Supreme Magus ตอนที่ 8 มุ่งมั่นตั้งใจ
ตอนที่ 8 มุ่งมั่นตั้งใจ
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ลิทที่ฝึกเวทมนตร์ทุกวันอย่างเข้มงวด เขาจัดวางแผนตารางและเวลาไว้ได้อย่างชัดเจน
กลางวันฝึกเทคนิคการหายใจ เรียนภาษาและความรู้ทั่วไปจาก คนในครอบครัว
กลางคืนฝึกใช้เวทมนตร์ไปเรื่อยๆ จนกว่าเขาจะเหนื่อยและทนไม่ไหว
เขาแทบไม่หยุดพัก หากพักก็ไม่นาน การใช้ชีวิตแบบเด็กทารก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ความจริงคือมันเครียดมาก
เขาพูดอะไรไม่ได้ ถึงแม้จะเริ่มเข้าใจบางคําในภาษา ขยับตัวไม่ได้ ทําอะไรไม่ได้นอกจากนอนมองดู กิน นอน แล้วก็ขับถ่าย
เขาไม่ชอบที่ตัวเองต้องมานอนเป็นผัก แล้วพึ่งพาคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เวลาว่างตลอด 24 ชั่วโมง มันกําลังจะทําให้เขานั้นเป็นโรคประสาท
ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาไปกับการฝึกฝน ฝึกฝน และฝึกฝน เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับเวลาที่มีมากขึ้นตอนนี้เขาเริ่มมั่นใจว่าจะสามารถใช้เวทมนตร์ธาตุอื่นได้
เมื่อพลังเพิ่มขึ้น การควบคุมก็ดีขึ้นเช่นกัน แค่ไม่กี่สัปดาห์เขาก็รู้สึกมั่นใจที่จะลองใช้เวทมนตร์ธาตุดินและเวทมนตร์ธาตุน้ํา
เขาต้องระมัดระวัง เสกน้ําแค่สองสามหยด หรือจัดการสิ่งสกปรกเล็กน้อย เขาค้นพบว่าเขาสามารถทําให้องค์ประกอบของธาตุลอยอยู่กลางอากาศ ควบคุมขนาดและรูปร่าง ด้วยการใช้มานาได้
หลังจากนั้น เขาเปลี่ยนการฝึกเป็นเน้นที่ควบคุมมากกว่าปริมาณ เพราะมานาในตัวของเขามีน้อย
เล็กน้อยแต่ควบคุมได้สมบูรณ์ ดีกว่ามากแล้วควบคุมไม่ได้
ต่อให้เป็นแค่เวทมนตร์พื้นฐาน แต่ถ้าใครรู้ว่าคนที่กําลังฝึกคือเด็กทารก พวกเขาอาจตกใจจนตาย
อาจจะถึงขึ้นครอบครัวทอดทิ้ง หรือเลวร้ายกว่านั้นคือถูกฆ่าตาย
เป็นอีกครั้งที่เขากลัวตาย มีโอกาสแค่ไหนที่จะเกิดมาในโลกที่มีเวทมนตร์? มีโอกาสแค่ไหนที่จะเกิดมาในครอบครัวที่อบอุ่น?
น่าเสียดายมากถ้าต้องตาย มันอาจจะไม่มีโลกแบบนี้อีกแล้วก็ได้
จนกว่าจะแน่ใจว่ามาตรฐานของโลกใบนี้เป็นแบบไหน ต้องปกปิดความสามารถนี้ไว้ให้มิดชิด
พรสวรรค์มากแค่ไหนถึงจะมองว่าดี? แล้วมากแค่ไหนถึงจะกลายเป็นสัตว์ประหลาด?
ความกังวลนานวันก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทําให้เขาใช้การฝึกเพื่อเบี่ยงเบียงความสนใจ
ผ่านไป 3 เดือน เขาก็เก่งพอที่จะสะบัดมือแล้วจุดไฟแบบที่เอเลน่า แม่ของเขาได้เคยทําในอดีต
เมื่อไฟจุดติด ทุกคนในบ้านยุ่งอยู่กับอาหารเช้า และพูดคุยกันระหว่างครอบครัว เขาพยายามความคุมให้เปลวไฟเปลี่ยนรูปร่าง แต่มันไม่ได้ผล อาจจะเป็นเพราะมานาในตัวเขานั้นน้อยมากจนเกินไปจึงทํามันไม่ได้
เขาพยายามมากขึ้นในทุกๆวัน ควบคุมการไหลของมานาระหว่างตัวเขากับเปลวไฟ เป็นการฝึกที่ดีในการช่วยขยายขอบเขตในการควบคุมมานา
ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของการฝึกพลังเวทคือความหิว เขาหิวบ่อยขึ้นและกินเยอะขึ้น โชคดีที่เอเลน่าผู้เป็นแม่มีน้ํานมที่เพียงพอให้สําหรับเขา
1 เดือนผ่านไป เอเลน่าก็เริ่มอย่านมเขา
เรื่องนี้มีความหมายในครอบครัว เพราะปริมาณที่เขากินอาหาร ในแต่ละวันมันเทียบเท่ากับเด็กโต! แม้จะจําศัพท์ได้ไม่หมด แต่เขาก็พอเดาได้ เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลของพ่อและแม่ได้ทุกครั้ง เมื่อพูดถึงค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารของเขา
ประสบการณ์ในชีวิตก่อนที่จะหล่อหลอมให้เขาเป็นคนเย็นชา แต่คราวนี้เด็กน้อยรู้สึกผิดจากใจจริง
พ่อแม่รักลูกๆมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากกาฝาก มีแค่เอเลซ่า พี่สาวคนโตที่พอจะสามารถช่วยงานในบ้านได้บ้าง
ด้วยความรักที่ได้รับมาตลอดหลายเดือน ความอบอุ่นได้พังทลายกําแพงในจิตใจที่เคยสร้างขึ้น ครอบครัวนี้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขาไม่ใช่แค่เพียงบังเอิญเกิดมาที่นี่อีกต่อไป
ดังนั้น เขาจึงต้องลดการฝึกลงเพื่อควบคุมการอยากอาหาร ไม่ให้ครอบครัวต้องเดือดร้อน
ควบคุมให้เหมาะสม ฝึกมากเกินไปทําให้ร่างการต้องการพลังงานมาก น้อยไปก็เปผู้นกังวลเรื่องอนาคต
โชคดีที่เขาค้นพบเทคนิคใหม่
เมื่อจําเป็นต้องลดการฝึกเวทมนตร์ลง เวลาฝึกเทคนิคการหายใจก็เพิ่มขึ้น เขาเรียกเทคนิคนี้ว่าการสะสม
ด้วยวิธีนี้ พลังงานในร่างกายที่เขาเรียกกันว่า แก่นมานา เพื่อเพิ่มอย่างรวดเร็วจนมาถึงจุดคอขวด
เห็นได้ชัดเจนว่าร่างของเด็กทารกไม่แข็งแรงพอที่จะผสมมานาไว้จํานวนมาก เขาไม่เคยสังเกตว่าร่างกายของเขานั้นได้โตขึ้นปริมาณแก่นมานาที่ร่างกายรับได้ก็เพิ่มขึ้นด้วย
ร่างกายและแก่นมานาของเขาก็ได้เติบโตขึ้นมาพร้อมๆกัน
แต่ตอนนี้มันเสียสมดุล การฝึกเทคนิกการสะสมมาถึงขีดจํากัดร่างกายเกิดการเจ็บอย่างรุนแรงถ้าเขาฝืนทําต่อไป แต่ร่างกายของเขามันบังคับให้เขานั้นต้องหยุด
แต่ยังโชคดี อาหารที่เขากินไปมีสารอาหารเพียงพอ ร่างกายกําลังเติบโตอย่างรวดเร็ว คอขวดพวกนี้จะอยู่อีกไม่นาน
เทคนิคใหม่ที่ค้นพบ มาจากการฝึกเทคนิคการหายใจตามปกติไม่ได้
หลังจากถึงขีดจํากัด เขาลองปรับเปลี่ยนเทคนิคการหายใจใหม่ ตัดขั้นตอนการรอให้พลังงานสงบออก แล้วปล่อยให้พลังงานไหลออกเหมือนการหายใจตามปกติ สิ่งที่ได้คือร่างกายกําลังนอนหลับตอนกลางคืน
ลิทได้ตั้งชื่อเทคนิคใหม่นี้ว่า การเสริมพลัง
หลังจากการทดลองหลายครั้ง เขาพบว่าเทคนิคใหม่ทําให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา เขาแทบไม่ต้องนอนพักผ่อนอีก
แต่ทุกครั้งที่เขาใช้เทคนิคการเสริมพลัง ประสิทธิภาพของมันจะลดน้อยลงไปเนื่อยๆ เขาต้องนอนหลับเพื่อใช้เทคนิคนี้ได้เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง เหมือนกับการนอนคือการรีเซ็ตมัน
แต่สิ่งที่สําคัญที่สุด คือเขาจะค้นพบอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ มันคือ โอกาส
หลังจากการปรับการฝึกเวทมนตร์ลง ร่างกายของเขายังปรับตัวไม่ทัน ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือความหิว และไม่สามารถทดแทนได้ด้วยลูกอมหรือขนม
ความหิวนี้ไม่เคยห่างเขาไปไหน มันซุ่มอยู่ใจตัวเขาอยู่ตลอด รอเวลาหลังอาหารเช้าผ่านไปสักพักแล้วมันจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาทันที
แม้ในช่วงชีวิต เขาแทบไม่เคยมีปัญหาเรื่องความหิว เอสซิโอ้กระทั่งให้เขาเรื่องมากเรื่องอาหารด้วยซ้ํา
แต่ตอนนี้เขาหิวมาก หลังจากกินอาหารคําสุดท้ายไป เขาอยากจะเลียจานให้สะอาดด้วย
ในวันที่ดี หมายความว่าวันนี้เขาได้กินอาหารเยอะกว่าปกติ แม้ว่าเวทมนตร์ขะล้มเหลวสักร้อยครั้ง เขาก็แทบไม่ใส่ใจ มันแค่หงุดหงิดนิดหน่อย
ในวันที่แย่ หมายถึงการที่วันนั้นได้กินข้าวน้อยกว่าปกติ ไม่ว่าการฝึกจะสําเร็จหรือล้มเหลว เขาจะรู้สึกหิวจนปวดหัว หงุดหงิดจนไม่มีกะจิตกะใจหรือแม้กระทั่งสมาธิในการฝึก และฝันถึงแต่อาหารตลอดเวลา
เขาไม่ได้เป็นเพียงในบ้านที่หิว นอกจากเอเลน่าคนที่ช่วยดูแล เขายังมีเอเลซ่ากับออป้า
เอเลซ่ามีความฝันและมุ่งมั่นที่จะเป็นเหมือนแม่ของเธอ
ออป้ามักจะรู้สึกโมโหและหิวอยู่บ่อยๆ เขามักจะฝันถึงมื้ออาหาร ตอนกลางวัน นอกจากการต่อสู้กันเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้เป็นพ่อแม่ มันยังมีเรื่องอาหารกับเสื้อผ้าด้วย เมื่อก่อนเขาเคยมีห้องส่วนตัว หลังจากนั้นเขาก็ต้องแบ่งพื้นที่ห้องนั้นให้กับไทรอน และอีกไม่นานเมื่อลิทโตขึ้นพื้นที่นี้ก็คงจะหายไปอีก
ออป้าไม่เข้าใจว่าทําไมพ่อแม่เขาถึงพยายามที่จะมีลูก ทั้งที่บ้านก็ยากจน
ตอนนี้เป็นช่วงฤดูหนาว งานที่ทําได้มีน้อยลงจึงเป็นเรื่องปกติที่เสบียงอาหารจะหาได้ยากกว่าฤดูอื่นๆ พวกเขาต้องอดทนให้ได้จนกว่าจะถึงฤดูใบไม้ผลิ
มันเป็นช่วงที่ยากลําบากของครอบครัวเกษตรกร นอกจากอาหารสําหรับคนในบ้านแล้ว พวกเขาต้องจัดแบ่งให้สัตว์เลี้ยงของเขาด้วย
ออป้าหงุดหงิดและโมโหหิวมากที่ต้องมาคอยป้อนอาหารให้กั เขา
“ตะกละ” ออป้าบ่นพึมพํา
เมื่อเอเลน่าเผลอ ออป้าจะแอบเอาช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเอง แต่แน่นอน เขาไม่ยอมถูกรังแกง่ายขนาดนั้น
ทันทีที่โดนออป้าแย่งอาหาร เขาจะร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง เอเลน่าจะรีบวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น จึงทําให้แผนการของออป้าโดนขัดขวาง
ก่อนหน้านี้ลิทไม่เคยร้องไห้มาก่อน ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงเขาร้องให้ ทุกคนในบ้านนอกจากออป้ารู้สึกว่านี้มันเป็นเรื่องใหญ่
และวันนี้เป็นอีกวันที่เลวร้ายสุดฟ้าความหิวในตัวเขามันมีมากกว่าทุกๆวัน และหน้าที่ของออป้าที่ต้องป้อนอาหารเขา
ทั้งพ่อและแม่ออกไปข้างนอกเพื่อดูวัวตัวหนึ่งที่ช่วย
ออป้าใช้ช้อนตักซุปครีมสําหรับเด็กเต็มช้อนใส่ปากตัวเองและกลืนมันลงไป
ลิทเริ่มร้องไห้ทันที แต่กลับไม่มีใครได้ยินเขา
“ร้องไปเลย ร้องจนกว่าเจ้าจะพอใจ ไอ้จอมตะกละ” ตอนนี้เขาเข้าใจคําศัพท์ส่วนใหญ่รวมถึงคําเยาะเย้ยของออป้าด้วย “ วันนี้มีแค่ข้ากับเจ้า ไม่มีแม่ในชุดอัศวินขี่ม้าขาวมาคอยช่วยเจ้าอีกแล้ว” หลังจากเยาะเย้ย ออป้าก็ได้เขมือบซุปเข้าไปคําหนึ่ง
ลิทรู้สึกเหมือนเขากําลังจะเป็นบ้า ตอนนี้เขารู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ประโยชน์เอามากๆ เขาครุ่นคิดว่าจะทําอะไรออป้าได้บ้าง?
เรียกลมเบาๆมาพัดให้เขาเย็นขึ้น? หรือสาดน้ําใส่เขาไม่กี่หยดให้เขาเปียก? การใช้ไฟมันอันตรายเกินไป อาหารมื้อเดียวไม่คุ้มค่าที่จะเผาบ้าน
ความหิวกําลังกลืนกินเขาอยู่ และโกรธมากที่ต้องมองดูโดยที่ทําอะไรไม่ได้
“บัดซบ” เขาตะโกนตด่าในใจ รู้สึกภูมิใจกับการปล้นอาหารจากเด็กมากมั้ย?”
ช้อนที่สามทําให้ซุปครีมของเขาหายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ในหน้าของออป้าดูมีความสุขมาก
ความโกรธของเขาทวีคูณเพิ่มมากขึ้นจนถึงขีดสุด ความเกลียดของเขาลุกไหม้กองเพลิง
“แกไม่ใช่พี่ชายของชั้น!” เขาตะโกนข้างใน ไม่ต่างอะไรจากโจรที่น่ารังเกียจ!” และยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกได้ถึงการเชื่อมต่อบางอย่างในใจ มันเหมือนกับเพื่อนเก็บน้ําที่กําลังจะพังทลาย
“ขอให้ช้อนติดคอแม่ “ตาย” ลิทพยายามดิ้นรนด้วยความโกรธ เขาโบกแขนไปมา
ทันใดนั้น เขารู้สึกว่ามานาได้ไหลออกมาจากร่างกายไปยังร้อน ขณะที่ออป้ากําลังกลืนซุปครีมคําสุดท้าย ช้อนก็ได้พุ่งเข้าไปในปากอย่างแรง!
ออป้าถึงกับสําลักและหายใจไม่ออก หลังจากดึงช้อนออกจากลําคอ เขาก็ได้อาเจียนออกมา
ลิทตกใจจนลืมทั้งความโกรธและความหิว
เขาได้ค้นพบ
ของเขาสามารถทํา
จิตวิญญาณของเวทมนตร์!