Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. – ตอนที่ 62

แสงที่ 62 คำมั่นสัญญา..

“อ้ากกกกกกกกกก..!!!!!!”

“หืม..?”วิลเลี่ยมและทุกๆคนที่เดินกลับมาถึงรั้ว พลันต้องเหลี่ยวหลังกลับไปมอง จากเสียงตะโกนของรันต้าที่ดังขึ้น ก่อนที่ใบหน้าของแต่ละคนจะต่างพากันบิดเบี้ยวจนแทบจะดูไม่ได้..

“อึก..ไอ้เจ้าเด็กนั่น มะ..มันทำบ้าอะไรของมันอีกวะนั่น..”วิลเลี่ยมที่สบถออกมาด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว..

“หรือว่าคำถามที่มันถามกับท่านอดีตจอมทัพเมื่อกี้ จะหมายถึงสิ่งที่มันกำลังทำอยู่ อะ..อึก เจ้านั่นมันต้องบ้าหรือไม่ก็เสียสติไปแล้วแน่ๆ..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมาด้วยความสะพรึง..

“ถ้าพ่อของไอ้เจ้าเด็กนักเรียนหัวกะทิลำดับหนึ่งนั่นรู้เข้ามีหวังเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่ๆ แต่ก็เอาเถอะ..พวกเราอย่าไปสนใจเลยจะดีกว่า ถ้าไม่ผิดกฏก็ไม่ต้องเข้าไปยุ่ง เรื่องของเด็กก็ให้พวกเด็กมันจัดการไปจะดีที่สุด ยังไงซะสตาร์มันคงจะคิดแผนรับมือเอาไว้แล้วล่ะ ถึงได้ตัดสินใจทำอะไรบ้าๆแบบนั้น..”เมอรัสที่กล่าวออกมา เขาไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเข้าไปห้าม..

“เฮือก..!!!!”เหล่านักเรียนที่ถึงกับพากันหน้าถอดสี ส่วนทางด้านของลิซ่าเองก็ถึงกับผงะ..

“ชะ..เชี้ยเอ้ย คะ..คืนนี้ตูนอนไม่หลับแน่เลย..”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา ส่วนทางด้านของผมก็ได้แต่นั่งฉีกรอยยิ้ม..

“สะ..สตาร์..”เอลิเซียที่หันมาจับแขนของผม สีหน้าของเธอกำลังบิดเบี้ยวอย่างหนัก ส่วนฮิตเลอร์ก็หวาดผวาจนต้องเข้ามาเกาะขาของผมเอาไว้..

“อ้ากกกกกก ไอ้เชี้ย..!!!”ไอ้รันต้าที่พยายามตะเกียดตะกายคลานหนี แต่ทว่ากลับต้องถูกเวเดอร์ที่ขยับตัวตามมาคร่อม สิ่งที่เกิดขึ้นมันได้สร้างความสะพรึงกลัวให้แก่ทุกๆคนเป็นอย่างมาก..

“เวเดอร์ฉันรู้ว่าแกเก็บกด แต่แกจะเอามนุษย์มาเป็นเมียไม่ได้นะ..!”ผมที่ตะโกนบอกกับเวเดอร์ ซึ่งจากคำพูดนี้ไม่ว่าใครก็ต่างคิดว่าไอ้เจ้าเวเดอร์มันแค่คลั่งจนไม่ฟังคำสั่งของผม..

“ชะ..ช่วยด้วย ดะ..ได้โปรด ใครก็ได้..อ่อก..!”ไอ้รันต้าที่เริ่มจะอ้อนวอนร้องขอชีวิต มันที่จุกจนตาเหลือกถล่นพลันคลานเข้าไปหาพวกนักเรียนแต่ไม่ว่าใครก็ต่างพากันถอยหนี..

“ละ..ลิซ่า..”ไอ้รันต้าที่ถูกเวเดอร์กระแทกดันจนเคลื่อนตัวไปข้างหน้า เมื่อมันเงยหน้าขึ้นก็พบเข้ากับลิซ่าที่กำลังยืนอยู่ โดยที่สีหน้าของเธอในตอนนี้มันแสดงให้เห็นว่ากำลังขยะแขยงมากแค่ไหน..

“อยะ..อย่าบอกนะ ฮะ..ฮึก ไม่สิ..ช่วยฉันด้วย..”รันต้าที่กล่าวออกมา ดวงตาที่เบิกกว้างพลันปรากฏหยดน้ำตาที่คลอออกมา 

ฟุบ..

ลิซ่าที่ก้าวถอยหลังขยับตัวหนี สายตาที่จ้องมองกำลังแสดงออกว่าถึงความขยะแขยงและสมเพช..

“น่าสมเพช..”ลิซ่าที่กล่าวออกมา พอไอ้รันต้าได้ยินแบบนั้นก็ช็อคค้างไป ก่อนที่จิตของมันจะถูกกระตุก..

“หึๆ ฮ่าๆ แบบนี้เอง ความฝันสินะ..นี่เป็นเพียงแค่ฝันร้าย..ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็ตื่นแล้ว..”ไอ้รันต้าที่สบถออกมา ก่อนที่ใบหน้าของมันจะซบตกคว่ำลงกับพื้น

“ฮี๋..~”เวเดอร์ที่ส่งเสียงออกมาอย่างสบายตัวหลังจากที่มันเสร็จภารกิจ มันพลันหันไปมองยังไอ้ไมค์ ก่อนจะลุกเดินไปหาเป้าหมายตัวต่อไป..

“ฮะ..เฮือก กะ..แกจะทำอะไร ทำไมถึงเดินมาทางนี้ ไม่นะ..อยะ..อย่านะเว้ย..!”ไอ้ไมค์ที่ร้องตะโกนออกมา เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่เวเดอร์จะเข้าไปกัดกางเกงของมัน..

แคว๊ก..!!!!

“ไม่..!!!!!!! หยุดน้า…!!!!”ไอ้ไมค์ที่ดิ้นทุรนทุรายพร้อมกับร้องตะโกนแหกปากออกมาจนสุดเสียง จากการที่กางเกงของมันถูกเจ้าเวเดอร์กัดกระชากจนขาดออก ทำให้ตูดเผยออกมาสู่สายตาของทุกๆคน..

“หะ..หยุดนะ ดะ..ได้โปรด..”ไอ้ไมค์ที่หันไปกล่าวกับไอ้เจ้าเวเดอร์ หยดน้ำตาพลันพรั่งพรูออกมาจากตาของมันด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้เห็นสิ่งที่รันต้าพึ่งจะถูกกระทำไป..

“ฮี๋..~”

ตึก..!!!!

“อ้ากกกกกกกกกกก..!!!”

และนั่นก็คือเสียงร้องตะโกนของไอ้ไมค์ที่ดังออกมา ร่างของมันกำลังถูกไอ้เจ้าเวเดอร์กระทำชำเราอย่างหนักหน่วง

สิ่งที่เกิดขึ้นได้ทำให้เหล่าบรรดานักเรียนต่างพากันช็อคค้าง..

“อะ..ไอ้ ชะ..เชี้ย หะ..หยุดนะ มะ..ไม่อย่างงั้นฉันฆ่าแกแน่ อะ..โอ้ย..!!!”ไอ้ไมค์ที่กล่าวออกมาอย่างติดๆขัดๆ ก่อนจะร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ประกอบกับผู้คนที่กำลังยืนมองมันได้ทำให้จิตของไอ้ไมค์ถูกกระตุกและเริ่มที่จะกลายเป็นบ้าไป..

“อ้ากกกกกกกก..!!”ไอ้ไมค์ที่สติแตกแผดเสียงร้องตะโกนออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เจ้าเวเดอร์จะจัดการปิดบัญชี..

“ฮี๋..~”ไอ้เจ้าเวเดอร์ที่สะบัดตัวไปมา..

[มนุษย์นี่ก็ไม่เลวนะเนี่ย ถึงจะน่ารำคาญก็เถอะ..]

“เวเดอร์..! แกจะติดใจไม่ได้นะ..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา ถึงต่อให้ไอ้จ้อนจะไม่แปล ผมก็พอจะรู้ว่าไอ้เจ้านั่นคงจะฟินไม่น้อย..

“เอาล่ะ..ตามสัญญา..”ผมที่เดินเข้าไปกระซิบบอกกับเวเดอร์ ก่อนจะชำเลืองสายตาไปที่ม้าของไอ้ไมค์..

[หึๆ สาวน้อยพี่มาแล้ว..!!!]

ไอ้เจ้าเวเดอร์ที่วิ่งตรงเข้าไปหาม้าตัวเมียของไอ้ไมค์อย่างกระดี๊กระด๊า ก่อนจะกระโดดขึ้นไปคร่อมหลัง โดยที่เจ้าม้าตัวนั้นก็พยายามจะสะบัดตัวขัดขืน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของไอ้เจ้าเวเดอร์ของผมไปได้..

“เฮ้อ..แม่งเอ้ย ม้าบ้าอะไรวะ..?”ผมที่สบถออกมาด้วยความหัวเสีย ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังเหล่านักเรียนที่ยืนอยู่..

“หืม..พวกนายมีอะไรหรือเปล่า..? หรือว่าอยากจะรู้เคล็ดลับการจับม้าเพิ่มอีก..”ผมที่ถามกับพวกนักเรียนที่กำลังยืนหน้าถอดสี ก่อนที่แต่ละคนจะต่างพากันส่ายหน้ายิกๆ และรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง..

“นะ..นี่นาย ปะ..เป็นใครกันแน่..?”

ทันใดนั้นลิซ่าที่ยืนอยู่ก็เอ่ยถามผม ทันทีที่ผมหันไปก็พบเข้ากับสีหน้าของเธอที่กำลังแสดงออกถึงความตกตะลึง..

“ก็แค่ทหารนายหนึ่งไม่ได้มีอะไรที่พิเศษ..”ผมที่ตอบกลับลิซ่า ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะไม่ได้กลัว แถมยังสนใจในตัวของผม..

“อะ..อึก ฉะ..ฉันชื่อลิซ่า ช่วยบอกชื่อของนายหน่อยจะได้ไหม..?”ลิซ่าที่ยกฝ่ามือขึ้นมาจับปกเสื้อของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความประหม่า แก้มของเธอแดงนิดๆราวกับว่าปกติเธอไม่เคยให้ความสนใจอะไรใครแบบนี้..

“สตาร์..”สตาร์ที่ตอบกลับไป โดยที่ทางด้านของเอลิเซียที่ยืนอยู่กลับแสดงสีหน้าอึ้งๆ เพราะพี่สาวของเธอไม่เคยแสดงท่าทีแบบนี้กับใครมาก่อน..

“กลับห้องกันเถอะ..”ผมที่ละความสนใจ ก่อนจะหันไปบอกกับเอลิเซียและฮิตเลอร์..

“ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ ถ้าไม่รังเกียจพวกเราไปดื่มชากันไหม ฉันมีเรื่องที่อยากจะถามนายอยู่..”ลิซ่าที่เปิดประเด็นกับผม..

“ไม่อ่ะ..วันนี้ฉันไม่ว่าง ถ้าอยากจะถามอะไรก็ถามมาเลย..”ผมที่ตอบกลับลิซ่า..

“เมื่อกี้ฉันเห็นว่าท่านพลโทเมอรัสเอ่ยปากให้นายไปเป็นผู้สืบทอดของเขา ทำไมนายถึงปฏิเสธล่ะ..?”ลิซ่าที่ถามผม สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย..

“อ้อ..เมื่อครึ่งปีก่อน ฉันได้เข้ารับการทดสอบกับเขา พวกเราสองคนได้ทำข้อตกลงกัน ภายในข้อตกลงได้ระบุเอาไว้ว่าถ้าเขาชนะฉันได้ ฉันก็จะไปเป็นผู้สืบทอดของเขา..”ผมที่อธิบายให้กับลิซ่าได้ฟัง พอเธอได้ยินก็เบิกดวงตากว้างขึ้น..

“แล้วผลลัพธ์ล่ะ..?”

“แล้วเธอเห็นว่าตอนนี้ฉันเป็นผู้สืบทอดของเขาไหมล่ะ..?”ผมที่ตอบกลับลิซ่า ซึ่งจากคำตอบของผม มันก็ทำให้เธออึ้งจนพูดอะไรไม่ออก..

“อะ..อึก จะขอถามอีกครั้ง นายเป็นใครกันแน่..?”

“ฉันว่าฉันตอบไปแล้วนะ จริงสิ..เธอยังไม่ขอบคุณฉันเลยนะ..”ผมที่กล่าวกับลิซ่า พลางทักท้วงถึงคำขอบคุณ ซึ่งพอเธอได้ยินก็ถึงกับผงะ ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงไป..

“ขะ..ขอบคุณ..”ลิซ่าที่กล่าวออกมาสั้นๆ พอผมได้ยินก็กระตุกรอยยิ้มออกมา..

“ไปเถอะ..”ผมที่โอบเอวของเอลิเซียและเตรียมที่จะเดินออกจากตรงนี้ แต่ทว่า..

“เอลิเซีย..ฉันอยากให้เธอกลับไปที่ตระกูลนะ เพราะฉะนั้น..ออกจากทารอนเถอะ เธอก็รู้ที่ท่านพ่อของพวกเราตายไปก็เพราะทารอน..”

ในช่วงจังหวะที่ผมกับเอลิเซียและฮิตเลอร์กำลังเดินผ่าน จู่ๆลิซ่าก็กล่าวออกมา โดยที่ทางด้านของเอลิเซียเมื่อได้ยินแบบนั้นก็ต้องหยุดชะงัก พลางก้มหน้ากำหมัดแน่น..

“ไม่ใช่เลย..ที่ท่านพ่อต้องตาย ก็เป็นเพราะว่าความกล้าหาญของท่าน ไม่ได้เกี่ยวกับเหล่าทัพเลยสักนิด..”

“เมื่อไหร่เธอจะโตและยอมรับความจริงได้สักที เพราะแบบนี้ไง..ท่านแม่ถึงได้เกลียดเธอ..”ลิซ่าที่กล่าวออกมา..

“งั้นเหรอ..? แต่ฉันว่าฉันโตพอจนไม่คิดที่จะวิ่งไล่ตามความรักจากใครแล้ว และที่สำคัญฉันจะประกาศเอาไว้ตรงนี้ว่าฉันจะก้าวข้ามเธอ นับต่อจากนี้ไปอีกหนึ่งปีข้างหน้าฉันจะแสดงให้วาดิเนียร์ได้เห็น ว่าฉันไม่ใช่คนที่ไร้ประโยชน์อีกต่อไป..!”เอลิเซียที่หันกลับไปลั่นวาจา พอลิซ่าได้ยินก็ถึงกับสะอึก 

 

“หึ..คนไร้ประโยชน์อย่างเธอเนี่ยนะจะก้าวข้ามฉัน..”ลิซ่าที่ชักสีหน้าขมวดคิ้วกล่าวออกมา..

“หึ..ก็คอยดูเอาละกันว่าฉันจะทำได้จริงไหม..?”เอลิเซียที่ตอบกลับด้วยความมั่นใจ ก่อนที่เธอจะเดินไปกระโดดขึ้นหลังม้าของตัวเอง ปล่อยทิ้งให้ลิซ่าได้แต่ยืนกำหมัดอยู่อย่างงั้น..

ฟุบ..

ฮิตเลอร์ที่กระโดดขึ้นมา โดยที่ผมก็กระโดดขึ้นม้าซ้อนท้ายเอลิเซีย..

“หะ..หืม..? ทำไมไม่ไปขี่ม้านายล่ะ..?”เอลิเซียที่ถามผม..

“ก็บอกอยู่ว่าขี่ม้าไม่เป็น..”ผมที่กระซิบบอกกับเอลิเซีย พอเธอได้ยินก็ชะงักไป ก่อนที่จะ..

“คิ๊กๆ พ่อคนเก่ง..ขี่ม้าไม่เป็นเหรอ..? เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่สาวคนนี้จะสอนให้นะ..”เอลิเซียที่หัวเราะคิกคัก ไอ้ผมก็ลืมบอกไปว่าเธออายุมากกว่าผม 1 ปี

“หนวกหูน่า..แต่ที่รู้ๆกลับไปถึงห้องเมื่อไหร่ คืนนี้พี่สาวคนนี้โดนฉันเล่นแน่..”ผมที่กระซิบบอกกับเอลิเซียที่ข้างใบหู ถึงกับทำให้เธอหน้าแดงก่ำ..

“ตาบ้า..พูดอะไรออกมาเนี่ย ตั้งแต่ที่จูบฉันเมื่อกี้แล้วนะ..”เอลิเซียที่บ่นอุบอิบ ก่อนจะควบม้าให้เดินออกไป..

“เฮ้ย..เวเดอร์ กลับ..!”ผมที่หันไปตะโกนเรียกเจ้าเวเดอร์ โดยที่มันก็พึ่งจะเสร็จสมอารมณ์หมาย ส่วนเจ้าม้าตัวสีขาวของไอ้ไมค์ก็ดูเหมือนว่าจะติดใจ ถึงกับนัวเนียไม่ยอมปล่อย

[ไว้เจอกันใหม่นะ วันนี้ข้าขอตัวก่อน ยอดรัก..~]

เจ้าเวเดอร์ที่หันไปกล่าวกับทิ้งท้ายกับม้าตัวสีขาวเอาไว้ จึงทำให้อีกฝ่ายหยุดชะงัก ก่อนจะสะบัดหัวไปมา สงสัยคงจะอาย..

[สตาร์..ทำไมไม่ขี่ฉันล่ะ..?]

เวเดอร์ที่วิ่งตรงเข้ามาตีคู่พลันเอ่ยถาม โดยที่ม้าของเอลิเซียกับฮิตเลอร์ก็เริ่มที่จะแสดงอาการผิดปกติ..

[ลูกพี่..ลูกพี่ยอมให้มนุษย์ขี่แล้วเหรอครับ..?]

[ลูกพี่..ไม่เจอกันนานเลยนะ ตั้งแต่ที่ลูกพี่ถูกพวกมนุษย์จับขังไป นี่ก็ผ่านมานานมากแล้วนะครับ..]

เสียงม้าของเอลิเซียกับฮิตเลอร์ที่กล่าวกับเวเดอร์ โดยที่ไอ้จ้อนก็รับหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา ดูเหมือนว่าม้าทั้งสองตัวนี้จะเป็นลูกน้องของไอ้เจ้าเวเดอร์..

[เออดิ..เจ้านายของข้าโครตเจ๋งอ่ะบอกเลย มันบอกว่าจะดูแลข้าเป็นอย่างดี แถมจะให้ข้าได้อึ๊บกับม้าสาวไม่อั้นด้วยถ้าทำผลงานได้ดี..]

[อิจฉา..!!!!]

ไอ้เวเดอร์ที่ขิงใส่ โดยที่ไอ้ม้าลูกน้องสองตัวก็ต่างพากันอิจฉาตาร้อน..

[สตาร์..สรุปแล้วเจ้าจะไม่ขี่ข้าเหรอ..?]

เวเดอร์ที่เอ่ยถามกับผมซ้ำอีกครั้ง..

“ฉันขี่ม้าไม่เป็น..”ผมที่ตอบกลับไอ้เจ้าเวเดอร์ โดยที่มันก็กระพริบทำตาปริบๆ ก่อนจะกู่ร้องออกมา..

[ห้ะ..?! ขี่ไม่เป็น..?]

“เออ..”ผมที่ตอบกลับห้วนๆ..

[มนุษย์แบบนี้ก็มีแฮะ ถ้างั้นเดี๋ยวข้าสอนมานี่สิ..]

“เออ..เจริญ ม้าสอนคนขี่ม้า อยากจะขำให้ฟันร่วงไปเลยว่ะ..”ไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา ส่วนทางด้านของฮิตเลอร์กับเอลิเซียก็ต่างจ้องมองผมตาเขม็ง..

“นี่นายคุยกับม้ารู้เรื่องด้วยเหรอ..?”เอลิเซียที่เอ่ยถาม..

“เฮ้อ..ช่างมันเถอะ วันนี้ฉันเหนื่อยมาก..”ผมที่ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเอาหน้าซบผิงแผ่นหลังของเอลิเซีย..

หลังจากนั้นไม่นานนัก ทันทีที่พวกเรากลับมาถึงยังหอพัก เอลิเซียกับฮิตเลอร์ก็ไอ้เอาม้าทั้งสามตัวไปเก็บเอาไว้ที่คอกม้าข้างๆหอ พร้อมกับหาของกินมาให้พวกมัน..

ก่อนที่ต่อจากนั้นพวกเราทั้งสามจะกลับขึ้นไปบนห้อง ทันทีที่มาถึงผมก็ไม่พูดพร่ำจับเอลิเซียกดลงบนโซฟา พร้อมกับจัดการถอดกางเกงของเธอออก โดยที่ฮิตเลอร์เองก็เข้ามานัวเนีย ก่อนที่สุดท้ายพวกเราก็ใช้เวลาด้วยกันไปกว่า 3 ชั่วโมง และย้ายกลับไปจัดกันต่อที่ห้องอีก 2 ชั่วโมง

5 ชั่วโมงต่อมา..

ภายในห้องนอนของผม ภาพที่ปรากฏให้เห็นคือร่างของเอลิเซียกับฮิตเลอร์ที่กำลังนอนกอดผมอยู่ โดยที่ผมเองก็ได้เปิดประเด็นไถ่ถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอระหว่างครอบครัว จนได้รู้เข้าถึงรายละเอียด..

ซึ่งพ่อของเอลิเซียนั้นเป็นพลตรีที่สังกัดอยู่ในเหล่าทัพทารอน ส่วนแม่ของเอลิเซียเองก็ดำรงตำแหน่งเป็นพลตรีของเหล่าทัพเอทารอส ทั้งสองคนได้พบรักกันในการออกทำภารกิจจนกระทั่งได้แต่งงานและมีลูกด้วยกันสองคน นั่นก็คือเอลิเซียกับลิซ่า

โดยที่พ่อของเอลิเซียนั้นได้เสียชีวิตไปในสมรภูมิ เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน เหตุการณ์ในวันนั้นทางเบื้องบนได้มอบหมายหน้าที่และออกคำสั่งให้พ่อของเธอปกป้องฐานที่มั่นตรงบริเวณชายแดนทางทิศตะวันออกของเอลเดีย ห้ามให้ศัตรูเคลื่อนพลผ่านชายแดนเข้ามาได้ อีกทั้งยังเน้นย้ำว่าห้ามถอนกำลังเด็ดขาดแม้ว่าจะต้องตาย 

อันเนื่องมาจากสถานการณ์ในวันนั้น ถ้าเกิดสูญเสียฐานที่มั่นนั้นไป นั่นก็เท่ากับว่าจะต้องสูญเสียเขตแดนทางทิศตะวันออกทั้งหมด โดยฐานที่มั่นนั้นคือฐานที่มั่นสุดท้าย..

สงครามในวันนั้นกินเวลาไปนานกว่าหลายสิบวัน ซึ่งผลสุดท้ายแล้ว พ่อของเอลิเซียก็สามารถที่จะรักษาฐานที่มั่นนั้นได้จนสำเร็จ แถมยังสังหารพลตรีของกองทัพข้าศึกได้ แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง..

และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทันทีที่แม่ของเอลิเซียรู้ข่าว เธอก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่วันนั้นเธอเริ่มที่รู้สึกชิงชังทัพทารอน เธอคิดว่าความผิดทั้งหมดมาจากเบื้องบนที่ทำให้สามีของเธอต้องตาย..

ส่วนทางด้านของเอลิเซียที่ได้รู้ข่าวก็ใจสลาย ประกอบกับการที่เธอเป็นคนที่เกิดมาอ่อนแอ จึงต้องมาคอยรองรับอารมณ์ของผู้เป็นแม่ที่บิดเบี้ยว เธอนั้นไม่เคยได้รับความรักจากผู้เป็นแม่เลย อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นคนที่ไร้ประโยชน์ของตระกูล

และยิ่งเมื่อแม่ของเอลิเซียรู้ว่าเธอต้องการที่จะเดินตามรอยของพ่อ มันจึงทำให้อีกฝ่ายยิ่งทวีคูณความโกรธ จนถึงขั้นขับไล่เธอออกจากตระกูล..

ซึ่งถ้ามองในมุมมองของผม เอลิเซียถือว่าเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมองเห็นถึงความกล้าหาญของผู้เป็นพ่อที่กล้าสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องจักรวรรดิ..

“ฮึก..”เสียงสะอื้นของเอลิเซียที่ดังอยู่ภายในอ้อมกอดของผม เธอกำลังซบอกผมที่กำลังนั่งเอาหลังผิงผนังกำแพงอยู่ตรงหัวเตียง 

โดยที่ทางด้านของฮิตเลอร์เอง หลังจากที่ได้รับฟังเรื่องราวของเอลิเซีย เธอก็เข้ามานั่งข้างๆคอยลูบหัวปลอมประโลม..

“เธอน่ะเข้มแข็งมากนะ เข้มแข็งเหมือนกับพ่อของเธอ จงอย่าลืมอุดมการณ์นั้น เธอจะต้องเป็นทหารที่กล้าหาญและเข้มแข็งเหมือนกับพ่อของเธอได้แน่ๆ และที่สำคัญ..ถึงต่อให้คนทั้งโลกจะปฏิเสธเธอ แต่ฉันจะเป็นคนหนึ่งที่ยอมรับในตัวของเธอ..”ผมที่บอกกับเอลิเซีย..

“ไม่ใช่แค่คนเดียว อย่าลืมเราสิ..เราเองก็จะอยู่กับเอลิเซียเสมอ เพราะว่าพวกเราน่ะคือครอบครัวเดียวกัน..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา พอเอลิเซียได้ยินแบบนั้นก็ปาดน้ำตา ก่อนจะกล่าวออกด้วยรอยยิ้มว่า..

“ฮึก..ขอบคุณนะ..”

“อื้ม..”ฮิตเลอร์ที่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเข้าไปจูบเอลิเซีย..

“หะ..หืม..อื้อ..!”เอลิเซียที่ถึงกับส่งเสียงร้องออกมาอยู่ภายในลำคอ..

“อู้วววววว ของดี..~”ไอ้จ้อนที่ร้องออกมา..

“ฮะ..ฮิตเลอร์ เธอจูบฉันทำไมเนี่ย..?”เอลิเซียที่ผงะหน้าแดง..

“เรารักเอลิเซียจริงๆนะ แล้วเราก็รักสตาร์มากๆด้วย เรามีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับทั้งสองคน..”ฮิตเลอร์ที่บอกกับเอลิเซีย คำว่ารักของเธอมันคงอยากเกินจะอธิบาย และมันไม่ได้หมายความในเชิงแบบหญิงรักหญิง..

“ฉันก็รักเธอเหมือนกัน..”เอลิเซียที่ตอบกลับ ก่อนจะโอบกอดฮิตเลอร์เอาไว้..

“ไม่อยากจะต้องแยกเลย อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ซึ่งอาทิตย์หน้าพวกเราทั้งสามคนอาจจะต้องแยกย้ายกัน..

โดยที่ก่อนหน้านี้พวกเราทั้งสามได้ทำข้อตกลงกันเอาไว้ว่าต่างฝ่ายจะไม่บอกว่าใครจะเลือกเข้าสังกัดอยู่ที่หน่วยไหน จากการที่ต่างคนต่างก็มีจุดหมายเป็นของตัวเอง เพราะถ้าเกิดรู้ก่อน มันอาจจะทำให้อีกคนต้องไขว้เขว จนอาจจะเปลี่ยนใจไม่เข้าหน่วยที่ตัวเองได้เลือกเอาไว้..

“ถ้างั้นมาเกี่ยวก้อยสัญญากันเถอะ..”ผมที่บอกกับเอลิเซียและฮิตเลอร์..

“เกี่ยวก้อย..?”เอลิเซียกับฮิตเลอร์ที่ดูเหมือนจะไม่เข้าใจ..

“อะ..เออคือ เด็กที่โบสถ์มักจะชอบทำกันน่ะ มันเหมือนกับคำมั่นสัญญา ถ้าเกิดคนใดคนหนึ่งผิดคำพูดอีกสองคนที่เหลือก็จะต้องตายแบบทุกข์ทรมาน..”ผมที่บอกกับทั้งสองคน

“นะ..น่ากลัว..!”ฮิตเลอร์ที่ถึงกับหน้าเสีย..

“สิ่งที่ฉันอยากจะสัญญากับพวกเธอคือสักวันหนึ่งฉันอยากจะไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ๆสงบๆกับพวกเธอ ที่ไม่มีสงคราม พวกเราจะมีลูกกันเยอะๆ แล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข..”ผมที่บอกกับเอลิเซียและฮิตเลอร์ ถึงมันอาจจะฟังดูเป็นไปไม่ได้ในโลกที่สงครามอุบัติอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถึงอย่างนั้น..

“สัญญา..! ทำยังไง บอกมานะ..?”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา จู่ๆสีหน้าของเธอก็พลันจริงจังขึ้น โดยที่ทางด้านของเอลิเซียเองก็เช่นกัน..

ซึ่งเมื่อผมได้ยินแบบนั้นก็คลี่รอยยิ้ม ก่อนจะค่อยๆยกนิ้วก้อยขึ้นมา โดยที่พวกเธอทั้งสองคนก็ทำตาม..

ฟุบ..!

“สัญญา..ถ้าเกิดใครผิดคำพูดหรือมีใครสักคนที่ชิงตายไปก่อน อีกสองคนก็จะต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน..”ผมที่เกี่ยวก้อย ก่อนจะกล่าวคำสัญญาออกมา..

“อื้ม..! จะต้องทำให้ได้ พวกเราจะมีลูกกันเยอะๆเลย..!”ฮิตเลอร์ที่พยักหน้า ก่อนจะพูดอะไรที่ลามกออก..

“ฉันเองก็จะไม่ตาย แล้วก็จะไม่ยอมให้ใครตายเด็ดขาด..”เอลิเซียที่กล่าว..

“ส่วนฉันเองก็จะพยายาม ฉันน่ะ..อึก..”ผมที่กล่าวออกมา แต่แล้วทันใดนั้นจู่ๆภาพความทรงจำก็แว็บเข้ามาภายในหัว ทั้งๆที่ไม่ได้ผ่านเงื่อนไขใดๆ..

[ผมน่ะจะปกป้องสันติสุขของโลก จะไม่ให้สงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะว่าสงคราม มันพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากผม..!]

“สตาร์..ทำไมถึงหยุดไปล่ะ..?”เอลิเซียที่ถามผม..

“ปะ..เปล่า ฉันน่ะจะปกป้องพวกเธอเอง..”ผมที่กล่าวออกมา ภาพความทรงจำที่ผมเห็นเมื่อสักครู่คือตัวเองในวัย 20 ที่กำลังยืนอยู่ภายในหอประชุม แถมยังถูกล้อมรอบไปด้วยทหารมากมาย..

“อื้ม..ไม่ใช่แค่นายหรอกนะ ฉันเองก็จะปกป้องนายเหมือนกัน..”เอลิเซียที่กล่าวออกมา

“เราเองก็ด้วย..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวเสริม..

ท่ามกลางร่างของพวกเราสามคนที่กำลังนั่งเกี่ยวก้อยให้คำมั่นสัญญากันอยู่ แม้จะเป็นเพียงแค่คำสัญญา แต่มันกลับทำให้พวกเราได้ค้นพบเป้าหมายของชีวิต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น..ผมจะต้องทำตามสัญญานี้ให้ได้..

“แต่ก่อนอื่นเลย..ฉันอยากอีกแล้วง่ะ..”ผมที่บอกกับเอลิเซียและฮิตเลอร์..

“อ้าว..แบบนี้ก็สวยสิ โหมดปิดเสียงรอเลยนะ..”ไอ้จ้อนที่รีบกล่าวออกมา ก่อนจะเข้าสู่โหมดปิดเสียง แหม..ไวเป็นจรวดเลยนะมึง..

“อะ..อึก ฉันเองก็อยากทำอีกเหมือนกัน..”เอลิเซียที่กล่าวออกมา แก้มขาวๆของเธอกำลังแดงระเรื่อ จากปกติที่เธอมักจะปฏิเสธ แต่ทว่าตอนนี้เธอกลับยินดีที่จะทำมัน..

“ถ้าอย่างงั้น..มาทำกันอีกเยอะๆเลยเถอะ..งื้อ..”ฮิตเลอร์ที่กล่าวออกมา ก่อนที่เธอจะเข้าไปจูบเอลิเซียและกดร่างของอีกฝ่ายให้ล้มตัวลงนอน..

และแล้วค่ำคืนนี้ของพวกเราทั้งสามคนก็ดำเนินต่อไป ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงความสุข 

 

แต่ทว่า..วันเวลาก็มักจะล่วงเลยผ่านพ้นไปเร็วเสมอ จนกระทั่ง..

1 อาทิตย์ต่อมา..

วันพิธีเลือกหน่วยของอาคัส..

ไรท์:คอมเม้น..!!!!!

 

 

 

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..แสงที่ 1 ชายผู้หลงไหลในดาบแสงและสงครามแห่งดวงดาว.. สงครามคือสิ่งที่อยู่กับมวลมนุษย์มาตั้งแต่ที่อารยธรรมถือกำเนิดขึ้นบนผืนโลก เหตุของการเกิดสงครามมาจากคนสองกลุ่มหรือมากกว่านั้นที่เกิดความขัดแย้ง ณ คอนโดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงในประเทศเล็กๆที่มีผู้นำโง่ๆ [มันจบแล้วอนาคิน..~] เสียงตะโกนของตัวละครชายผู้หนึ่งที่ดังออกมาจากภายในจอของโน๊ตบุ๊ค โดยที่ตัวละครดังกล่าวกำลังยืนอยู่บนหินเหนือธารลาวาที่กำลังปะทุ ภายในห้องแคบๆที่มืดสนิทของคอนโดที่เกือบจะรกร้างปรากฏเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าของตัวเองอยู่บนเก้าอี้ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมที่ปล่อยยาวจนถึงบ่าดูกระเซอะกระเซิงลงมาปรกหน้าราวกับไม่เคยหวี่หรือดูแลมัน โดยที่ในเวลานี้สายตาของชายคนดังกล่าวกำลังจับจ้องไปยังหนังที่ดูซ้ำและซ้ำเล่ากว่าหลายพันครั้ง จนเกือบจะจำบทพูดและเนื้อเรื่องได้.. “เฮ้อ..~ ข้าเกลียดท่าน..!”เสียงถอนหายใจของชายวัยกลางคนที่เอ่ยบทพูดของตั

Comment

Options

not work with dark mode
Reset