เขาไม่รู้แม้แต่น้อยเลยว่ามันคืออะไรเมื่อมองเพียงแค่ชื่อของมัน เพราะว่ามันไม่ได้มีข้อมูลอะไรมากมายตอนที่เขาตรวจสอบไอเทม
อย่างไรก็ตามเขาเลิกสงสัยไปก่อนและกลับมาตั้งสมาธิกับการกวาดล้างหมาป่าพวกนี้ให้หมดเสียก่อน
และเขาก็สามารถฆ่าหมาป่า7ตัวโดยไม่ได้ยากเย็นอะไร
“เยี่ยม! ค่าประสบการณ์นี่มันดีจริงๆ
ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกว่าต้องตื่นตัวมากกว่าเดิม
เพราะว่าเมื่อเทียบกับมอนสเตอร์ระดับCommonที่เขาสู้มาโดยตลอดนั้น เขารู้สึกได้เลยว่าพลังโจมตีและความว่องไวของหมาป่าเคราสีเลือดนั้นสุดยอดกว่ากันเยอะ
พลังชีวิตของสัตว์เลี้ยงของเขาที่ลดจนอยู่ในระดับอันตรายแล้วถือว่าเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดี
“ฮาริน ช่วยฮีลสัตว์เลี้ยงของฉันหน่อย”
“แน่นอน!”
เอียนตบปากของตัวเอง
‘ฉันน่าจะพาผู้ติดตามของฉันมาด้วย ถ้าหากว่าฉันมีซีเรียละก็เธอก็คงจะช่วยฮีลสัตว์เลี้ยงของฉันได้มากทีเดียว’
สกิลฟื้นฟูสัตว์เลี้ยงและสกิลโคลนนิ่งของซีเรียจะมีประโยชน์อย่างมากในการล่า
แต่มันก็มีสาเหตุเบื้องหลังอยู่เช่นกัน
เพราะว่าพวกเขาต้องพาตำรวจของเมืองไปล่ามอนสเตอร์ใกล้ๆเมืองเพื่อที่จะเพิ่มประสบการณ์การล่าให้แก่ตำรวจเหล่านั้น
‘ครั้งหน้าฉันควรจะชวนซีเรียมาด้วย ในเมื่อมีผู้ติดตามเหลืออีกหลายคนอยู่แล้วพวกเขาก็น่าจะนำพวกตำรวจได้อยู่แล้ว’
ขณะที่เอียนกำลังคิดไปเรื่อย เขาก็ไม่ลืมที่จะใช้สกิลปฐมพยาบาลเรื่อยๆ
เพราะเมื่อเทียบกับสกิลฟื้นฟูของฮารินแล้ว มันก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวแต่เมื่อไหร่ที่เขาล่าคนเดียวเขาก็ต้องการเพิ่มความเชี่ยวชาญสกิลเช่นกัน
เมื่อฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว เอียนก็ยืนขึ้น
“เอาละ พวกเราไปด้านในกันเลยดีมั้ย?”
“เอาสิ ไปกันเถอะ!”
เมื่อฮารินตอบด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นซึ่งต่างจากท่าทางก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เอียนถามเธอด้วยน้ำเสียงสงสัย
“หืม? ฮารินเธอได้อะไรดีๆมางั้นหรอ?”
ฮารินส่ายหน้าพร้อมกับตอบ
“ไม่หรอก แต่ฉันเลเวลเพิ่มขึ้น2เลเวลแล้วตั้งแต่ที่เข้าดันเจี้ยนมา แน่นอนว่าฉันมีค่าประสบการณ์มากกว่า90%อยู่แล้วก่อนเข้าดันเจี้ยนมา”
เอียนรู้สึกปวดท้องขึ้นมาเล็กน้อยเพราะว่าตอนนี้เอียนได้รับค่าประสบการณ์มาเพียง15%เท่านั้น
อย่างไรก็ตามแน่นอนว่าความเร็วในการเพิ่มเลเวลของฮารินนั้นที่มีเลเวล93ต่างกับเอียนที่เลเวล116แน่นอน
‘มันก็เป็นเรื่องดีสำหรับกิลด์ถ้าฮารินเลเวลเพิ่มขึ้น…’
เขาค่อนข้างผิดหวังที่เขาแบ่งค่าประสบการณ์ให้แก่ฮาริน แต่เพราะว่าเขาล่าได้เร็วขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากการฮีลและบัฟของเธอ เขาไม่สามารถพูดได้ว่าเสียประโยชน์
คนทั้งสองเริ่มเดินเข้าไปในส่วนลูกของดันเจี้ยนต่อ
* * *
“ห้ะ? นี่มันอะไร?”
เมื่อเอียนหยุดเดินและยกมือขึ้นให้คนอื่นอยู่ด้านหลังตน ฮารินที่ตามหลังมาก็ถามด้วยความสงสัย
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?”
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกแต่ทางมันตัน
เมื่อเอียนพูด เธอก็เดินขึ้นมาดูและหลังจากเห็นทางตรงมันกลายเป็นส่วนโค้งขวางเอาไว้ ดวงตาทั้งสองของฮารินก็เบิกโพลง
และเธอก็ว่าเอียน
“ทางตันมันคือปัญหาต่างหาก ไอบ้า”
“งั้นหรอ?”
เอียนเกาหลังหัวของตนพร้อมกับเดินไปยืนด้านหน้าทางตัน
“แต่ฉันคิดว่ามันไม่ได้โดนขวางไปตลอดหรอก”
“จริงหรอ?”
“ใช่แล้ว ถ้ามันเป็นทางตันงั้นกำแพงก็ต้องแคบลงเรื่อยๆ แต่นี่ถ้าดูที่กำแพงและเพดานแล้ว พวกมันดูไม่เหมือนทางตันทั่วๆไป”
“นายก็พูดถูก”
เอียนอธิบายออกมา ฮารินก็เดินไปที่กำแพงและดูทางที่ตันเช่นกัน
นอกจากความมืดแล้ว กำแพงมันก็เป็นสีดำที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัด แต่เมื่อมองใกล้ๆแล้วกำแพงมันไม่เรียบ
มันถูกสร้างขึ้นในรูปแบบที่สมมาตรด้วยพื้นผิวที่ดูขรุขระที่ให้ความรู้สึกว่ามันถูกสร้างขึ้น
“โอ้ นี่มันโดนฝุ่นกลบเอาไว้หมดเลยนี่”
เมื่อฮารินวางมือบนกำแพงของทางตัน เมื่อเธอดึงมือกลับมามือของเธอก็เต็มไปด้วยฝุ่นสีดำ
และจุดที่ถูกปัดฝุ่นออกไปก็ทำให้เห็นชัดเจน ก็เห็นหินที่ถูกสร้างขึ้นจากหินอ่อนและดูผุพัง
มันเป็นเรื่องที่แปลกนิดหน่อย แต่เอียนที่อยู่ตรงหน้าประตูหินขนาดใหญ่ก็ส่ายหน้าและบ่นออกมา
“อย่างที่คิดเอาไว้เลย…มันไม่มีที่ดันเจี้ยนจะมาตันแบบนี้ได้เพราะมันยังไม่มีบอสออกมาสักตัวเลย”
เมื่อเอียนพูด ฮารินก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว แต่ฉันรู้สึกว่าเราจะต้องปัดฝุ่นออกก่อนเผื่อเราจะได้เห็นอะไรด้านใน
เมื่อเป็นเช่นนั้น เอียนก็หันหน้าไปหาบุ๊กค์ที่อยู่บนหลังของเขา
“บุ๊กค์ แกมีอะไรที่ไม่ใช่ปืนแรงดันมั้ย?”
เมื่อมันได้ยินคำพูดของเอียน บุ๊กค์ที่อยู่ด้านในกระดองก็โผล่หัวออกมาและทำท่าสงสัย
Bbook?
ขณะที่มองไปยังบุ๊กค์ที่ทำท่าไร้เดียงสา เอียนก็ส่ายหน้า
“มันน่าจะเร็วกว่าถ้าฉันถามพิน”
และเอียนก็ให้สัตว์เลี้ยงของพวกเขาถอยมาด้านหลังและให้ฮารินไปยืนไกลๆ
“พิน ลองใช้สกิลบดขยี้ของแกใส่ตรงนั้นหน่อย”
Kku-ruk- Kku-ruk-!
เมื่อเอียนสั่ง พินก็บินขึ้นไปบนอากาศเล็กน้อย เริ่มที่จะกระพือปีกใส่กำแพงหินตรงหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่น
Kwaaah-!
และก็เกิดคลื่นลมขนาดใหญ่ขึ้นตรงหน้าของพินมันพัดผ่านกำแพงหินไป
ฮารินถอยหลังมาอีกหลายก้าวเมื่อเธอหยีตาของเธอ
“ฟิ้ว ดูฝุ่นพวกนี้สิ”
มันก็เป็นเหมือนที่เธอพูด เพราะว่าเกิดหมอกฝุ่นหนาขึ้นมาด้านในทางแบบนี้
ทั้งปาร์ตี้หันหลังให้กับคลื่นฝุ่นและหลบไปจากทางโล่ง
เพราะว่าถ้าหากพวกเขาไม่หลบแล้วโดนฝุ่นเข้าไปเต็มๆ ตัวพวกเขาจะต้องเต็มไปด้วยฝุ่นอย่างกับถ่านแน่ๆ
และไม่นานเมื่อฝุ่นเริ่มจางหายไปแล้ว เอียนและฮารินก็เดินเข้าหากำแพงหินอีกครั้ง
“ว้าว นี่มันสุดยอดจริงๆ”
ฮารินอุทานออกมา
เนื่องสายลมอันรุนแรงของพินได้ปัดเป่าฝุ่นที่ติดอยู่กับกำแพงไปได้อย่างหมดจด และรูปร่างของกำแพงหินที่พวกเขาไม่อาจมองเห็นได้ก็ปรากฏ
และสิ่งที่เตะตาทั้งสองก่อนเป็นอันดับแรกก็คือสี่เหลี่ยมจตุรัสขนาดใหญ่ที่แต่ละด้านยาว4เมตร รูขนาดใหญ่ตรงกลาง
มันเป็นหินอ่อนที่ใสราวกับกระจกที่มีหมาป่าอ้าปากกว้างแกะสลักอยู่ตรงกลางตรงกำแพงหิน
“นี่มันคืออะไร?”
ฮารินถาม แต่เอียนก็ไม่อาจรู้ได้เช่นกัน
“ฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน ดูเหมือนมันจะเป็นทางเข้าแท่นบูชาอะไรสักอย่าง..”
ขฯะที่พูดอยู่เอียนก็วางบุ๊กค์ที่ร้องบนหลังและก็ปวดเอวของตน
“โอ๊ย เอวฉัน อย่างแรกเราควรจะพักกันสักหน่อย”
ฮารินเมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนั้นก็ยิ้ม
“มันหนักขนาดนั้นเลยหรอ?”
“ก็ไม่ได้ขนาดนั้น…”
ทันทีที่บุ๊กค์ลงมาถึงพื้น มันก็โผล่หัวออกมาและเริ่มวิ่งไปรอบๆ
ฮารินหัวเราะและเรียกเอียน
“จินซุง”
“ว่าไง?”
“ไม่แน่นะ เหตุผลที่มันน้ำหนักขึ้น…”
บุ๊กค์เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หยุดเดินและหันหน้ามาจ้องที่ฮาริน
Glare-!
ถึงจะเป็นฮารินเทพธิดาแห่งมีตบอลก็เถอะ มันก็ไม่อาจยกโทษให้เธอได้ถ้าหากเธอพยายามจะให้มันควบคุมอาหาร
ฮารินพูดต่อ
“มันอาจจะไม่ใช่เพราะว่ามันกินเยอะ แต่อาจจะเป็นเพราะมันไม่ค่อยได้ออกกำลังกายก็ได้?”
“หืม? ขาดการออกกำลังกาย?”
ฮารินพยักหน้าและพูดต่อ
“ใช่แล้ว ในเมื่อมันอยู่บนหลังของนายตลอด มันก็ไม่เคยมีโอกาสที่จะได้เดินไปรอบๆบ้างเลย ถึงมันจะกินเยอะแต่ถ้านายให้มันออกกำลังกาย ฉันคิดว่าน้ำหนักของมันก็ไม่น่าจะเพิ่มขึ้น…”
“อืมม นั่นก็อาจจะจริง”
เอียนหันไปหาบุ๊กค์
“บุ๊กค์ แกคิดว่ายังไง? แกอยากจะกินเท่าไหร่ก็ได้แล้วออกกำลังสักหน่อยมั้ย?”
บุ๊กค์เมื่อมองไปที่เอียนก็หลับตาและทำท่าครุ่นคิด
Bboo-ook…
จริงๆแล้วบุ๊กค์ไม่ใช่เพียงแค่เต่าที่แสนโลภอย่างเดียว แต่มันก็ขี้เกียจแบบสุดๆเช่นกัน
มันก็รู้สึกสบายเหมือนกันเมื่อมันอยู่เพียงบนหลังของเอียน
มันมีความสุขเมื่อมันลงมาจากหลังของเอียนก็จริง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างถ้าหากเป็นเจ้านายปีศาจอย่างเอียนละก็ บุ๊กค์รู้สึกว่าเอียนจะให้ออกกำลังกายอย่างหนักแน่ๆ
บุ๊กค์คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดี จึงเลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ไป
Bbook-!
เอียนส่ายหัวขณะที่บุ๊กค์คลานไปที่ไหนสักแห่ง
“เห็นมั้ย มันไม่คิดอยากจะออกกำลังด้วยซ้ำ ฉันมั่นใจเลย”
เมื่อเอียนที่รู้นิสัยของมันดีพูดตัดบท มันก็สะดุ้งไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตามมันทำเป็นไม่ได้ยินและเริ่มคลานต่อ
ฮารินทำท่าเซ็งเล็กน้อยและบ่นออกมา
“เอาจริงงั้นหรอเนี่ย…”
ทั้งสองพักกันสักพักเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์ของตน
ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เอียนก็ยังคงจ้องไปที่หินอ่อนสีใสอย่างเอื่อยๆ
‘มันคืออะไรกันแน่นะ? ถ้าหากฉันรู้ความลับอะไรสักอย่างของแก้วหินอ่อนนี่ได้ ฉันรู้สึกว่ากำแพงหินมันจะเปิดออก..’
เอียนค่อยๆยืนขึ้นและจับไปที่กำแพง
และก่อนที่เขาจะรู้ตัวเขาก็วางมือของตนไว้บนหินอ่อนใส
ทันใดนั้นเองข้อความระบบที่อยู่เหนือความคาดหมายก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าเอียน
Ring-
ท่านสามารถใช้ไอเทม ‘โลหิต’ ได้ ท่าจะใช้หรือไม่?
สถานการณ์อันเหนือความคาดหมายนี้ เอียนก็ตกใจเล็กน้อยแต่เขาก็ใช้โลหิคไปโดยไม่ลังเล
เพราะว่าเขาได้โลหิตมาค่อนข้างเยอะจากการฆ่าหมาป่าเคราสีเลือดไป
“ฉันจะใช้มัน”
ทันทีที่เอียนพูดโลหิตหนึ่งชิ้นจากหน้าอกของเอียนก็ถูกดูดเข้าไปในหินอ่อนสีใส
ท่านได้ใช้ไอเทม ‘โลหิต’ ‘หยกสีโลหิต’ ถูกฟื้นฟู 2% ปัจจุบันอัตราการฟื้นฟูของ ‘หยกสีโลหิต’: 2/100
เอียนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็คิดอะไรขึ้นมาได้
‘ที่แห่งนี้จะต้องเปิดขึ้นแน่ๆถ้ามันถูกเติมจนเต็ม’
อย่างแรกเอียนได้ใช้โลหิตทั้งหมดของตนโดยไม่มีข้อยกเว้น
‘หยกสีโลหิต’ ถูกฟื้นฟู 2% ‘หยกสีโลหิต’ ถูกฟื้นฟู 3%
อัตราการฟื้นฟูมันแตกต่างกันขึ้นอยู่กับขนาดของโลหิตเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจจากการที่เขาใช้โลหิตไปมากกว่า20อัน มันก็สามารถฟื้นฟูมาได้เพียง30%เท่านั้น
ฮารินเมื่อเห็นแสงสีแดงจากมือของเอียนถูกดูดเข้าไปไม่หยุดก็ดูเหมือนจะเริ่มสงสัยก็เลยเดินไปหาเขา
“จินซุง นายกำลังทำอะไรน่ะ?”
“อ่อ ฉันคิดว่าฉันเจอคำตอบแล้ว ฮารินมันมีโลหิตที่เธอได้มาระหว่างล่าใช่มั้ย?”
จินซุงเดาว่าฮารินก็น่าจะมีโลหิตในปริมาณที่เท่าๆกัน และเขาคิดว่าถ้าเขาใช้มันทั้งหมดมันก็จะสามารถเติมเต็มอัตราการฟื้นฟูได้ทั้งหมด
ถึงกระนั้น ฮารินก็ลังเลที่จะจอบ
“เอ่อ..นั่นมัน…จินซุง”
“อะไร?”
“ฉันมีพื้นที่ไม่พอสำหรับวัตถุดิบทำอะไรของฉัน ฉันก็เลยทิ้งโลหิตพวกนั้นไปหมดเลย…”
“…”
จินซุงสับสนเล็กน้อย แต่เขาตัดสินใจที่จะคิดไปในทางที่ดี
‘ไม่เป็นไรหรอกในเมื่อเราก็ได้บัฟผู้คันพบคนแรกอยู่แล้ว…มันก็คงจะโอเคถ้าเราล่าเยอะๆ คิดว่านะ’
ถ้าพวกเขากลับไปสักหน่อยจากที่ที่เขาผ่านมา หมาป่าเคราสีเลือดที่พวกเขาล่าไปก่อนหน้านี้ก็น่าจะเกิดใหม่หมดแล้ว
เอียนเรียกบุ๊กค์ที่คลานไปอยู่ตรงมุมหนึ่งของทางเดินและบิดตัวไปมา
“บุ๊กค์ ไปล่ากัน”
ถึงกระนั้นบุ๊กค์ก็ทำหูทวนลม
เอียนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็บ่นพร้อมกับเดินไปหามัน
“เฮ้ แกหยิบอะไรขึ้นมากินกัน?”
มันไม่ใช่ทุกวันที่บุ๊กค์จะกินสิ่งที่เหมือนมอสที่โตในพื้นที่ล่าแบบนี้ เอียนก็เดินเข้าหามันโดยไม่คิดอะไร
อย่างไรก็ตามฮารินเดินไปหาบุ๊กค์ก่อนเอียน ก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ
“จินซุง นี่มันหญ้าคาลล่าโลหิต!(หญ้าคาลล่าเป็นหญ้าที่ขึ้นในพื้นที่ที่มีดินเค็มจัด)”
“ห้ะ? มันคืออะไร?”
“It’s a cooking ingredient, but, how do I explain this…”
“มันเป็นวัตถุดิบทำอาหารแต่จะอธิบายยังไงดี…”
ฮารินคิดไปครู่หนึ่งและดูเหมือนจะคิดอะไรออกแล้วก็พูดต่อ
“อ่า นายรู้จักแคปไซซินใช่มั้ย? นายน่าจะเข้าใจว่ามันเป็นวัตถุดิบทำอาหารที่มีคุณสมบัติเหมือนกับแคพไซซินใช่มั้ย?”
[แคปไซซิน(Capsaicin) เป็นสารที่ทำให้พริกมีรสเผ็ดร้อน]
และเอียนก็ทำหน้าเหวอ
“อะไรนะ? แคปไซซินงั้นหรอ?”
จินซุงรู้ดีถึงความโหดร้ายของแคปไซซิน
เมื่อครั้งแรกที่เขาอยู่คนเดียว ขณะที่เขาทำต๊อกบ๊อกกิอยู่ เขาก็ได้ใส่แคปไซซินไปในปริมาณมากโดยไม่คิดอะไร
เขายังคงไม่ลืมความโหดร้ายของความเผ็ดที่เขาได้กินเลย
มันเป็นบางสิ่งที่ทำให้เขาไม่อาจลืมได้เพราะทำให้เขาแสบตูดไปถึงเกือบสองวัน
“ฮาริน งั้นมันจะไม่เป็นไรงั้นหรอถ้ามันกินไปแบบนั้น?”
เอียนไม่ได้พูดสิ่งที่เขาจะพูดต่อ
เพราะว่าบุ๊กค์ที่กินแคปไซซินไปก็เริ่มที่จะกระโดดไปมา
ขณะที่ดูมัน ฮารินก็ถอนหายใจออกมา
“ฟู่ว ท้องของมันก็จะปั่นป่วนทันทีเมื่อกินไปเพียงใบเดียว….”
เอียนมองบุ๊กค์ด้วยความสงสารและเห็นใจ
“พี่คนนี้ก็บอกแล้วไงว่าอย่ากินอะไรมั่วๆ บุ๊กค์”
เสียงร้องอันน่าสงสารที่เขาไม่เคยได้ยินจากบุ๊กค์มาก่อนก็ได้ออกมาจากปากของมัน
Bboo-roo-roo-rook-!