The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 11 ป่าสัตตะดารา 1

“ แกรก แกรก…”

ผงโอสถผิวศิลาถูกบรรจุลงขวดขนาดเล็ก ในขวดมีน้ำอยู่บางส่วน แก่นโอสถและเห็ดหูนางแอ่น เริ่มละลายผสมผสานกัน ปล่อยเสียงดังซี่ๆ ออกมา ขวดยารวมทั้งหมดยี่สิบห้าขวดถูกเติมจนเต็ม เพื่อให้มั่นใจนัยน์ตาเหยี่ยวได้รับของคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย หลินมู่อวี่ไม่ใช่พ่อค้าไร้จรรยาบรรณ มิฉะนั้นแล้วด้วยวัตถุดิบเหล่านี้เขาคงจะแบ่งบรรจุไปถึงสี่สิบขวดแล้ว

ฉู่เหยามือเท้าคาง ตามองไปที่ขวดเล็กๆ เหล่านั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางเป็นนักปรุงโอสถเช่นกัน แต่นางปรุงได้แค่โอสถระดับสามเท่านั้น ส่วนโอสถผิวศิลา นางเคยได้ยินแค่ชื่อเท่านั้น  

มีคำกล่าวไว้ว่า บุรุษมักดูหล่อเหลายามที่เอาจริงเอาจัง ทว่าสตรีที่กำลังลุ่มหลงนั้นน่าดึงดูดใจที่สุด ถึงแม้ฉู่เหยาจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา แต่นั่นมิอาจปิดบังเสน่ห์ของอิสตรีวัยเจริญพันธุ์ไว้ได้  

หลินมู่อวี่รู้สึกขันกับท่าทางอยากรู้อยากเห็นของนาง จึงถามขึ้น “พี่ฉู่เหยา ท่านอยากทดสอบดูหน่อยไหมล่ะ”

“ เอ๋ ?  ทดสอบยังไงเหรอ ?”

“ ทาโอสถปริมาณเล็กน้อยบนผิวของท่าน หรือไม่ก็ดื่มโอสถรวดเดียวจนหมดขวด แบบนี้ผิวของท่านก็จะแข็งดั่งศิลา ส่วนจะคงอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน” หลินมู่อวี่รู้เรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี  

กลิ่นหอมอ่อนฟุ้งกระจายออกมาจากตัวฉู่เหยา นางเลิกคิ้วและนั่งลงข้างกายหลินมู่อวี่ จากนั้นจึงเขยิบเข้าไปใกล้เขา “ข้าลองได้จริงเหรอ”

“ แน่นอน!” หลินมู่อวี่รู้สึกตื่นตระหนกกับแววตาเร่าร้อนของนาง    ศิษย์พี่ของเขาไม่เพียงหน้าตางดงาม แต่รูปร่างก็ยังสุดยอดอีกด้วย หน้าอกคัพดี สะโพกผายกลมมน    แถมตอนนี้นางยังแสดงท่าทีว่ารู้สึกดีกับหลินมู่อวี่อย่างชัดเจน แน่นอนว่าเรื่องนี้ทำให้เขาแทบจะหักห้ามใจไม่ไหว

ฉู่เหยาจับเก้าอี้ไว้ สะโพกผายขยับไปชิดขอบโต๊ะ ใช้ช้อนตักผงโอสถผิวศิลาที่เหลืออยู่บนถาดขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ ทาโอสถลงบนข้อมือของตน ได้ยินเสียง “ซ่า” ดังขึ้น    พลันแสงสีฟ้าอ่อนปรากฏที่ผิวหนังบริเวณข้อมือของนาง แสงนั้นรวมตัวกันเป็นชั้นคล้ายกระดองเต่า ถึงแม้ว่าแขนจะชาเล็กน้อย แต่นางกลับรู้สึกว่าพลังการป้องกันที่แขนของนางได้เพิ่มมากขึ้น  

“ นี่มัน…” ปากของนางเผยอขึ้นด้วยความประหลาดใจ “การป้องกันแบบนี้ มันจะแข็งแรงจริงเหรอ”  

หลินมู่อวี่กำลังกินข้าว นั่นเพราะไก่ตุ๋นเห็ดเพิ่งจะถูกอุ่นเมื่อไม่นานนัก มันจึงยังคงมีกลิ่นหอมอย่างมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินอาหารที่เอร็ดอร่อยเช่นนี้หลังจากมาถึงโลกนี้ ถึงแม้เขาจะเป็นคุณชายน้อยแห่ง หลงซินกรุ๊ปมีค่าตัวหลักพันล้าน แต่ต้องมาใช้ชีวิตที่น่าเวทนาบนโลกใบนี้ เขากินข้าวพร้อมกับมองฉู่เหยา ยิ้มพูด “ท่านลองใช้ไม้ตีข้อมือท่านดูสิ”

“ อืม”

ฉู่เหยาหยิบไม้ขึ้นมาตีไปที่แขนของนางเบา ๆ สองสามครั้ง เสียง “เพียะ” ดังขึ้น แต่นางไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอันใด ดังนั้นนางจึงเพิ่มแรง ทว่านางก็ยังไม่รู้สึกอะไรเช่นกัน ท้ายที่สุดนางใช้พละกำลังของนางทั้งหมดตีลงไปจนกระทั่งไม้หักเป็นสองท่อน นางรู้สึกเจ็บข้อมือเพียงเล็กน้อย ดูท่าว่าใช้โอสถผิวศิลาแล้วจะไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเจ็บปวด ถ้าหากตีแรงในระดับหนึ่งก็จะรู้สึกเจ็บแน่นอน

หลังจากหลินมู่อวี่กินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็ว เขาก็เริ่มปรุงยาชาต่อ

การสกัดแก่นโอสถของดอกอสรพิษปีศาจและหญ้าไหมทองนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร จะยากก็ยากที่แก่นโอสถของพวกมันต้านกันเอง คิดจะผสมพวกมันเข้าด้วยกันก็ต้องออกแรงหน่อย หลินมู่อวี่มีฝ่ามือพิสุทธิ์ ความบริสุทธิ์ของแก่นโอสถที่เขาสกัดนั้นจัดอยู่ในระดับสุดยอดของโลกนี้ และเมื่อเผชิญกับปัญหานี้เขามีเคล็ดลับในการแก้ปัญหา แก่นโอสถของดอกอสรพิษปีศาจและหญ้าไหมทองจำเป็นต้องใช้ความร้อนสูงช่วยถึงจะผสมกัน พวกนักปรุงโอสถกระจอกจะใช้กระทะเหล็กผัด ทว่าการทำแบบนี้จะทำให้โอสถปนเปื้อน ส่งผลต่อประสิทธิภาพของโอสถ

วิธีที่หลินมู่อวี่ใช้คือการก่อกองไฟ จากนั้นใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์ควบคุมให้แก่นโอสถเผาไหม้อยู่ในเปลวไฟ ให้แก่นโอสถระเหิดโดยตรง ทว่าเหนือเปลวไฟมีหม้อเหล็กที่ล้างสะอาดแล้วหนึ่งใบวางอยู่ ในหม้อมีน้ำอยู่ปริมาณเล็กน้อย แก่นโอสถที่ระเหิดเป็นไอละลายอีกครั้งในน้ำ กอปรกับหลินมู่อวี่ใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์ชักนำไอที่ระเหิดของแก่นโอสถนี้ ดังนั้นแก่นโอสถจึงไม่หายไปไหน ไม่นานก็ปรุงยาชาจำนวนสิบขวดสำเร็จ

ดึกมากแล้ว ฉู่เหยาและหลินมู่อวี่จึงกลับไปยังห้องของตนเอง  

หลินมู่อวี่อ่อนเปลี้ยไปทั้งตัว พลังลมปราณของเขาแทบจะถูกดูดออกไปจนหมด แต่เขากลับรู้สึกได้ชัดเจนว่าพลังที่ไหลเวียนภายในเส้นชีพจรของเขามีความแข็งแกร่งขึ้น    ในโลกนี้ การใช้ฝ่ามือพิสุทธิ์ก็คือวิธีการฝึกปราณแบบหนึ่ง ทำให้พลังภายในของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และพลังของร่างกายก็เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ หลินมู่อวี่รู้สึกได้ชัดเจนว่าหมัดที่ปล่อยออกไปของเขาดูถูกไม่ได้อีกต่อไป  

เพียงแต่ถ้าเปรียบเทียบกับคนที่มีความแข็งแกร่งอย่างนัยน์ตาเหยี่ยว ก็ถือว่าห่างชั้นมากทีเดียว  

เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาตื่นแต่เช้า สะพายกล่องยา วันนี้มีแค่หลินมู่อวี่และฉู่เหยาสองคนนำโอสถไปส่งที่ตลาด    รอไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นัยน์ตาเหยี่ยวก็นำทหารรับจ้างกลุ่มใหญ่มาปรากฏตัวขึ้นตามนัด ทหารรับจ้างที่เขาพามาครั้งนี้มีจำนวนไม่น้อย ดูแล้วเหมือนจะมากกว่าร้อยนาย ทุกคนแต่งตัวเต็มยศอาวุธพร้อมมือ ทั้งหมดอยู่บนหลังม้าศึก

“ เจ้าหนู ของที่ข้าต้องการเรียบร้อยไหม” นัยน์ตาเหยี่ยวหยุดที่หน้าแผงขายของ  

  หลินมู่อวี่ส่งขวดโอสถทั้งสามสิบขวดให้นัยน์ตาเหยี่ยวและพูดว่า “ยังติดข้ายี่สิบเหรียญทอง”

นัยน์ตาเหยี่ยวเลิกคิ้วและลงจากหลังม้า หลังจากนั้น เขากระชากขวดโอสถผิวศิลามาสูดดม สีหน้าผิดปกติ “เจ้าหนู จะ…เจ้าคงไม่ได้มีนักปรุงยาระดับเทวะอยู่ที่บ้านจริงใช่ไหม เท่าที่ข้ารู้มา ทั้งเมืองหยินซานมีเพียงแค่ท่านฮว๋าเทียนเจ้าเมืองเท่านั้นที่ไปถึงระดับเทวะ จะ… เจ้าคงไม่ได้รู้จักฮว๋าเทียนใช่ไหม”

“ ไม่รู้จัก”

หลินมู่อวี่ส่ายหน้า “โอสถพวกนี้ข้าหลอมปรุงด้วยตัวข้าเอง”

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Options

not work with dark mode
Reset