นักศึกษาจำนวนมากหลั่งไหลไปที่ประตูด้านหน้าของมหาวิทยาลัยเกาหลี
และเวลาที่นักศึกษาส่วนใหญ่เดินเข้ามาในมหาวิทยาลัยคือเวลา 17.00 น. และคนที่อยู่หน้าประตูรั้วมีบางอย่างที่จะพูด
“ว่าไงยองจุน หลังเลิกเรียนวันนี้ไปกินไก่กับเบียร์ไหม?”
“วันนี้ไม่ได้อ่ะ”
“เฮ้ย คิมยองจุน อะไรไปทำให้นายต้องปฏิเสธข้อเสนอไก่กับเบียร์ของฉันกัน?”
ยองจุนและอีกคน ทั้งสองคนเป็นนักศึกษาใหม่ของภาควิชาบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยเกาหลี
และยองจุนเป็นที่รู้จักในนามนักฆ่าไก่เพราะความรักที่มีต่อไก่ นั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธข้อเสนอไก่และเบียร์เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
ยองจุนยิ้มและตอบว่า
“อืม คือฉันมีสัญชาตญาณ”
“สัญชาตญาณ…? เกี่ยวกับอะไร? นายกำลังพูดถึงเกมเบสบอลอยู่หรือเปล่า? แต่นายไม่เล่นเบสบอลนิ”
“ไม่ ไม่ใช่เบสบอล มันคือสงครามอาณาจักรในไคลัน”
เมื่อได้รับคำตอบจากยองจุน ชอลโฮส่ายหัวและตอบอย่างเคืองๆ
“เฮ้ ไอ้เบื้อกนี่ ไม่เป็นไร แม้ว่านายจะสนใจในสงครามอาณาจักรของไคลันก็ตาม ไปกินไก่กับเบียร์กันเถอะ วันนี้เป็นวันที่ยิ่งใหญ่!!”
อย่างไรก็ตามยองจุนยังคงดื้อรั้นมาก
“ไม่เอาหน่า! ถ้านี่เป็นสงครามกิลด์ธรรมดาฉันก็คงจะไปเหมือนกัน แต่มันคือกิลด์โลตัสกับกิลด์ไอริช”
ชอลโฮมีสีหน้าแปลกๆในตอนนั้น
“โลตัส ไอริช…? พวกเขาเป็นกิลด์พิเศษแบบไหนอ่ะ? ฉันรู้สึกเหมือนได้ยินชื่อกิลด์โลตัสมากจากที่ไหนสักแห่ง?”
ชอลโฮก็เป็นผู้เล่นไคลันเช่นกัน แต่เขาเป็นผู้เล่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มเล่นเกม
และยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นผู้เล่นตัวจ้อยที่เล่นเพียงหนึ่งชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตระหนักถึงสถานการณ์ของไคลันเลย
ยองจุนที่หงุดหงิดกับมัน เริ่มอธิบายรายละเอียด
“นายเคยเข้าไปในเว็บไซต์ทางการของไคลันไหม?”
“ฉันเคยเข้าไป แต่ฉันไม่ได้เข้าไปที่นั่นมาหนึ่งเดือนแล้ว ฉันไม่คิดว่าฉันควรจะอยู่ที่นั่นหลังจากผ่านเลเวล 10 ไปแล้ว”
ยองจุนถอนหายใจอีกครั้ง
“หึ หมายความว่านายไม่รู้ทั้งไคลันตกอยู่ในความยุ่งเหยิงเพราะกิลด์โลตัสเลยน่ะสิ”
“ยุ่งเหยิงอะไรนะ?”
“กิลด์โลตัสเริ่มสงครามอาณาจักรกับ 12 กิลด์พร้อมกันและวันนี้เป็นวันที่เจ็ดของสงครามแล้ว”
อย่างไรก็ตามความหมายของมันไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแม่นยำ ชอลโฮจึงยังคงมีสีหน้างุนงง
“โอเค? แต่การต่อสู้จะดำเนินต่อไปภายในอาณาจักรได้ยังไงในเมื่อสงครามจบลงต้องใช้เวลาอีกหนึ่งสัปดาห์?”
ยองจุนกำหมัดแน่นกับคำถามและพยายามตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นั่นคือสาเหตุที่มันใหญ่มาก กิลด์โลตัสได้รับชัยชนะติดต่อกันหกครั้งจนถึงตอนนี้แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่พวกเขาจะแข็งแกร่งในสงครามก็ตาม พวกเขากำลังสร้างประวัติศาสตร์”
“โอ้ โอ้…”
“ลองคิดดูสักครั้งสิ กิลด์โลตัสไม่ได้เก่งมากนักและตอนนี้พวกเขากำลังจัดการกับกิลด์ที่ติดอันดับสูงสุดติดต่อกัน นอกจากนี้มันไม่ใช่สงครามกิลด์ แต่เป็นสงครามอาณาจักร ตอนนี้นายเข้าใจหรือยังว่าทำไม?”
และตอนนี้ชอลโฮรู้สึกประหลาดใจ
“แต่มันเป็นไปได้หรอ? ฉันไม่คิดว่าฉันจะเคยเห็นกิลด์โลตัสอยู่ในการจัดอันดับที่ 1 เลยนะ”
ยองจุนพยักหน้าและตอบว่า
“ใช่ นายพูดถูก แต่หลังจากเสร็จสิ้นจากสงคราม พวกเขาอาจจะอยู่ในอันดับที่ 1 มีการคาดการณ์มากมายว่าแม้แต่กิลด์ไททั่นก็จะถูกจัดการ”
“คึ มันใหญ่มากถึงขนาดทำให้ยองจุนยอมไม่กินไก่กับเบียร์เลยหรอ?”
“ใช่! นั่นคือสาเหตุที่ฉันมีสัญชาตญาณเกิดขึ้น!”
และเมื่อยองจุนหันเท้าและมุ่งหน้าไปที่ป้ายรถเมล์ ชอลโฮก็รีบเรียกหาเขา
“โฮ้ย งั้นฉันกลับบ้านไปแล้วเข้าสู่ระบบไปร่วมสงครามกิลด์ดีไหม?”
จากคำถามของชอลโฮ ยองจุนจึงตอบว่า
“ไม่ๆ นายทำอย่างนั้นไม่ได้ ถ้านายจะลงสงครามตอนนี้ นายต้องจองล่วงหน้า”
“โอ้ มีของแบบนั้นในสงครามกิลด์ปกติด้วยหรอ?”
“ไม่ ปกติก็ไม่มีหรอก แต่เนื่องจากคนส่วนใหญ่กำลังสนุกกับสงครามกิลด์กันมากจึงต้องทำอย่างนั้น”
และชอลโฮก็อยากลิ้มรสมัน
“ให้ตายเถอะ ฉันจะทำอะไรให้นายไม่ได้ งั้นฉันจะกลับบ้านไปสั่งไก่กินตอนดูทีวีละกัน”
จู่ๆชอลโฮก็จำอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาพูดได้อีกครั้ง
“อ๊ะ เดี๋ยวก่อน! ยองจุน!”
“ห้ะ?”
“ซัมมอนเนอร์เอียนอยู่ในกิลด์โลตัสใช่ไหม?”
ยองจุนพยักหน้าและตอบว่า
“ใช่ นายไม่รู้หรอกว่าซัมมอนเนอร์เอียนเป็นคนแบบไหน? เขาถูกมองว่าเป็นพระเจ้าในหมู่ซัมมอนเนอร์เลยล่ะ…”
“ใช่ ฉันมักจะชอบเล่นเกมด้วยตัวเองแม้ว่าฉันจะรู้ว่าเอียนเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจ”
ยองจุนส่ายหัว
“นั่นคือเหตุผลที่คุณยังอยู่ในเลเวล 40 เจ้าโง่… ไปดูการเล่นของเอียนแล้วเรียนรู้ที่จะปรับปรุงการควบคุมซะด้วย”
“อย่างไรก็ตาม มันหมายความว่ายังไงที่เอียนจะปรากฏตัวในสงครามที่กำลังเกิดขึ้นในวันนี้งั้นหรอ?”
เมื่อพูดคำเหล่านั้น สีหน้าของยองจุนก็ดูเศร้าเล็กน้อย
“ฉันไม่รู้ จากสงครามครั้งที่สามชุมชนอยู่ในความตื่นตระหนกคิดว่าเอียนจะมา แต่จนถึงสงครามครั้งสุดท้ายเขาก็ไม่เคยปรากฏตัวเลย”
สีหน้าของชอลโฮก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“จริงหรอ? ทำไมเอียนถึงไม่เข้ามาในสงครามกิลด์ล่ะ? เป็นเพราะซัมมอนเนอร์ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนักในสงครามงั้นหรอ?”
จากคำพูดนั้น ยองจุนตอบพร้อมกับแสยะยิ้มบนใบหน้าของเขา
“นายพูดอะไรที่โง่เง่าแบบนี้กันเนี่ย?”
“ห้ะ? แต่เดิมซัมมอนเนอร์อ่อนแอต่อ PvP ไม่ใช่หรอ?”
ยองจุนส่ายหัว
“นั่นเป็นคำพูดที่มีไว้สำหรับซัมมอนเนอร์ธรรมดา… ไม่ใช่สำหรับเอียน”
“จริงหรอ? เอียนเก่งขนาดนั้นเลยดิ?”
“ใช่ เขายอดเยี่ยมมากจนนายที่ไม่เคยสนใจเรื่องชื่อเสียงยังรู้จักชื่อของเขาเลย”
คำพูดนั้นชอลโฮเห็นด้วยทันที
“นั่นคือเรื่องจริง ถ้าฉันรู้ชื่อของเขา เขาก็ต้องมีชื่อเสียง”
ยองจุนกำลังถอนหายใจในขณะที่เขาค้นหาบทความของไคลันในสมาร์ทโฟนของเขา
“ฮ่าๆ ฉันจองที่นั่งไว้ก่อนหน้านี้ด้วยล่ะ… ฉันหวังว่าฉันจะได้เห็นเอียนวันนี้”
ทั้งสองคนคุยกันตลอดทางไปที่ป้ายรถเมล์
บ้านของทั้งคู่อยู่ในทิศทางเดียวกันจึงต้องนั่งรถบัสคันเดียวกันเพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน
สามนาทีหลังจากที่พวกเขามาถึงป้ายรถเมล์รถบัสก็มาถึง
Beep-
ชอลโฮที่นั่งลงหลังจากรูดบัตรถามยองจุนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
“นายได้ยินมั้ย?”
“อะไร?”
“ฉันจำมันได้ตอนที่เรากำลังพูดถึงเอียน ฉันได้ยินบางอย่างกลับมาจากรุ่นพี่ยองวูเมื่อสองสามวันก่อน”
“มันคืออะไร?”
“เอียนเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของเราจริงๆ”
จากคำพูดเหล่านั้นของชอลโฮ ยองจุนยิ้มและตอบว่า
“อ่า นั่นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานานแล้ว”
“ใช่แล้ว มันเป็นเพียงข่าวลือใช่ไหม?”
“ฉันไม่แน่ใจ มีคนบอกว่าพวกเขาเห็นเอียนในปีสุดท้าย… ฉันบอกว่าเขาอยู่ในเกม E-sport ของโรงเรียนเมื่อปีที่แล้ว แต่ฉันเดาว่ามันเป็นข่าวลือทั้งหมด”
ชอลโฮมีอะไรจะถาม
“ทำไมล่ะ?”
“ศิษย์เก่า ม. ปลายของฉันมีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าเอียนอยู่ในแผนกเสมือนจริง”
“โอ้ จริงหรอ?”
“หึ… แต่มันเปิดมาได้ไม่กี่เดือน แล้วฉันก็ยังไม่เห็นรุ่นพี่คนไหนหน้าตาเหมือนเขาเลย”
“อา… ฉันจะได้เห็นเขาถ้าฉันไปตรวจการเข้างานอย่างน้อยหนึ่งครั้ง… เนื่องจากไม่มีใครเจอเขาเลย”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็คุยเรื่องไคลันต่อ
และด้านหลังคนที่นั่งนักเรียนอีกคนหนึ่งมีเสื้อฮู้ดคลุมศีรษะ
เขาคือปาร์คจินซุง
* * *
Bump –
จินซุงเดินไปเปิดประตูบ้านของเขา
“เอ่อ… ฉันต้องนอนแล้ว”
ไม่มีพลังใดๆเหลืออยู่ในร่างกายของเขา แต่การแสดงออกของเขาขัดแย้งกัน มันดูพอใจ
แน่นอนว่าเขาจะไม่เพียงแต่จัดการเควสต์ให้เสร็จสิ้นในตอนเช้า แต่ทันทีที่เควสต์สิ้นสุดลง เขาก็ไปที่โรงเรียนและทำขั้นตอนการเข้าร่วมได้สำเร็จเช่นกัน
เขารู้สึกเหมือนมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่แค่รอดตาย
จินซุงนอนลงบนเตียงและกำลังคิดเกี่ยวกับแผนการในอนาคต
‘จับไซยัคลิชห้าตัว… ด้วยหินจิตวิญญาณที่เราได้จากการล่า จำนวนที่อัญเชิญไซยัคลิชได้จะอยู่ที่ประมาณเจ็ดตัว?’
การล่าประสบความสำเร็จอย่างมาก พวกเขาสามารถล่าไซยัคลิชได้หลายสิบตัวในเวลาเพียงสิบชั่วโมง
และพวกเขาเหนื่อยมากที่ออกจากระบบโดยไม่ได้ระบุไอเทมที่ดรอปอย่างถูกต้อง สิ่งเดียวที่พวกเขาจำได้คือหินจิตวิญญาณ
‘เมื่อฉันตื่นหลังจากเข้านอน… ในที่สุดฉันก็จะได้เลเวล 10 ของการแปรธาตุอสูร’
ผ่านการสังหารหมู่ที่ทำในรังไซยัคลิช เอียนสามารถรวบรวมไซยัคลิชได้ทั้งหมด 12 ตัว
จนถึงตอนนี้ เลเวลของเอียนในการแปรธาตุได้หยุดนิ่งในเลเวลที่ 9 แต่ถึงแม้จะล่ามอนสเตอร์ระดับสูง เขาก็ไม่ได้ขึ้นไปสูงกว่านี้มากนัก
แต่เนื่องจากเขาได้ล่ามอนสเตอร์ระดับ Legendary มันจึงเป็นเรื่องที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
มันเป็นระบบที่จะใช้เวทย์มนตร์ทุกครั้งที่ทำโดยไม่คำนึงถึงความสำเร็จหรือความล้มเหลวและด้วยไซยัคลิช 12 ตัว เขาสามารถสร้างมอนสเตอร์ระดับต่ำได้ประมาณสิบตัว
และถ้าเป็นไปได้แสดงว่าเขาอยู่ในเลเวล 10
‘หลังจากนั้นฉันต้องทำการย่อยสลายทาเวรอส’
มีหินจิตวิญญาณของทาเวรอสทั้งหมด 800 ก้อนในคลังของเอียน
เป็นจำนวนที่สามารถอัญเชิญทาเวรอสได้ 4 ตัวและแทนที่จะใช้เพื่อการแปรธาตุของอสูรเวทย์มนตร์ เอียนกำลังวางแผนที่จะย่อยมันทิ้ง
แม้ว่าทาเวรอสจะเป็นมอนสเตอร์ระดับ Legendary แต่ก็เป็นมอนสเตอร์ที่มีค่าสถานะต่ำกว่าบอส ยกเว้นพลังแฝง
สิ่งที่เอียนต้องการได้รับจากหินจิตวิญญาณของทาเวรอสคือ ‘หินพลังงาน’
และถ้าเขาสามารถสลายพวกมันได้ 4 ตัว – และด้วยโชคของเขาก็จะได้รับหินพลังงานมากมาย
‘เยี่ยมไปเลยที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน…!’
จินซุงที่กำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนเรื่องต่างๆก็เข้านอนหลังจากเปิดเครื่องปรับอากาศ
ไม่มีสภาพแวดล้อมที่ดีไปกว่าการนอนในผ้าห่มอุ่นๆที่คอยต้อนรับในห้องเย็นๆ
และก่อนที่จะเข้าสู่ห้วงนิทรา
มีสิ่งหนึ่งผ่านเข้ามาในหัวของจินซุง
‘อ่า จริงสิ สิ่งนั้น… สกิลการผสาน… มันคืออะไรกันนะ?’
เมื่อเสร็จสิ้นเควสต์ของเดธมอน ทั้งฮูนี่ย์และจินซุงจะได้รับหนังสือสกิลดาร์กซัมมอนหนึ่งเล่ม
เขานึกถึงบรรทัดข้อความระบบที่สร้างขึ้น – ช่วงเวลาที่เขาได้รับมัน
[ท่านได้รับ ‘สกิลการผสาน’ เป็นครั้งแรก]
[ท่านได้รับชื่อเสียง 200,000 หน่วย]
‘เมื่อพิจารณาจากชื่อเสียง 200,000 หน่วย… ดูเหมือนว่าเป็นเนื้อหาที่สำคัญ…’
แต่ความคิดไม่สามารถดำเนินต่อไปได้
เขาทนไม่ได้ที่จะคิดเอาเอง
“ฟึบบบ… ”
ในที่สุดจินซุงก็มุดเข้าไปในผ้าห่ม