แสงที่ 68 พิฆาตทมิฬออกปฏิบัติการ..
ท่ามกลางบรรยากาศภายในกระโจมที่ตรึงเครียด ร่างของเรนยังคงนั่งเงียบไม่ได้พูดอะไร ส่วนลิลิธก็ดูเหมือนว่าจะกำลังจิตตกอยู่..
“เอาล่ะ..พวกเราไม่มีเวลาแล้ว อีกเดี๋ยวเรียกรวมพล ผมจะได้บอกแผนการรับมือ..”ผมที่บอกกับเรนและลิลิธ
“ระ..รวมพล เดี๋ยวก่อนสิ พวกเราพึ่งจะกลับมาจากการปะทะยังไม่ถึง 13 ชั่วโมงเลยนะ ทหารทุกนายก็ต่างอ่อนล้า บางส่วนก็ได้รับบาดเจ็บ..”เรนที่กล่าวแย้งผม..
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้จะให้พวกทหารเข้าไปในป่าเซลฟอสสักหน่อย..”
“ไม่ให้เข้าไปในป่า..? มันเป็นแผนแบบไหนกัน..”เรนที่กล่าวออกมาด้วยความงุนงง ส่วนทางด้านของลิลิธก็พลันหันมาจ้องผม..
“เรื่องแผนเดี๋ยวผมจะบอกทีหลัง ถ้าขืนบอกตอนนี้มันจะทำให้เสียรูปแบบ และที่สำคัญทันทีที่พวกทหารมารวมพลช่วยปฏิบัติเหมือนกับผมเป็นแค่สิบตรีธรรมดาด้วย..”ผมที่บอกกับเรน พอเธอได้ยินก็พยักหน้าเข้าใจ แต่แล้วเธอกลับต้องหยุดชะงักเมื่อเธอได้เรียบเรียงคำพูดของผมใหม่..
“หมายความว่ายังไงที่บอกให้ปฏิบัติเหมือนกับนายเป็นสิบตรี นายเองก็เป็นสิบตรีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ..?”เรนที่ถามกับผม เมื่อผมได้ยินแบบนั้นก็แสร้งทำเป็นร่างกระตุก พร้อมกับทำสีหน้าเลิ่กลั่ก
“อะ..อึก อะ..เออคือ..”
“กะแล้วเชียวว่าคุณจะต้องไม่ใช่สิบตรี..!”ลิลิธที่กำลังนั่งคุกเข่าพลันพุ่งพรวดเข้ามาหาผม..
“อะ..อะไรของท่านร้อยเอกเนี่ย ผะ..ผมเป็นแค่สิบตรี..”
“ไม่ทันแล้ว เมื่อกี้คุณหลุดปากพูดออกมา ฉันได้ยินนะ..ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่ายังไงคุณจะต้องไม่ใช่สิบตรีอย่างแน่นอน ไม่อย่างงั้นท่านพลตรีเทรนไม่มีทางส่งคุณมารับช่วงต่อจากฉันหรอก..”ลิลิธที่กล่าวออกมา เธอกำลังจ้องหน้าของผมตาเขม็ง ก็อย่างว่า..ในเมื่อเธอไม่ยอมรับสถานะของผม ผมก็แค่หาทางทำให้เธอคิดว่าผมเป็นทหารยศสูงซะก็สิ้นเรื่อง..
“อะ..อึก เวรเอ้ย..!”ผมที่แสร้งทำเป็นสบถ พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับ แสดงท่าทีออกมาให้ทั้งสองคนคิดไปเองว่าความลับของผมได้แตกออกมาแล้ว..
“ฉันขอสั่งให้พวกเธอห้ามนำเรื่องนี้ไปพูดอย่างเด็ดขาด ห้ามพูดอีกเลยจะดีที่สุด แม้แต่ท่านพลตรีเทรนก็ห้ามให้เขารู้ เพราะเขาคือคนที่กำชับและสั่งให้ฉันปกปิดตัวตนเอาไว้เป็นความลับ ถ้าเกิดเขารู้ฉันซวยแน่ และถ้าฉันซวยพวกเธอก็เตรียมตัวซวยตามฉันไปได้เลย..”ผมที่บอกกับลิลิธและเรน พอคนทั้งสองได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าตกตะลึง ในตอนนี้พวกเธอคงจะคิดแล้วว่าผมเป็นนายทหารที่ยศสูงกว่าพวกเธอ จากท่าทีของผมและสรรพนามเรียกที่เปลี่ยนไป..
“เข้าใจที่สั่งไหม..!?”ผมที่ตะค่อกขึ้นเสียง พอลิลิธกับเรนได้ยินก็ถึงกับร่างกระตุก พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์..
“ค่ะ..!!!!”ลิลิธกับเรนที่เปล่งเสียงขานรับ..
“เฮ้อ..ท่านพลตรีนะท่านพลตรี ก็รู้อยู่หรอกว่าต้องปกปิดตัวตน แต่ส่งผมมาในสถานะแบบนี้แล้วผมจะสั่งการพวกทหารยังไงวะเนี่ย..”ผมที่หันหลังให้กับคนทั้งสอง พร้อมกับยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับสบถบ่นออกมา..
“อะ..อึก..!”ลิลิธกับเรนที่ได้แต่กลืนน้ำลาย คนทั้งสองต่างมโนและคิดกันไปเองว่าสตาร์จะต้องเป็นทหารที่มีฝีมือมากแน่ๆ ถึงขนาดที่ท่านพลตรีเทรนส่งให้มาบัญชาการภารกิจระดับ 4 เพียงลำพัง โดยไม่จำเป็นที่จะต้องส่งกองกำลังสนับสนุนมาสมทบ…
อันที่จริงแล้วลิลิธกับเรนเองก็ยังไม่รู้ถึงสถานการณ์ที่ว่าในตอนนี้ที่กองทัพทารอน มีทหารไม่เพียงพอที่จะส่งมาสนับสนุน จึงทำให้พวกเธอเกิดความคิดแบบนั้นขึ้น..
“ท่านผู้บัญชาการคะ..! ก่อนหน้านี้ดิฉันต้องขออภัยที่แสดงท่าทีสบประมาทท่าน รวมถึงการแสดงท่าทีที่น่าอับอายจนดูไม่สมกับตำแหน่งร้อยเอก..”ลิลิธที่เปล่งเสียงกล่าวกับผม สีหน้าของเธอในตอนนี้เปลี่ยนกลายเป็นคนละคนกับเมื่อสักครู่
“ถึงฉันจะรู้สึกผิดหวังอยู่นิดหน่อย แต่ก็ช่างมันเถอะ..เธอคงทำดีที่สุดของเธอแล้ว..”ผมที่กล่าวออกมา ส่งผลทำให้ลิลิธถึงกับหน้าเสียไปชั่วขณะ จากคำว่าผิดหวัง..
“ขะ..ขอโทษจริงๆค่ะ..”
“เอาเถอะ..ตอนแรกที่มาฉันกะจะทำงานอยู่เบื้องหลังของเธอร้อยเอกลิลิธ ฉันตั้งใจจะให้เธอเป็นคนกระจายคำสั่งกับพวกทหาร เพราะว่าฉันอยู่ในสถานะที่ไม่สามารถจะสั่งการใครได้
แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นแบบนี้ก็คงจะช่วยไม่ได้ ถึงฉันจะไม่สามารถเปิดเผยตัวตน แต่ฉันจะบัญชาการด้วยตัวเอง ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยแสดงความเคารพฉันในฐานะของผู้บังคับบัญชาด้วย จะได้สร้างความมั่นใจให้กับพวกทหาร..”ผมที่วางมาดเอามือไขว้หลัง ก่อนจะเดินไปกลับอยู่ต่อหน้าของลิลิธ..
“รับทราบ..!”ลิลิธที่ส่งเสียงขานรับ..
“ตะ..แต่ว่าท่านคะ ถ้าเกิดท่านเดินออกไปด้วยชุดเครื่องแบบนั้น พวกทหารอาจจะคิดว่าท่านเป็นสิบตรีจริงๆก็ได้นะคะ ถ้าเมื่อครู่ท่านไม่หลุดปากพูดออกมา พวกเราเองก็คงจะไม่..รู้..”
“ร้อยโทเรน..จากที่เจ็บอยู่แล้ว เธออยากเจ็บกว่านี้อีกไหม..? เมื่อกี้ฉันสั่งว่ายังไง ห้ามพูดเรื่องยศไม่ใช่เหรอ..?!”
ในขณะที่เรนกำลังพูด ผมก็พลันหันไปจ้องหน้าของเธอ แม้เธอจะไม่เห็นแววตาของผม แต่คงจะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ผมส่งไป จนทำให้เธอถึงหน้าถอดสี..
“ขะ..ขออภัยค่ะ..!”เรนที่รีบกล่าวออกมา เธอดูหวาดกลัวอยู่นิดๆ..
ฟุบ..
ผมที่ทำการถอดเสื้อนอก ก่อนจะเผยให้เห็นเสื้อยืดสีดำที่อยู่ข้างใน ซึ่งนี่ก็คือชุดยูนิฟอร์มของผม..
“เท่านี้ก็คงจะไม่มีปัญหาแล้วล่ะ ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของพวกเธอแล้ว..”ผมที่กล่าวออกมา พร้อมกับโยนเสื้อนอกไปพาดลงบนโต๊ะ..
“ค่ะ..!”ลิลิธกับเรนที่ขานรับ..
“อ่อ..เรื่องแผนที่ฉันบอกเมื่อกี้ ฉันจะขอย้ำอีกครั้ง พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง ฉันยังไม่ได้คิดที่จะโต้ตอบไอ้พวกโนโทเปียตอนนี้ สิ่งที่ฉันจะให้พวกเธอทำคือสั่งกองกำลังทหารมารวมพลและตั้งขบวนป้องกันตลอดแนวรั้วฐานที่มั่นทางทิศตะวันตก หันหน้าไปทางป่าเซลฟอส เหตุผลที่ต้องทำแบบนั้น เพราะเราไม่รู้ว่าพวกมันจะเคลื่อนกำลังพลมาตอนไหน ในกรณีนี้ที่เลวร้ายที่สุด แม้จะต้องตายพวกเราจะต้องต้านมันเอาไว้ให้ได้..”ผมที่บอกกับลิลิธและเรน..
“อึก..แผนคือเราทำได้เพียงแต่ต้องรอตั้งรับอย่างนั้นเหรอคะ..?”ลิลิธที่กล่าวออกมา สีหน้าของเธอแสดงออกถึงความสิ้นหวัง..
“อย่าพึ่งถามมาก ฉันสั่งให้ทำก็ทำไปก่อนเถอะ พอจัดรูปแบบขบวนเสร็จ เดี๋ยวเธอก็รู้เอง..”
“คะ..ค่ะ..!”ลิลิธที่ตอบกลับ..
พรึ้บ..!
“ร้อยเอกลิลิธ นี่เธอจะเอาแต่หมกตัวไปถึงเมื่อไหร่กัน..?!”
ทันใดนั้นเองจู่ๆก็มีร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่เปิดม่านเดินเข้ามาภายในกระโจม พร้อมกับส่งเสียงโวยวายออกมา..
ซึ่งทันทีที่ผมหันไปมอง สิ่งที่พบนั่นก็คือชายวัยกลางคนรูปร่างสูงโปร่ง เขามีเส้นผมและดวงตาเป็นสีดำ เขาใส่ชุดยูนิฟอร์มทหารของคีทารัส แถมที่บนบ่ายังประดับยศร้อยเอกเอาไว้..
“ผะ..ผู้บัญชาการยูริส..”ลิลิธที่กล่าวออกมา เธอดูเลิ่กลั่กเป็นอย่างมาก..
“เธอรู้หรือเปล่าว่าในขณะที่เธอเอาแต่หมกตัวอยู่แต่ในกระโจม ไอ้พวกโนโทเปียมันเริ่มที่จะขยับเคลื่อนพลเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีแล้ว อีกไม่นานมันจะต้องเข้ามาในอาณาเขตของฐานที่มั่นเป็นแน่ และที่สำคัญตอนนี้ร้อยโทเมกิสได้ถูกส่งตัวออกจากฐานที่มั่นแห่งนี้แล้วจากอาการบาดเจ็บของเขา นั่นจึงทำให้ฉันต้องลงมาบัญชาการกองร้อยด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้ว เธอน่ะ..ช่วยคิดหาแผนรับมือหรือทำอะไรสักอย่างสิวะ..!”ยูริสที่แผดเสียงตวาดออกมาด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินเข้ามาทุบกำปั้นลงบนโต๊ะ..
“อะ..อึก..”ลิลิธที่พูดอะไรไม่ออก เธอพลันชำเลืองหางตามามองผม..
“อย่าเอาแต่เงียบสิว..ะ..!”
ฟุบ..!
ปัง..!!!!!
ในช่วงจังหวะที่ยูริสกำลังแผดเสียงตวาด ผมที่ทนฟังไม่ไหวก็ได้เดินเข้าไปใกล้เขา ก่อนจะจับหัวของเขาโขกฟาดลงบนโต๊ะอย่างแรง ส่งผลทำให้ลิลิธกับเรนถึงกับต้องพากันหน้าเสีย..
“อั่ก..! อะไรวะ..!”ยูริสที่แผดเสียงตวาดออกมา พร้อมกับออกแรงดิ้นขัดขืน..
“ร้อยเอกยูริสสินะ นายน่ะช่วยใจเย็นๆก่อน ฉันรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้มันกำลังย่ำแย่มากแค่ไหน แต่ถ้านายตื่นตระหนก มันก็จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม..”ผมที่กล่าวกับยูริส..
“กะ..แก แกเป็นใคร..?!”ยูริสที่เอ่ยถามกับผม..
“ฉันเป็นใครมันไม่สำคัญ แต่ที่รู้ๆคือฉันสามารถกระทืบแกได้โดยที่ไม่ต้องมีเหตุผล แม้จะอยู่กันคนละเหล่าทัพ แน่นอนว่าถ้าแกไม่อยากจะถูกฉันกระทืบจนน่วมก็ตั้งสติและหุบปากซะ..”ผมที่ยื่นหน้าลงไปกระซิบบอกกับยูริส พอเขาได้ยินแบบนั้นก็เบิกดวงตากว้างขึ้น..
“ทะ..ท่านผู้บัญชาการสตาร์ ได้โปรดใจเย็นๆด้วยค่ะ..”ลิลิธที่ทำท่าจะเข้ามาห้ามผม เมื่อยูริสได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับร่างกระตุก..
“ผะ..ผู้บัญชาการ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน..? ร้อยเอกลิลิธ..”
“ผู้บัญชาการสตาร์ได้รับคำสั่งโดยตรงจากท่านพลตรีเทรนให้มารับช่วงต่อจากฉัน..”ลิลิธที่อธิบาย ส่งผลทำให้ยูริสถึงกับสะอึก สมองเขาประมวลได้ในทันทีว่าชายผู้ที่กล้าทำกับเขาแบบนี้จะต้องเป็นทหารที่ยศสูงกว่าเขาถึงสองเท่า..
“อะ..อึก..เข้าใจแล้ว ผมจะพยายามใจเย็นลง ช่วยปล่อยมือด้วยครับ ท่านนายพัน..”ยูริสที่กล่าวออกมา และมโนไปเองว่าผมคือทหารยศนายพัน พอลิลิธกับเรนได้รับคำยืนยัน พวกเธอก็ต่างพากันเบิกกว้างขึ้น..
ฟุบ..
ผมที่ปล่อยยูริสให้เป็นอิสระ ก่อนที่เขาจะค่อยๆเอนตัวกลับขึ้นมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร..
“ในเมื่อใจเย็นลงแล้ว พวกเราก็มาคุยกันดีกว่า สถานการณ์ในตอนนี้ฉันได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มาบัญชาการกองร้อยที่ 7 และ 8 ของทารอน ไม่ได้มีอำนาจที่จะสั่งการกองกำลังของคีทารัสได้
ฉันจะไม่ออกคำสั่งหรือวางอำนาจกับแก ร้อยเอกยูริส แต่ฉันก็อยากจะขอให้แกตระหนักเอาไว้ว่าพวกเราจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกัน ถ้าอยากที่จะปกป้องฐานที่มั่นก็จงทำตามแผนของฉันซะ แต่ถ้าไม่อยากฉันก็จะไม่บีบบังคับ..”ผมที่บอกกับยูริส ทันทีที่อีกฝ่ายได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว..
“ไม่ทราบว่าท่านมีแผนการอย่างงั้นเหรอครับ..?”
“แผนน่ะมี แต่ฉันยังไม่สามารถบอกรายละเอียดตอนนี้ได้..”
“อึก..บอกไม่ได้..?”ยูริสที่ชะงักไป สีหน้าของเขาพลันเกิดเป็นความกังวลใจ
“ใช่..อย่าว่าแต่นายเลย ร้อยเอกลิลิธก็ยังไม่รู้แผนของฉัน แต่ถึงอย่างนั้นนายก็น่าจะตระหนักได้นะว่าถึงต่อให้จะใช้แผนไหน สถานการณ์ในตอนนี้มันก็มีค่าไม่ต่างกัน ถ้าอยากจะชนะก็จงทำตามที่ฉันสั่งซะ เพราะไม่ใช่แค่พวกนายที่ต้องแบกรับภาระ ตัวของฉันเองก็ต้องแบกรับแรงกดดันจากท่านพลเอกและท่านพลตรีด้วยเช่นกัน..”ผมที่กล่าวออกมา พร้อมกับอ้างอิงถึงนายทหารระดับสูง เมื่อลิลิธ เรนและยูริสได้ยินแบบนั้น คนทั้งสามก็ถึงกับอึ้งไป..
ตัวของยูริสนั้นหยุดคิดด้วยความลังเลใจไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะประมวลผลและได้ข้อสรุปว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน..
“เข้าใจแล้วครับ..คีทารัสจะเข้าร่วมกับท่าน..!”ยูริสที่กล่าวออกมา เขาพลันก้าวเดินเข้ามาหาผมหนึ่งก้าว ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นทำวันทยาหัตถ์..
“ขออนุญาติรายงานตัว กระผมร้อยเอกยูริส โรมานซ์ ผู้บัญชาการฐานที่มั่นจุดที่ 56 สังกัดอยู่ที่หน่วยกระทิงสลาตัน ขอแสดงความเคารพต่อท่านผู้บัญชาการฐานที่มั่นจุดที่ 56 ของหน่วยพยัคฆ์คลั่ง..”ยูริสที่เปล่งเสียงกล่าวรายงานตัว..
“เรื่องแนะนำตัวเอาไว้ก่อนเถอะ พวกเราเหลือเวลาไม่มากแล้ว ยังไงก่อนอื่น..”
“ฮี๋..!!!~”
ในขณะที่ผมกำลังจะบอกกับคนทั้งสาม จู่ๆเสียงของไอ้เจ้าเวเดอร์ก็ร้องดังขึ้น พร้อมกับเสียงของพวกทหารจำนวนมากที่กำลังแตกตื่นดังมาจากทางด้านนอกของกระโจม..
“เกิดอะไรขึ้น..?!”ยูริสที่วิ่งออกไปด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่ผม ลิลิธและเรนจะเดินตามออกไปดู..
ซึ่งทันทีที่ผมเดินออกมา ภาพที่ปรากฏนั่นก็คือทหารที่กำลังยืนรายล้อมไอ้เจ้าเวเดอร์อยู่ โดยที่มันในตอนนี้กำลังพยายามขึ้นคร่อมม้าตัวเมียตัวหนึ่ง..
“นะ..นั่นมัน อะ..อาชาทมิฬ..”ยูริสที่สบถกล่าวออกมา..
“ทะ..ทำไมอาชาทมิฬถึงมาอยู่ที่นี่ได้..”ลิลิธที่กล่าวออกมาอีกเสียง ซึ่งไอ้เจ้าเวเดอร์นั้นมีเอกลักษณะเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับม้าตัวอื่น เพียงได้เห็นแค่ครั้งเดียวก็สามารถที่จะจดจำมันได้..
“เฮ้ย..!!! เวเดอร์..! ถ้าแกไม่หยุดฉันจะจับแกไปทำม้าแดดเดียวแน่..!”ผมที่แผดเสียงตะโกนออกมา ส่งผลทำให้พวกทหารต่างต้องพากันหยุดชะงัก รวมไปถึงไอ้เจ้าเวเดอร์..
“ฮี๋..~”เจ้าเวเดอร์ที่ดูเหมือนจะเสร็จสมอารมณ์หมายพลันลงมาจากหลังของม้าตัวเมีย ก่อนจะเดินเข้ามาหาผม โดยที่พวกทหารก็ต่างพากันหลีกทางให้..
กร็อบ..
ฟุบ..
เวเดอร์ที่เดินมาหยุดอยู่ต่อหน้าของผม ทำให้ยูริส ลิลิธและเรนต่างพากันผงะก้าวถอยหลัง..
[เจ้าสัญญาแล้ว..]
“ฉันบอกว่าหลังเสร็จภารกิจไม่ใช่เหรอ..? เฮ้อ..แม่งเอ้ย แกกำลังทำให้ฉันเสียหน้านะรู้ตัวหรือเปล่า..”ผมที่สบถออกมาด้วยความหัวเสีย
[อึก..ขอโทษ..]
“เอาเถอะ..ไปรอที่คอกม้า แล้วอย่าให้ฉันรู้นะว่าแกแอบไปอึ๊บตัวเมียตัวไหน ถ้าฉันยังทำภารกิจไม่เสร็จ..”ผมที่บอกกับไอ้เจ้าเวเดอร์..
[กะ..ก็ได้ แต่ถ้าเจ้าเสร็จภารกิจแล้ว ข้าขออึ๊บนะ]
“เออ..”
[ย้าหู้ว..~]
ผมที่ตอบกลับสั้นๆ พอไอ้เจ้าเวเดอร์ได้ยินก็แหงนหน้าส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ และเข้ามาเลียมือของผม ก่อนที่มันจะสะบัดตัวควบวิ่งจากไปอย่างอารมณ์ดี ท่ามกลางสายตาของทุกๆคนที่จ้องมองมันอย่างอึ้งๆ
“ทะ..ท่านผู้บัญชาการ จะ..เจ้าอาชาทมิฬนั่น..”ลิลิธที่เอ่ยถามผม เธอกับเรนรวมถึงยูริสกำลังแสดงสีหน้าอึ้งๆ
“เออ..ม้าฉันเอง..”ผมที่ให้คำตอบ และก็ตามนั้นแหละครับ ลิลิธ เรน ยูริสรวมไปถึงเหล่าทหารที่ได้ยินก็ต่างพากันตกตะลึง ไม่ว่าใครก็ต่างพากันอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก มิหน่ำซ้ำแล้ว..
“ทหารนอกเครื่องแบบคนนั้นเป็นเจ้าของอาชาทมิฬอย่างงั้นเหรอ ได้ยังไงกัน..?”
“นั่นดิ..ขนาดท่านอดีตจอมพลของเอทารอส หรือนายทหารชั้นผู้ใหญ่กว่าหลายคนยังขี่มันไม่ได้เลยนะ ทหารคนนั้นเป็นใครกันแน่..”
“ดะ..เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ฉันได้ยินว่าท่านผู้บัญชาการลิลิธ เรียกทหารนายนั้นว่าผู้บัญชาการด้วยหนิ หรือว่าเขาจะเป็นผู้บัญชาการคนใหม่ที่ถูกส่งมารับช่วงต่อภารกิจ..?”
เสียงของเหล่าทหารที่ต่างพากันฮือฮาเปิดประเด็นสนาทนา ส่วนทางด้านของลิลิธ เรนและยูริสที่กำลังยืนอยู่ในตอนนี้ สายตาที่คนทั้งสามมองมายังผมเริ่มที่จะเปลี่ยนไป มันแสดงออกให้เห็นถึงความเคารพและประกายแสงแห่งความหวัง..
“เอาล่ะ..ไม่ใช่เวลามาสนใจเรื่องหยุมหยิม สิ่งที่ควรจะทำในตอนนี้..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด
“ร้อยเอกลิลิธรับคำสั่ง..!”ผมที่เปล่งเสียงตะโกนออกมา เมื่อลิลิธได้ยินก็สะดุ้ง ก่อนจะยกมือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ พร้อมทั้งเปล่งเสียงขานรับ..
“ค่ะ..!”
“ฉันให้เวลาเธอ 15 นาที รวบรวมกำลังพลจากทั้งสองกองร้อยที่ยังพอสู้ได้ ตั้งแนวขบวนที่หน้ารั้วฐานที่มั่นทางทิศตะวันตกหันหน้าเข้าสู่ป่าเซลฟอส..!”ผมที่เปล่งเสียงตะโกนออกคำสั่ง ท่ามกลางสายตาของเหล่าทหาร..
“รับทราบ..!”ลิลิธที่เปล่งเสียงขานรับ..
“อ้อ..ถ้าเกิดครบห้านาทีเธอยังจัดการไม่เสร็จ หรือมีทหารคนไหนที่มาช้า ฉันจะส่งเธอกับไอ้ทหารพวกนั้นเข้าให้ไอ้พวกโนโทเปียมันฆ่าเล่น..”ผมที่กล่าวข่มขู่ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ถึงมันจะฟังดูเป็นคำขู่เล่นๆ แต่กลับทำให้ลิลิธและเหล่าทหารที่ได้ยินถึงกับต้องต่างพากันหน้าเสีย..
“รับทราบ..!!!”สิ้นเสียงขานรับของลิลิธ ยังไม่ทันที่เธอจะได้ออกคำสั่งเหล่าทหารจากทัพทารอนบางส่วนก็ต่างวงแตกรีบไปจัดขบวนตั้งรับในทันที..
“ส่วนนายร้อยเอกยูริส ฉันอยากจะขอความร่วมมือให้จัดรูปขบวนป้องกันภายใน 15 นาที นี่คือคำขอจากฉัน..”ผมที่หันไปออกคำสั่งกับยูริส ซึ่งในระแวกนี้ก็มีทหารของคีทารัสที่ยืนอยู่กว่าหลายสิบนาย..
“รับทราบ..!!!”ยูริสที่เปล่งเสียงขานรับ พร้อมทั้งทำความเคารพผม แต่ผมก็แอบสังเกตเห็นว่ามีทหารจากคีทารัสบางนายที่ไม่กระเตื้อง..
“ถึงจะเป็นแค่การขอความร่วมมือ แต่ก็แน่นอนว่าถ้าไม่เสร็จภายใน 15 นาที ฉันคงจะได้กระทืบคนข้ามเหล่าทัพแน่ๆ..”ผมที่กล่าวออกมา และจากคำพูดนี้มันก็ทำให้ยูริสถึงกับต้องหน้าเสียไปด้วยอีกคน ส่วนพวกทหารของคีทารัสก็ต่างพากันช็อคค้าง..
“อึก..รับทราบ..!!”ยูริสที่ขานรับ ต่อจากนั้นเขาก็เดินย่อตัวก้มหัวผ่านผมไปด้วยความนอบน้อม ก่อนที่จะ..
“รวมพล..ภายใน 15 นาที จัดรูปขบวนตั้งรับตรงรั้วฐานที่มั่นทางทิศตะวันตก ทหารนายไหนมาช้าฉันจะฆ่ามัน..!!!!”ยูริสที่แผดเสียงตะโกนออกคำสั่งด้วยความเกรี้ยวกราด ส่งผลทำให้ทหารของคีทารัสที่ได้ยินถึงกับต้องวงแตกวิ่งไปจัดเตรียมความพร้อม..
“ส่วนเธอร้อยโทเรน..”ผมที่หันไปหาร้อยโทเรน..
“คะ..ค่ะ..!!”ร้อยโทเรนที่ยกฝ่ามือขึ้นมาทำวันทยาหัตถ์ขานรับตามเสียงเรียก..
“ไปพักฟื้นซะ สภาพแบบนั้นอย่าฝืนจะดีที่สุด..”ผมที่บอกกับเรน ซึ่งผมก็สังเกตเห็นมาโดยตลอด มองภายนอกเธอดูเหมือนกับคนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่ลักษณะการเดินของเธอทำให้ผมพอจะเดาได้ว่าภายใต้เสื้อข้างในมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ซ่อนอยู่..
“ตะ..แต่ว่า..”เรนที่ได้ฟังคำสั่งทำท่าเหมือนจะโต้แย้ง..
“ฉันสั่งให้ไปก็ไปเถอะ เธออยากจะตายเพราะพิษบาดแผลหรือโดนฉันกระทืบตาย..?”ผมที่ข่มขู่เรน และแสดงบทโหดออกมา พอเธอกับลิลิธได้ยินก็ต่างพากันหวาดผวา..
“ระ..รับทราบ..!”เรนที่กลั้นใจขานรับ..
“ถ้าอย่างงั้นอีก 15 นาที เจอกันที่รั้วของฐานที่มั่น ฉันขอไปเตรียมความพร้อมก่อน..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะเดินเข้าไปในเต็นส์ เพื่อเตรียมความพร้อม..
“บางทีฉันก็แอบสงสัยเหมือนกันนะว่าแกเป็นคนหรือสนุ๊กวะ เหลี่ยมจัดชิบหายเลย..”ไอ้จ้อนที่เงียบดูสถานการณ์มานานกล่าวขึ้น
15 นาทีต่อมา..
หลังจากที่ผมจัดแจงตัวเองจนเสร็จสรรพ ผมก็ได้มุ่งหน้าไปยังรั้วของฐานที่มั่นทางทิศตะวันตก ทันทีที่มาถึงภาพที่เห็นนั่นก็คือทหารจำนวนสองร้อยกว่านายที่กำลังตั้งขบวนป้องกันอย่างแน่นหนา แถมยังมีที่กำบังลักษณะเป็นบังเกอร์ที่ถูกสร้างมาจากกระสอบทราบตั้งอยู่เป็นจุดๆตลอดแนว..
โดยที่ลักษณะของขบวนป้องกันหรือขบวนตั้งรับ จะแบ่งเป็นห้าแถวหน้ากระดานที่เรียงยาวไปไกล ทหารทุกนายต่างเตรียมพร้อม ในกรณีที่ถ้าเกิดศัตรูบุกออกมาจากป่าเซลฟอสทางเบื้องหน้าก็จะสามารถเปิดฉากกราดยิงได้ในทันที..
“ยอดเยี่ยม..”ผมที่เดินเข้าไปหาลิลิธที่กำลังยืนอยู่เหนือจุดสูงสุดของรั้วไม้ โดยที่อีกฟากหนึ่งของรั้วไม้จะเป็นเนินต่างระดับที่ทอดลงไปประมาณ 2 เมตร พวกทหารจะยืนอยู่นอกรั้วไม้หรือข้างล่างของเนินดิน ส่วนลิลิธและยูริสจะยืนอยู่เหนือเหล่าทหารหลังรั้วไม้ เพื่อคอยสั่งการ..
“อึก..”ลิลิธกับยูริสที่ต่างพากันเบิกดวงตากว้างขึ้น ทันทีที่คนทั้งสองหันมามองยังสตาร์ เขาและเธอก็ต้องต่างพากันอึ้งไปตามๆกัน
จากภาพของมีดนับสามสิบเล่มที่เหน็บอยู่รอบเอวของสตาร์ บางเล่มชายหนุ่มได้ใช้เชือกผูกติดเอาไว้กับตัว เพราะว่าดิ๊กไม่ได้จัดหาสายรัดสำหรับพกมีดมาให้ด้วย..
“ทำความเคารพผู้บังคับบัญชา..!”ลิลิธที่เป็นตัวแทนกล่าวออกมา โดยเหล่าทหารที่ยืนอยู่ทางเบื้องล่างก็ต่างหันมาเงยหน้าทำเคารพผม..
“อืม..เอาล่ะ..ร้อยเอกยูริส อันดับแรกฉันขอฟังรายงานสถานการณ์คร่าวๆที่นายให้หน่วยสอดแนมไปดูมาหน่อย ฉันอยากจะรู้พิกัดกองกำลังทั้งสี่กลุ่มของศัตรู..”ผมที่เปิดประเด็นกับยูริส..
“เรียนท่านผู้บัญชาการ กองกำลังทั้งสี่กลุ่มของโนโทเปีย กลุ่มแรกอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ กลุ่มที่สองอยู่ทางทิศตะวันตก ส่วนกลุ่มที่สามจะอยู่เยื้องจากกลุ่มที่สองไปไม่ไกลมาก และกลุ่มสุดท้ายอยู่ที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทุกๆกลุ่มอยู่ห่างจากฐานที่มั่นของเราออกไปประมาณ 500 เมตร และกำลังเคลื่อนพลคลืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ ไม่แน่ว่าตอนนี้มันอาจจะกำลังส่งหน่วยสอดแนมมาตรวจสอบเราแล้วก็เป็นได้..”ยูริสที่กล่าวรายงานสถานการณ์เบื้องต้น ทันทีที่ผมได้รู้ถึงพิกัดของศัตรู ผมก็ไม่รอช้าเตรียมที่จะออกทำภารกิจในทันที..
“ดี..ถ้าอย่างงั้นก็ฝากที่เหลือด้วย เดี๋ยวฉันมา..”ผมที่บอกกับยูริส พอเขาและลิลิธได้ยินก็หยุดชะงัก..
“ทะ..ท่านจะไปไหนเหรอคะ..?”
“ฉันจะเข้าไปเดินเล่นในป่าเซลฟอสสักหน่อย..”ผมที่กล่าวออกมา ก่อนจะกระโดดข้ามรั้วสไลด์ตัวลงไปบนเนินดิน..
“ห้ะ..?! เดินเล่น..!?”ลิลิธกับยูริสที่ถึงกับร้องเสียงหลง..
“นะ..นี่ท่านคิดจะเข้าไปในป่าเซลฟอสคนเดียวอย่างงั้นเหรอคะ..!”ลิลิธที่เอ่ยถามกับผม..
“ใช่..อย่าคิดสงสัยหรือถามอะไรมาก ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ..แกสองคนคอยดูแลฐานที่มั่นนี้เอาไว้ รอจนกว่าที่ฉันจะกลับมา..”ผมที่บอกกับลิลิธและยูริส เมื่อคนทั้งสองได้ยินก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผมจะสังเกตเห็นดินสีดำอันแสนคุ้นเคย..
ฟุบ..!
ผมที่โน้มตัวลงไปเอามือโกยดินสีดำขึ้นมา และนำมันมาลูบที่แขนทั้งสองข้างจนกลายเป็นสีดำ โดยชุดที่ผมสวมใส่อยู่ในตอนนี้คือเสื้อยืดคอกลมและกางเกงขายาวสีดำ รองเท้าบู๊ทหนังพร้อมกับสะพายเป้..
“เอาล่ะ..”
ฟุบ..!
ผมที่ก้าวเดินผ่านสายตาของเหล่าทหารนับหลายร้อยคู่ มุ่งตรงไปยังป่าเซลฟอสที่อยู่ทางเบื้องหน้า ก่อนจะปิดท้ายด้วยการนำเศษดินที่เหลือขึ้นมาปาดลงไปบนใบหน้าของตัวเอง จนกลายเป็นลายพราง..
“ได้เวลาล่าเหยื่อ..พิฆาตทมิฬ ออกปฏิบัติการ..!”
ไรท์:คอมเม้น..~