การต่อสู้รอบที่สองใน ‘สมรภูมิผู้กล้า’ ที่เริ่มขึ้นในวันถัดมาก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไรมากมายให้แก่กิลด์โลตัส
แน่นอนว่าผู้เล่นกิลด์โพราริสได้เห็นความสามารถของเอียนในรอบแรกแล้วพวกเขาก็พยายามสู้อย่างสุดความสามารถแล้วเช่นกัน
อย่างไรก็ตามการที่มีพลังต่อสู้ที่น้อยกว่ารอบแรกมันส่งผลกระทบไปถึงรอบที่สอง แต่ว่าพวกเขาก็ได้รับชัยชนะมาอยู่ดีโดยไม่ยากเท่าไหร่ตามที่เอียนได้วางแผนเอาไว้
ทหารมากกว่าสามสิบคนและผู้ติดตามของเขา ‘เมลเลี่ยม’ ได้นายในสนามรบแต่เขาก็สามารถฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้มันเป็นข้อได้เปรียบแบบสุดๆ
‘ยังไงผู้ติดตามก็เกิดใหม่ในอีกสัปดาห์นึงอยู่แล้ว’
และยิ่งไปกว่าอะไรทั้งหมด เอียนก็ได้รับอานิสงฆ์จากการต่อสู้ทั้งสองรอบอย่างมากอีกด้วย
มันไม่ใช่เรื่องที่เขาได้ค่าชื่อเสียงมากกว่าหนึ่งแสนหน่วยจากการชนะทั้งสองรอบ
‘ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าอัตราการฟักตัวของไข่คาร์เซอุสที่ฉันติดปัญหามานานมันจะเพิ่มขึ้นถึง5%’
อัตราการฟักตัวของไข่เทพมังกรนั้นเพิ่มขึ้นเพียงน้อยนิดจากการที่ไปลงดันเจี้ยนและล่าอย่างบ้าคลั่งแบบที่เขาทำประจำ แต่มันกลับเพิ่มขึ้นถึง5%จากเพียงแค่การต่อสู้สองครั้ง
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วตอนนี้อัตราการฟักตัวของไข่คาร์เซอุสก็ขึ้นมามากกว่า100%แล้ว
เอียนคิดว่าคลื่นแสงสีม่วงที่เข้าไปในตัวของเขาทุกครั้งที่เขาฆ่าศัตรูได้มันเป็นพลังงานที่เอาไว้เพิ่มอัตราการฟักตัวของไข่คาร์เซอุส
มังกรแห่งสงครามไม่ใช่สิ่งที่ถูกตั้งขึ้นมามั่วๆ
‘ยังไงก็เถอะมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสียงจะทำให้เกิดสงคราม…มันไม่มีทางอื่นเลยงั้นหรอ?’
ตอนนี้เอียนได้หมดหน้าที่ในสงครามดินแดนแล้ว
ถ้าพวกเขาเคลื่อนไหวตามแผนที่วางเอาไว้ มันก็ไม่ยากที่จะป้องกัน
เพราะว่าเขาได้เข้าร่วมการต่อสู้สองครั้งแล้ว เขาไม่สามารถเข้าร่วมได้อีก
แต่เดิมแล้วเมื่อพวกเขาป้องกันสำเร็จ เอียนวางแผนที่จะเลิกยุ่งกับสงครามดินแดนไปสักพักและไปตะลุยดันเจี้ยนฟอลันจนกว่าเขาจะเลเวล120
ดันเจี้ยนฟอลันเป็นดันเจี้ยนที่จะต้องมีเลเวล100เสียก่อน แต่มันก็เป็นดันเจี้ยนที่มีผลกับซัมมอนเนอร์เป็นอย่างดี
แม้กระทั่งตอนนี้เมื่อเขาเกือบจะเลเวล115แล้ว เขาไม่สามารถหาพื้นที่ล่าที่มีประสิทธิภาพดีไปกว่าดันเจี้ยนฟอลันได้อีก
แต่เนื่องจากไข่เทพมังกรจึงทำให้เอียนคิดเปลี่ยนแผน
‘จบจากการป้องกันดินแดนเมื่อไหร่ ฉันควรจะพาพวกเราไปโจมตีฐานอื่นๆที่มีระดับหมู่บ้าน’
มันเป็นสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในแผนเดิมของเขาแม้แต่น้อย แต่มันเป็นตัวเลือกที่ไม่อาจช่วยได้ในเมื่อมันจะช่วยให้กำเนิดเทพมังกร คาร์เซอุส
เอียนที่ได้สร้างแผนการคร่าวแล้วก็ล็อกเอ้าท์ออกไปและเตรียมตัวไปเรียนภาคบ่าย
* * *
“ฉันเห็นว่านายไม่หลับในห้องแถมยังตั้งใจฟังอาจารย์พูดอีก เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย?”
ยูฮยอนพูดขึ้น จินซุงก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกับตอบกลับ
“ไม่หรอก อาจารย์จีนุกขู่ฉันเอาไว้ว่าเขาจะให้ฉันกลับไปเรียนวิชาของเขาทั้งหมดถ้าหากฉันหลับในคาบเรียน ฉันเลยจำเป็นต้องนั่งฟังนี่ไง….”
เขาพูดเสียงอ่อน ยูฮยอนยิ้มออกมา
“มันเป็นแบบนี้นี่เอง…ไม่แปลกใจเลยจริงๆ”
“ใช่แล้วเพื่อน”
การสนทนาของทั้งสองที่กำลังคุยเรื่องโง่ๆและหัวเราะออกมา ก็ได้เปลี่ยนไปเริ่มพูดเรื่องของไคลัน
มันช่วยไม่ได้ก็เพราะว่าทั้งสองนั้นสนใจในไคลันเป็นอย่างมาก
“เฮ้ สงครามดินแดนที่จะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้ พวกเราจะต้องให้พวกมันชนะสามรอบจริงๆงั้นหรอ?”
ยูฮยอนพูด จินซุงก็พยักหน้า
“ใช่ ให้พวกมันไปอย่าเสียดาย ยังไงพวกเราก็ได้ประโยชน์”
“ถ้าพวกเราให้พวกมันชนะสามรอบแล้วถึงจะเป็นสมารภูมิแห่งการป้องกันก็เถอะ มันก็จะเหลือแค่รอบเดียวสำหรับทั้งสองฝั่ง ฉันแค่จะบอกว่าฉันรู้สึกว่ามันจะไม่ดีกว่าหรอถ้าเราจะสู้กลับไปเลยในเมื่อเราชนะมาสองครั้งแล้ว”
จินซุงคิดว่ามันก็มีบางอย่างที่เป็นจริงอย่างที่ยูฮยอนพูด
“แต่ในเมื่อเราลงทะเบียนในรอบสามและสี่ไปเรียบร้อยแล้ว นายก็แค่ลองทำทุกอย่างที่ทำได้ในรอบที่ห้าก็พอ มันก็สามารถจะเป็นแผนซุ่มโจมตีได้”
ยูฮยอนพยักหน้า
“พวกเราควรจะคิดดีๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าหากฉันอยู่ฝั่งนั้น ถ้าฉันชนะสองตาติดแล้วมันก็จะทำให้พวกมันลดการป้องกันลงนิดหน่อยในรอบที่ห้า ฉันคิดว่ามันเป็นแผนที่ดีนะ”
ต้องขอบคุณที่มันเป็นคาบเรียนภาคบ่ายจึงทำให้ยูฮยอนและจินซุงสามารถเดินกลางทางเดินจากโรงเรียนไปจนถึงบ้านได้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยไม่มีอะไรมาขัดจังหวะ
จินซุงยังคงพูดถึงเรื่องไคลันอย่างต่อเนื่องและดูเหมือนเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้เขาจึงเปลี่ยนเรื่องทันที
“เฮ้ ยูฮยอน”
“หืม?”
“มีบางอย่างที่ฉันอยากจะถามนายหน่อย”
“…?”
ไม่รู้ทำไมแต่จินซุงลังเลที่จะพูด
ท่าทางของจินซุงนั้นเป็นสิ่งที่ยูฮยอนไม่เคยเห็นมาก่อน ยูฮยอนกลืนน้ำลายและรอจินซุงพูดต่อ
“นายเคยไปเดทมาก่อนมั้ย?”
และมันเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจินซุงจะพูดมันออกมา ยูฮยอนถึงกับสับสน
“ก็ ฉันเคยมีแฟนตอนม.ปลายไม่นานนัก…แต่จะเรียกว่าการเดทมันก็…”
ยูฮยอนที่อายุเกือบจะ20แล้วและเล่นเกมทั้งวัน ก็เป็นคนที่ไม่ได้สนใจการเดทเหมือนกัน
จินซุงเปล่งประกายขึ้นทันทีเมื่อเขาได้ยินว่ายูฮยอนเคยมีแฟนแม้ว่าจะแปปเดียวก็ตาม
“เฮ้ งั้นแบบนี้นายก็ไม่ใช่คนโดดเดี่ยวตลอดไปแล้วสิ!”
“นายคิดแบบนั้นงั้นหรอ?…สำหรับตอนนี้จะพูดแบบนั้นก็ได้”
เพราะเช่นนั้นแล้วจินซุงก็รู้สึกว่าเขาพอมีหวังขึ้นมาหน่อยเลยเข้าประเด็นเลย
“งั้น…ฉันมีบางอย่างอยากจะถามหน่อย”
“ได้สิ ว่ายังไง”
“ไม่กี่วันก่อนฉันกินข้าวกับฮารินที่โรงอาหารในโรงเรียน”
“แล้ว?”
ยูฮยอนตั้งใจฟังเรื่องของจินซุงพร้อมท่าทางที่อยากรู้อยากเห็น
“ฉันจะไปเอาบัตรอาหารมา แต่เธอบอกว่าเธอทำอาหารมาให้และพยายามลากฉันออกไป แน่นอนว่าเธอทำอาหารมาเพราะว่ามันเป็นงานกลางภาคที่เธอจะต้องทำ”
“โอ้ แล้วไงต่อ?”
“และวันนั้นเป็นวันที่ฮารินและนายเรียนคาบวัฒนธรรมด้วยกัน ดังนั้นฉันเลยคิดว่าเธอน่าจะมาพร้อมกับนายแต่ฉันได้ยินว่านายจะต้องไปทำงานอะไรสักอย่างที่นายทำค้างเอาไว้งั้นหรอ?”
ยูฮยอนใช้เวลาคิดเล็กน้อยก็ส่ายหน้าและตอบ
“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นเลย”
เมื่อเป็นเช่นนั้นจินซุงก็ขมวดคิ้วและตอบกลับ
“ฮารินบอกแบบนั้น นายน่าจะลืมละมั้ง ทำไมเธอจะต้องโกหกด้วยละ?”
ยูฮยอนงงขึ้นมาทันที
“ฉันไม่รู้…ทำไมเธอถึงจะต้องโกหกแบบนั้นยังไงก็เถอะเล่าต่อสิ”
จินซุงพูดต่อ
“จากนั้นพวกเราก็กินข้าวเที่ยงที่เธอทำมาด้วยกัน แต่ฮารินจู่ๆก็…”
เมื่อจินซุงพักหายใจ ยูฮยอนก็กดดันเขา
“จู่ๆก็อะไร?”
“จู่ๆเธอก็ป้อนรีซอตโต้ให้ฉัน”
“…!”
หลังจากได้ยินคำพูดที่น่าตกใจแล้ว ยูฮยอนก็ถึงกับตัวแข็งทื่อ
“อะไรนะ? แล้วฮารินป้อนข้าวนาย?”
จินซุงพยักหน้าและตอบ
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันอยากจะบอก!”
“ไม่ใช่ว่านั่นมันเป็นสิ่งที่พวกคู่รัก…เขาทำกันงั้นหรอ?”
จินซุงขึ้นเสียงเล็กน้อย
“จริงหรอ? ฉันจำไม่ได้กระทั่งที่แม่ป้อนข้าวฉัน!”
“แล้วจากนั้นเป็นยังไงต่อ?”
ยูฮยอนกำลังสนใจเรื่องที่จินซุงเล่าเขาจึงกดดันให้จินซุงเล่าต่อเร็วๆแต่โชคร้ายที่ไม่ได้มีอะไรมากหลังจากนั้น
“นายหมายความว่าอะไรเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ฉันเกือบจะท้องเสียเพราะกินของพวกนั้น”
“…”
จินซุงพูดต่อขณะที่มองยูฮยอนที่ทำหน้าเซ็งแบบสุดๆ
“ดังนั้นคำถามหลักของฉันก็คือ”
“ว่าไง”
จินซุงพักหายใจครู่หนึ่งแล้วพูดออกมา
“มีโอกาสมั้ยที่ฮารินจะสนใจในตัวฉัน?”
ยูฮยอนตกเข้าไปสู่ในห้วงความคิดของตน
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเรื่องเหล่านี้จากจินซุง เขาก็จำได้ว่าเขาเห็นฮารินตัวติดกับจินซุงตลอดตอนที่อยู่ในไคลัน
ไม่นานนัก ยูฮยอนก็ตอบกลับ
“ฉัน….คิดว่ามันก็เป็นไปได้”
* * *
แสงอาทิตย์อันอบอุ่น
บ่ายอันสดใส!
ขณะที่เอียนไปที่คฤหาสน์ของเมืองเพื่อที่จะจัดการกิจการภายในเมือง สัตว์เลี้ยงของเอียนใช้เวลาอันสบายๆแบบนี้ที่พื้นที่เพาะพันธุ์ของลีจีนุก
Bbook- Bboo-Bbook-!
เวลาสำหรับการล่าของเอียนกลายเป็นต้องมาจัดการกิจการภายในแบบนี้มันจึงทำให้มันกลายเป็นวันพักผ่อนของสัตว์เลี้ยงของเขา
บุ๊กค์กำลังกินขนมอยู่กับเพื่อนแสนดีของมัน พิน
ตอนนี้บุ๊กค์มีความสุขกว่าทุกครั้ง นั่นก็เพราะว่าขณะที่เจ้าของที่โหดร้ายราวกับซาตานของมันนั้นต้องไปจัดการธุระที่คฤหาสน์ในเมือง ฮารินก็คอยให้อาหารเที่ยงกับมัน
“บุ๊กค์ แกอยากกินอีกมั้ย?”
เสียงของฮารินนั้นมันนุ่มนวลยิ่งกว่าเสียงใดๆในโลก และมันก็ทำให้ใจของบุ๊กค์ถึงกับสั่นสะท้าน
บุ๊กค์ยังกินมีตบอลตรงหน้ายังไม่ทันเสร็จแต่มันก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
Bbook- Bboo-Bbook-!
ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้วมันจะมีโอกาสได้กินมีตบอลโอสถจนอิ่มแบบนี้อีกกัน ถ้าหากเป็นเอียนที่เป็นเจ้าของอันโหดร้ายอย่างมากเขาก็ให้แค่สองชิ้นเท่านั้น
บุ๊กค์ถูหัวมันกับมือของฮารินด้วยท่าทีมีความสุข
“แต่บุ๊กค์”
Bbook-?
“แกต้องกินทั้งหมดนี้ก่อนที่เอียนจะกลับมานะ?”
Bboo-Bbook!
บุ๊กค์แสดงท่าทีมั่นใจออกมาพร้อมกับพยักหน้าอย่างสุดกำลัง
ถึงกระนั้นฮารินก็พูดขึ้นอีกครั้งด้วยความกังวล
“ถ้าเอียนมาเห็นว่าฉันให้มีตบอลแกเยอะขนาดนี้ละก็ ฉันจะต้องโดนลงโทษแน่เลย…”
บุ๊คก์เมื่อเห็นดวงตาอันกลมโตของฮารินเริ่มมีน้ำตา กระดองของมันก็เริ่มสั่นไหวราวกับมันตกไปอยู่ในความเศร้า
Bbook .
สำหรับเจ้าของปีศาจที่กล้ามาลงโทษเทพมีตบอลที่ทั้งสวยและใจดี…มันเป็นสิ่งที่มันไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น
“ดังนั้นแล้ว บุ๊กค์แกต้องรีบกินให้ไวที่สุดโอเคนะ?”
Bbook-!
ฮารินเมื่อได้รับสัญญาจากบุ๊กค์แล้วก็หันไปหาพินบ้าง
ซึ่งต่างจากบุ๊กค์ สิ่งที่พินกำลังกินอยู่ไม่ใช่มีตบอล
มันเป็นสเต๊กริบอายที่ฮารินตั้งใจทำออกมา
ฮารินถามพินที่กำลังฉีกเนื้ออย่างปราณีตพร้อมกับท่าทางเขินอาย
“พิน แล้วแกละ? อร่อยมั้ย?”
ฮารินพูดอย่างระวัง เพราะว่าพินนั้นต่างจากบุ๊กค์
ต่างจากบุ๊กค์ตรงที่บุ๊กค์นั้นมีลิ้นที่เหมือนกับเด็กประถม แต่พินนั้นมีลิ้นที่ไฮโซกว่า
Kku-ru-ruk- .
ราวกับมันพยายามลิ้มรสรสชาติของสเต๊กอยู่ มันค่อยๆหลับตาลง
“เป็นยังไงบ้าง อยากได้เพิ่มมั้ย พิน?”
ฮารินกังวลเพราะว่าเท่าที่เธอดูมาแล้วการตอบสนองของพินนั้นเป็นเหยี่ยวที่เลือกกินแต่ของดีๆ
ครั้งแรกที่เธอเจอพินนั้นเพื่อที่จะซื้อใจมันได้ ฮารินได้ลองนำมีตบอลออกมาหลายชนิด
เธอชอบพินที่แสนน่ารักและเป็นเหยี่ยวตัวน้อย แต่ในเมื่อมันเป็นสัตว์เลี้ยงของเอียนเธอก็จำเป็นต้องซื้อใจมันให้ได้ไม่ว่าจะต้องทำยังไงก็ตาม
ถึงกระนั้นพินก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
นั่นจึงทำให้ฮารินคิดว่าพินไม่ได้โลภมากและทำให้เธอผิดหวัง
เพราะว่าการทำอาหารนั้นง่ายและเร็วที่สุดในการซื้อใจสัตว์เลี้ยงของเอียน
แต่นั่นเป็นสิ่งที่เข้าใจผิด
พูดง่ายๆก็คือมีตบอลโอสถนั้นไม่ตรงกับความชอบของพิน
ถ้ามันไม่ใช่สูตรที่หรูกว่านี้ละก็ เธอก็จะไม่สามารถทำให้พินพอใจได้แม้แต่น้อย
ตอนนี้ฮารินกังวลกับสูตรที่เธอทำเป็นอย่างมาก
และไม่นานพินก็ลืมตาขึ้นและพยักหน้า
Kku-ruk- Kku-ruk-!
มันเป็นสัญญานว่าพินอยากกินเพิ่ม
ทันใดนั้นฮารินก็แสดงออกอย่างสดใสทันที
“ว้าว! พินงั้นคราวนี้เอาอันนี้! ลองอันนี้หน่อย!”
ฮารินนำอาหารจานใหม่ออกมาจากช่องเก็บของของเธอ
เพราะว่าเธอพยายามที่จะทำอาหารให้ถูกปากของพิน เธอเพิ่มความเชี่ยวชาญการทำอาหารได้อย่างรวดเร็ว พินถือว่าเป็นลูกค้าหลักของเธอ
มันถึงจุดที่ว่าเธอของให้มันลองกินหน่อย
เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้บุ๊กค์อิจฉาเล็กน้อยแต่บุ๊กค์ก็ชอบราชาติของมีตบอลยิ่งกว่าอาหารชนิดไหนๆ
สำหรับบุ๊กค์แล้วมันมีภารกิจที่จะต้องกินมีตบอลให้หมดก่อนที่เอียนจะมา จึงทำให้สเต๊กที่พินกินนั้นไม่อยู่ในสายตาของมันเลย