แสงที่ 81 บุรุษรูปงามผมสีเงินที่ยืนตระหง่าน..!
“พรวด..แค่กๆ ห้ะ..?”
ผมที่ถึงกับเหล้าพุ่ง เมื่อจู่ๆไอรินก็เปิดประเด็นเอ่ยถามขึ้นมา นี่มันสถานการณ์แบบไหนกัน พึ่งจะรู้จักกันแท้ๆแต่เธอเล่นวางแผนอนาคตไว้แล้ว..
“อู้ววววววว โดนรุก อู้วววววววว..!”
‘รุกบ้านแกสิ มีที่ไหนรู้จักกันแค่แป๊บๆ จะมาขอแต่งงานวางแผนอนาคตเฉยเลย ถึงฉันจะไม่ใช่พวกซื่อบื้อแต่แบบนี้มันแปลก ถ้าไม่มีเหตุผลมารองรับ แสดงว่ายัยนี่จะต้องกำลังวางแผนอะไรอยู่แหงๆ..’ผมที่เตือนสติไอ้จ้อน ซึ่งมันก็ดูแปลกจริงๆ ตอนนี้มีช้อยให้เลือกอยู่แค่สองช้อย ถ้าเธอไม่ได้ตกหลุมรักผมตั้งแต่แรกพบก็แสดงว่าเธอจะต้องกำลังวางแผนอะไรอยู่แน่ๆ..
“หรือว่าจะแต่งกันตอนติดยศพันตรีดี แต่แบบนั้นคงจะนานน่าดู เอาเป็นจบภารกิจนี้เลยดีไหม..?”ไอรินที่ยังคงกล่าวออกมา..
“เดี๋ยวหยุดก่อนเลย เอาไว้ค่อยคุยเรื่องนี้กันทีหลังได้ไหม ยิ่งเธอพูดฉันก็ยิ่งไม่เข้าใจ..”ผมที่บอกกับไอริน..
“อะ..อืม เข้าใจแล้ว มันคงจะดูปุบปับไปสินะ ถ้าอย่างงั้นเรื่องระหว่างเราฉันจะปล่อยให้นายลองเก็บไปคิดดูก่อน ถ้าพร้อมจะคุยเมื่อไหร่ก็บอกฉันได้เสมอ..”ไอรินที่บอกกับผม
ในระหว่างที่พูดสีหน้าของเธอก็ยังคงเป็นแบบเดิม และนี่ก็คือเหตุผลที่ผมอ่านใจเธอไม่ออก ตามปกติแล้วถ้าคุยกับคนอื่น ผมก็พอที่จะเดาและอ่านความคิดของอีกฝ่ายจากทางสีหน้าได้ แต่ทว่ากับผู้หญิงคนนี้ เธอกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมา..
“อะ..อืม..”
“ถ้าอย่างงั้นมาเริ่มจากการสร้างความสัมพันธ์กันก่อน..”
หมับ..
ไอรินที่กล่าวออกมา พร้อมกับจับมือของผมไปเกาะอยู่ที่เอวของเธอ ซึ่งผมก็รีบบอกให้ไอ้จ้อนคลายความสามารถที่ทำให้ร่างกายอบอุ่น จนทำให้น้ำแข็งปรากฏออกมาปกคลุมที่ฝ่ามือของผม
แกร๊ก..
“ฉันโดนคำสาปของเธอแล้วนะ..”ผมที่บอกกับไอริน..
“นายน่ะอย่าโกหกฉันเลย ฉันเห็นหมดแล้วว่านายสามารถคลายคำสาปของฉันได้..”ไอรินที่หันมาบอกกับผม ในเมื่อเธอรู้ความจริงแล้ว ผมก็คงจะแถไม่ได้อีกต่อไป..
“เฮ้อ..แล้วเธอทำแบบนี้ เธอต้องการอะไรจากฉันเนี่ย..?”
ฉ่าๆ..
ผมที่ถอนหายใจพลางเอ่ยถาม ก่อนที่ทันใดนั้นน้ำแข็งที่มือจะระเหยกลายเป็นไอน้ำ..
“เขยิบเข้ามาใกล้อีกนิดสิ..เดี๋ยวฉันจะสอนนายขี่ม้า..”ไอรินที่บอกกับผม หรือว่านี่จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ว่า..
“มะ..ไม่ไหวหรอก ฉันลองมาทุกวิถีทางแล้ว..”ผมที่บอกกับไอริน..
“ลองดูอีกทีก็ไม่เสียหาย..”ไอรินที่กล่าวออกมา พร้อมกับนำบังเหียนมายัดใส่มือของผม จึงทำให้ผมไม่มีทางเลือกต้องเขยิบเข้าไปแนบชิดตัวของเธอจนเหมือนกับพวกเรากำลังกอดกัน..
‘หอม..’ผมที่ถึงกับผงะ ก่อนจะสบถอยู่ภายในใจ สัมผัสแรกคืนกลิ่นหอมของดอกไม้และไอเย็นๆที่ลอยเข้ามาเตะจมูก
“หอมจัดเลยโว้ย..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา..
“จะ..จับไว้นะ..เดี๋ยวฉันจะช่วยประคองเอง..”ไอรินที่บอกกับผม จู่ๆน้ำเสียงของเธอก็ดูสั่นๆโดยที่สตาร์ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ใบหน้าของหญิงสาวกำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ..
“บังคับแบบนี้ แล้วก็ใช้ส้นเท้า นั่นแหละค่อยๆทำ ดะ..เดี๋ยวสิ นายดึงแรงไป..”ไอรินที่พยายามสอนผม แต่ก็ดูเหมือนว่าผมจะไม่ไหวจากม้าที่กำลังเซไปทางซ้ายทีขวาที
“หืม..?”ผมที่ชะงักไปชั่วขณะ เมื่อสังเกตว่าตอนนี้อาเซียกำลังเหลี่ยวกลับมามองผม แต่เธอก็คงจะไม่รู้ว่าผมเห็นเธอ จากเส้นผมที่กำลังปรกตาอยู่..
“แบบนี้เหรอ..?”ผมที่เขยิบตัวเข้าไปแนบชิดไอรินมากยิ่งขึ้น ใบหน้าของพวกเราอยู่ใกล้กันมาก การกระทำของผมมันยิ่งทำให้อาเซียเริ่มที่จะออกอาการเหมือนกำลังไม่พอใจ จนเธอลืมโฟกัสเรื่องคำสาปของไอรินไป..
ซึ่งตลอดการเดินทาง ผมกับไอรินยังคงรั้งอยู่ท้ายขบวน ส่วนสไปร์สกับพวกทหารก็คอยระวังตัวสาดส่องสายตามองไปรอบๆ ไม่มีใครให้ความสนใจมาที่พวกเรา จนกระทั่ง
30 นาทีต่อมา..
“หยุด..!”
ท่ามกลางกองกำลังที่เคลื่อนขบวน จู่ๆสไปร์สก็ตะโกนสั่งให้ทหารทุกนายหยุด ในตอนนี้กองกำลังของพวกเราได้มาหยุดอยู่ ณ จุดๆหนึ่ง..
ซึ่งบริเวณที่พวกเราอยู่นั้น ทั่วทั้งพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ รอบๆบริเวณมีต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่โดยรอบ แต่ทว่าต้นไม้เหล่านั้นกลับเหลือเพียงแค่ลำต้นกับกิ่งก้านสาขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ไม่มีใบไม้เหลืออยู่เลย..
“อีก 600 เมตรจะถึงหุบเขาลาติส ขออาสาสมัครสี่นายเข้าไปสอดแนมดูลาดเลาตรงทางแยกของช่องแคบ ถ้าตรวจพบกองกำลังของข้าศึก พวกเราจะได้เตรียมแผนรับมือกันได้ มีใครจะอาสาไหม..?”สไปร์สที่เปล่งเสียงกล่าวออกมา ก่อนจะหาอาสาสมัคร..
“กลุ่มผมขออาสาครับ..”เสียงตะโกนของจ่าสิบโทคนหนึ่งที่ยกมือขึ้น เขาคือทหารของทารอน..
“อืม..ถ้างั้นก็ขอฝากด้วย..”สไปร์สที่กล่าวออกมา
“รับทราบ..!”สิ้นเสียงขานรับ กองกำลังทหารจากกลุ่มที่ 4 ของทัพทารอนจำนวน 4 นายก็ได้เคลื่อนตัวมุ่งหน้าออกไปสอดแนมดูลาดเลา ส่วนกองกำลังของเอทารอสภายในกลุ่มที่ 4 ก็ยังคงยืนรออยู่อย่างนั้น
“ในระหว่างที่รอ พักผ่อนกันตามสบาย..แต่อย่าได้ลดการป้องกัน..”สไปร์สที่เปล่งเสียงตะโกนบอกกับเหล่าทหาร ก่อนที่ทหารทุกๆนายจะกระโดดลงจากแผ่นหลังของม้าและแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย..
กร็อบๆ..
“ขอโทษที่ฉันตัดสินใจอะไรเอง แต่ฉันว่าพวกเราควรจะตรวจสอบก่อนจะดีที่สุด..”สไปร์สที่จูงม้าตรงเข้ามาหาผม ก่อนที่เธอจะกล่าวขึ้น อันที่จริงอำนาจสั่งการควรจะเป็นของผม แต่ทว่าเธอกลับเข้ามาแทรกแซงด้วยการสั่งให้ทหารออกไปสอดแนม..
“ไม่เป็นไรครับ ท่านทำถูกแล้ว..”ผมที่ตอบกลับสไปร์ส โดยที่ไอรินก็ยังคงยืนอยู่ข้างๆผม..
“อืม..ถ้างั้น ทันทีที่หน่วยสอดแนมกลับมา ฉันขอฝากนายจัดการที่เหลือด้วยล่ะ..”สไปร์สที่กล่าวออกมา โดยที่ผมก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนที่เธอจะปลีกตัวออกไป
ซึ่งในตอนนี้เหล่าทหารกำลังยืนกันอยู่ตามจุดต่างๆ เซนินนั้นกำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ส่วนกลุ่มของไอ้เมจก็ดูเหมือนจะกำลังพูดคุยวางแผนกันอยู่..
“ฮึก..เศร้าว่ะ..”เสียงของไอ้จ้อนที่เอ่ยดังขึ้น เสียงของมันเหมือนกับคนที่กำลังจะร้องไห้ ก็ตามนั้นแหละ มันปวดฉี่ เมื่อเห็นแบบนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะปลีกตัวออกจากไอริน ก่อนจะเดินไปหาที่ทำธุระส่วนตัว..
โดยที่สตาร์ไม่รู้ตัวเลยว่าอาเซียที่ยืนไกลๆกำลังจ้องมองเขาและรอคอยจังหวะที่จะเข้าไปพูดคุย จนกระทั่งเธอเห็นโอกาส..
“ฉันขอไปทำธุระส่วนตัวแป๊บนะ..”อาเซียที่บอกกับเพื่อนภายในกลุ่ม..
“ให้ฉันไปด้วยไห..ม พะ..พูดเล่นน่า..?”เมจที่กล่าวออกมา แต่แล้วเขาก็ต้องเปลี่ยนความคิด เมื่อเห็นว่าอาเซียยกกำปั้นขึ้นมาทำท่าง้างหมัด ก่อนที่ต่อจากนั้นหญิงสาวจะแอบเดินอ้อมเหล่าทหารมุ่งตรงไปยังจุดที่สตาร์เดินไป..
“เดี๋ยว
ฟุบ..
“หะ..หืม..?”ไอรินที่หันไปมองตามหลังของสตาร์ที่เดินออกไปแบบไม่ได้บอกกล่าว เธอยืนคิดอะไรบางอย่างอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจตามชายหนุ่มไป
ซู่..~
ผมที่กำลังยืนทำธุระส่วนตัว ทันทีที่จัดการธุระเสร็จก็รูดซิบขึ้น ก่อนจะหมุนตัวหันกลับ แต่ก็ต้องผงะเมื่อพบเข้ากับไอรินที่กำลังยืนอยู่..
โดยที่ไอรินในตอนนี้กำลังยืนหันหน้าไปทางอื่น พลางเอาหลังผิงอยู่กับต้นไม้ ดูเหมือนว่าเธอจะมายืนอยู่ตั้งนานแล้วด้วย..
“ธะ..เธอตามฉันมามีอะไรหรือเปล่า..?”ผมที่ถามกับไอริน จึงทำให้เธอค่อยๆหันหน้ากลับมา..
“ฉันมาขอคำตอบน่ะ..นายคงจะคิดได้แล้วสินะ..”ไอรินที่กล่าวออกมา..
“ห้ะ..เดี๋ยวสิ พวกเราคุยพึ่งจะคุยกันเมื่อครึ่งชั่วโมงเองนะ..”
“นั่นแหละ..ฉันให้เวลานายคิดแล้ว ถึงเวลาที่นายจะต้องตอบ แต่ฉันว่าจบภารกิจนี้พวกเราแต่งกันเลยน่าจะดีที่สุ..ด..”
“แล้วฉันไปตอบตกลงตอนไหนว่าจะเป็นคนรักของเธอ มีแต่เธอที่คิดไปเองฝ่ายเดียว..”
ในขณะที่ไอรินกำลังเปิดประเด็น ผมก็กล่าวแทรกเธอ ทำให้เธอที่ได้ยินแบบนั้นต้องหยุดชะงัก..
“ฉันบอกไปแล้วว่าจะรับผิดชอบ เพราะฉันจูบนายทางอ้อมไปแล้ว ไม่ว่านายจะปฏิเสธยังไงฉันก็ไม่สนหรอก ยังไงพวกเราจะต้องเป็นคนรักกัน..”ไอรินที่กล่าวออกมา พอผมได้ยินคำตอบของเธอเท่านั้นแหละ ผมก็ถึงกับหน้าเหว๋อ..
“อึก..อะ..อย่างงั้นเองสินะ ฉันเข้าใจแล้ว..”ผมที่สะอึกไปชั่วขณะ พร้อมกับกล่าวออกมา ในระหว่างนั้นผมก็เดินเข้าไปหยุดอยู่ต่อหน้าของไอริน..
“สรุปแล้วเอาเป็นจบภารกิจน..ะ อุ๊บ..?”
ในช่วงจังหวะที่ไอรินกำลังกล่าว ผมที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเธอก็ได้ยื่นใบหน้าเข้าไป ก่อนจะจูบประทับที่ริมฝีปากของเธอ
“อู้วววว เดี๋ยวนะ..กะ..กลิ่นมัน หอมโว้ย..!!!!”ไอ้จ้อนที่ร้องตะโกนแหกปากออกมา แน่นอนว่ามันสัมผัสได้ถึงกลิ่น จากการที่ประสาทสัมผัสของมันเชื่อมต่ออยู่กับผม..
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ไอรินถึงกับเบิกดวงตากว้างขึ้น เธอได้แต่ยืนตัวแข็งเป็นหิน ในระหว่างนั้นผมก็ทำการบดขยี้ริมฝีปากของเธอ พร้อมกับสอดแทรกลิ้นเข้าไปพัวพัน..
สัมผัสแรกที่ริมฝีปากของพวกเราทั้งสองประกบเข้าหากัน ผมสัมผัสได้ถึงความนุ่มละมุนของริมฝีปาก ผสานกับกลิ่นหอมของดอกไม้และไอเย็น นอกเหนือจากนี้ลิ้นของผมที่สอดแทรกเข้าไปพัวพันกับไอรินก็สัมผัสได้ถึงความหวานของรสจูบ จนทำให้สติของผมหลุดลอยออกไป..
“อื้ม..อ้าม..”ผมที่ใช้สองมือโอบเอวของไอรินเข้ามาแนบชิด พร้อมกับบรรจงจูบ ทางด้านของไอรินที่ตอนแรกหยุดนิ่งไปก็เริ่มที่จะสอดแขนเข้ามาโอบกอดผม ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง..
พวกเราสองคนยืนจูบกันนานแบบนี้เกือบครึ่งนาที ก่อนที่ผมจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกมาในท้ายที่สุด..
“ฮ้า..~”เสียงครางของไอรินที่ดังออกมาด้วยความเหนื่อยหอบเหมือนว่าเธอจะขาดอากาศหายใจ ริมฝีปากที่ผละออกจากกันปรากฏให้เห็นเป็นหยาดน้ำลายที่เชื่อมโยงเป็นสะพานอยู่ตรงปลายลิ้น..
แกร๊บ..
ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงของกิ่งไม้ที่หักเหมือนกับในละครช่อง 7 ทันทีที่ผมหันไปมองก็พบเข้ากับร่างของอาเซียที่กำลังยืนอยู่
อาเซียในตอนนี้กำลังยืนช็อค สีหน้าของเธอแสดงออกให้เห็นว่ากำลังเสียใจ จากดวงตาที่ปรากฏเป็นหยดน้ำตาที่คลอออกมา และสเต็ปสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นเมื่อแฟนเก่าได้มาเห็นภาพบาดตาบาดใจ มันจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจาก..
ฟุบ..!!!
อาเซียที่หมุนตัวหันหลังกลับ พร้อมกับวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่วิ่งผมก็สังเกตเห็นว่าเธอกำลังยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาบนใบหน้าที่ไหลอาบแก้ม ถ้าถามว่าผมแคร์ไหม..? ไม่อ่ะ..
“เท่านี้..พวกเราก็หายกันแล้วนะ..”ผมที่หันมาบอกกับไอรินด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับค่อยๆปล่อยร่างของเธอ แต่ทว่า..
“ฮึก..”ไอรินที่ยืนตัวสั่น เธอกำลังจ้องหน้าของผมจนตาค้างผสานกับแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ แต่ทว่าใบหน้าของเธอที่แสดงออกกลับยังคงเป็นแบบเดิม..
“ดะ..เดี๋ยวก่อนสิ มะ..เมื่อกี้มัน..”ไอรินที่จับรั้งมือของผมเอาไว้ เมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเดินจากไป
“ก็จูบไง..ก่อนหน้านี้เธอจูบฉันทางอ้อมไป เธอก็เลยจะรับผิดชอบฉัน ตอนนี้ฉันก็เลยจูบเธอคืน เท่านี่พวกเราก็หายกันแล้ว..”ผมที่บอกกับไอริน พอเธอได้ยินแบบนั้นก็พูดอะไรไม่ออก..
“มะ..ไม่เอานะ ถะ..ถ้างั้นฉันจะจูบนายอีก ฉันจะได้รับผิดชอบนาย..”ไอรินที่กล่าวออกมา พร้อมกับทำท่าจะยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ แต่ก็ต้องถูกผมที่ใช้ฝ่ามืออุดปากเอาไว้..
“พูดมาตามตรง เธอต้องการอะไรจากฉันกันแน่..? ถ้ากำลังคิดว่าแผนอะไร ฉันอยากจะขอเตือนให้หยุดคิดซะเถอะ..”
“ผะ..แผน..? มะ..ไม่ใช่นะ..”ไอรินที่กล่าวออกมา แววตาของเธอเริ่มที่จะแสดงออกถึงความตื่นตระหนก
“ถ้างั้นแล้วเพราะอะไร..?”ผมที่ถามกับไอริน พอเธอได้ยินก็ค่อยๆขมวดคิ้วลงทำสีหน้าลำบากใจ..
“ฉะ..ฉันน่ะ ตกหลุมรักนายตั้งแต่แรกพบ มันจะต้องเป็นความรักแน่ๆ..”ไอรินที่ให้คำตอบกับผม..
“หะ..ห้ะ..? ตกหลุมรักเนี่ยนะ..?”
“ชะ..ใช่..”
“ถ้างั้นขอถามต่อ แล้วเธอชอบฉันตรงไหนล่ะ..?”ผมที่ถามกับไอริน..
“ชะ..ชอบตั้งแต่ที่นายเดินเข้ามาทักฉัน ฉันก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองเหมือนกัน นายเข้ามาพูดคุยกับฉัน แถมยังยื่นเหล้าให้กับฉัน โดยไม่กลัวว่าจะถูกคำสาป นายเป็นผู้ชายคนแรกนอกจากท่านพ่อและท่านปู่ที่ไม่ได้ทิ้งระยะห่างจากฉัน และที่สำคัญที่สุดสิ่งที่ทำให้ฉันมั่นใจว่านายคือผู้ชายที่จะมาแต่งงานกับฉัน นั่นก็คือนายเป็นคนแรกและคนเดียวที่ไม่ถูกคำสาปของฉันเล่นงาน ฉะ..ฉันก็เลย..”
“เข้าใจแล้ว..แต่ต้องขอโทษด้วยนะ ฉันไม่สามารถคบหรือเป็นคนรักให้เธอได้..”ผมที่ปฏิเสธไอริน และไม่คิดที่จะฟังเหตุผลของเธอให้จบ..
ในตอนนี้ผมรู้แล้วไอรินก็แค่ผู้หญิงที่ใสซื่อคนหนึ่ง ถ้าจะให้ผมไปทำร้ายเธอผมก็คงจะทำไม่ลง อีกอย่างถ้ามาสไตล์ต้องการที่จะแต่งงาน ยังไงก็คงจะรับเรื่องที่ผมมีเมียเยอะไม่ได้แน่ๆ สิ่งที่ผมกำลังโฟกัสอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของความรัก แต่เป็นเรื่องของสงครามต่างหาก..
“ทะ..ทำไมล่ะ..?”ไอรินที่เอ่ยถาม แววตาของเธอดูหมองเศร้าไปในทันที แววตาแบบนี้คงจะกำลังเสียใจอยู่แน่ๆ..
“เธอยังไม่รู้จักฉันดีพอด้วยซ้ำ การที่เธอมารักหรือมาชอบฉัน มันจะทำให้ตัวของเธอต้องเป็นทุกข์เปล่าๆ ฉันมีเหตุผลที่เป็นคนรักของเธอไม่ได้อยู่ และฉันก็มั่นใจว่าเธอจะต้องรับมันไม่ได้แน่..”
“แล้วมันคืออะไรล่..ะ..?”
“เฮ..!!!!!!!!”
ในขณะที่ไอรินกำลังจะเอ่ยถามผม ทันใดนั้นจู่ๆก็มีเสียงเฮของพวกทหารที่ดังขึ้น ผมกับไอรินที่ยืนอยู่รีบเดินไปชะโงกหน้ามองยังทิศทางของต้นเสียง ก่อนจะพบว่ากองกำลังทหารของเอลเดียในตอนนี้กำลังทำการเปิดวงจรเตรียมเข้าปะทะ..
เมื่อเห็นแบบนั้นผมกับไอรินก็หันมามองหน้ากันอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่พวกเราทั้งสองจะรีบวิ่งกลับไป..
ฟุบ..!
ทันทีที่วิ่งมาถึงภาพที่ปรากฏอยู่ทางเบื้องหน้าของผมและกองกำลังทหารจากเอลเดียห่างออกไปประมาณ 70 เมตร นั่นก็คือกองกำลังทหารเกือบ 20 นายของข้าศึกที่กำลังควบม้าวิ่งตรงเข้ามา..
โดยชุดของทหารจากไฮสโตเรียมีลักษณะเป็นเสื้อกันหนาวตัวสีขาวโพลน อีกทั้งพวกมันยังสวมใส่หมวกทหารญี่ปุ่นที่มีกระบังหูอีกด้วย..
ซึ่งถ้ามองออกไปที่หน้าขบวนของกองกำลังทหารจากไฮสโตเรียในเวลานี้จะพบเป็นร่างของทหารสองนายที่กำลังควบม้าวิ่งนำกองกำลังมา โดยที่คนแรกเป็นทหารหญิง ส่วนอีกนายเป็นชายวัยกลางคนร่างใหญ่ยักษ์สูงเกือบ 185 เห็นจะได้
และสิ่งที่ทำให้ทหารทั้งสองนายนั้นดูแตกต่างจากพวกทหารที่ตามมานั่นก็คือตราสัญลักษณ์ที่กลางหมวก ซึ่งทหารคนอื่นๆจะมีตราสัญลักษณะรูปเส้นตรงที่ขีดลงมาอยู่กลางหมวก อยู่สองขีดหรือสามขีด แต่ทหารทั้งสามนายกลับมีเส้นดังกล่าวอยู่ถึงสี่ขีด (สัญลักษณ์ | | | | )
“ฆ่าไอ้พวกเอลเดียให้หมด..!!!”เสียงตะโกนของทหารหญิงที่นำขบวนควบม้าวิ่งตรงมา ก่อนที่ทหารจากไฮสโตเรียจะทำการเปิดวงจร พร้อมกับชักดาบออกจากฝัก ส่วนบางคนก็บรรจุกระสุนเตรียมที่จะยิงกระสุนแรงดังเวท..
“พวกศัตรูมันบุกมาแล้ว ขอคำสั่งด้วย..!”สไปร์สที่วิ่งหน้าตั้งตรงเข้ามากล่าวกับผม เมื่อผมได้ยินแบบนั้นก็..
“เตรียมรับมือ ทหารจากเอลเดียทุกนายจงฟัง..!!! ถอยออกมา 20 เมตรเพื่อตั้งรับ แบ่งตามกลุ่มหาที่กำบั..ง..”
“พวกมันมีน้อยกว่า อย่าถอย..! ยิง..!!!!”
ในขณะที่ผมกำลังเปล่งเสียงตะโกนออกคำสั่ง จู่ๆไอ้เมจที่ยืนอยู่แนวหน้าก็ตะโกนบอกกับพวกทหาร ส่งผลทำให้ทหารจากเอลเดียบางส่วนทำการกราดยิงกระสุนแรงดันเวทออกไปยังกองกำลังของข้าศึก ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครที่สนใจเสียงของผม..
เฟี้ยวๆ ๆ ๆ ๆ
ตู้ม ๆ ๆ ๆ ๆ..!!!!!
กระสุนแรงดันเวทกว่าหลายลูกที่พุ่งทะยานชนเข้ากับร่างของข้าศึกจนล่วงตกลงจากหลังม้า ทหารจากเอลเดียทุกๆนายยังคงทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง จนทำให้สไปร์สที่เห็นแบบนั้นต้องหันมามองหน้าของผม..
“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ฟังคำสั่งของผมน่ะครับ..”ผมที่ตอบกลับสไปร์ส..
“ฉันก็กะเอาไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ สถานการณ์จริงในตอนปะทะ จะมีใครมาสนใจเสียงของแกกันล่ะ..”เสียงของเซนินที่กล่าวดังขึ้นมาจากทางด้านข้าง เขากำลังนั่งยองๆหลบอยู่ข้างหลังต้นไม้พลางกระดกเหล้าขึ้นดื่มด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะไม่ได้ตื่นตระหนกใดๆ..
เฟี้ยวๆ ๆ
ตุ้มๆ ๆ ๆ
“ฮี๋..~”
ไอ้เมจและคนในกลุ่มที่ทำการปลดปล่อยกระสุนแรงดันเวทกว่าสองนัดยิงเข้าไปยังหน้าขาของม้าตัวที่ผู้นำทั้งสองกำลังขี่ ทำให้ม้าทั้งสองตัวเสียหลักล้มลงจนร่างไถลไปพื้น
ส่วนพวกผู้นำทั้งสองของไฮสโตรเรียก็ต่างกระเด็นตกลงมาสู่พื้น แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ยังสามารถที่จะลุกกลับขึ้นมายืนหยัดได้ แถมยังกระจายตัวแยกกันไปเตรียมที่จะเข้าจัดการกับกองกำลังทหารของเอลเดียที่อยู่ในแนวหน้า..
“ทหารทุกนายเปลี่ยนมาใช้รูปการต่อสู้ระยะประชิด..!”ไอ้เมจที่ตะโกนบอกกับเหล่าทหาร..
“เป็นแค่จ่าสิบตรีอย่าคิดจะมาสั่งนะเว้ย..!”
“นั่นสิ..! พวกฉันรู้หรอกน่าว่าต้องทำยังไง..!”
เหล่าทหารยศจ่าสิบโทบางคนที่ตะโกนสวนกลับไอ้เมจ แต่สุดท้ายทุกๆคนก็ทำตามที่มันบอก ต่างคนต่างพากันเปลี่ยนรูปแบบ พร้อมกับชักดาบออกมาจากฝัก ก่อนจะใช้เวทเสริมกำลังเตรียมที่จะเข้าปะทะในระยะประชิด
“ชิ..”ไอ้เมจที่จิปากอย่างไม่สบอารมณ์..
“ฆ่าพวกมันให้หมด..!!!”เสียงของผู้นำไฮสโตเรียที่ตะโกนออกมา
โดยในขณะเดียวกันทางด้านทหารของไฮสโตเรียที่ติดตามผู้นำทั้งสองของมันมาก็ได้กระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะพากันชักดาบเตรียมที่จะเข้าปะทะ..
“ฆ่ามัน..!”ไอ้เมจที่แผดเสียงตะโกน ร่างของมันที่ยืนเกาะกลุ่มอยู่กับซีเนียว แองจี้และอาเซีย พลันทำการปลดปล่อยเอมพาสออกมา..
“จงออกมาคาเรส..!”แองจี้ที่ทำการปลดปล่อยเอมพาสเธอพลันล้วงมือเข้าไปในช่องว่างตรงกลางหน้าอก ก่อนจะทำการนำค้อนเหล็กขนาดใหญ่ออกมา อีกทั้งที่แขนของเธอยังปรากฏเป็นวงแหวนเวทสีฟ้าจำนวน 3 วงที่เข้ามาคล้องเอาไว้..
“จงออกมาซีเรส..!”ซีเนียวที่ทำการปลดปล่อยเอมพาส พลันปรากฏเป็นสนับเหล็กสีเงินที่โผล่ออกมา ตามด้วยวงแหวนเวทสีฟ้าจำนวน 3 วง..
“จงออกมาซาซารัส..!”อาเซียที่ล้วงมือเข้าไปในช่องว่างตรงกลางหน้าอก ก่อนที่เธอจะดึงนำดาบสองมือเล่มสีเงินออกมาปรากฏเป็นวงแหวนเวทสีฟ้าจำนวน 3 วงที่เข้ามาคล้องแขนเอาไว้
ฟุบ..!!!!
ตู้ม..!!!!!
ฉับๆ ๆ ๆ
ทันทีที่คนทั้งสามทำการปลดปล่อยเอมพาสออกมา เจ้าพวกนั้นพร้อมด้วยกองกำลังทหารของเอลเดียก็ออกตัววิ่งเข้าไปหากองกำลังของข้าศึกที่กำลังวิ่งกรูตรงเข้ามา
“เฮ..!!!!!!!!”
เคร้งๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ตู้มๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
ร่างของกองกำลังทหารจากทั้งสองฝ่ายที่วิ่งเข้ามายังจุดปะทะ พลันปลดปล่อยการโจมตีฟาดฟันคมดาบเข้าใส่กัน จนเกิดเป็นเสียงที่ดังก้องกังวาลไปทั่วบริเวณ..
ฉัวะๆ ๆ
“อ้ากกกกกกก..!!”
ฉับ..!
“ดื่มแก้เซงสักหน่อยดีกว่า..”ผมที่ย่อตัวลงนั่งยองๆ พร้อมกับหยิบเหล้าขึ้นมากระดกดื่มอย่างชิวๆ พลางรับชมการปะทะที่โครตจะมั่วอีกตั้ว อะไรกัน..? คิดว่าเป็นสงครามตะวันตกยุคกลางหรือไง
ซึ่งกองกำลังทหาร 40 นายของเอลเดียในตอนนี้กำลังเข้าปะทะกับกองกำลังของข้าศึกที่มีเพียงแค่ 20 นายเท่านั้น ทั้งสองฝ่ายได้เอาอีดาบฟันใส่กันโช้งเช้ง ทำเอาผมนึกถึงตอนสมัยที่ยังเรียนกระบี่กระบองในช่วงมัธยมเลยแฮะ..
“…”ไอรินที่ยืนเงียบกริบอยู่ข้างๆ เธอไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยสู้ ร่างที่ยืนอยู่กำลังยืนหันซ้ายหันขวาเหมือนกับเป็นบอดี้การ์ดที่คอยอารักขาผม ส่วนทางด้านของเซนินก็เอาแต่กระดกเหล้าอย่างสบายอารมณ์..
ฟุบ..!!
ซูม..!!!!!!
ตู้ม..!!!!!!
เสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว ดูเหมือนพวกที่มีเอมพาสชนิดยุทโธปกรณ์จะเริ่มใช้สกิลกันแล้ว ภาพที่ปรากฏอยู่ในสายตาของผมมีทั้งเวทย์ไฟ เวทย์ลมพายุทอร์นาโดขนาดเล็ก อีกทั้งยังมีแสงสว่างจากสายฟ้าที่ไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร..
ส่วนพวกทหารลูกกระจ๊อกที่ใช้เอมพาสชนิดกักเก็บในตอนนี้ก็กำลังใช้เวทมนตร์เสริมกำลังในการเคลือบดาบให้มีแสงสว่างฟรุ้งฟริ้ง ก่อนจะเข้าฟาดฟันกับศัตรู ถึงจะเห็นแบบนั้นแต่การปะทะกันของคมดาบแต่ละดอกแม่งมีเอฟเฟคกระแสพลังเวทเล็กๆที่ระเบิดออกมาด้วยนะอารมณ์คล้ายๆกับสะเก็ดไฟนั่นแหละ
“อึก..อะไรกัน ทั้งๆที่ทางเราก็มีจำนวนเยอะกว่า แต่ทำไมกันล่ะ..?”สไปร์สที่ยืนดูสถานการณ์พลันกล่าวออกมา จากการปะทะที่ดูเหมือนจะสู้สี
ซึ่งถึงแม้ทหารจากไฮสโตเรียจะถูกฆ่าตายไปมากกว่าครึ่ง จนเหลืออยู่แค่สิบกว่านาย แต่ทางฝ่ายนั้นกลับสามารถตีโต้และผลักต้อนให้กองกำลังของเอลเดียถอยกลับมาได้
อีกทั้งพวกทหารเอลเดียยังถูกฆ่าตายไปกว่าสิบคน ไม่นับรวมกับคนเจ็บที่กำลังตะเกียดตะกายคลานออกมา นั่นน่ะเหรอพวกหัวกะทิ..? กะทิบูดอะดิ..แต่เท่าที่ผมสังเกตเห็นส่วนใหญ่จะเป็นฝีมือของไอ้พวกผู้นำไฮสโตเรียทั้งสอง ซึ่งที่แขนของพวกมันปรากฏให้เห็นเป็นวงแหวนเวทสีม่วง..
เคร้งๆ ๆ ๆ
เสียงของคมอาวุธที่กำลังฟาดฟันเข้าปะทะ ภาพที่ปรากฏให้เห็นท่ามกลางการปะทะคือร่างของแองจี้กับซีเนียวที่กำลังผนึกพลังกันเข้าโจมตีหนึ่งในผู้นำของไฮสโตรเรีย หรือชายร่างใหญ่..
โดยที่ผู้นำของไฮสโตเรียคนนี้ใช้กระบอกเหล็กขนาดใหญ่เป็นอาวุธ และเขากำลังเหวี่ยงมันเพื่อปัดป้องการโจมตีของสนับมือและค้อนใหญ่ที่โจมตีเข้ามา
“ซีเนียวตอนนี้แหละ..!”แองจี้ที่ให้สัญญาณ ก่อนที่เธอกับซีเนียวที่ยืนอยู่ข้างกันจะพุ่งเข้าไปหาผู้นำของไฮสโตเรียพร้อมกับปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่อีกฝ่ายจากทางด้านข้าง แต่ทว่า..
ฟุบ..!!!!
ตู้ม..!!!!!!!!!!
ภายในชั่วพริบตายังไม่ทันทีที่การโจมตีของซีเนียวกับแองจี้จะพุ่งไปถึงตัวของเป้าหมาย จู่ๆผู้นำของไฮสโตเรียก็ได้ก้าวถอยหลังหนึ่งจังหวะ ก่อนจะเหวี่ยงกระบอกเหล็กฟาดเข้าสู่ช่วงกลางลำตัวของคนทั้งสองพร้อมกันอย่างรุนแรงเหมือนกับนักเบสบอลที่ทำการหวดลูก..
“อ่อก..!!!!!!”แองจี้กับซีเนียวที่ถึงกับตาเหลือกถล่นตัวงอเป็นกุ้ง ก่อนที่ต่อจากนั้นร่างของเขาและเธอจะลอยละลิ่วออกไปบรรจบชนเข้ากับต้นไม้..
ฟ้าว..!!!!
ตู้ม..!!!
“แองจี้ ซีเนียว..!!!”อาเซียที่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก ตอนแรกเธอกับแองจี้และซีเนียวได้วางแผนกันเอาไว้
โดยแผนที่ว่าแองจี้กับซีเนียวจะเข้าไปดึงความสนใจของเป้าหมายและให้อาเซียใช้จังหวะนั้นในการลอบเข้าไปโจมตี แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไรทั้งสองคนก็พลาดท่าให้ศัตรูไปเสียแล้ว..
“อะ..อึก..”อาเซียที่ได้ยืนตัวแข็ง สายตาทั้งสองคู่กำลังจับจ้องมองไปยังร่างของแองจี้และซีเนียวที่ตอนนี้กำลังนอนหมดสติอยู่ภายใต้ต้นไม้ ศัตรูที่เธอกำลังพบเจออยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าศัตรูที่ผ่านๆมา..
“นี่น่ะเหรอกองกำลังสนับสนุน ก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยหนิ..”ชายวัยกลางคนร่างใหญ่หรือผู้นำไฮสโตเรียกระบองเหล็กที่กล่าวออกมา พร้อมกับหันมามองยังอาเซีย
ฟุบ..!!!
ผู้นำกระบอกเหล็กที่วิ่งตรงเข้ามาหาอาเซีย พร้อมกับง้างกระบอกเหล็กไปทางหลังเตรียมที่จะฟาดเข้าใส่ลำตัว ส่งผลทำให้เธอเกิดอาการหวาดกลัวจนขยับตัวไม่ได้..
“อะ..อึก..”อาเซียที่ผงะ เธออยากจะขาออกแต่ก็ก้าวไม่ออก เป็นช่วงจังหวะเดียวกันกับที่ผู้นำกระบองเหล็กจวนจะวิ่งเข้ามาถึงระยะ
“เฮ้ย..พล็อตแบบนี้ มายังๆ..”เสียงของผมที่นั่งจิบเหล้าดูสถานการณ์อยู่เอ่ยขึ้น ก่อนที่ทันใดนั้นจะมีร่างของบุรุษหน้าหล่อผมสีเงินที่ปรากฏกายออกมายืนตระหง่านอยู่ต่อหน้าของอาเซีย
ชายผู้นั้นได้เข้ามายืนสกัดกั้นขวางเธอเอาไว้ต่ออันตรายที่กำลังคลืบคลานเข้ามา ซึ่งร่างๆนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกเสียจาก..!
“เมจ..!”อาเซียที่กล่าวออกมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย..
“จงออกมาโซลเดร์ท..!”ไอ้เมจที่ทำการปลดปล่อยเอมพาส ทันใดนั้นที่กลางแผ่นหลังของมันก็มีสิ่งมีชีวิตประหลาดที่แหวกช่องว่างออกมา ทั้งๆที่วงจรควรจะอยู่ตรงกลางหน้าอก แต่ของมันกลับอยู่ตรงแผ่นหลัง..
ซึ่งเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวดังกล่าวมีร่างกายสีดำทมิฬโปร่งแสง ลักษณะคล้ายกับภูติแห่งความมืด อีกทั้งที่แขนของไอ้เมจยังมีวงแหวนเวทด้วยกันอยู่ถึง 4 วง..
“ประเภทภูติงั้นเหรอ..? หะ..หืม วงแหวนเวทสีฟ้า 4 วง..?”ผู้นำกระบองเหล็กที่เหมือนจะผงะ แต่ทันทีที่มันเห็นจำนวนของวงแหวนเวท มันก็ทำการเหวี่ยงกระบอกเหล็กเหวี่ยงฟาดเข้าไปทางด้านข้างหมายจะตีกวาดล้างของคนทั้งสองให้ต้องกระเด็นออกไป..
“มันกำลังจะโชว์เท่แล้วเฮ้ย..!”ไอ้จ้อนที่กู่ร้องออกมา แต่ผมก็ไม่สนและเริ่มที่จะบรรยายสถานการณ์ต่อ..
ฟุบ..
และแล้วบุรุษรูปงามผู้นั้นก็ได้ใช้พลังของสตาร์แพทตินั..ในการสั่งให้ภูติตัวสีดำยกแขนขึ้นมาเตรียมที่จะหยุดกระบองเหล็ก เพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวอันเป็นที่รักเอาไว้ อีกทั้งเขายังกระตุกรอยยิ้มมุมปากมาดเท่ออกมาด้วยความมั่นใ..จ
ตู้ม..!!!!!!!!!!!!!!!!
“อั่ก..!!!”
ภายในชั่วพริบตานั้น ทันทีที่กระบอกเหล็กหวดฟาดเข้าสู่หน้าแขนของไอ้เจ้าภูติ แต่แทนที่กระบองเหล็กจะหยุดมันกลับหวดผ่านไปฟาดปะทะเข้าสู่ร่างของไอ้เมจและอาเซียแบบจังๆ จนร่างของทั้งคู่กระเด็นตัวลอยละลิ่วออกไปในอากาศ..
“….”สตาร์กับจ้อนที่ได้แต่นั่งกระพริบทำตาปริบๆ ก่อนที่จู่ๆใบหน้าของชายหนุ่มจะบิดเบี้ยวจนดูไม่ได้ พร้อมกับเสียงร้องตะโกนแหกปากที่ดังออกมา..
“อ้าวเฮ้ย..!!!!!”
ไรท์:คอมเม้นเยอะๆนะครับ เพื่อกำลังใจในการลง!!!!