Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ.. – ตอนที่ 64

แสงที่ 64 พิธีจำแนกหน่วย (2)

“ทะ..ท่านพลโท คะ..เครเซอร์..”เปเนสที่ถึงกับหน้าเสีย เมื่อเห็นว่าเครเซอร์ได้ปรากฏตัวออกมาห้ามรั้งเอาไว้..

และมันก็ไม่ใช่เพียงแค่เครเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นเจมิไนท์ เลอัส หรือแม้แต่พลเอกอย่างวิลเลี่ยมที่ยศสูงที่สุดก็กลับเข้ามาห้ามเอาไว้..

“แกหูหนวกหรือไง ฉันบอกให้แกเก็บเอมพาสและปิดวงจรไม่ใช่เหรอ..?”เครเซอร์ที่ตวาดเสียงใส่เปเนส..

“แต่ทว่าไอ้สวะนี่มันทำร้ายลูกชายของผมจนเกือบจะกลายเป็นบ้า ถ้าผมไม่ฆ่ามันชื่อเสียงของตระกูลมีหวังต้องป่นปี้แน่ๆ..!”เปเนสที่กัดฟันกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ..

“แกก็เลือกเอาล่ะกันว่าจะยอมให้ชื่อเสียงของตระกูลป่นปี้ หรือจะถูกฉันบดขยี้จนหัวบี้..”เครเซอร์ที่กัดฟันคำรามออกมา..

“การที่ผมจะฆ่ามัน มันก็ไม่ถือว่าผิดกฏ เพราะระดับยศของผมห่างจากมันกว่าหลายขั้น ทำไมท่านถึงต้องเข้ามาปกป้องมันด้วย..!”เปเนสที่กัดฟันเอ่ยถาม..

“แล้วแกรู้ไหมว่าถ้าฉันฆ่าแกที่นี่ มันก็ถือว่าไม่ผิดกฏเหมือนกัน..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมา จู่ๆแววตาของเขาก็แปรเปลี่ยนไป 

วิ๊ง..!

ทันใดนั้นที่กลางหน้าอกของเครเซอร์ก็พลันปรากฏเป็นช่องว่างของมิติ วงจรเวทได้ถูกเปิด เขาพลันล้วงมือเข้าไปข้างใน ก่อนจะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือกว่า

“ฉันเสาหลักแห่งคีทารัสกระทิงอมตะตัวที่ 4 ขอใช้อภิสิทธิ์บัญญัติแห่งกระทิง สังหารพลตรีเปเน..ส..”

“เฮือก..ขะ..เข้าใจแล้วครับ..”เปเนสที่ถึงกับหน้าถอดสีพลันชักมือกลับมาอย่างไว เมื่อเห็นว่าเครเซอร์ได้ลั่นวาจาอะไรสักอย่างออกมา..

“ปะ..ปิดวงจร..”เปเนสที่นำเอมพาสยัดกลับเข้าไปในช่องว่าง และทำการปิดวงจร ก่อนที่เขาจะเดินผละออกไปด้วยใบหน้าที่ถอดสี ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกๆสายตา..

“อะ..อึก..”

ใบหน้าของวิลเลี่ยม เจมิไนท์ เลอัสและเมอรัสที่ต่างพากันแสดงออกถึงความตกตะลึง ทุกๆคนต่างหันไปมองยังเครเซอร์อย่างอึ้งๆ..

“คะ..เครเซอร์ นี่แกถึงขั้นใช้บัญญัติแห่งอาคัสเลยอย่างงั้นเหรอ..?”เมอรัสที่กล่าวออกมา..

“หึ..ยังไม่ได้ใช้สักหน่อย ฉันฆ่ามันหรือยังล่ะ..?”เครเซอร์ที่กระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะยักไหล่..

ซึ่งท่ามกลางสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพลตรีคนไหนก็ต่างพากันตกตะลึงจนตาค้าง ไม่เว้นแม้กระทั่งซาช่าที่ยืนดูอยู่ ส่วนเรติสที่ตอนแรกกะจะเข้าไปฆ่าสตาร์ก็พลันต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อได้เห็นชะตากรรมที่เปเนสพึ่งจะเผชิญไป..

“เสาหลักแห่งคีทารัสกระทิงอมตะ ถะ..ถึงกับใช้บัญญัติแห่งอาคัส เพื่อช่วยชีวิตเจ้าเด็กนั้นเนี่ยนะ..?”เสียงของหนึ่งในพลตรีของเอทารอสที่กล่าวออกมาอย่างอึ้งๆ เหล่าพลตรีจากทุกหน่วยทุกเหล่าทัพที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก 

พิธีจำแนกหน่วยพลันต้องหยุดชะงักลงกลางครัน ไม่ว่าใครก็ต่างให้ความสนใจไปที่สตาร์..

“เอาล่ะ..ฉันยอมลงทุนถึงขนาดใช้บัญญัติแห่งอาคัสเพื่อที่จะช่วยชีวิตของแก คราวนี้แกจะยอมย้ายเหล่าทัพและมาเป็นผู้สืบทอดของฉันได้แล้วหรือยัง..?”เครเซอร์ที่เปิดประเด็นเอ่ยถามกับผม นี่กะจะมัดมือชกเลยสินะ..

“อะไรนะ..?!”

“ผู้สืบทอดงั้นเหรอ..?”

“อะ..อึก นี่มันเรื่องอะไรกัน..?”

เสียงของเหล่าบรรดาพลตรีที่ต่างพากันกล่าวออกมา เปเนสที่พึ่งจะเดินกลับไปพลันถึงกับหน้าถอดสีอย่างหนัก ส่วนเรติสที่ได้ยินแบบนั้นก็เกือบจะหน้ามืด..

“ผะ..ผู้สืบทอดอย่างงั้นเหรอ..?”ซาช่าที่สบถออกมาอย่างอึ้งๆ เธอเองก็อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก 

ซึ่งตัวของซาช่านั้นจดจำสตาร์ได้เป็นอย่างดี เธอไม่มีวันลืมวีรกรรมที่ชายหนุ่มก่อเอาไว้ในวันเกณฑ์ทหาร แต่ทว่าเขาคนนั้นกลับทำให้เธอต้องตกตะลึงอีกครั้ง จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้..

“เครเซอร์..แกเล่นสกปรกหนิ ถ้าเป็นฉันเองก็จะใช้บัญญัติเหมือนกัน..”เมอรัสที่กล่าวแย้งขึ้น และจากคำพูดนี้มันก็ยิ่งทำให้ทุกๆคนตกตะลึงหนักเสียยิ่งกว่าเดิม..

“อะ..อึก นะ..นี่มันสถานการณ์อะไรกัน แม้แต่ปราชญ์อินทรีอย่างท่านพลโทเมอรัสก็..”ซาช่าที่ได้แต่ยืนตกตะลึงอย่างหนัก ส่วนทางด้านของเรติสก็หน้าเสียยิ่งกว่าเดิม

“แต่แกก็ไม่ได้ใช้หนิ..ดูเหมือนว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ของฉันจะเร็วกว่าแกนะ เมอรัส..”เครเซอร์ที่กระตุกรอยยิ้ม ก่อนจะหันกลับมามองยังทิศทางของผม..

“ว่าไง..คราวนี้แกจะปฏิเสธยังไงขอฉันฟังเหตุผลหน่อยซิ..?”เครเซอร์ที่กล่าวกับผม ส่วนทางด้านของเจมิไนท์ เลอัสและวิลเลี่ยมที่ได้เห็นสถานการณ์ก็ต่างพากันแสดงสีหน้ากดดัน..

“หึ..แน่นอนว่าการที่ท่านเข้ามาช่วยผม ถือว่าผมติดหนี้ชีวิตของท่าน ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าท่านพลโททำอะไรลงไป แต่ที่แน่ๆคือท่านไม่ใช่เพียงคนเดียวที่เข้ามาช่วยผมเอาไว้ ถึงต่อให้ท่านไม่ออกตัว ท่านพลตรีเจมิไนท์ ท่านพลตรีเลอัสหรือแม้แต่ท่านผู้อำนวยการก็ไม่มีทางปล่อยให้คนๆนั้นทำอะไรผมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคำตอบก็ยังคงเป็นแบบเดิม คือขอปฏิเสธครับ..”ผมที่กล่าวออกมา พอเครเซอร์ได้ยินก็สะอึก พร้อมกับชักสีหน้า ส่วนรีแอ็คชั่นรอบๆก็ตามนั้นแหละครับ อึ้งกันเป็นแถบ เมื่อเห็นว่าผมปฏิเสธที่จะเป็นผู้สืบทอดของเสาหลัก..

“นี่แก..เจ้าเล่ห์จนวินาทีสุดท้ายเลยสินะ..”เครเซอร์ที่ได้แต่ขบฟันแน่น..

“และที่สำคัญ.. ถ้าผมพูดออกไปก็อย่าโกรธผมกันล่ะ..ผมไม่ได้ร้องขอให้ใครเข้ามาช่วย ท่านเองก็น่าจะรู้ดีที่สุดท่านพลโทเครเซอร์ว่าผมน่ะ..มันไม่ได้กระจอกจนถึงขนาดที่จะดูแลตัวเองไม่ได้..”ผมที่ลั่นคำพูดออกมา คำพูดของผมมันกำลังสื่อออกไปว่าถึงต่อให้ไม่มีใครเข้ามาช่วย ผมก็สามารถที่จะประมือกับเปเนสได้..

ซึ่งหลังจากที่คำพูดนี้ถูกลั่นออกไป ทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ก็ต่างพากันอ้าปากค้างช็อคค้าง ส่วนทางด้านของเปเนสก็โกรธจนแทบคลั่ง มันได้แต่ยืนตัวสั่นอยู่อย่างนั้น..

“สตาร์..แกอย่าทะนงตัวให้มันมากไปนะ..”เจมิไนท์ที่กล่าวออกมา..

“ฉันเห็นด้วย..แกมันก็แค่ลูกเจี๊ยบ คำพูดของแกมันกำลังดูหมิ่นความปรานารถดีของพวกเรา..”เลอัสที่กล่าวเสริม แต่ทว่า..

“หึ..ฉันก็แค่ไม่อยากจะเห็นแกถูกส่งไปขังลืมอยู่ที่ทาทารัสก็เท่านั้น อย่างแย่ที่สุดแกอาจจะถูกประหารเลยก็ได้..”เครเซอร์ที่กล่าวออกมา และจากคำพูดนี้มันก็ทำให้เจมิไนท์กับเลอัสรวมไปถึงทุกๆคนที่อยู่ที่นี่ถึงกับพากันหยุดชะงัก ผสานกับดวงตาที่เบิกกว้างขึ้น..

คำพูดที่เครเซอร์ลั่นออกมานั้น มันกำลังสื่อเป็นนัยว่าถ้าสตาร์ต้องปะทะกันกับเปเนสจริงๆ ไม่แน่ว่าชายหนุ่มอาจจะทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหรือไม่ก็ถึงขั้นสามารถสังหารอีกฝ่ายได้เลย..

แม้ว่าระดับพลังจากแตกต่างกันสักเพียงใด แต่ยังไงเปเนสที่เห็นว่าสตาร์เป็นเพียงแค่พลทหารจะต้องประมาทอย่างแน่นอน จนอาจจะนำพาไปสู่หนทางแห่งความตาย เพราะในสายตาของเครเซอร์แล้ว ชายหนุ่มคือคนที่กล้าจะลงดาบอยู่เสมอ ไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นใครหน้าไหนก็ตาม

“ก็ดี..ในเมื่อแกปฏิเสธฉันจนถึงวินาทีสุดท้าย ฉันก็จะไม่ขอบีบบังคับแก แต่ฉันก็อยากจะขอประกาศเอาไว้ ถ้าแกเกิดคิดเปลี่ยนใจเมื่อไหร่ ฉันยินดีที่จะอ้าแขนรอรับแกอยู่เสมอ..”เครเซอร์ที่กล่าวทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะเดินจากไป..

“ฉันเองก็เหมือนกัน..”เมอรัสที่กล่าวออกมาเป็นเสียงที่สอง ก่อนที่เขาจะเดินออกจากสถานที่แห่งนี้..

แต่ก่อนที่เมอรัสกับเครเซอร์จะเดินจากไป เขาก็ได้หันหน้ากลับมากล่าวทิ้งทวนเอาไว้ว่า..

“อ้อ..ใครกล้าแตะไอ้เจ้านั่น ฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่..!”เมอรัสกับเครเซอร์ที่หันหน้ากลับมากล่าวผสานเสียงลั่นวาจาเอาไว้ ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินจากไปท่ามกลางความตกตะลึงของทุกๆคน..

ส่วนทางด้านของเรติสกับเปเนสก็ได้แต่ยืนกำหมัดตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า..

“เฮ้อ..ดูเหมือนว่าหลังจากที่แกเข้าหน่วยพยัคฆ์คลั่ง แกคงจะต้องเล่าให้ฉันฟังยาวๆแล้วล่ะว่ามันเกิดอะไรขึ้น..?”เจมิไนท์ที่ถอนหายใจออกมา..

“เจมิไนท์..แกคิดว่าฉันจะปล่อยเจ้านี่ให้แกง่ายๆเหรอ..? พอได้เห็นแบบนี้แล้วแกอย่าได้ฝันเลยว่าจะได้ตัวของมันไปง่ายๆ..”เลอัสที่กล่าวออกมา หลังจากที่สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายลง การแย่งชิงตัวก็เกิดขึ้น..

“หึ..งั้นเหรอ แต่แกน่ะมันช่างไม่รู้อะไรเอาซะเลย..”เจมิไนท์ที่กระตุกรอยยิ้ม พร้อมกับวางมาดเหมือนกับถือไพ่เหนือกว่า จนทำให้เลอัสที่เห็นถึงกับต้องชะงักไป..

ซึ่งอันที่จริงแล้วในวันนี้เลอัสเป็นพลตรีเพียงคนเดียวในหน่วยพยัคฆ์คำรนที่ว่างเว้นจากการทำงาน เขาจึงถูกส่งให้มาร่วมพิธีจำแนกหน่วย โดยที่เขาไม่ได้เจาะจงหรือตั้งใจที่จะมาแย่งตัวของสตาร์ตั้งแต่ทีแรก..

แต่ทันทีที่เลอัสเห็นว่าสตาร์ได้สร้างปรากฏการณ์อันน่าตกตะลึง ความรู้สึกในเหตุการณ์วันเกณฑ์ทหารก็ย้อนกลับมาหาเขา ทั้งๆที่เขาเองก็เกือบจะลืมเรื่องของทหารเกณฑ์คนนี้ไปแล้ว..

“หน่วยพยัคฆ์อเวจีต้องการตัว ติดยศว่าที่สิบเอก..พร้อมกับสวัสดิการเงินเดือน 5 เท่า ไม่ปรับลดลงจนกว่าจะติดยศพันตรี ส่วนน้ำยามานาคงไม่จำเป็น..”วิลเลี่ยมที่จู่ๆก็พูดโพลงขึ้น เขาเปิดฉากการประมูลตัวของสตาร์ด้วยอัตราที่สูงจนทุกๆคนต่างพากันอ้าปากค้าง..

“นะ..หน่วยพยัคฆ์โลหิตต้องการตัว ติดยศว่าที่สิบเอก พร้อมกับสวัสดิการเงินเดือน 6 เท่า ไม่ปรับลดลงจนกว่าจะติดยศพันตรี พร้อมกับน้ำยามานา 9 ลัง..”พลตรีของหน่วยพยัคฆ์โลหิตที่กล่าวออกมา เขาเป็นชายวัยกลางคนผมสีทอง เขาเองถึงจะไม่รู้จักผม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันคงจะทำให้เขาอยากที่จะได้ตัวผมเข้าหน่วย จนถึงขั้นเกทับวิลเลี่ยม..

“หน่วยพยัคฆ์เขี้ยวสังหารต้องการตัว ติดยศว่าที่สิบเอก พร้อมกับสวัสดิการเงินเดือน 6 เท่า ไม่ปรับลดลงจนกว่าจะติดยศพลตรี ส่วนน้ำยามานาให้ 10 ลัง..”พลตรีของหน่วยพยัคฆ์สุดท้ายที่ผมพึ่งจะรู้ชื่อกล่าวออกมา เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณ 50 ต้นๆ หน้าตาหล่อเหลา สีหน้าของเขากำลังแสดงออกถึงความสนอกสนใจในตัวของผม..

“อึก..นี่พวกแก ถ้างั้นฉันขอเกทั..บ..”วิลเลี่ยมที่ถึงกับสะอึกและเตรียมที่จะเกทับ แต่ทว่า..

“อันที่จริงไม่จำเป็นที่จะต้องแย่งกันก็ได้นะครับ ใครจะให้อะไรผมก็ไม่สนหรอก ผมตั้งใจที่จะเข้าหน่วยพยัคฆ์คลั่งตั้งแต่ทีแรกอยู่แล้ว..”ผมที่กล่าวออกมา พอเลอัสกับวิลเลี่ยมรวมไปถึงพลตรีอีกสองคนได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับหยุดชะงัก ก่อนจะต่างพากันแสดงสีหน้าผิดหวัง..

 

“หึๆ ฮ่าๆ ๆ..!”เจมิไนท์ที่ยกแขนขึ้นมากอดอก พลางระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ..

“ฮะ..เฮ้ย เดี๋ยวก่อนสิ..แกยังจำได้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะฉันป่านนี้แกเข้าไปอยู่ในค่ายทหารสามัญนานแล้ว เป็นเพราะฉันแกถึงได้เข้าอาคัส..”วิลเลี่ยมที่รีบทวงบุญคุณในวันวาน..

“ไม่นะครับ..มันเป็นเพราะกลยุทธ์ของผมต่างหากที่ทำให้ท่านรับผมเข้าอาคัส..”ผมที่ยักไหล่กล่าวออกมา ถึงกับทำให้ใบหน้าของเลอัสต้องบิดเบี้ยวและแดงก่ำไปในทันที..

“แต่ถ้าพวกท่านอยากที่จะได้ตัวของผม ถ้างั้นเอาแบบนี้เป็นไง..ผมขอเข้าสังกัดทั้งห้าหน่วย ถ้าทำได้ผมก็ไม่มีปัญหา..”ผมที่กล่าวออกมา ซึ่งจากคำพูดของผมมันก็ทำให้ทุกๆคนต่างพากันตกตะลึง..

“อะ..อึก อะ..อะไรนะ สังกัดห้าหน่วย..? นี่แกยังสติดีอยู่หรือเปล่า..?”เลอัสที่เอ่ยออกมา..

“ทำไมล่ะครับ..?”

“ยังจะถามอีก แต่ละหน่วยมีอาณาเขตและหน้าที่ในการรับผิดชอบเป็นของตัวเอง ถึงจะอยู่เหล่าทัพเดียวกันแต่ก็มีหน้าที่ๆแตกต่างกัน และนอกเหนือจากนี้มาตรฐานการเลื่อนยศของแต่ละหน่วยมันยังไม่เท่ากันอีก การที่แกคิดจะเข้าทั้งห้าหน่วยมันจะทำให้การเลื่อนระดับยศของแกล่าช้ากว่าทหารนายอื่นๆ เพราะแกจำเป็นที่จะต้องสร้างผลงานทั้งห้าหน่วยจึงจะสามารถเลื่อนยศได้ หรือจะพูดให้เข้าใจง่ายๆตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่เคยมีใครคิดจะทำอะไรแบบนี้..”เจมิไนท์ที่กล่าวอธิบายออกมา

“นี่..เจ้าหนู ยังไงแกก็เป็นแค่สิบตรี แม้ว่าแกอาจจะมีศักยภาพมากกว่าคนอื่นๆก็ตาม แต่สิ่งที่แกพูดออกมามันเป็นอะไรที่ฟังดูเหลวไหล เพราะฉะนั้นถึงต่อให้แกจะปฏิเสธและเข้าหน่วยพยัคฆ์คลั่ง ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ..”พลตรีของหน่วยพยัคฆ์เขี้ยวสังหารที่กล่าวออกมา โดยที่พลตรีของหน่วยพยัคฆ์โลหิตก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก็อย่างว่าพวกเขายังมองผมเป็นแค่สิบตรีจบใหม่ จึงประเมินผมเอาไว้เพียงแค่นั้น..

“ครับผม..ถ้าท่านว่าอย่างงั้นผมเองก็จะไม่ขอพูดอะไรอีก..”

“ตกลง..ในเมื่อแกพูดแล้วก็ห้ามกลับคำเด็ดขาด หน่วยพยัคฆ์อเวจียินดีต้อนรับ..”วิลเลี่ยมที่ตัดสินใจกล่าวออกมา ซึ่งมันก็ได้สร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกๆคนเป็นอย่างมาก..

“อึก..เฮ้อ เดี๋ยวฉันขอนำเรื่องนี้ไปยื่นถามต่อท่านพลเอกก่อน ฉันไม่มีอำนาจตัดสินใจ ถึงการตัดสินใจของแกจะไม่มีผลเสียอะไรกับหน่วยก็เถอะ แต่มันคงจะเป็นอะไรที่ยุ่งยาก ถ้าเกิดในอนาคตจะต้องเรียกใช้แก แต่แกดันติดภารกิจของหน่วยอื่นอยู่..”เลอัสที่ถอนหายใจกล่าวออกมา..

“สตาร์ แกแน่ใจแล้วนะ..?”เจมิไนท์ที่เอ่ยถามกับผม..

“ครับ..ในเมื่อท่านผู้อำนวยการเล็งเห็นถึงศักยภาพของผม ผมก็ยินดีที่จะเข้าหน่วย ถึงแม้ว่ามันอาจจะทำให้การพัฒนาของผมล่าช้า แต่ผมก็ยินดีที่จะทำประโยชน์ให้แก่เหล่าทัพ..”ผมที่กล่าวออกมา พอเหล่าพลตรีได้ยินก็อึ้งเงียบไปชั่วขณะ..

“ถ้างั้น..พวกเราควรจะทำยังไงดี ท่านพลเอก..?”เจมิไนท์ที่หันไปเอ่ยถามต่อวิลเลี่ยม..

“ตอนนี้หน่วยพยัคฆ์อเวจียังไม่มีภารกิจสำคัญอะไร ยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ตัว..”วิลเลี่ยมที่ตอบกลับ..

“ถ้าอย่างงั้น..สิบตรีสตาร์ ฉันขอส่งตัวแกไปยังศูนย์บัญชาการสูงสุดของหน่วยพยัคฆ์คลั่ง รอคำสั่งสังกัดเข้ากองร้อย เพื่อทำภารกิจ..”เจมิไนท์ที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา..

“ครับผม..”ผมที่ขานรับ..

“ส่งไปศูนย์บัญชาการ..? หมายความว่ายังไง..”วิลเลี่ยมที่ขมวดคิ้วเอ่ยถามต่อเจมิไนท์..

“ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ท่านพลเอกลูเซียนต้องการพบกับเจ้านี่โดยด่วน ผมถูกกำชับมาแบบนั้น..”เจมิไนท์ที่บอกกับวิลเลี่ยม พออีกฝ่ายได้ยินก็ไม่ได้ไถ่ถามเค้นเอาความใดๆ โดยพลเอกที่ชื่อลูเซียนก็น่าจะเป็นผู้บัญชาการสูงสุดของหน่วยพยัคฆ์คลั่ง..

“จะว่าไปแล้วฉันได้ยินมาว่าไอ้พวกอาณาจักรโนโทเปียมันกลับมาเคลื่อนไหวแล้ว แถมฉันยังได้ยินมาอีกว่าที่ชายแดนทางทิศตะวันตกในตอนนี้กำลังเกิดปัญหาอยู่ แถมหน่วยพยัคฆ์คลั่งหน่วยย่อยที่สองก็ประจำการอยู่ที่นั่นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างงั้นเหรอ..?”วิลเลี่ยมที่เอ่ยถามต่อเจมิไนท์ โดยที่อีกฝ่ายก็ถึงกับสะอึก..

“ต้องขอโทษด้วยครับที่ผมไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ และที่สำคัญผมเองก็ดูแลหน่วยที่สามอยู่ ก็เลยไม่รู้ว่าสถานการณ์ของหน่วยที่สองเป็นยังไง..”เจมิไนท์ที่กล่าวออกมาด้วยความลำบากใจ..

“เอาเถอะ..ยังไงฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายภารกิจหรือหน้าที่ของหน่วยอื่นอยู่แล้ว เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นคนที่จะต้องรับผิดชอบก็คือพลเอกลูเซียน..”วิลเลี่ยมที่ละความสนใจกล่าวออกมา

“ยังไงก็เถอะแกไปรอที่รถม้าของฉัน..”เจมิไนท์ที่หันมาบอกกับผม..

“ครับ..”ผมที่ขานรับเจมิไนท์ ก่อนจะเดินไปยังรถม้าที่จอดอยู่ข้างนอกลานพิธี โดยในขณะที่เดินผมก็สังเกตเห็นสายตาจำนวนมากที่กำลังจับจ้องมองมาอยู่ตลอด ทุกๆคนต่างยังคงแสดงสีหน้าอึ้งๆ..

“สะใจชะมัดยาด..! ดูหน้าไอ้เจ้านั่นสิ..”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมาหลังจากที่เงียบมานาน ก็แหงสิ..สีหน้าของไอ้เจ้าเปเนสกับพ่อของไอ้รันต้าตอนนี้กำลังเดือดแบบสุดๆ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนที่สุดท้ายแล้วผมจะเดินไปขึ้นรถม้า..

ครึ่งชั่วโมงต่อมา..

หลังจากที่ผมมารอเจมิไนท์บนรถม้าของเขา ถัดจากนั้นไม่นานนักก็มีทหารจบใหม่ที่ทยอยกันมาขึ้นรถม้าของหน่วยพยัคฆ์คลั่ง เท่าที่ผมสังเกตเห็นมีนักเรียนที่เลือกเข้าหน่วยนี้เพียงแค่ 10 คนเท่านั้น..

สิ่งที่ผมเห็นมันทำให้ผมตระหนักได้ว่าการจบหลักสูตรของสถาบันอาคัสเป็นอะไรที่แสนจะยากเย็นราวกับว่ากองทัพต้องการที่จะคัดคนที่มีความสามารถและศักยภาพจริงๆเข้ามา โดยไม่สนเรื่องจำนวน จึงเกิดเป็นปัญหาขาดแคลนกำลังพล..

“เฮ้อ..ได้มาแค่ 10 คนเอง..”เจมิไนท์ที่เปิดประตูรถม้าขึ้นมานั่ง ก่อนจะถอดถอนลมหายใจออกมา..

“ท่านพลตรีครับ ท่านยังไม่บอกกับผมเลยนะว่าผมจะได้สังกัดอยู่หน่วยที่เท่าไหร่..”ผมที่กล่าวกับเจมิไนท์ รู้สึกว่าที่หน่วยพยัคฆ์คลั่งจะมีหน่วยอยู่สามหน่วย ได้แก่หน่วยที่ 1,2 และ 3

“อันที่จริงฉันเองก็กะจะดึงแกเข้าหน่วยที่ 3 ของฉัน แต่มันไม่สำคัญอะไรหรอก ขอเพียงแค่แกเข้าหน่วยพยัคฆ์คลั่งก็พอแล้ว ไม่ว่าจะอยู่หน่วยย่อยที่เท่าไหร่ ยังไงก็สามารถดึงตัวมาช่วยทำภารกิจได้อยู่ดี 

ปัจจุบันก็ยังมีทหารอยู่กว่านายที่ไม่ได้สังกัดประจำอยู่ที่กองร้อยหรือหน่วยไหน เพราะด้วยปัญหาขาดกำลังพล จึงทำให้ระบบการควบคุมกำลังพลไม่สามารถที่จะเอามาใช้ได้ ทหารส่วนใหญ่จึงต้องถูกโยกย้ายให้ไปช่วยทำภารกิจของหน่วยอื่นๆอยู่เสมอ..

ก็อย่างเจมิสเมื่อสมัยก่อนนั่นแหละ..เธอเองก็เป็นทหารที่สังกัดอยู่ในหน่วยที่ 3 ของฉัน แต่ก็ไม่ได้ประจำการอยู่ที่กองร้อยไหนแบบตายตัว เธอมักจะถูกดึงตัวไปช่วยทำภารกิจของหน่วยอื่นอยู่เสมอ จนกระทั่งภารกิจชายแดนใต้เมื่อ 1 ก่อน จึงทำให้เธอตัดสินใจยื่นเรื่องขอประจำการอยู่ที่กองพันของเมเทโอ จนดำรงตำแหน่งเป็นร้อยโทของกองร้อยที่ 1 ที่มีร้อยเอกซิลเวียเป็นผู้บัญชาการ..”

เจมิไนท์ที่อธิบาย ถ้าจะให้สรุปคร่าวๆ ทหารที่ประจำการเป็นหลักแหล่งหรือตายตัว ก็ขอยกตัวอย่างเช่นพันตรีเมเทโอ เขาคือทหารที่ประจำการเป็นผู้บัญชาการกองพันที่ 1 ของหน่วยพยัคฆ์คลั่งหน่วยที่ 3 คอยคุมดูแลกองร้อยบางส่วน โดยที่หนึ่งในนั้นก็มีกองร้อยของซิลเวียที่ประจำการแบบตายตัวเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของเขา..

แต่ในกรณีนี้ของเจมิเมื่อตอนที่ผมได้เจอกับเธอใหม่ๆ เธอเป็นทหารที่ไม่ได้ประจำการอยู่ที่กองพันไหน และไม่ได้เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาโดยตรงของใคร ถ้าเกิดมีภารกิจและต้องการจะเรียกใช้ เธอก็จะถูกส่งตัวให้ไปช่วย จนกระทั่งภารกิจล่าสุดที่ทำให้เธอตัดสินใจเข้าร่วมกองพันของเมเทโอ..

“อย่างงั้นเองสินะครับ..”ผมที่กล่าวออกมา..

“ยังไงก็เถอะ..อันดับแรกฉันมีสิ่งที่อยากจะบอกแกให้รู้เอาไว้อยู่..”เจมิไนท์ที่เปิดประเด็นด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด..

“เรื่องอะไรครับ..”

“ตอนนี้หน่วยพยัคฆ์คลั่งของเราบางส่วนกำลังพบเจอกับปัญหาใหญ่ ก็อย่างที่แกได้ยินมาจากท่านพลเอกวิลเลี่ยมนั่นแหละ พวกอาณาจักรโนโทเปียและอาณาจักรอื่นๆมันได้เปิดฉากการโจมตีแล้ว อีกทั้งสถานการณ์ในบางจุดมันยังเลวร้ายกว่าภารกิจชายแดนใต้เมื่อครั้งก่อนเสียอีก ฉันว่าไม่แน่การที่ท่านพลเอกลูเซียนให้ฉันพาแกไปเข้าพบ เขาอาจจะกำลังคิดใช้ให้แกไปทำอะไรสักอย่างก็เป็นได้..”สิ้นคำพูดของเจมิไนท์ ผมที่ได้ยินดังนั้นก็พลันกระตุกรอยยิ้มออกมา..

‘หึ..ช่วงทดลองงานมาเร็วกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก คิดไม่ถึงว่าจะปุบปับขนาดนี้..’ผมที่คิดอยู่ภายในใจ ร่างกายกำลังสั่นด้วยความตื่นเต้น ดูเหมือนว่าภารกิจแรกของผมหลังเรียนจบ มันจะไม่ใช่ภารกิจธรรมดาซะแล้วสิ แต่ถึงอย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นภารกิจอะไรก็คงจะได้เวลา..

“หึๆ ได้เวลาโชว์ของ..!”เสียงของไอ้จ้อนที่กล่าวออกมา เดี๋ยวนะ..ผมรู้สึกเหมือนกลับลืมอะไรสักอย่างไป..

 

 

 

ไรท์:คอมเม้น..!!!

 

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Sword of horny ดาบแสงพลัง X กับทรชนพันธุ์ระยำ..แสงที่ 1 ชายผู้หลงไหลในดาบแสงและสงครามแห่งดวงดาว.. สงครามคือสิ่งที่อยู่กับมวลมนุษย์มาตั้งแต่ที่อารยธรรมถือกำเนิดขึ้นบนผืนโลก เหตุของการเกิดสงครามมาจากคนสองกลุ่มหรือมากกว่านั้นที่เกิดความขัดแย้ง ณ คอนโดแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองหลวงในประเทศเล็กๆที่มีผู้นำโง่ๆ [มันจบแล้วอนาคิน..~] เสียงตะโกนของตัวละครชายผู้หนึ่งที่ดังออกมาจากภายในจอของโน๊ตบุ๊ค โดยที่ตัวละครดังกล่าวกำลังยืนอยู่บนหินเหนือธารลาวาที่กำลังปะทุ ภายในห้องแคบๆที่มืดสนิทของคอนโดที่เกือบจะรกร้างปรากฏเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกอดเข่าของตัวเองอยู่บนเก้าอี้ เขาเป็นชายที่มีรูปร่างสูงโปร่ง เส้นผมที่ปล่อยยาวจนถึงบ่าดูกระเซอะกระเซิงลงมาปรกหน้าราวกับไม่เคยหวี่หรือดูแลมัน โดยที่ในเวลานี้สายตาของชายคนดังกล่าวกำลังจับจ้องไปยังหนังที่ดูซ้ำและซ้ำเล่ากว่าหลายพันครั้ง จนเกือบจะจำบทพูดและเนื้อเรื่องได้.. “เฮ้อ..~ ข้าเกลียดท่าน..!”เสียงถอนหายใจของชายวัยกลางคนที่เอ่ยบทพูดของตั

Comment

Options

not work with dark mode
Reset