[อิลูชั่นไลท์ไม่ยอมให้มีความมืดเข้าไปได้]
[มันเป็นพันธะที่สร้างขึ้นโดยพลังของเทพธิดาแห่งแสง เออร์เนซิส]
[มันต่อต้านความรุนแรง]
[ท่านถูกเคลื่อนย้ายออกจากดันเจี้ยน]
[สักพักท่านจะอยู่ในสถานะ ‘มึนงง’]
หลังจากแสงสีขาวกะพริบ ข้อความก็ถูกส่งเข้ามาในมุมมองของฮูนี่ย์
ด้วยความรู้สึกเวียนศีรษะ การมองเห็นของเขาเริ่มสูญเสียโฟกัส
สิ่งต่อไปที่เขาเห็นคือเขากลับมาที่ทางเข้าของดันเจี้ยน
รู้สึกบิดเบี้ยวและภาคภูมิใจกับมัน ฮูนี่ย์พูดขึ้นมา
“ในที่สุด… แม้แต่เทพก็รู้สึกเกรงกลัวต่อความมืด”
และหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“คิก แสงสว่างและความมืดเป็นเหรียญสองด้าน… ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาปฏิเสธความมืด จริงๆแล้วมันก็คือดันเจี้ยนที่มีจิตใจคับแคบแค่นั้นเอง”
ฮูนี่ย์เข้าไปใกล้หน้าผาของภูเขาเอลคาริกซ์และหลับตาลงด้วยท่าทางโดดเดี่ยว
“ความยุติธรรมที่มอบให้โดยแสงสว่างและความมืดนั้นไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่…”
ในขณะที่ฮูนี่ย์กำลังล่องลอยไปในโลกแห่งความคิดของตัวเอง
จากนั้น…
ฮูนี่ย์ได้ยินเสียงจากด้านหลัง
“นั่นไม่ใช่อย่างนั้น ราชาแห่งความมืด”
ฮูนี่ย์ที่ตกใจกับเสียงนั้นก็ลืมตาขึ้น
“อะ อึก!”
เขาเกือบจะลื่นตกหน้าผา
ฮูนี่ย์จับกิ่งไม้และช่วยตัวเองจากวิกฤตและพยายามสงบสติอารมณ์
“เอ่อ อึบ!”
ฮูนี่ย์จ้องไปที่ลูการิกซ์ที่อยู่ตรงหน้าเขา
‘ใช่แล้ว ผู้ชายคนนั้น… เขาคือมังกรแห่งความมืด’
เขาคิดว่าเขาเป็นคนเดียวที่ถูกบังคับเคลื่อนย้ายออกจากดันเจี้ยนซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเมื่อเขาได้ยินเสียงของเด็กจากด้านหลัง เขาแทบจะกลิ้งลงจากหน้าผา
ลูการิกซ์เข้าหาฮูนี่ย์ที่หมดปัญญากับเหตุการณ์นั้นและพูดว่า
“เทพไม่ได้มีทิฐิหรือโง่เง่า แต่พวกเขามีความรู้สึกลึกซึ้งในสิ่งที่พวกเขาทำ”
ฮูนี่ย์เกาหลังคอแล้วตอบว่า
“อย่างนั้นหรอ?”
“ใช่แล้ว อย่างน้อยก็จนกระทั่งมีใครได้สัมผัสกับเทพปีศาจที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภ”
เมื่อนึกถึงเทพแห่งความมืด คาเดส การแสดงออกของ ลูการิกซ์ก็ดูน่ากลัว
และเป็นลูการิกซ์ที่ทำลายความเงียบอีกครั้ง
“เราไม่สามารถเข้าไปในถ้ำเอลคาริกซ์ได้ แต่เราควรทำอะไรสักอย่างนะ ราชาแห่งความมืด และนั่นคือการเตรียมการให้เทพธิดาแห่งแสง เออร์เนซิส”
ฮูนี่ย์ไม่ค่อยเข้าใจ
“มันคืออะไรน่ะ?”
เมื่อเขาจ้องมองไปที่ถ้ำเอลคาริกซ์ ลูการิกซ์พูดว่า
“ริชชี่คิงชาเลี่ยนคงไม่อยากให้มังกรแห่งแสงตื่นขึ้นหรอก”
“นั่นก็จริง”
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเก็บอันเดธไว้มากมายในเทือกเขาเอลคาริกซ์แห่งนี้”
“อ่อ…”
ฮูนี่ย์ที่ได้ยินคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
‘การปรากฏตัวของแสงสว่างทำให้ความมืดไม่ได้รับชัยชนะ ดังนั้นริชชี่คิงจึงหยุดมันไว้’
และเหตุผลที่กองทัพอันเดธจำนวนมากมาเพื่อป้องกันมังกรแห่งแสงและเพื่อปกป้องภูเขาเอลคาริกซ์นั้นเป็นเหตุผลที่ดี
เมื่อเห็นฮูนี่ย์ที่พยักหน้า ลูการิกซ์ก็พูดอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น ราชาแห่งความมืดเราควรจะทำยังไงดี?”
“เราควรจะทำยังไงหรอ…?”
หัวของฮูนี่ย์กำลังหมุน
แต่ก่อนที่ฮูนี่ย์จะคิดคำตอบได้ ลูการิกซ์ก็ตอบว่า
“ป้องกันทางออก”
ลูการิกซ์พูดต่อหลังจากหยุดชั่วครู่สองสามวินาที
“ตอนนี้ริชชี่คิงคงจะสังเกตเห็นว่าเราเข้ามาแล้วและกองทัพแห่งความมืดที่ทรงพลังกำลังจะมาหยุดยั้ง”
ช่วงเวลานั้น หน้าต่างเควสต์ปรากฏขึ้นต่อหน้าของฮูนี่ย์
กริ๊ง-!
– – – –
– ทำลายกองทัพแห่งความมืด (ลับ) (เควสต์ฉุกเฉิน) –
กองทัพของริชชี่คิงนั้นทรงพลัง
เพื่อที่จะจัดการกับเขา ต้องมีพลังของมังกรทั้งสอง
มังกรแห่งความมืด ‘ลูการิกซ์’ และมังกรแห่งแสง ‘เอลคาริกซ์’
ท่านมีลูการิกซ์อยู่แล้วตอนนี้ ท่านต้องปลุกเอลคาริกซ์และรับพลังของเธอ
นั่นคือเหตุผลที่ท่านมาที่ภูเขาเอลคาริกซ์พร้อมกับวีรบุรุษคนอื่นๆของเผ่าพันธุ์มนุษย์
แต่ยังมีปัญหา…
กองทัพของริชชี่คิงซึ่งกำลังสอดแนมบนภูเขาเอลคาริกซ์ได้สังเกตเห็นการปรากฏตัวของท่าน
กองทัพของริชชี่คิงตั้งเป้าไปที่เอลคาริกซ์
เมื่อวีรบุรุษที่เข้าไปในถ้ำออกมาพร้อมกับหินจิตวิญญาณของมังกรแห่งเทพ พวกเขาจะพยายามยึดหินและทำลายมัน
กองทหารอันเดธจำนวนมากเริ่มล้อมรอบภูเขาเอลคาริกซ์
ก่อนที่สหายของท่านจะออกมาพร้อมกับหินจิตวิญญาณจากที่ซ่อน ท่านต้องทำลายกองทัพอันเดธและหลบหนีอย่างปลอดภัย
กองทัพแห่งความมืดนั้นทรงพลัง แต่ท่านได้รับความช่วยเหลือจากลูการิกซ์
เขาจะช่วยท่านปราบพวกมัน
ความยากของเควสต์: SSS
เงื่อนไขของเควสต์:
ผู้เล่นที่มีเลเวล 350 ขึ้นไป
ผู้เล่นที่เคลียร์รังมังกรแห่งความมืดลูการิกซ์
มีเควสต์ต่อเนื่องของ ‘มังกรแห่งแสง เอลคาริกซ์’
เวลาจำกัด: ไม่มี
รางวัล:
แตกต่างกันไปตามจำนวนของกองทัพแห่งความมืดที่ต้องเผชิญ (ได้รับชื่อเสียงและค่าประสบการณ์)
ในระหว่างการทำเควสต์ ค่าประสบการณ์และค่าการมีส่วนรวมเนื้อเรื่องทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
การเสียชีวิตระหว่างการต่อสู้จะทำให้เควสต์ล้มเหลว
เควสต์จะดำเนินต่อไปจนกว่าปาร์ตี้ที่อยู่ในดันเจี้ยนจะได้รับกลับออกมา
*ไม่สามารถปฎิเสธเควสต์นี้ได้
– – – – –
ฮูนี่ย์ที่ได้อ่านหน้าต่างเควสต์ก็รู้สึกดีใจ
‘นะ นี่มันช่างน่า…!’
เควสต์ง่ายๆในการต่อสู้กับกองทัพแห่งความมืดของริชชี่คิง
นอกเหนือจากลูการิกซ์แล้วหากพวกเขาไม่ตายก็จะถือว่าเป็นเควสต์ที่ประสบความสำเร็จซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมมันจึงรู้สึกเหมือนเป็นโบนัส
‘ฉันสามารถดื่มด่ำกับค่าประสบการณ์นี้ได้!’
ฮูนี่ย์ที่มีปัญหากับความแปลกแยกจากเควสต์ตอนนี้อารมณ์ดีและมองไปรอบๆหน้าผา
พวกอันเดธกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางของพวกเขาจากด้านล่าง
“ดี! ฉันจะกำจัดพวกมันซะ!”
ฮูนี่ย์เริ่มอัญเชิญอันเดธ!
‘คิคิ ฉันใช้เวลาเกือบสามถึงสี่ชั่วโมงในการเคลียร์ที่ซ่อนของลูการิกซ์… ดังนั้นอาจใช้เวลาประมาณครึ่งวันก็ได้มั้ง?’
ในขณะที่ฮูนี่ย์และลูการิกซ์หายไปในปาร์ตี้ พวกเขาจึงคิดว่าปาร์ตี้จะต้องใช้เวลาสองเท่าในการเคลียร์
ฮูนี่ย์รู้สึกตื่นเต้นกับค่าประสบการณ์ที่เขาจะได้รับในอีกเจ็ดชั่วโมงข้างหน้าขณะที่ลูการิกซ์ถามเขา
“ราชาแห่งความมืด พร้อมทำลายเจ้าพวกนั้นไปพร้อมกับข้าไหม?!”
ฮูนี่ย์ยิ้มและตอบว่า
“จัดไป!”
* * *
ในขณะที่ฮูนี่ย์กำลังฝันถึงค่าประสบการณ์ เอียนและเลฟย่าก็ทำได้ดีในการสังหารโฮลี่เดรค
โฮลี่เดรคนั้นง่ายต่อการเอาชนะมากเมื่อเทียบกับเคออสติกเดรคในที่ซ่อนของลูการิกซ์
[ใน ‘รังเอลคาริกซ์’ ชั้นที่ 1 ท่านได้เอาชนะบอสที่มีชื่อว่า ‘โฮลี่เดรค’!]
[ได้รับชื่อเสียง 150,000 หน่วย]
[อีกไม่นานท่านจะถูกย้ายไปที่ชั้น 2 ของรังเอลคาริกซ์]
โฮลี่เดรคได้กลายเป็นแสงสีขาว
เมื่อเห็นเช่นนั้น เลฟย่าก็พึมพำเบาๆ
“นี่มันน่าสงสัยเกินไปหรือเปล่า?”
เอียนพยักหน้าเห็นด้วยและแสดงความกังวล
“ใช่ มันไม่รู้สึกว่าเราจะได้หินจิตวิญญาณของเอลคาริกซ์เลย…”
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ดันเจี้ยนก็เริ่มสั่นคลอน
การเคลื่อนไหวที่น่ากลัวกว่าในดันเจี้ยนตอนที่พวกเขาปลุกลูการิกซ์ในที่ซ่อนของเขา
Kukung- Kukukung-!!
ทั้งเอียนและเลฟย่าต่างตกใจกับเสียงเหล่านั้นและพื้นก็เริ่มแตกใต้เท้าของทั้งสองคน
“เอียนระวังที่พื้นด้วย!”
เลฟย่าเปิดใช้ปีกของเธอและเคลื่อนตัวออกจากพื้นดิน
เอียนอัญเชิญพินและขึ้นไปบนหลังของมัน
Urrrng- Kukukung-!
ถ้ำยังคงสั่นสะเทือนโดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดในเร็วๆนี้
ในขณะที่การสั่นสะเทือนยังคงดำเนินต่อไป พื้นก็ยุบและร่วงลงไปในที่สุด
‘พื้นของทั้งชั้นจะหายไปแบบนี้เลยงั้นหรอ…?’
เอียนรู้สึกกระวนกระวายในขณะที่เขาอัญเชิญพิน, คาร์เซอุส บุ๊กค์โดยไม่รวมตัวอื่นๆ
ทุกคนในปาร์ตี้ของเอียนปลอดภัยอย่างสมบูรณ์
ภายในระยะเวลาหนึ่งตามที่เอียนคาดการณ์ไว้ พื้นก็หายไปและมีหน้าผาโผล่ออกมาจากด้านล่าง
แสงเริ่มสว่างขึ้นจากจุดหนึ่ง
เอียนและเลฟย่าเฝ้าดูด้วยลมหายใจถี่ๆ
Woong-!
เสียงที่ก้องกังวานเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
การสั่นสะเทือนในถ้ำสงบลงและเสียงที่มาจากแหล่งกำเนิดแสงเป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถได้ยิน บรรยากาศทั้งหมดรู้สึกแปลกๆ
เมื่อเวลาผ่านไป แสงก็เปลี่ยนเป็นรูปร่างที่สามารถมองเห็นได้
สายตาของเอียนจับจ้องไปที่มัน
‘มันคืออะไร? ผู้หญิงคนนั้นคือมังกรแห่งแสง เอลคาริกซ์ งั้นหรอ…?’
ด้วยปีกสีขาวและชุดเกราะสีขาวทั่วร่างกายของเธอ
เธอถือโล่ทองและดาบไว้ในมือ เธอชวนให้นึกถึงกองทัพแห่งสวรรค์ที่พวกเขาเคยเห็นในสงครามมิติ
มันไม่เหมือนกันมาก แต่บรรยากาศก็คล้ายกัน
จากนั้น…
เลฟย่าที่เห็นทั้งหมดนี้ก็พูดอย่างติดอ่างออกมา
“วัล… คีรี่…?”
เอียนถามเธออย่างตกใจว่า
“วาลคีรี่? อะไรน่ะ?”
“สิ่งมีชีวิตที่รับใช้เทพีแห่งแสง เออร์เนซิส ฉันคิดว่าพวกมันไม่สามารถปรากฏตัวในโลกมนุษย์ได้นิ…?”
วาลคีรี่ ครึ่งเทพที่ครอบครองพลังแห่งเทพบางส่วน
และเมื่อเควสต์ของอาชีพนักบวชดำเนินไป มันเป็นคำที่พวกเขาคุ้นเคย
ถ้าใครจะไปปะทะกับวาลคีรี่ก็ถือว่าพวกเขายอมแพ้เควสต์นี้จะดีกว่า
เอียนกำลังจะถามเกี่ยวกับวาลคีรี่อีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น เธอก็ลอยไปด้านหน้าของทั้งสองและอ้าปากของเธอพร้อมกับสยายปีกกว้าง
“ท่านคือนักบวชที่เทพีแห่งแสงกล่าวถึงใช่หรือไม่?”
เธอถามเลฟย่าด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลซึ่งเธอก็พยักหน้าว่า
“ใช่ค่ะ ท่านคือนักรบแห่งแสง… วาลคีรี่หรือเปล่า?”
ผู้หญิงคนนั้นตอบพร้อมกับพยักหน้าว่า
“ฉันชื่อไมลอส ฉันเป็นแค่การปรากฏตัวที่ไม่สำคัญซึ่งเทียบไม่ได้กับนักรบแห่งแสงหรือวาลคีรี่ ฉันได้รับคำสั่งให้ดูแลเอลคาริกซ์ให้ปลอดภัยจนกว่าท่านจะมา… วันที่ท่านเออร์เนซิสตื่นขึ้น”
เธอวางดาบลงและยื่นมือขวาออกไป
แสงสีขาวทรงกลมก่อตัวขึ้นที่ฝ่ามือของเธอ
เอียนที่ยืนยันมันพูดด้วยเสียงเบาๆโดยไม่รู้ว่าเขาพูด
“หินจิตวิญญาณของมังกรแห่งเทพ…?”
สีและออร่าแตกต่างกัน แต่มีลักษณะเดียวกับคาร์เซอุสในอดีต
นั่นคือเหตุผลที่เขาสามารถระบุได้อย่างรวดเร็ว
ผู้หญิงที่เรียกว่าไมลอสพยักหน้าและพูดกับเอียน
“ถูกต้อง นี่คือหินจิตวิญญาณของเอลคาริกซ์”
“ครับ”
“ถ้าฉันเดาถูกต้อง… ท่านมีภารกิจที่จะต้องปลุกเอลคาริกซ์ขึ้นมาเพื่อปราบกองทัพแห่งความมืดใช่หรือไม่?”
ทั้งเอียนและเลฟย่าพยักหน้าพร้อมกัน เมื่อเห็นเช่นนั้นไมลอสก็ยิ้มและพูดอีกครั้ง
แต่เป็นคำพูดที่ไม่คาดคิดออกมาจากปากของเธอ
“หุบเขาพริลาเนีย พาฉันไปที่นั่น”
“…?!”
เลฟย่าที่ไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับพริลาเนียรู้สึกงุนงงกับคำขอของเธอ
“หุบเขาพริลาเนียหรืออีกนัยหนึ่ง… หุบเขามังกร?”
ไมลอสพยักหน้าและตอบว่า
“ถูกต้องแล้ว หมู่บ้านมังกรในอดีต ได้โปรดพาฉันไปที่นั่นแล้วท่านจะสามารถปลุกมังกรแห่งแสงที่หลับใหลได้”
หน้าต่างเควสต์ใหม่เปิดขึ้นต่อหน้าของเอียนและเลฟย่าเมื่อผู้หญิงคนนั้นพูดคำพูดของเธอเสร็จแล้ว