นิยาย Supreme Magus
ตอนที่ 23 เปิดอกคุยกัน
ก่อนหน้านี้ การฝึกการต่อสู้ของลิธทุลักทุเลมากถึงแม้ว่าจะทุ่มเทความพยายามไปมากมายตลอดทั้งปีเขากลับฝึกไม่ถึงระดับคิ้วสี่ของวิชาไอคิโดสักที(เทียบเท่าสายสัมของวิชาคาราเต้)
ที่เขาทําได้มีเพียงก้าวเข้าสู่คิ้วสาม(เทียบเท่าสายเขียวของคาราเต้)คือท่าเท้ากับเทคนิคการล้มและที่ก้าวหน้าในตอนแรกได้เพราะตัวเขาเองล้วนๆหากไม่มีคู่ซ้อมที่คอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวและช่วยแก้ไขข้อผิดพลาดก็จะก้าวหน้าได้ยากมาก
เขาสามารถสร้างหุ่นจําลองหรือฝึกด้วยตนเองก็ได้ แต่เขาไม่อยู่ในจุดที่ทําทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน การสร้างหุ่นจําลองด้วยโคลนที่มีท่าทางเหมือนมนุษย์นั้นต้องใช้สมาธิอย่างมากนั่นหมายความว่าเขาทําได้แค่วางทุ่นให้อยู่ในตําแหน่งแล้วฝึกขณะที่มันอยู่นิ่งๆอีกทั้งร่างกายของลิธก็ดูจะงุ่มง่ามกว่าร่างเดิมมาก
เพื่อให้ก้าวหน้าได้อย่างแท้จริงเขาว่าเป็นต้องถูกโจมตี ถูกเหวี่ยง เพื่อฝึกฝนการเคลื่อนไหวไปพร้อมๆกับเป้าหมายที่กําลังเคลื่อนที่
แต่ลธไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลยเขาจะอธิบายได้อย่างไรว่าต้องการฝึกวิชาต่อสู้ของมนุษย์ต่างดาวแล้วคนที่ไม่รู้แม้แต่พื้นฐานของพื้นฐานจะมาช่วยเขาต่อสู้ได้ยังไงกัน? นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เขามักจะลุกมาฝึกตอนกลางคืน
และโซลัสก็คือทางออกที่ดีที่สุดสําหรับปัญหานี้หลังจากที่ทําการรวมจิตเข้าด้วยกันก็ค้นพบวิธีการใช้แกนหอคอยลิธแค่ต้องปลูกถ่ายเธอลงไปในหุ่นจําลองเพื่อแปลงเป็นกึ่งโกเลมท้ายที่สุดเขาก็ได้คู่ซ้อมเสียที
โซลัสมีประสาทสัมผัสทั้งหมดของมนุษย์และด้วยการอนุญาตจากลิธเธอสามารถใช้มานาของเขาเพื่อร่ายคาถาที่เขารู้จักแทนได้
ร่างเดิมของเธอคือหอคอยเวทมนตร์ที่ควรจะมีจํานวนชั้นและอุปกรณ์ต่างๆนับไม่ถ้วน
แม้อยู่ในสภาพที่อ่อนแอ การย้ายเธอลงไปในโกเลมดินก็ง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากโซลัสเสริมไอเดียของลิธด้วยการทําให้ร่างกายของโกเลมอ่อนตัวลงในเวลาที่จะโจมตีหรือถูกโจมตีจึงจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพต่อการฝึกฝนร่างกายและหลีกเลี่ยงกา รบาดเจ็บได้อีกด้วย
เธอยังสามารถเข้าถึงความทรงจํารวมถึงคําสอนของอาจารย์ของเขาได้ทั้งหมดโซลัสสามารถใช้ความจําเหล่านั้นเพื่อแก้ไขจุดที่ลิธยังทําผิดและช่วยให้การฝึกก้าวหน้าได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
ต้องขอบคุณ Invigoration การเส ริมพลังทําให้ลิธสามารถตื่นตัวได้ตลอดทั้งเดือนก่อนที่ร่างกายเริ่มจะปฏิเสธ เพื่อบังคับให้เขาพักผ่อนดังนั้นต้องขอบคุณโซลสด้วยเมื่อไหร่ที่เขาเจอกับคอขวดเขาก็จะฝึกวิชาต่อสู้นี้
เมื่อความล้ามีมากเกินไปเขาก็ทําได้เพียงหยุดพักสักเล็กน้อย เวทย์แสงจะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและทําให้ฟื้นตัวกลับมาแข็งแรงได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีและยังสลายกรดแลคติคที่สะสมไว้ใน เวลาเดียวกันอีกด้วย(ลดการปวดเมื่อย)
ในระหว่างนั้นลิธกับโซลัสก็คุยกันแบบ เปิดอกคุยกัน
“แล้วเธอวางแผนจะทําอะไรในภาย ภาคหน้า? ทําไมต้องทุ่มเทฝึกหนักขนาดนี้?ทั้งเวทมนตร์,ศิลปะการต่อสู้,การล่า ทําไมไม่หยุดพักบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อดมกลิ่นดอกไม้อย่างกุหลาบบ้างล่ะ?” โซลัสเอ่ยถามขึ้น
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันหยุดฉันก็จะคิดถึงอนาคตแล้วก็กลัวว่าสิ่งนั้นจะทําให้ฉันต้องตายลงฉันรู้อยู่แล้วว่าความตายเป็นเพียงกับดักที่ทําให้ฉันเปลี่ยนจากนรกขุมหนึ่งไปยังอีกขุมหนึ่งเท่านั้น”
“ฉันไม่ต้องการอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆนี้ไปทั้งชีวิต แค่คิดก็เหมือนกับโดนโทษประหารแล้วการทํากิจวัตรเดิมๆในทุกวันอยู่ในคุกที่ไม่มีซี่กรงที่ที่ต้องล้มตัวลงนอนทุกวันขณะรอความตายแล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”
“ฉันทนกับความคิดนี้ไม่ได้ แผนของฉันคือการทดสอบขีดจํากัดของร่างกายนี้แข็งแกร่งให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้เมื่อโตแล้วก็จะได้ออกสํารวจโลกใบนี้แล้วดูว่าคุ้มค่าที่จะอยู่ต่อไปหรือเปล่า”
“ถ้าร่างกายนี้หรือโลกใบนี้เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ฉันก็จะพยายามหาทางป้องกันไม่ให้ไปโลกอื่นหลังจากที่ตายลง”
“ยังไงล่ะ?”
“ฉันไม่รู้ ฉันยังงมกับเวทมนตร์ต่างๆเหมือนกับเด็กทารกเลย ฉันรู้แค่เรื่องการใช้งานจริงแต่ไม่รู้ว่าจะสร้างไอเทมเวทย์ได้หรือเปล่าแต่ถ้าสมมติฐานของฉันถูกต้องฉันก็จะกลายเป็นลิชได้(จอมเวทย์)ยิ่งไปกว่านั้นฉันสามารถหาทางผูกจิตวิญญาณไว้กับโลกนี้ได้เพื่อที่ว่าตอนตายฉันก็ยังคงอยู่บนโลกใบนี้จะครอบครองศพที่อยู่ใกล้ที่สุดหวังว่าสักวันจะพบวิธีการรักษาแกนเวทย์กับความทรงจําของกล้ามเนื้อไว้ได้”
“แล้วถ้าร่างกายนี้กับโลกใบนี้ มันแย่ สําหรับเธอล่ะ จะทํายังไง?”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะเริ่มต้นการเดินทางใหม่อีกครั้งหากต้องใช้ชีวิตเลวร้ายในโลกมืดมนฉันอาจจะจากไปก่อนเวลาอันควร
“ฉันอาจจะเดินทางไปเรื่อยๆจนกว่าจะ ครบร้อยรอบ แล้วเกิดใหม่เป็นนายน้อยที่ร่างกายแข็งแรงในตระกูลที่ร่ำรวยเป็นผู้ถูกเลือกหรืออะไรก็แล้วแต่ทั้งหมดนั่นเป็นเรื่องของโชคแล้ว”
“แล้วครอบครัวของเธอล่ะ?จะทิ้งพวกเขาไปงั้นเหรอ?” ลิธครุ่นคิดอย่างจริงจังก่อนจะตอบว่า
“ไม่หรอก ฉันทําให้พวกเขาต้องเสียลูกชายกับพี่ชายไปโดยไม่มีเหตุผลการไม่มีศพให้ฝั่งนับเป็นเรื่องที่โหดร้ายเกินไปโหดร้ายสําหรับฉันด้วย ฉันจะอยู่ตรงนั้นจนกว่าครอบครัวไม่ต้องการผม แล้วถึงจะจากไป”
โซลสหัวเราะเล็กน้อย
“เห็นไหม? ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็ไม่ได้เป็นสีดําและขาวไปทั้งหมด เหมือนอย่างที่เธอสร้างขึ้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาในโลกนี้เธอก็ไม่อาจรอจนตายเพื่อไป“เกิดใหม่”อย่างที่พูด”
“ดังนั้น เธอเลยเลือกที่จะอยู่เพื่อเวทมนตร์ตอนนี้เธอเต็มใจใช้ชีวิตนี้ต่อไปเพื่อคนอื่นให้เวลาตัวเองบ้างคนแย่ๆที่เคยพบเจอทําให้เธอเกิดอคติกับชีวิตมากขึ้นแต่คนดีๆก็ค่อยๆเข้ามาเปลี่ยนเธอตอนแรกเธอไม่สนใจชีวิตของทิสต้าแม้แต่นิดเดียวเลยแถมยังเกลียดเอลิน่ากับราซด้วยซ้ำเพราะเธอมีปมเรื่องครอบครัวมาตั้งแต่ก่อนที่จะเจอกับพวกเขาแล้ว
“แต่พวกเขาไม่ใช่พ่อแม่ของเธอในโลกนั้น ดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่ใช่โลกที่เธอจากมาให้โอกาสมันก่อนที่จะทําอะไรสุดโต่งเกินไป”
“แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเธอไม่ได้พูดเพื่อรั้งโฮสต์ของเธอเอาไว้?”
“ใจเย็นน่า อ่านใจฉันสิ” หลังจากตรวจ สอบถึงสามครั้ง ลิธก็ไม่พบเจตนาแอบแฝงหรือเหตุผลส่วนตัวใดๆเลย
“บ้าจริง ไอ้จิตเชื่อมโยงนี่มันน่ารําคาญชะมัดฉันไม่สามารถจบการโต้แย้งได้ด้วยการไม่ไว้ใจหรือสงสัย นับเป็นความเสียเปรียบสําหรับฉันเลยอย่างน้อยตอนนี้เธอก็เพิ่งจะมีอายุได้หนึ่งเดือนชีวิต จะทําให้เธอเปลี่ยนไปมันเป็นอย่างนั้นเสมอ”
โซลสหัวเราะคิก
“หรือมันจะเปลี่ยนเธอ แล้วเธอก็จะปฏิบัติกับฉันอย่างอ่อนโยนขึ้น จากนั้นก็จะดูแลฉันไปตลอดทั้งชีวิตของเธอสามี”
ลิธรู้สึกขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
“ได้โปรด อย่าเรียกฉันแบบนั้นเอาล่ะฉันพร้อมแล้วอย่าออมมือนะ!”
“ฉันไม่เคยออมมือ” โซลัสตอบกลับพลางจู่โจมใส่ลธที่กําลังสั่นอยู่
ต้องขอบคุณการออกกําลังกายทั้งหมดนั้น ทําให้ลิธทะลวงคอขวดไปได้อย่างรวดเร็วจากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงสิ่งสกปรกในร่างที่กําลังพยายามหาทางออกอีกครั้ง
ลิธได้พิจารณาการกําจัดสิ่งสกปรกด้วยวิธีการเดียวกับที่เขาทํากับครอบครัวว่ามันเป็นอย่างไรแต่หลังจากคุยกับโซลัสแล้วเขาก็ตัดสินใจไม่ทําดีกว่า
การรักษาด้วยการชําระล้างที่ทําเพื่อช่วยทิสต้าเป็นวิธีการที่เขาคิดขึ้นมาเองถึงแม้ว่าจะให้ประโยชน์ในด้านรูปลักษณ์ ทางกายภาพและความต้านทานต่อการเจ็บป่วยแต่พลังเวทย์และความสามารถทางกายภาพของพวกเขาไม่เคยพัฒนาเลย
ลิธไม่เข้าใจว่า ทําไมสิ่งสกปรกถึงต้องเดินทางไปยังแกนมานาก่อนที่จะถูกขับออกไปทําให้เกิดความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่มันก็คุ้มค่า
มันเกิดขึ้นในระหว่างการฝึกซ้อมทันทีที่ลิธรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาก็รีบถอดเสื้อผ้าออกเพื่อไม่ให้มันเปื้อน ครั้งนี้เขาไม่ต้อต้านใดๆ และพบว่ามันไม่เจ็บปวดเลย
สิ่งสกปรกออกมามากกว่าครั้งที่แล้วเสียอีก มันออกมาทางรูขุมขนและช่อง
ทางเข้าออกต่างๆ กลิ่นของมันเหม็นจนแทบจะเป็นลม ลิธจึงจัดการด้วยเวทย์มืดเพื่อให้กลิ่นจางหายไป เขาถึงกับหมดแรง จนถึงขนาดที่ว่า Invigoration ก็ไม่อาจเติมพลังให้เขาได้แล้ว เขาจําเป็นต้องนอนพัก
“อาบน้ําเสร็จสักที มันเหม็นมากจนแทบจะปลุกคนตายขึ้นมาได้เลย” โซลัส พูดด้วยสีหน้าเป็น
“เธอต้องจําเรื่องนี้ไว้นะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ ก็เป็นเหมือนดาบสองคม ทําให้เกิดการปนเปื้อนและการชําระล้างในเวลาเดียวกันทั้งร่างกายและแกนมานาของเธอได้รับการเปลี่ยน แปลงเชิงคุณภาพอีกครั้ง”
“ฉันคิดว่าศักยภาพของเธอคงพุ่งทะยานช่วยเลื่อนระดับของเธอจากข้อกําหนดขั้นต่ําของฉัน เธอยังต้องฝึกหนักอีกมากเพื่อพัฒนามัน”
ดังนั้นลิธจึงยังคงทํากิจวัตรประจําวันต่อไปจนกระทั่งเทศกาลฤดูใบไม้ผลิมาเยือน