการถูกจับกุม ? ใช้ชีวิตอย่างรู้สึกผิดตลอดไป ? แล้วที่สำคัญที่สุดเขาจะเอาเงินมาจากไหน ?
แถมการฆ่าเอสซิโอ้มันก็ยังหมายความว่าเขาจำเป็นจะต้องละทิ้งคาร์ล และหนีไปตลอดชีวิต รวมทั้งมันยังอาจจะไปทำลายโอกาสดีๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเขาด้วย แม้ว่ามันจะริบหรี่ก็ตาม
ดังนั้นเดเร็คจึงได้เลือกจะโยนแผนการนี้ทิ้งไปทั้งหมด และตอนนี้เท่าที่เดเร็คคิดก็คือ โอกาสเดียวของเขานั้นมันอยู่ที่ทุนการศึกษา ซึ่งเขาจำเป็นที่จะต้องเรียนให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้รับมัน และเขาก็จะได้หนีออกไปจากนรกแห่งนี้สักที
ท้ายที่สุดแล้วเลาก็ค่อยๆผ่านไป …. และในพริบตามันก็เข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เดเร็คจะจบไฮสคูลปีแรก ซึ่งในตอนนี้แม้ว่าอากาศมันจะร้อน แต่หัวใจของเดเร็คกับเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง
ขณะเดียวกันร่างกายของเดเร็คก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อรวมกับการออกกำลังกาย กับฝึกศิลปะการต่อสู้ มันจึงทำให้เดเร็คนั้นดูเหมือนกับเป็นคนใหม่เลย
สำหรับเอสซิโอ้ เมื่อเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของเดเร็ค เขาก็เริ่มหลีกเลี่ยงที่จะยุ่งกับเดเร็ค แล้วเปลี่ยนมาระบายอารมณ์กับคาร์ลแทน
แต่มันก็แน่นอนว่าเอสซิโอ้นั้นรู้ดีว่าเดเร็คต้องออกโรงปกป้องน้องชายแน่นอน ดังนั้นเอสซิโอ้จึงได้เลือกไปซื้อกระบองจากกองทัพท้องถิ่นมาไว้ใช้จัดการกับคาร์ลแทนมือเปล่า
ซึ่งนี่มันก็ทำให้เดเร็คไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย โดยเมื่อเอสซิโอ้คิดจะทุบตี
คาร์ล ตัวเขาก็ทำได้แค่เฝ้าดูเท่านั้น ….
อย่างมากที่สุดเดเร็คก็ทำได้แค่ร้องไห้ และอ้อนวอนให้เอสซิโอ้หยุดทุบตีคาร์ลเท่านั้น
และมันก็มีอยู่วันหนึ่งที่เอสซิโอ้ได้รับค่าคอมมิชชั่นก้อนโตในรอบปี ซึ่งมันก็ทำให้เขาสวมเสื้อสูทอย่างดี แม้ว่าอากาศจะร้อน และเขาก็ได้สั่งให้เดเร็คจัดกระเป๋าเอกสารกับแล็บท็อปให้
เอสซิโอ้นั้นรีบมาก เพราะเขาไม่ต้องการจะปล่อยปลาตัวโตนี้ให้กับคู่แข่ง ซึ่งมันก็ไม่ต้องเดาเลยว่าอาชีพของเขาตอนนี้นั้น คือ นายหน้า !!!
เดเร็คนั้นรีบวิ่งไปที่ประตู และส่งของทั้งหมดที่เตรียมไว้ให้พ่อ
ขณะที่ตัวเอสซิโอ้นั้นเมื่อรับของมาเขาก็ได้รีบวิ่งไปที่ลิฟท์ และกดปุ่มย้ำๆราวกับคนบ้า แต่กระนั้นแม้จะรอเป็นเวลานานลิฟท์ก็ยังไม่มา ซึ่งมันก็ทำให้เอสซิโอ้อดไม่ได้ที่จะบ่นเรื่องคอนโดที่เขาอาศัยอยู่ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจหันไปใช้บันไดแทน
เดเร็คมองตามเอสซิโอ้ไป และเขาก็สังเกตเห็นพื้นทางลงบันไดที่มันดูเป็นประกายแปลกๆ
สิ่งนี้ทำให้เดเร็คเดาออกทันทีว่าแม่บ้านคงกำลังไล่ทำความสะอาดบันไดอยู่ แต่เธอคงลืมวางป้ายระวังลื่นเอาไว้ และตอนนี้เอสซิโอ้ก็พึ่งจะพยายามวิ่งลงไปทางนั้น ….
เดเร็คสามารถเตือนพ่อของเขาได้ แต่เขาเลือกที่จะเงียบและยืนนิ่งแทน
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากๆ เอสซิโอ้นั้นรีบวิ่งอย่างถึงที่สุดโดยไม่ทันได้ระวังอะไรเลยสักนิด มันจึงทำให้เขานั้นลื่นจริงๆ !!!
เอสซิโอ้ลื่นล้มที่บันไดขั้นแรก ก่อนที่ร่างของเขาจะกลิ้งตกลงไปยังชั้นล่างสุดอย่างรวดเร็ว และนี่มันก็ทำให้ร่างกาย รวมทั้งแขนขาของเขานั้นมีสภาพบิดงอผิดธรรมชาติไปมาก
โดยเมื่อทุกอย่างจบลงนั้น เดเร็คก็หยิบมือถือขึ้นมาเพื่อทำการถ่ายรูปที่เกิดเหตุ สภาพของเอสซิโอ้ ร่องรอยเปียกจากการทำความสะอาด จนไปถึงบันไดที่ไม่มีป้ายเตือน
ในตอนนี้เดเร็คไม่ได้เป็นห่วงเอสซิโอ้เลยสักนิด เพราะในใจของเขากำลังวางแผนจะจ้างทนายเพื่อฟ้องร้องทางคอนโด
จากนั้นเดเร็คก็ค่อยๆเดินลงไปบันไดไปอย่างระมัดระวังเพื่อยืนยันการตายของเอสซิโอ้ แต่อย่างไรก็ตามเดเร็คก็ต้องประหลาดใจ เมื่อเขาพบว่าเอสซิโอ้นั้นยังไม่ตาย และกำลังนอนพะงาบๆอยู่โดยไม่สามารถจะพูดอะไรได้ แต่กระนั้นดวงตาของเขาที่มองมายังเดเร็คมันก็ชัดเจนว่าเขากำลังขอความช่วยเหลืออยู่
เดเร็คที่เห็นดังนั้นก็ยิ้มให้กับชายผู้เป็นพ่อ และพูดว่า “พ่อคิดว่าผมโง่ และไม่เคยเรียนรู้อะไรจากพ่อเลยงั้นหรอ ? ผมจำได้ว่าพ่อเคยสอนว่าอยากได้อะไรก็ต้องทำด้วยตัวเอ ในกระเป๋าที่ผมเตรียมให้มีโทรศัพท์อยู่ และที่พ่อต้องทำก็แค่หยิบมันออกมากดโทรขอความช่วยเหลือ ผมเป็นลูกชายที่ล้มเหลว และขี้แพ้ของพ่อนี่นา ฉะนั้นผมจะขอไม่ยุ่งเรื่องนี้ดีกว่า !! ….”
เมื่อได้ยินคำพูดของเดเร็ค ดวงตาของเอสซิโอ้ก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงกับเกลียดชัง แต่นั่นมันก็กินเวลาไม่นานเท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เอสซิโอ้ก็แน่นิ่งไปพร้อมกับดวงตาที่ว่างเปล่า ….
เมื่อเห็นดังนี้เดเร็คก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา กระนั้นเขาก็รีบกลั้นความดีใจของเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือตามบทบาทลูกชายที่ดี
แม่ของเดเร็คหมกหมุ่นอยู่แต่กับเรื่องของตัวเอง เธอไม่เคยอยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องครอบครัว และปล่อยทุกอย่างไว้ที่เดเร็ค ซึ่งเขาก็เต็มใจมากๆ เพราะตอนนี้ไม่มีเอสซิโอ้แล้ว
นี่มันนับเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวเลย !!! และภายหลังจากการสอบสวนอย่างละเอียดถี่ถ้วน เดเร็คก็ได้เลือกจะว่าจ้างทนายความที่ดีที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถจ้างได้ ซึ่งมันก็แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเดเร็คได้รับอำนาจเป็นตัวแทนทำทุกอย่างแทนแม่ของเขาทั้งหมด
เดเร็คได้เล่าเรื่องที่พ่อของเขาทำทุกอย่างให้ทนายฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกดขี่ ทารุณ และความจำเป็นที่จะต้องแบ่งเงินเป็นสามส่วนระหว่างพวกเขาสองคน กับแม่
ซึ่งคาร์ลก็เห็นกับเดเร็คในเรื่องนี้ และพวกเขาก็อยากให้ทนายรีบจัดการเรื่องนี้ให้ไวที่สุด เงินที่ได้จากมรดกของเอสซิโอ้ และค่าชดเชยของคอนโดมันเพียงพอที่จะดูแลทั้งคู่ไปจนกว่าเดเร็คจะสามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง
สิ่งที่ตามมาคือช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของเดเร็ค และคาร์ล พวกเขาได้รับเงินมากมาย และหลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ยังได้รับข้อเสนอที่ดีเยี่ยมจากผู้จัดการคอนโดที่จะหาที่อยู่ใหม่ให้ และให้พวกเขาย้ายออกจากที่อยู่ของแม่ ซึ่งที่นี่แหละที่เดเร็คคิดว่าจะใช้มันเพื่อปรับตัว และวางแผนสำหรับอนาคตอย่างเหมาะสม
หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปหลายปี โดยในระหว่างนี้เดเร็ค กับคาร์ลนั้นก็ไม่ได้ถูกกลั่นแกล้งใดๆอีก แถมตอนนี้ทั้งเดเร็ค และคาร์ลยังเป็นผู้เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้ที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกันเสมอ ….
ขณะเดียวกันในด้านของชีวิตส่วนตัวในที่สุดพวกเขาทั้งคู่ก็ได้สัมผัสกับการมีเพื่อน และแฟนสาว ซึ่งมันก็ทำให้ฝันร้ายในบ้านของพวกเขาจบลงในที่สุด ….
ในส่วนของวันหยุดเดเร็ค และคาร์ลก็จะใช้เวลาของพวกเขาไปกับการทำงานเพื่อหารายได้พิเศษ เพราะตอนนี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่จน แต่พวกเขาก็ไม่ได้รวย ….
พวกเขานั้นได้ช่วยกันเก็บอดออมเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะท้ายที่สุดจากประสบการณ์แย่ๆที่ผ่านของพวกเขานั้น มันได้สอนให้พวกเขารู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน และบางทีในอนาคตพวกเขาอาจจะมีเรื่องเดือดร้อนร้ายแรงก็ได้
ในด้านการเรียนเดเร็คนั้นได้รับทุนการศึกษา และเรียนจบปริญญาตรีสาขาเคมี ตามด้วยปริญญาโทสาขาชีวเคมี ในส่วนของคาร์ล เขาก็ทำได้ดีเช่นกันโดยเขาจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมมา และกำลังเรียนต่อปริญญาโท …. นอกเหนือจากนี้คาร์ลก็มีคู่หมั้นแล้ว !!!
ซึ่งนี่มันก็ทำให้เดเร็คมีความสุขกับน้องชายของเขาอย่างมาก อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มันก็ได้กรีดแผลเก่าบางส่วนของเดเร็คให้เปิดขึ้นเช่นกัน เพราะในด้านชีวิคคู่ของ
เดเร็คนั้นเขาไม่เคยไปกับใครรอดเลย เนื่องจากเดเร็คกลัวมากที่จะต้องเจ็บ แบบเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นในอดีตในชีวิตของเขา ….
โดยทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้านี้นั้นมันก็ทำให้เดเร็คมีปัญหาไปจนถึงที่ทำงาน เพราะเขาแทบจะไม่สามารถทำงานร่วมกันกับใครได้เลย เนื่องจากเรื่องนี้ แต่กระนั้นเดเร็คก็ได้เลือกที่จะพยายามทนทำงาน และปรึกษาจิตแพทย์ไปพร้อมกัน เพราะเขาต้องการที่จะเก็บเงินไว้ให้น้องชายของเขาใช้แต่งงาน เมื่อเวลามาถึง …
และท้ายที่สุดแล้วหลังจากทนทำแบบนี้ รวมทั้งปรึกษาจิตแพทย์อยู่นาน ในหลายเดือนต่อมาเดเร็คก็รู้สึกว่าหลายสิ่งในตัวของเขานั้นมันคืบหน้าไปค่อนข้างมากทีเดียว
แต่กระนั้นความสุขนี้มันกับไม่ยั่งยืนเลย …