The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 163 วิญญาณอสูรระดับปราชญ์

EP.163 วิญญาณอสูรระดับปราชญ์

หลินมู่อวี่พักเอาแรงก่อนจะเริ่มหลอมอาวุธต่ออีกสี่ชิ้นคือ…ดาบวายุคลั่ง ดาบสลายเพลิง และหอกแก้ววิสุทธิ์สองเล่ม เนื่องจากเขามีศิลาวิญญาณของวานรแก้วสองก้อน  หลังจากหลอมอาวุธทั้งสี่แล้วหลินมู่อวี่สัมผัสได้ถึงพลังแปลกๆ ที่ฝ่ามือ…มันคือพลังธาตุปฐพีที่มาจากการหลอม

“ฟิ้ว…”

เว่ยโฉวสูดหายใจลึกนั่งลงท่ามกลางกองอาวุธที่เขาสร้างขึ้น เขาหลับตาพักผ่อนไปกว่าสองชั่วโมงก่อนจะตื่นมาพร้อมกับปราณยุทธ์ที่ฟื้นคืนมาแล้วครึ่งหนึ่ง ทั้งพลังฌานสัมผัสของตนก็เพิ่มขึ้นและแม่นยำกว่าเดิมมาก  หลินมู่อวี่ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบอาวุธทั้งเจ็ดแล้วออกจากถ้ำไป

เมื่อมาถึงด้านนอกก็พบว่าตอนนี้คือยามรุ่งสางแล้ว ฉู๋หว๋ายเหมี่ยนขยี้ตามองและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เสร็จแล้วหรืออาอวี่?

“อืม…ขออภัยที่ทำให้ลำบากท่านพี่ฉู๋!”

หลินมู่อวี่นำผ้าสีดำมาห่อบรรดาอาวุธแล้วเอาใส่ในรถม้า เนื่องจากน้ำหนักอาวุธทั้งหมดรวมกันราวแปดร้อยปอนด์ หากให้ม้าศึกแบกโดยตรงเกรงว่าหลังมันจะหักเสียก่อน

ถึงเวลาที่หลินมู่อวี่ต้องกลับไปร้านค้าจักรวรรดิเพื่อขายอาวุธเหล่านี้แล้วใช้หนี้จินเสี่ยวถังเสียที

ฉู๋หว๋ายเหมี่ยนนำองครักษ์มังกรติดตามหลินมู่อวี่ไป ต่อเมื่อมาถึงถนนหลักบนเขา เว่ยโฉวและกององครักษ์อินทรีจึงตามาสมทบ เว่ยโฉวตะโกนมาแต่ไกล “ท่านแม่ทัพ…พวกข้าจะลงเขาไปพร้อมกับท่านด้วย บนเขาแห่งนี้แทบไม่เหลือหินให้หาแล้วและเราต้องซื้อของเพิ่มด้วยขอรับ”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

หลินมู่อวี่พยักหน้า เขาฉุกคิดไม่นานก่อนจะหยุดรถม้า หยิบคันธนูยาวที่เปล่งประกายจากห่อผ้าสีดำส่งมันให้เว่ยโฉว และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คันศรนี้ข้าให้เจ้า ลองนำไปใช้ดูเถิด”

“จริงหรือขอรับ!?”

เว่ยโฉวรับคันศรกลืนปีศาจมาและปล่อยปราณยุทธ์เพลิงเข้าไป มีเสียงวิญญาณของอสูรร้องออกมาเบาๆ เขาดึงลูกธนูออกมาก่อนจะทำการเล็ง พลังเอ่อล้นแผ่จากคันศรและมีพิษออกมาเคลือบที่หัวลูกศร “ซูม!” ลูกธนูถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งปักนกที่กำลังบินอยู่อย่างไม่ทันตั้งตัว

“ท่านแม่ทัพ…”

เว่ยโฉวทำหน้าอย่างไม่เข้าใจ “น…นี่คือคันศรหลอมวิญญาณใช่หรือไม่ขอรับ?”

“ใช่ เจ้าสงสัยสิ่งใดหรือ?” หลินมู่อวี่ถาม

เว่ยโฉวลำบากใจ “มีเพียงปรมาจารย์ไม่กี่คนที่สร้างคันศรได้ และในบรรดาปรมาจารย์นั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่หลอมคันศรวิญญาณได้ หรือหากนำไปขายทอดตลาดราคาย่อมไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันเหรียญทอง ท่านแม่ทัพ…ข้าคงมิอาจรับสิ่งที่มีค่ามหาศาลเช่นนี้ได้ขอรับ” หลินมู่อวี่ยิ้ม “แต่คันศรนี้ข้าทำเองกับมือหาใช่ปรมาจารย์ที่ใดไม่ ทุนสักเหรียญข้าก็ไม่ได้เสีย เจ้าเอาไปใช้เถิด เกิดเป็นชายมิควรลังเลเช่นนี้”

 

“นี่มัน…”

“เว่ยโฉวพึมพำมองยังคันศรกลืนปีศาจ ไม่กล้าแม้แต่จะวางมันลง ก่อนจะพยักหน้าและกล่าว “เช่นนั้นข้าขอรับไว้ด้วยความเต็มใจขอรับ!”

“ไม่ต้องขอบคุณข้าก็ได้…ไปกันเถิด”

“ขอรับ!”

ทัพของหลินมู่อวี่มุ่งลงเขา เว่ยโฉววางคันศรกลืนปีศาจของตนอย่างเบามือ แม้จะไม่รู้ถึงระดับของอาวุธ แต่เขาก็รู้ว่ามันมีค่ามหาศาลนัก ด้วยเหตุนี้ยิ่งทำให้เว่ยโฉวเคารพหลินมู่อวี่มากขึ้นไปอีก แม่ทัพคนนี้…คือคนที่เขาอยากถวายชีวิตให้!

ไม่นานพวกหลินมู่อวี่ก็มาถึงร้านค้าจักรวรรดิ

หลินมู่อวี่และเว่ยโฉวนำอาวุธที่เหลือและโอสถที่เตรียมไว้เข้าไปข้างใน จินเสี่ยวถังพาบรรดาผู้จัดการของนางออกมาต้อนรับที่โถงร้าน มองไปยังรถม้าที่หลินมู่อวี่นำมา จินเสี่ยวถังยิ้มและเอ่ยขึ้น “แขกผู้มีเกียรติของเรามาถึงแล้ว…พร้อมกับสินค้าของเรา!”

“เรียบร้อยดีใช่หรือไม่เจ้าคะ?” จินเสี่ยวถังตรงดิ่งเข้ามาถาม นางยิ้มและกล่าวต่อ “ท่านพี่ใหญ่อาอวี่…ทักษะหล่อหลอมของท่านช่างมหัศจรรย์! ข้าได้ยินมาว่าปรมาจารย์หล่อหลอมต้องใช้ไฟในการหลอมอาวุธนานกว่าสิบถึงสิบห้าวันถึงจะทำอาวุธได้สักชิ้น แต่ทักษะของท่านเหนือชั้นกว่านัก”

หลินมู่อวี่ลูบจมูกและยิ้ม “ข้าเพียงพลิกแพลงทักษะเอาเท่านั้น ช่างเรื่องนั้นเถิด…นี่คืออาวุธทั้งหมด นายหญิงมิได้พาคนประเมินราคามาด้วยหรือ”

“ข้าจัดหาไว้แล้วเจ้าค่ะ”

หลินมู่อวี่นำอาวุธทั้งหกมาวางบนโต๊ะ จินเสี่ยวถังหันไปบอกหนึ่งในผู้จัดการด้านหลัง “ไปตามผู้ประเมินราคามา”

“ขอรับ!”

ไม่นานก็มีผู้ประเมินสามคนเดินมาจากหลังร้าน เริ่มจากประเมินหอกแก้ววิศุทธิ์สองเล่มที่สร้างจากแม่พิมพ์เดียวกันก่อน ทุกส่วนของหอก ทั้งน้ำหนัก ความยาว การออกแบบเหมือนกันหมด ต่างกันเพียงตัวอักษร ‘หอกแก้ววิศุทธิ์’ ที่สลักไว้ด้านข้างเท่านั้น”

ผู้ประเมินเฒ่าใช้มือลูบคมหอก สัมผัสถึงแก่นของหอกและพลังวิญญาณที่ถูกหลอมเข้าไป เขาเบิกตากว้าง “คุณหนู นี่คืออาวุธนิล…อาวุธนิลระดับหกขอรับ!”

“อาวุธระดับนิลหรือ?”

จินเสี่ยวถังอ้าปากค้างตาเป็นประกาย “นี่เป็นอาวุธระดับนิลจริงๆ ช่างมหัศจรรย์…ท่านพี่อาอวี่ ท่านช่างเก่งกาจอะไรเช่นนี้!”

หลินมู่อวี่เขินอาย “ข้าเก่งกาจขนาดนั้นเลยหรือ?”

หอกแก้ววิศุทธิ์อีกเล่มถูกประเมินเป็นลำดับต่อไปก็อยู่ในระดับหกเช่นเดียวกัน ดาบวายุคลั่งและดาบสลายเพลิงเป็นอาวุธนิลระดับเจ็ด แม้ระดับจะต่ำแต่ก็ถือได้ว่าเป็นอาวุธนิลที่หาได้ยาก ในเหมืองหลันเยี่ยนมีเพียงไม่กี่ชิ้นและส่วนใหญ่มีแต่พวกทหารระดับนายพลและชนชั้นสูงที่ใช้ แม้แต่ร้านค้าจักรวรรดิที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจหลักของเมืองยังมีเพียงสองชิ้นเท่านั้น

หลังจากนั้นผู้ประเมินเฒ่าก็สัมผัสคมกระบี่วิญญาณน้ำแข็ง ทันใดนั้นปรากฏเสียงคำรามของอสูรน้ำแข็งและแช่แข็งอากาศจนเกิดเป็นหิมะรอบๆ มือของผู้เฒ่า ร่างกายเขาสั่นเทิ้ม “น…นี่คืออาวุธนิลระดับห้า…”

“ระดับห้า?!”

จินเสี่ยวถังกระโดดโลดเต้นพร้อมปรบมืออย่างดีอกดีใจ “ในที่สุดร้านค้าจักรวรรดิก็ได้อาวุธนิลระดับห้ามาครอง ยอดเยี่ยมมาก…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “อย่าเพิ่งตื่นเต้นไป…โปรดดูหอกอัสนีโลกันต์ก่อนเถิด เป็นผลงานที่ข้าภูมิใจที่สุด ข้ามั่นใจว่ามันจะไม่ทำให้คุณหนูจินเสี่ยวถังผิดหวัง”

“ขนาดนั้นเลยหรือ?”

จินเสี่ยวถังถึงกับอ้าปากค้างเมื่อหยิบหอกอัสนีโลกันต์ขึ้นมา ก่อนจะส่งต่อให้สามผู้เฒ่า ยามพวกเขาได้สัมผัสตัวหอกต่างพากันตกตะลึง อสูรเสืออัสนีปรากฏกายต่อหน้าทั้งสามและคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด

“ม…มันคือ….”

ผู้ประเมินชักมือกลับและถอยหนีด้วยความกลัว อสูรเสืออัสนีสลายหายไป ผู้เฒ่าปาดเหงื่อบนใบหน้า “มันคือวิญญาณอสูรระดับปราชญ์! พระเจ้านี่มันหอกระดับปราชญ์!”

ผู้ประเมินที่เหลือพยักหน้าเห็นด้วย “ดูจากความแข็งแกร่งของวิญญาณอสูรแล้ว อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธปราชญ์ระดับเจ็ดไม่ผิดแน่”

“หืม?”

จินเสี่ยวถังยืนตัวแข็งพึมพำออกมา “โรงประมูลแห่งเมืองหลันเยี่ยนมิเคยปรากฏอาวุธระดับปราชญ์มาก่อน ท่านพี่อาอวี่…ท่านสามารถหลอมอาวุธระดับปราชญ์ได้ ไม่น่าเชื่อ…ท่านทำได้อย่างไรกัน…” หลินมู่อวี่รู้ว่านางต้องการจะถามสิ่งใด เขาหัวเราะและกล่าวไปพลาง “เสี่ยวถัง ข้อตกลงคือเจ้าจะเก็บความลับให้ข้า ฉะนั้นโปรดอย่าถามถึงเรื่องนั้นเลย ทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดีตราบเมื่อเจ้ารักษาสัญญากับข้า”

จินเสี่ยวถังเป็นหญิงที่ฉลาด นางจึงพยักหน้าและกล่าว “เสี่ยวถังผู้นี้เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ หากนี่คืออาวุธทั้งหมดหกชิ้นแล้วท่านได้นำโอสถฝันคืนสู่สูงสุดมาให้ข้าด้วยหรือไม่?”

“ข้าเตรียมไว้แล้ว…” หลินมู่อวี่นำโอสถทั้งสี่สิบขวดออกมาให้นาง

จินเสี่ยวถังสำรวจดูแล้วโอสถทุกขวดอยู่ในระดับสูงทั้งสิ้น นางยิ้มไม่หุบ “ท่านพี่อาอวี่ ข้ารักท่านเหลือเกิน! ท่านคือผู้มีพระคุณของร้านค้าจักรวรรดิแห่งนี้!”

“เช่นนั้นหรือ?”

หลินมู่อวี่นึกถึงเรื่องเงินและเอ่ยขึ้น “เจ้าจะขายของเหล่านี้ได้เมื่อไรหรือ? ข้าต้องรีบใช้เงิน…”

“ฮี่ๆ…”

จินเสี่ยวถังหัวเราะคิกคัก “อย่าร้อนใจไปเจ้าค่ะ เสี่ยวถังป่าวประกาศไปแล้ว และเราจะมีการประมูลขายในวันรุ่งขึ้น ถึงตอนนั้นท่านพี่ใหญ่อาอวี่จะไปดูหรือไม่?”

“อืม…ได้สิ แต่เจ้าต้องปกปิดตัวตนให้ข้า”

“ข้าจัดการให้”

“เช่นนั้นก็โล่งใจ และข้าคงต้องขอตัวก่อน”

“เจ้าค่ะ!”

เมื่อได้รายการรับเงินแล้วหลินมู่อวี่จึงเดินออกจากร้านไป ก่อนจะสะดุดและล้มลง เขารีบชันตัวขึ้น เว่ยโฉวรีบมาช่วยพยุงอีกแรง “เจ็บหรือไม่ขอรับ?”

“ข้าไม่เป็นไร…”

หลินมู่อวี่เร่งปรับสมดุลทักษะชีพจรวิญญาณให้ตนมีสติยิ่งขึ้น หลินมู่อวี่ส่ายหัว “อาจเป็นเพราะข้าไม่ได้นอนเมื่อคืน เรารีบกลับไปยังฐานอินทรีเถิด แล้วเจ้าจงอย่าให้ใครมากวนข้าระหว่างนั้น ข้าอยากพักผ่อน”

“ขอรับ!”

“ทว่าฐานสร้างเสร็จแล้วใช่หรือไม่?”

“พวกข้าทำเป็นบ้านพักได้หลายหลังแล้วขอรับ แม้มันจะไม่คงทนมาก ทว่าคงดีกว่ากระโจมก่อนหน้านี้ หากไม่รังเกียจ เชิญท่านแม่ทัพไปพักได้เลยขอรับ”

“อืม…ไม่เป็นไร ก่อนอื่นเจ้าจงไปเตรียมที่พักให้ท่านพี่ฉู๋หว๋ายเหมี่ยนและเหล่าองครักษ์มังกรเสีย เราจะปล่อยให้พวกเขาอยู่ข้างนอกเหมือนก่อนหน้านี้ไม่ได้”

“ข้าน้อมรับคำสั่งขอรับ!”

กว่าจะถึงฐานหน่วยอินทรีก็บ่ายคล้อยแล้ว หลินมู่อวี่รีบทานอาหารก่อนเข้าไปพักผ่อนด้วยความเหนื่อยล้า ที่พักถูกการปรับแต่งดูดีขึ้น เนื่องจากหลินมู่อวี่เป็นผู้บัญชาการจึงมีบ้านพักเป็นของตนเอง ในบ้านมีชุดเครื่องนอนใหม่จากร้านค้าจักรวรรดิ เขารู้สึกสบายตัวขึ้นมากหลังชุดเกราะถูกถอดออก หลินมู่อวี่เริ่มฝึกฝนด้วยทักษะชีพจรวิญญาณอีกครั้ง

หลินมู่อวี่หลับตาลงและเข้าสู่ภวังค์ภายในเวลาไม่กี่วินาที

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Options

not work with dark mode
Reset