“นี่มันบ้าอะไรกัน!”
บนพื้นมีลูกบอลสีแดงเรืองแสงปรากฏอยู่ทุกทิศทาง มอนสเตอร์ปรากฎกายจากความมืดมาสู่แสงสว่าง
มอนสเตอร์ตัวนั้นใหญ่กว่าสองเท่าเมื่อเทียบกับคาร์เซอุสหรือบุ๊กค์ในร่างมังกรของพวกมัน
“แรดงั้นหรอ…?”
ฮูนี่ย์ก้าวถอยหลังและตอบกลับสิ่งที่คาโนเอลพูด
“พี่จะหาแรดแปลกๆแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะ!”
มันมีเขาสามอันอยู่บนหัวและอีกอันที่จมูกของมันมีสีแดงและใหญ่กว่าอีกอัน
ใบหน้านั้นคล้ายกับแรด แต่ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมังกรโบราณ
ปาร์ตี้ของเอียนกำลังระบุตัวตนของมอนสเตอร์
Kwahhh-!
ด้วยเสียงคำรามอย่างดังที่เกือบจะทำให้แก้วหูของทุกคนแตก พวกเขาสามารถระบุได้ว่ามันคืออะไร
[เบเฮมอธ / เลเวล 406]
มอนสเตอร์นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเบเฮมอธ มอนสเตอร์ระดับ Legendary ที่เอียนตามหา
เนื่องจากเบเฮมอธไม่ได้ปรากฏตัวในสงครามมิติ เอียนและปาร์ตี้จึงรู้สึกกังวล
ฮูนี่ย์เป็นคนแรกที่พูด
“โชคดีที่การเคลื่อนไหวของมันดูเหมือนจะช้า… ไปเล็กน้อย”
เอียนมองไปที่เบเฮมอธอย่างใกล้ชิดแล้วพูด
“ยังไงก็ตาม ผิวหนัง… ดูเหมือนเหล็กเรืองแสง ดูเหมือนว่ามันมีความต้านทานทางกายภาพดีมาก”
เอียนเหลือบมองหอกในมือ
‘การพิพากษาของจิตวิญญาณแห่งราชา’ มีพลังโจมตีที่มหาศาล แต่เขาไม่แน่ใจว่าแม้จะสามารถฉีกทะลุผิวหนังเหล็กของมันได้ไหม
‘ถ้าเลเวล 300 มันคงไม่ทำให้เรารู้สึกหวาดกลัวขนาดนี้หรอก…’
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ดูเหมือนว่าการเรียกมันว่าเลเวล 406 จะเป็นการพูดที่ไม่สมเหตุสมผลเลย
เมื่อรวบรวมความสติของเขาเข้าด้วยกัน เขาจึงคิดว่าจะจัดการกับมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างไร
“ฮูนี่ย์ คาโนเอลลองถอยกลับไปก่อนเถอะ”
“ทำไมล่ะ? เนื่องจากมันตัวใหญ่แล้วสู้ในที่แคบๆไม่ดีกว่าหรอ?”
เอียนส่ายหัวเมื่อฮูนี่ย์ถาม
“เรามาลองดึงมันมาสู่จุดที่สว่างกันเถอะและเราไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับมันเลยใช่ไหมล่ะ?”
“โอเค”
เอียน ฮูนี่ย์และคาโนเอลก้าวถอยหลังในขณะที่สื่อสารกัน
เอียนกำลังคิดถึงสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้น
‘ถ้าเราไม่สามารถฆ่าเจ้านี่ได้ เราจะต้องดึงข้อมูลให้ได้มากที่สุดเพื่อฆ่าทาเวรอสในครั้งต่อไป’
เนื่องจากมันเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง เอียนจึงนึกถึงสถานการณ์และวิธีที่พวกเขาจะพ่ายแพ้ต่อมัน
แม้ว่าพวกเขาจะมีโอกาสชนะเพียงเล็กน้อย แต่เอียนก็ไม่ได้วางแผนที่จะตายในเงื้อมมือของมัน
และในกรณีที่สถานการณ์เริ่มยากขึ้น พวกเขาก็จะใช้คัมภีร์ทันทีโดยไม่ต้องคิดซ้ำสอง
ไม่ว่าคัมภีร์จะแพงแค่ไหน มันก็ไม่มีอะไรดีเลยถ้าเอียนร่วงลงจากอันดับที่ 1
Kung- Kung- Kung-
เบเฮมอธยกร่างกายที่ใหญ่โตขึ้นและก้าวไปยังปาร์ตี้
ทุกครั้งที่ก้าวไปข้างหน้า ดันเจี้ยนทั้งหมดจะสั่นสะเทือน
“เมื่อนายเห็นสัญญาณของฉัน ก็โจมตีมันเลย โอเคนะ?”
“ตกลง!”
เอียนเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของมอนสเตอร์อย่างมีสมาธิที่สุด
มันเดินอย่างเชื่องช้า แต่นั่นไม่สามารถนำมาพิจารณาในการโจมตีได้ ความกังวลใจของพวกเขาไม่ได้สงบลงเลยแม้แต่นิดเดียว
‘อีกนิดอีกหน่อย…!!’
เอียนไม่สามารถรอได้อีกต่อไป เมื่อทั้งร่างของมอนสเตอร์ออกมาจากความมืดเขาก็วางแผนที่จะโจมตีมันทันที
เอียนคิดที่จะโจมตีมอนสเตอร์เพื่อป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์โจมตีพวกเขาด้วยอาวุธที่มันครอบครองอยู่ในขณะที่มันยังอยู่ในความมืด
แต่แล้ว
Grrrr-
เบเฮมอธตาแดงซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปยังปาร์ตี้ก็เริ่มหันกลับมา!
“อะไรน่ะ… มันจะไปไหนกัน?”
“อืม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน… เราจะทำยังไงดีพี่ เราควรโจมตีไหม?”
คาโนเอลมองไปที่เอียนอย่างกังวลและฮูนี่ย์ก็งุนงง
แม้ว่าพวกเขาจะหลงอยู่ในความคิดหลังจากนั้น
มอนสเตอร์หน้าตาดุดันทำอะไรกัน? นี่เป็นครั้งแรกสำหรับเอียนที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นหลังจากเข้าสู่อาณาจักรปีศาจ
‘เมื่อกี้คืออะไร? ทำไมถึงหันหลังกลับล่ะ?’
ยิ่งไปกว่านั้นเลเวลของมอนสเตอร์ตัวนั้นสูงกว่าเอียนและปาร์ตี้ของเขามากกว่า 100 เลเวลและนั่นทำให้ยากที่จะเข้าใจสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ฮูนี่ย์มองไปที่ด้านหลังของเบเฮมอธด้วยสีหน้าว่างเปล่าและถามเอียน
“พี่ อาจจะ…”
“ห้ะ?”
“มันจะกลับไปปกป้องลูกแก้วแห่งความมืดหรือเปล่า?”
เอียนหน้าซีดกับข้อสันนิษฐานของฮูนี่ย์
“เอ่อ?”
ฮูนี่ย์ยังคงพูดต่อไป
“ถ้าเป็นหน้าที่ของเบเฮมอธในการปกป้องลูกแก้วแห่งความมืดล่ะก็ มันก็จะอธิบายได้ว่าทำไมมันถึงเคลื่อนที่มาระยะหนึ่งแล้วก็กลับไป”
“ดูเหมือนอย่างนั้นอย่างแน่นอน ในที่สุดฮูนี่ย์ก็พูดสิ่งที่สมเหตุสมผลสักที”
“สักที!? ผมมักจะ…!”
เอียนไม่สนใจการระเบิดของฮูนี่ย์และเริ่มคิดอย่างรวดเร็ว
เอียนลืมตาขึ้นและมองไปที่ความมืดที่เบเฮมอธหายไป
‘ฮูนี่ย์น่าจะ… ใช่สิ ดังนั้นลูกแก้วแห่งความมืดน่าจะอยู่ในนั้น’
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นเพียงสมมติฐาน
ความเสี่ยงนั้นมากเกินไปที่จะดำเนินการตามสมมติฐาน
เอียนก็พูดขึ้น
“มายืนยันกันเถอะ”
“อะไรนะ?”
“ถ้าลูกแก้วมันอยู่ในนั้นจริงๆ”
“พี่จะยืนยันได้ยังไง?”
เอียนหันไปมองและจ้องไปที่กาก้าซึ่งอยู่ข้างๆเขา
“เจ้านี่จะเป็นไปได้ไหมล่ะ…?”
ฮูนี่ย์และคาโนเอลมองไปที่กาก้าเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่เอียนพูด
“โอ้…! เป็นไปได้สิ ถ้าเป็นกาก้า!”
“ใช่ มันจะสมบูรณ์แบบเนื่องจากกาก้าใช้คุณสมบัติธาตุมืด”
เว้นแต่เบเฮมอธจะใช้พลังธาตุแสงได้ จะไม่มีอะไรสามารถทำอันตรายใดๆกับกาก้าได้
ด้วยกาก้า พวกเขาสามารถค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืดได้โดยไม่มีความเสี่ยงใดๆ
นอกจากนี้ หากพวกเขาใช้สกิลของ ‘ตาดำ’ ของฮูนี่ย์ ทั้งปาร์ตี้ก็จะสามารถแบ่งปันมุมมองของกาก้าได้
ทุกคนจ้องมองไปที่กาก้าและกาก้าก็พยักหน้าให้พวกเขาและตอบกลับ
“เข้าใจแล้วนายท่าน ฉันจะไปตรวจสอบว่ามีอะไรอยู่ในนั้นเอง”
* * *
Frong- Frong-
เมื่อกาก้าเริ่มบินโดยใช้ปีกเล็กๆของมันก็มีเสียงที่ไม่พึงประสงค์ดังขึ้น
เอียนแล้วกล่าวว่า
“เฮ้ย นายไม่ขยับปีกไม่ได้เหรอ?”
“ฉันต้องขยับปีกเพื่อผลักดันอากาศครับนายท่าน”
“หุบปากและหยุดกระพือปีกซะ”
“ฮึก…”
กาก้าที่เป็นศูนย์กลางความสนใจของทุกคนหยุดกระพือปีก อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่ามันจะไม่ประสบปัญหาในการบิน
“อ่าาาา หงุดหงิดจัง ทำไมมันถึงมาช้าจังเนี่ย?”
“ผมก็รู้สึกเหมือนกัน”
ขณะที่กาก้าบินไปในความมืด ฮูนี่ย์ก็ร่ายเวทย์มนตร์ด้วยคทาหัวกะโหลกของเขา
“ในความมืดมิด… ขอให้ข้ามีตาที่สาม!”
Wheeing-!
ควันสีม่วงออกมาจากอัญมณีของคทาของฮูนี่ย์และดูเหมือนว่าลูกปัดขนาดใหญ่จะปรากฏขึ้นต่อหน้าปาร์ตี้
ภาพปรากฏในลูกปัดซึ่งเป็นสีดำและสีขาว
สิ่งที่พวกเขาเห็นตอนนี้คือสิ่งที่กาก้ากำลังเห็นอยู่
เอียนมองไปที่ฮูนี่ย์และพูดว่า
“เอ่อ ต้องร่ายท่าน่าอายอย่างนั้นด้วยหรอ?”
“ท่าน่าอาย? พี่ไม่ต้องการให้ผมทำมันก็ไม่เป็นไรหรอกเพราะผมมีการควบคุมที่ยอดเยี่ยม ถ้าพี่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าอาย พี่ก็จะไม่สามารถเป็นคันจิ [1] ได้หรอก”
“ฉันโอเค ถ้าไม่…”
ทั้งสามคนมารวมตัวกันที่หน้าจอลูกปัดควอตซ์ที่ฮูนี่ย์อัญเชิญมา
คาโนเอลที่เฝ้าสังเกตมันอย่างเงียบๆถามด้วยเสียงเบาๆ
“นี่ ฮูนี่ย์ ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นบางอย่างในนี้มันมีสี ทำไมจู่ๆมันถึงเปลี่ยนเป็นขาวดำล่ะ?”
ฮูนี่ย์ส่ายหัวและตอบกลับ
“มันเป็นเพียงวิธีที่กาก้ามองเห็นน่ะ”
“อะไรนะ?”
“โลกที่กาก้ามองเห็นนั้นเป็นสีขาวดำ”
เอียนที่กำลังฟังการสนทนาของทั้งสองพูดราวกับว่าเขาเพิ่งนึกขึ้นได้บางอย่าง
“อาฮ่า…? โอ้ ตอนนี้ฉันรู้แล้ว… นั่นคือสาเหตุที่มันมองเห็นได้ชัดเจนในความมืด”
“อ่อ อย่างนั้นหรอ?”
ด้วยเหตุนี้ทั้งสามคนจึงสามารถมองเห็นภาพที่ชัดเจนในความมืด พวกเขาหยุดพูดและเริ่มให้ความสำคัญกับภาพที่กำลังแสดงอยู่ตรงหน้ามากขึ้น
กาก้าเคลื่อนตัวผ่านเบเฮมอธ
เมื่อพวกเขาเห็นเบเฮมอธผ่านสายตาของกาก้า มันดูเหมือนเนินหินไม่ใช่มอนสเตอร์
“นั่นหางหรือเปล่า? ในที่สุดฉันก็เห็นขอบพื้นแล้ว”
กาก้ากำลังจะไปถึงจุดหมายปลายทางของมัน
ทั้งปาร์ตี้จดจ่อไปที่หน้าจอเพื่อค้นหาลูกแก้วแห่งความมืด
แต่แล้ว
“เอ่อ เดี๋ยวก่อน ตรงนั้น…!”
คาโนเอลชี้ไปที่หน้าจอราวกับว่าเขาพบบางสิ่งบางอย่าง ฮูนี่ย์และเอียนก็มองไปที่หน้าจอเช่นกัน
หางยาวขนาดมหึมาของเบเฮมอธพันไปที่วัตถุที่ส่องแสงสลัวๆอย่างระมัดระวัง
เมื่อกาก้าพบวัตถุนั้นมันก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ ในที่สุดทั้งสามคนก็สามารถมองเห็นวัตถุได้ชัดเจนขึ้น
และมันไม่ได้มีแค่อันเดียว
วัตถุคล้ายกระจกเรียบทั้งหมดสามชิ้นถูกวางไว้ใกล้กัน
และยังมีออร่าแปลกๆอยู่รอบตัวพวกมัน
“อะไรน่ะ…? นี่คือลูกแก้วแห่งความมืดจริงๆหรอ?”
คาโนเอลพยักหน้าตอบรับสิ่งที่ฮูนี่ย์พูด
“อืมม? ฉันเพิ่งเปิดหน้าต่างเควสต์เพื่อยืนยันรูปร่างของลูกแก้วแห่งความมืดและมันแตกต่างจากนั้น”
“มันเหมือน… ไข่ ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่สิ รูปร่างของมันเหมือนไข่… พื้นผิวเรียบเกินไปและมีแสงออกมาจากมัน มันเป็นเครื่องประดับแบบไหนกัน?”
กาก้าเดินวนไปรอบๆพื้นที่นั้น แต่ไม่พบวัตถุอื่น
เห็นได้ชัดว่าเบเฮมอธกำลังปกป้องวัตถุที่น่าสงสัยเหล่านี้อยู่
คาโนเอลและฮูนี่ย์เริ่มพยายามอย่างมากที่จะเข้าใจว่าวัตถุนั้นคืออะไรและเอียนก็คิดกับตัวเอง
‘นั่นคืออะไรกันนะ? ทำไมดูเหมือนว่าฉันเคยเห็นพวกมันที่ไหนมาก่อน?’
เอียนรู้สึกไม่พอใจเนื่องจากมุมมองที่กาก้าให้มานั้นเป็นภาพขาวดำ
หากมีเพียงหน้าจอที่มีสีอยู่ก็เป็นไปได้ที่จะรู้ว่าวัตถุนั้นคืออะไร
‘มันรู้สึกคุ้นเคยมาก ฉันเคยเห็นมันที่ไหนสักแห่ง…’
เอียนพยายามอย่างมากที่จะจดจำวัตถุที่ไม่รู้จักนี้
‘จิตวิญญาณของคาร์เซอุสในไข่มังกรนั้นคล้ายสิ่งนั้น… แม้แต่พื้นผิว’
เช่นเดียวกับไข่ของเทพ เช่นเดียวกับไข่อื่นๆ ไข่นี้ก็มีรูปแบบนูนที่ด้านล่างเช่นกัน
ในทางกลับกัน วัตถุทั้งสามของเบเฮมอธเป็นจุดไข่ปลาเกือบสมมาตร
‘อะไรกันเนี่ย? เอ่อ… ฉันจะบ้าแล้ว’
เอียนกุมหน้าผากของเขาและมองใกล้ๆวัตถุที่เข้ามาในสายตาของกาก้าอีกครั้ง
ทันใดนั้น
แสงของวัตถุเคลื่อนไปที่ผิวด้านนอกและแสงก็ออกมา!
และในช่วงเวลานั้น เอียนจำได้ว่าเขาเคยเห็นวัตถุที่ไหน
[1] คันจิ = เท่ห์