Supreme Magus – ตอนที่ 26 ความจริง

ตอนที่ 26 ความจริง

เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็พลันได้สติขึ้นมา พยายามเรียกความกล้าหาญที่คู่ควรกับคนที่รอดจากความตายในสนามรบมาหลายครั้งหลายครา ในเมื่อลิธยอมให้เอ่ยปากพูด เขาจึงไม่เกรงกลัวอะไรอีกต่อไป

“ฉันเป็นอัศวิน ขอเกียรติยศทรงอยู่กับพระเจ้า ฉันจะไม่ทรยศต่อความไว้วางใจของท่านเจ้าเด็กชั่ว!”

“โอ้ คุณนี่ช่วยได้เยอะจริงๆ! ต้องขอบคุณเพื่อนที่อยู่ตรงนั้นนะ ผมรู้แล้วว่ามีพระเจ้าอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ และผมก็คิดว่าคุณเป็นแค่ทหารรับจ้างเท่านั้น คุณเป็นอัศวินจริงๆหรอ หรือเป็นแค่องรักษ์ส่วนตัวของเขากันแน่?”

เมื่ออัศวินรู้ตัวว่าพลาดท่าแล้ว เขาจึงพยายามกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ก่อนที่จะมีอะไร หลุดปากเขาอีก

“เฮอะ! อย่าเพิ่งตายเร็วนักสิ!”

ลิธแช่แข็งเขาอีกครั้ง บังคับให้อ่าปากเพื่อแยกฟันออกจากลิ้น แล้วรักษามันด้วย เวทย์แสง

“คุณนี่มันโง่กว่าที่เห็นอีกนะเนี่ย” ลิธยังคงไม่หยุดยิ้ม และพูดคุยกับเขาด้วยท่าทีสงบนิ่งราวกับแม่กาลังคุยกับลูกเสียอย่างนั้น

“ผมจะบอกอะไรให้นะ แม้แต่ความตายก็ไม่ช่วยให้รอดจากเงื้อมมือผมได้หรอก ผมสามารถฉีกคุณเป็นชิ้นๆ แล้วก็ประกอบมันกลับเหมือนกับหุ่นกระบอกอย่างที่คุณเป็นอยู่”

แววตาของลิธไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไป น้ําเสียงของเขาก็เต็มไปด้วย ความเกรี้ยวกราดและเกลียดชัง

“แต่ถ้าคุณต้องการความเจ็บปวดมากนัก ผมก็จะสนองให้เอง”

ลิธกาหมัดขึ้นมา ทันใดนั้น อัศวินก็รู้สึกว่าบางส่วนที่อยู่ระหว่างขาของตนถูกบีบ และบดขยี้ราวกับโดนคีมจับ ดวงตาของเขาเอ่อล้นไปด้วยน้ําตา และทําได้เพียงอ้าปากส่งเสียงอึกอักเท่านั้น

ลิธคลายมือออกเป็นจังหวะ เพื่อให้อัศวินได้พัก ก่อนจะบิดมือและองคชาติของอัศวินไว้

“พร้อมจะคุยหรือยัง?” อัศวินรู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะไม่เข้าใจคําพูดของลิธ

“ยังหรอ? โอเค ไม่เป็นไร ผมกําลังอยากทดสอบ Plague Arrow ที่พัฒนาขึ้นมา ใหม่”

หลังจากที่พลังความมืดสายหนึ่งพุ่งโจมตีที่อกของอัศวิน ลิธก็ปลดปล่อยเขาจา กการเป็นหุ่นกระบอก ปล่อยให้เขานอนแผ่อยู่บนพื้น

“หนึ่ง”

ก่อนที่อัศวินจะมองหาอาวุธ เขาก็พบว่าตัวเองหนาว ฟันสั่นกระทบกันอย่างควบคุม ไม่ได้

“สอง”

เขาขดตัวงอ กอดตัวเองไว้พยายามควานหาความอบอุ่น

“สาม

ทันใดนั้นความหนาวเย็นก็พลันหายไป แต่กลับมีเหงื่อไหลโซมกาย เขารู้สึกร้อนมาก เหมือนกับตอนที่ถูกบังคับให้ยืนยามภายใต้แสงแดดที่แผดเผาในฤดูร้อน

“สี่, ห้า”

อัศวินรู้สึกหายใจไม่ออก จึงถอดเสื้อเชิ้ตออก อ้าปากหอบหายใจ คอเขาแห้งผากจนต้องคว้าหิมะมาหนึ่งกํามือแล้วกลืนมันเข้าไป ขอบคุณพระเจ้าที่มันช่วยบรรเทาอาการลงได้

“หก,เจ็ด”

จากนั้นก็รู้สึกราวกับว่าเลือดกําลังไหลย้อนกลับ ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วทั้ง ร่างโลกทั้งใบกลับกลายเป็นศัตรูของเขา พื้นดินทําร้ายผิวหนัง หิมะทําร้ายคอ แสงสว่างทําร้ายดวงตา ไม่มีตาแหน่งไหนบนร่างกายที่ปลอดภัยเลย สิ่งที่เขาทําได้มีเพียงเปลี่ยนความทรมานแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบหนึ่งเท่านั้น

“แปด,เก้า”

เลือดของอัศวินเต็มไปด้วยพิษ เขารู้สึกว่าน้ําลายมีรสเหมือนกรด จึงเริ่มอาเจียนออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ อาเจียนจนไม่เหลืออะไรในท้องไส้แล้ว

“สิบ! พร้อมจะคุยหรือยัง?” ลิธถอนเวทย์ Plague Arrow โดยใช้เวทย์แสงแทนที่

“ได้โปรด ไม่เอาแล้ว พอแล้ว! ถ้าเธอเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกชั่วโมง เธอจะตกอยู่ในมือพวกเขา!” อัศวินแทบจะไม่เหลือพลังชีวิตเลย แต่อย่างน้อยเขาก็ยังคงมีความหวัง หลังจากทนทรมานมาทั้งหมด สุดท้ายตอนนี้เขาก็ได้ข้อต่อรองแล้ว

“อีกชั่วโมงหรอ?” ลิธหัวเราะ

“ผมฆ่าทหารของคุณในกี่นาทีนะ อ่อ สามนาที่ใช่ไหม? ส่วนคุณเองก็เพิ่งผ่านไป เกือบๆนาทีหลังจากที่บอกว่าเป็นอัศวินน่ะ ต่อให้ปัดเศษมาอีก ก็ยังได้แค่ห้านาทีเอง ตรงไหนกันที่บอกว่าผมใช้เวลาเป็นชั่วโมง?”

อัศวินตกตะลึง นั่นไม่ถูกต้องสิ เขารู้สึกได้ถึงแสงอาทิตย์ เมื่อเงยหน้าไปมองความ จริงอันโหดร้ายนั้น ก็พบว่า… พระอาทิตย์เพิ่งจะลับขอบฟ้าไปเท่านั้นเอง

“พระเจ้าโปรดเมตตาฉันเถอะ ความทรมานเจ็บปวดที่ผ่านมานั้นกินเวลาแค่ไม่กี่นาทีเองหรอ? ทําไมมันรู้สึกยาวนานเหมือนผ่านมาหลายชั่วโมงเลยล่ะ”

“คุณนี่มันโง่จริงๆ” ลิธทําให้เขาเคลื่อนไหวไม่ได้อีกครั้ง

“ตั้งแต่คุณพยายามกัดลิ้นแล้วผมใช้เวทย์ Plague Arrow ใส่คุณ เวลาก็ผ่านไปแค่ เป็นนาทีเท่านั้น เวทย์ของผมใช้เวลาแค่สิบวินาที คุณไม่ได้ยินที่ผมนับเลขดังๆหรือไง?”

“ดูเหมือนว่า Plague Arrow จะบิดเบือนการรับรู้เวลาของเขาไป” โซลัสกําลังศึกษาปฏิริยาของร่างกายตัวอย่าง “การที่เขาไม่มีมานา ทําให้พลังงานความมืดแล่นเข้าสู่สมองและทําให้การรับรู้ของเขาเปลี่ยนไปด้วย”

ลิธแทบจะตัวลอยเลยทีเดียว เวทย์ใหม่นี้ช่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

“ผมจะถามคุณอีกครั้ง พร้อมจะคุยหรือยัง?”

จิตใจของอัศวินแตกสลายไปแล้ว เขาลืมสิ้นทุกเกียรติยศและคําปฏิญาณตน ตอนนี้มีเพียงความต้องการเดียวคือ อยากให้ความเจ็บปวดหายไปสักที แม้แต่ความตายยังน่าอภิรมย์กว่าความเจ็บปวดในตอนนี้เสียอีก

เขาจึงบอกทุกสิ่งทุกอย่างกับลิธ หลังจากที่ริคเกอร์ เทรฮานรู้สึกขายหน้าในช่วง เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ เขาก็พิจารณานานาใหม่อีกครั้ง เขาเข้าใจว่าตนเองไม่ได้เตรียมตัวมาดีพอ และอยากจะเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเธอ เขาจึงไปบอกกับพ่อ

บารอนเน็ต เทรฮานก็อธิบายถึงความโง่ของลูกชายให้รู้ถึงความผิดพลาดอันใหญ่หลวงให้ฟัง นานาไม่พอใจเหล่าขุนนางเป็นอย่างมาก ทําให้พวกเขาเริ่มต้นกับเธอไม่ ดีอีกด้วย การจะไปขอร้อง หรือติดสินบนเธอ ล้วนเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์

ทางเลือกเดียวที่ทําได้คือ กําจัดคู่แข่งไปเสีย แล้วหวังว่านานาจะยอมสอนลูกศิษย์อีกคนที่น่าเชื่อถือกว่า นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขาลอบทําร้ายลิธ

บารอนเน็ต เทรฮานไม่สามารถบังคับนานาให้ทําตามคําสั่งได้ และไม่อาจทําให้เธอโกรธได้ด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นตระกูลเทรยานทั้งหมดจะถูกกวาดล้างไป

แม้ว่าสถานะของนานาในสมาคมเวทมนตร์จะตกต่าลงจนทําให้เธอเสียสิทธิ์และอำนาจส่วนใหญ่ไป แต่เธอก็ยังคงเป็นสมาชิกอยู่

ในประเทศลสเตรีย เธอมีอานาจเท่าเทียมกับเคาท์ลาร์ค และนั่นหมายความว่าเธอมีอิสระที่จะสังหารขุนนางยศต่ากว่าอย่างบารอนเน็ต เทรซานได้เลย

นานาไม่จําเป็นต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในการสังหารใคร เพียงแค่เธออธิบายเหตุผลกับสมาคมด้วยการเขียนรายงานอย่างเป็นทางการก็ทําได้แล้ว

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมบารอนเน็ต เทรฮานถึงได้ส่งองครักษ์ส่วนตัวมาปฏิบัติภารกิจลับนี้ เขาได้เน้นย้ําถึงเรื่องการรวบรับตัดจบ เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากใดๆตามมาทีหลัง

นานาจะได้ไม่สงสัยอะไร

เหล่าองครักษ์ส่วนตัวได้รับค่าสั่งให้ข่มขู่ลิธจนยอมสละสิทธิ์การฝึก หากไม่ได้ผลก็จัดการเขาให้หายไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ

“ในงานฤดูใบไม้ผลิ นานาบอกว่านักเวทย์ที่ทรงพลังก็เหมือนกับขุนนาง แต่ฉันไม่คิดเลยว่าเธอจะมีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวได้ขนาดนี้ ดูเหมือนว่าการเลือกเป็นนักเวทย์จะมีหลายเส้นทางให้เลือกเดินเสียแล้ว”

“สถานะขุนนาง,สมาคมเวทมนตร์ เรื่องพวกนี้ชักจะทําให้ฉันปวดหัวแฮะ”

“ตอนนี้จะเอายังไงกับขยะนี่ดี?” ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงค่าเปรียบเปรย แต่โซลัสก็ตอบกลับว่า

“การกําจัดศพจะส่งผลเสียต่อเรา หากต้องการให้บารอนเน็ตชดใช้ เราต้องเก็บศพและหลักฐานบางอย่างที่มัดตัวเขากับการสั่งลอบทําร้าย”

“ฉันก็คิดเหมือนกัน” ลิธเห็นด้วย

“คําถามสุดท้าย แจ็คเก็ตหนังที่มีตราประจําตระกูลเทรฮานอยู่ไหน?”

“พะ..พวกเราทิ้งไว้ที่บ้าน พวกเราไม่อาจให้ใครรู้ว่าเรื่องพวกนี้เกี่ยวข้องกับบารอนเน็ต”

อัศวินพลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ดวงตาของลิธกลับกลายเป็นสีดําทะมึน และเปล่งประกายด้วยพลังงานความมืด

“เดียวก่อน! นกหวีด! เรานํานกหวีดล่าสัตว์ที่บารอนเน็ตมอบให้เมื่อตอนที่พวกเรา สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อเขา! นั่นก็เหมือนกับตราประจําตระกูลด้วยเช่นกัน!”

“โอเค ขอบใจมาก ผมจะทําตามที่ตกลงไว้” ลิธเคาะหัวอัศวินสองที่ ฆ่าเขาโดยไร้ซึ่งความเจ็บปวดด้วยลูกธนน้ําแข็ง

จากนั้นก็รวบรวมนกหวีดทั้งหมดที่ได้จากศพทั้งหลาย แล้วทําลายร่องรอยด้วยเวทย์วิญญาณ

“การบิดคอและระเบิดหัวจะทําให้เกิดคําถามขึ้นมาได้ มากลบร่องรอยกันเถอะ ที่ฉันต้องทําคือตัดให้ขาดแล้วตามด้วยแช่แข็ง”

หลังจากนั้นลิธก็ใช้แอร์ฟิวชั่น (Air Fusion) เพื่อเข้าสู่หมู่บ้าน การปลุกนานาให้นขึ้นมาได้กลายเป็นความกังวลสุดท้ายไปแล้ว เขาอยากจะแก้แค้นมากกว่า

แอร์ฟิวชั่นทําให้เขามีความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เขาจึงมาถึงชายแดนหมู่ บ้านภายในสองนาที จากนั้นก็ยกเลิกคาถาไป

“ฉันจะไม่ยอมให้ใครมาเห็นความเร็วของฉัน ให้ตายสิ อยากได้ตาราพวกนั้นเป็น บ้าเลย! ฉันอยากรู้ว่าเวทย์ผสมกับเวทย์วิญญาณเป็นความรู้ที่รู้กันทั่วไป หรือยังไม่มีใครรู้กันแน่ ฉันไม่อาจจะเสี่ยงเผยไพ่ตายออกไป เว้นแต่ว่าเป็นเรื่องความเป็นความตาย”

ลิธยังคงวิ่งต่อไปจนกระทั่งเห็นบ้านของนานา มีรถม้าหรูหราจอดอยู่ตรงหน้าประตูและเห็นผู้ชายก้าวลงมาจากแท่นเหยียบ

“ท่านหญิงเนเรีย ขอร้องล่ะ โปรดพิจารณาภาพรวมหน่อย!”

ลิธไม่ได้ยินเสียงจากระยะที่ไกลขนาดนี้ และต่อให้เขาได้ยินก็ยังต้องโฟกัสมากๆ แต่โซลัสกลับได้ยินปีที่แล้วเธอไม่มีความสามรถใหม่ๆ แต่ประสาทสัมผัสของเธอเฉียบแหลมขึ้นมาก

“หนุ่มฟาร์มยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างให้ต้องดูแล เวทมนตร์เป็นสิ่งที่เข้มงวดต้องการเวลาและทรัพยากรเป็นจํานวน ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาลูกชายสุดรักของผมสามารถจัดหามาได้”

“ขอโทษด้วยค่ะ ท่านบารอนเน็ต” น้ําเสียงของนานาสุภาพแต่กลับไร้ซึ่งความอบอุ่นใดๆ เธอกำมือแน่นเสียจนกลายเป็นสีขาวซีด
“คําพูดของนักเวทย์เปรียบได้กับสัญญาของเขาเอง วันนี้ฉันจะรอลิธ และในความคิดของฉัน พรสวรรค์แต่กําเนิดกับนิสัยจริงใจของเขาเป็นรากฐานที่สําคัญสําหรับนักเวทย์ ซึ่งหาไม่ได้จากลูกชายของท่าน หรือเราต้องแกล้งทําว่าคําพูดและการกระทําอันหยาบคายของเขาในเทศกาลฤดูใบไม้ผลินั้นไม่เคยเกิดขึ้น ฉันอาจจะแก่แล้ว แต่ความทรงจํายังดีอยู่นะคะ”

ริคเกอร์ เทรฮานหน้าซีดเป็นไก่ต้ม จนถึงตอนนี้ แผนของพ่อเขาก็ยังไม่สําเร็จ พวกเขาใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงกับการเจรจาอยู่ฝ่ายเดียว หากทุกอย่างล้มเหลว และไม่สามารถลงเรียนที่สถาบัน Lightning Griffon ได้ พ่อจะถลกหนังเขาทั้งเป็นแน่นอน

บารอนเน็ต เทรซานได้ลงทุนลงแรงไปกับทรัพยากรต่างๆ เพื่อมอบตาราและอาจารย์ทั้งหมดที่หาได้

เงินและความพยายามทั้งหมดนั้นสูญเปล่าเพราะความเย่อหยิ่งของริคเกอร์ขณะเผชิญหน้ากับนักเวทย์ที่เก่งที่สุดในประเทศ นั่นเพียงพอแล้วที่บารอนเน็ตจะตัดขาดกับริคเกอร์ได้

“อ๊ะๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนไปสิ ท่านหญิงเนเรีย เด็กๆก็มักจะทําพลาดไปเสมอแหละ เป็นเรื่องธรรมดา สิ่งสําคัญคือต้องเรียนรู้จากสิ่งเหล่านี้และไม่ทําซ้ําอีก ผมรู้ว่าริคเก อร์ค่อนข้างใจร้อน และผมต้องขออภัยกับพฤติกรรมของเขาด้วย แต่ผมรับรองได้เลย ว่าเขารู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทําลงไปอย่างแน่นอน”

ริคเกอร์ไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อน พวกเขาคุยกันเหมือนเขาไม่มีตัวตนอยู่อย่างนั้นแหละ

“โปรดพิจารณาด้วยว่าเมื่อเดินบนเส้นทางแห่งเวทมนตร์ การตรงต่อเวลาและความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งสําคัญมาก จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่เห็นลิธเลย มีแต่ลูกชายผมที่อยู่

“คุณคิดว่าหนุ่มฟาร์มจะเข้าใจถึงสิทธิพิเศษที่เขาได้รับจากคุณหรือชีวิตในป่าเป็น เรื่องยากสําหรับเด็กๆ ผมกลัวว่าพ่อแม่เขาไม่มีโอกาสหรือเวลา เพื่อให้การศึกษาที่เหมาะสมแก่เขา”

“ผมเองก็เข้าใจในจุดยืนของคุณ คุณได้ให้คําสัญญาและรู้จักเขามานานแล้ว แต่ผมทนไม่ได้กับความคิดที่ว่าต้องมาเสียโอกาสให้กับคนที่ไม่เคารพคุณเท่าที่ควร

“ผมรับประกันได้เลยว่าถ้คุณรับรคเกอร์เป็นศิษย์ ผมจะให้รางวัลคุณอย่างงาม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเขาเข้าเรียนที่สถาบัน Lightning Griffon ได้ เราจะไม่มีวันลืม ความช่วยเหลือและความกรุณานี้อย่างเด็ดขาด”

“ผมพร้อมจะให้คํามั่นว่าหากลูกชายผมสําเร็จความยิ่งใหญ่อย่างที่ควรได้ เขาจะทําทุกอย่างเพื่อลบล้างชื่อเสียให้กับคุณเอง คุณคิดว่ายังไง?”

“ฉันอยากจะพูดอะไรหลายอย่าง แต่ไม่จําเป็นต้องพูดแล้ว เหตุผลที่คุณไม่เห็นเขา เพราะคุณกําลังมองผิดทางอยู่ ลิธก็คืออิมพ์ตัวน้อยที่กาลังหายใจหอบอยู่ข้างหลังคุณแน่ะ”

Supreme Magus

Supreme Magus

Supreme Magus
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Supreme Magusไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีแค่ไหน แต่หากคุณได้รู้ถึงชีวิตของผม …. เดเร็ค แมคคอยนั้น คุณก็จะไม่มีทางมองโลกในแง่ดี หรือเป็นบวกได้แน่นอน พ่อของผมเป็นคนที่มีอารมณ์ค่อนข้างแปรปรวน หรือที่หลายคนเรียกกันว่าไบโพลาร์นั่นแหละ …. ในช่วงเวลาหนึ่งเขาสามารถจะหายเข้าไปอยู่ในห้องนอนของตัวเองได้เป็นเวลาหลายวัน โดยที่เขาก็จะออกจากห้องมาแค่ช่วงเวลาที่ต้องเข้าห้องน้ำ และกินข้าวเท่านั้น ขณะที่ในอีกช่วงเวลาหนึ่ง …. เขาก็จะเป็นชายที่ดูเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยวเสมอ นอกเหนือจากนี้แล้วมันก็ยังมีช่วงที่เขาอยู่ในอารมณ์สดใสและร่าเริงด้วย โดยในอารมณ์นี้นั้นเขาก็จะทำงานเหมือนกับคนบ้า แต่อย่างไรก็ตามไม่ว่าเขาจะทำงานมากแค่ไหน เขาก็ไม่เคยประสบความสำเร็จใดๆเลย เพราะเขามันไร้ความสามารถ ซึ่งเรื่องพวกนี้เองมันก็ได้ทำให้พ่อของผมกลายเป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน และท้ายที่สุดแล้วด้วยสภาพทั้งหมดที่พ่อของผมต้องเผชิญนั้นมันก็ได้ทำให้เขาตัดสินใจใช้ยาเสพติด โดยผมเชื่อว่าเมื่อผมพูดมาถึงตรงนี้นั้น ผมก็สามารถจะจัดให้เขาเป็นหนึ่งในพ่อยอดแย่ได้โดยที่ไม่มีใครครหา ….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset