ทันทีที่เสียงของหวังหยิ่งเงียบลง วัยรุ่นสองสามคนที่ตั้งแผงอยู่ตรงข้ามก็ระเบิดหัวเราะออกมา หนึ่งในนั้นเป็นเด็กหนุ่มสวมชุดสีเขียวอดเยาะเย้ยขึ้นไม่ได้ “ร้านโอสถไป่หลิงงั้นรึ ร้านโอสถกระจอกที่มีแต่โอสถคุณภาพต่ำกว่าระดับสาม ดันพูดออกมาได้ว่ารับประกันคุณภาพ น่าหัวเราะให้ฟันร่วงจริงๆ !”
หวังหยิ่งโกรธ “หลี่ฉิน เจ้าพูดอะไรน่ะ ?”
เด็กหนุ่มในชุดแพรเลิกคิ้วแล้วตอบว่า “ข้าบอกว่าร้านโอสถไป่หลิงเป็นร้านกระจอก แล้วจะทำไม หวังหยิ่ง เจ้าเป็นแค่นักปรุงโอสถระดับสาม คิดจะมาต่อกรกับข้าหรือไง ฮึ ข้าปรุงโอสถระดับสี่ได้แล้ว เจ้าล่ะว่ายังไง สวะอย่างเจ้า คู่ควรแค่โอสถระดับสองนั่นแหละ!”
เด็กหนุ่มในชุดผ้าแพรตะโกนขึ้นต่อด้วยความภูมิใจ “โอสถระดับสี่จากห้างโอสถเสินอวี่วางขายแล้ว โอสถผิวศิลา ช่วยเพิ่มพลังการป้องกัน ไม่ต้องเปลืองพลังปราณก็สามารถโคจรพลังมาคุ้มร่างกายได้ ส่วนยาสลบแค่ทาบนหัวธนู ถึงจะเป็นสัตว์ร้ายพันปีหรือเหล่าศัตรูผู้แข็งแกร่งระดับปราชญ์สงครามก็ยังต้องยอม! รีบมาซื้อกันเลย!”
“ ห้างโอสถเสินอวี่เจ้าจะเกินไปแล้วนะ!” หลัวไคโมโห
หลินมู่อวี่ก็รู้แล้วว่าห้างโอสถเสินอวี่เป็นร้านโอสถอันดับหนึ่งแห่งเมืองหยินซาน เถ้าแก่ผู้อยู่เบื้องหลังก็คือฮว๋าเทียน เจ้าเมืองหยินซานที่โด่งดังไปทั่วจักรวรรดิ ชายหนุ่มผู้นี้อายุยังน้อย คงไม่เกินยี่สิบปี หากแต่ได้เป็นนักปรุงโอสถระดับสี่แล้ว สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ร้านโอสถไป่หลิงเทียบไม่ได้ ทว่าหลินมู่อวี่ก็รู้เช่นกันว่า สถานการณ์ของร้านโอสถไป่หลิงที่ถูกรังแกนี้จะถูกพลิกโฉมด้วยตัวเขาเอง!
ในตอนนี้เอง มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนเหล่านั้นท่าทางดูมีประสบการณ์ ใบหน้ามีรอยแผลเป็น สวมชุดเกราะที่ไม่เรียบร้อย ทั้งยังสะพายขวานศึกและกระบี่ยาว คนท่าทางแบบนี้ไม่ใช่ทหารของจักรวรรดิแน่นอน เป็นได้แค่ทหารรับจ้าง มีแต่ทหารรับจ้างเท่านั้นที่ไม่ติดตราของจักรวรรดิบนชุดเกราะ ตราจักรวรรดินั้นเป็นรูปดอกจื่อยิน เป็นสัญลักษณ์แสดงเกียรติยศของจักรวรรดิ
บุรุษผู้หนึ่งที่เป็นหัวหน้าของทหารรับจ้างกลุ่มนี้ร่างกายกำยำ มีเหยี่ยวท่าทางดุร้ายตัวหนึ่งเกาะอยู่บนบ่า แถมยังใช้ผ้าดำคาดปิดตาที่บอดข้างหนึ่งอีกด้วย
“ นั่นนัยน์ตาเหยี่ยว!” ฉู่เหยากระซิบบอกหลินมู่อวี่ “เป็นทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงในละแวกนี้ ระดับปรมาจารย์สงคราม แข็งแกร่งมาก! ทหารรับจ้างในอาณัติเขามีร่วมร้อยนาย ถ้าซื้อขายกับเขาได้ก็ดี!”
ในตอนนี้เอง นัยน์ตาเหยี่ยวก็หยุดอยู่ที่แผงฝั่งตรงข้าม เขามองโอสถของหลี่ฉิน หยิบโอสถขึ้นมาหนึ่งขวด เปิดฝาออกแล้วดมกลิ่น อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ยาสลบนี่เป็นแค่โอสถล้มเหลวระดับเก้า ห้างโอสถเสินอวี่ของพวกเจ้ากล้าเอามาขายด้วยรึ ฮึ ยาสลบแบบนี้คนธรรมดาใช้แล้วยังไม่รู้จะสลบรึเปล่า แล้วคิดจะให้ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราชญ์สงครามชา เจ้าฝันไปเถอะ!”
พูดเสร็จ นัยน์ตาเหยี่ยวก็เขวี้ยงขวดยาชาลงพื้นจนแตกละเอียด
หลี่ฉินตะลึงตาค้าง ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ระดับปราชญ์สงคราม เขาไม่เหลือความกล้าที่จะพูดแม้แต่น้อย ยืนตัวสั่นเป็นลูกเจี๊ยบ
“ โอสถก็มีแบ่งระดับด้วยหรือ” หลินมู่อวี่ถามด้วยความประหลาดใจ
ฉู่เหยาพยักหน้าและกระซิบพูด “อืม โอสถประเภทเดียวกันแบ่งเป็นระดับหนึ่งถึงเก้า ระดับหนึ่งคุณภาพดีที่สุด ระดับเก้าคือคุณภาพด้อยสุด โดยทั่วไปแล้วโอสถสมานแผลที่ข้าปรุงจะอยู่ระหว่างระดับที่สามถึงเจ็ด แต่ก็มีเพียงทหารรับจ้างและนักปรุงโอสถที่มีประสบการณ์เท่านั้นที่สามารถใช้การดมกลิ่นบอกระดับของโอสถได้ ปกติแล้วต้องนำไปทดสอบที่สมาพันธ์โอสถถึงจะรู้ระดับของโอสถที่ปรุงออกมาได้”
“ เป็นอย่างนี้นี่เอง…”
ในตอนนี้เอง นัยน์ตาเหยี่ยวก็นำทหารรับจ้างเดินมาที่แผงของร้านโอสถไป่หลิง แล้วหยิบโอสถเพิ่มพลังของหวังหยิ่งขึ้นมาดม เขายิ้มออกมา “โอสถเพิ่มพลังระดับสาม ไร้ค่า!”
พูดเสร็จก็เขวี้ยงโอสถขวดนั้นลงพื้นจนแตกกระจาย หวังหยิ่งตอบโต้ “ทะ…ท่านต้องชดใช้ด้วย!”
“ ชดใช้ ?”
นัยน์ตาเหยี่ยวหัวเราะ สะบัดแขนออกไป และบัดนี้ขวานรบของเขาจ่ออยู่ที่คอของหวังหยิ่งแล้ว แรงกดดันที่มองไม่เห็นทำเอาหายใจไม่ออก เขาพูด “โอสถที่เจ้าขายไม่ได้สูงกว่าระดับสี่ ข้าไม่แจ้งทางการข้อหาขายยาปลอมก็ดีเท่าไรแล้ว ยังจะให้ข้าชดใช้อีกรึ เจ้าหนู หรือเจ้าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว ?”
หลินมู่อวี่พยายามต้านแรงกดดันอันมองมิเห็นของฝ่ายตรงข้าม ลุกขึ้นมาพูด “มี…มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่ารังแกกันเกินไป!”
“ รังแกกันเกินไป ?”
นัยน์ตาเหยี่ยวปล่อยหวังหยิ่ง แล้วหันมามองโอสถตรงหน้าหลินมู่อวี่ พร้อมพูดว่า “ไอ้เด็กบ้า เจ้าก็ขายโอสถปลอม อยากตายมากงั้นรึ”
พูดเสร็จก็หยิบโอสถสมานแผลขวดหนึ่งขึ้นมาขว้างลงพื้น “โอสถระดับห้า นี่ก็ขยะเหมือนกัน!”
โอสถขวดนั้นปรุงโดยฉู่เหยา
จากนั้น เขาก็คว้าโอสถสมานแผลอีกขวดขึ้นมาดม ขณะกำลังจะขว้างลงพื้น ร่างของเขากลับสั่นเทิ้ม หันมามองหลินมู่อวี่ด้วยความสงสัย “เจ้าปรุงโอสถสมานแผลขวดนี้เองงั้นรึ”
“ ถูกต้อง!” หลินมู่อวี่ตอบด้วยความเยือกเย็น
“ น่าแปลก เด็กบ้าอย่างเจ้า ทำไมถึงปรุงโอสถสมานแผลระดับหนึ่งได้ อย่างน้อยจะต้องเป็นราชาโอสถจึงจะปรุงโอสถระดับนี้ได้ เจ้าเด็กบ้า เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่ไหม”
“ ข้าปรุงด้วยตัวเอง จะโกหกท่านทำไม” หลินมู่อวี่ยังดูเยือกเย็น
“ เรื่องบ้าอะไรวะ…”
นัยน์ตาเหยี่ยวหยิบโอสถสมานแผลขวดอื่นขึ้นมาดม“นี่ก็ระดับหนึ่ง จะเป็นไปได้ยังไง เจ้าหนู เจ้ามีโอสถสมานแผลทั้งหมดกี่ขวด”
“ ยี่สิบเก้าขวด” เมื่อหักขวดที่ฉู่เหยาปรุงออกไป โอสถที่หลินมู่อวี่ปรุงมีทั้งหมดยี่สิบเก้าขวด
นัยน์ตาเหยี่ยวก้มมองหลินมู่อวี่ จู่ๆ ก็แสยะยิ้ม ล้วงมือเข้าไปที่อกเสื้อ หยิบเหรียญทองคำสามเหรียญออกมา แล้วโยนลงบนโต๊ะ บนเหรียญมีรูปดอกจื่อยินสลักไว้ มันคือเงินตราของจักรวรรดิ — เหรียญทอง!
( หมายเหตุ: สกุลเงินทั่วไปของจักรวรรดิฉิน 1 เหรียญเพชรเท่ากับ 1,000 เหรียญทอง 1 เหรียญทองเท่ากับ 100 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญเงินเท่ากับ 100 เหรียญทองแดง 100 เหรียญทองแดงเป็นหน่วยเล็กที่สุด บนเหรียญด้านหนึ่งเป็นลายลูกธนู อีกด้านเป็นลายจอบ มีความหมายว่าประชาชนของจักรวรรดิล่าสัตว์และทำการเกษตรเพื่อดำรงชีพ ช่างตีเหล็กวันนึงสามารถสร้างรายได้ประมาณ 30 เหรียญทองแดง ราคาสินค้า เช่น ซาลาเปาหนึ่งลูกราคา 1 เหรียญทองแดง หรือไก่ย่างราคา 20 เหรียญทองแดง)
“ เจ้าหนู ถือว่าเจ้าโชคดี ข้าจะเหมาโอสถสมานแผลของเจ้าทั้งหมด ข้าให้สิบเหรียญเงินต่อขวด!” นัยน์ตาเหยี่ยวแสยะยิ้ม ใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็น พอยิ้มแล้วกลับน่าเกลียดขึ้นกว่าเดิม