EP.169 ทหารฝึกหัดซ่อนเร้น
พรมสีแดงเข้มลายเส้นสีทองวางแผ่จากใต้ที่นั่งพาดผ่านบันได ในห้องโถงของกองบัญชาการมีที่นั่งขนาดใหญ่สามตัวซึ่งตรงกลางเป็นที่นั่งหลัก และผู้ที่นั่งตรงนั้นคือนักรบวัยกลางคนอายุราว สี่สิบปี เขาคือราชทูตใหญ่ในตํานาน และเป็นสมาชิกระดับสูงสุดของสํานักอัศวินในเขตหลิงเปย
ผู้นำสํานักมีรูปหน้ายาวราวกับใบมีดซึ่งเผยให้เห็นถึงความพากเพียรและประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชน เขาคงผ่านอะไรมามากมายจนสามารถอยู่ในตําแหน่งนี้ได้
“ ข้าคือหลินหยาน ขอคารวะท่านราชทูตใหญ่ขอรับ” หลินมู่อวียืนขึ้นและประสานมือเคารพ
ราชทูตหัวเราะ “ดี..ดีมาก..น้องชายหลินหยาน ในเมื่อเจ้าต้องการเข้าร่วมสํานักอัศวิน เช่นนั้นไม่ดีกว่าหรือหากเอาตราสัญลักษณ์ทหารรับจ้างบนหน้าอกออกเสีย?”
“ข้าจะเอาตราทหารรับจ้างออกทันที่ที่ได้รับตราสมาชิกของสํานักขอรับ”
“ฮ่าๆ น่าสนใจนี่”
ราชทูตใหญ่หันไปด้านซ้ายและขวาพร้อมรอยยิ้ม “หลี่เฉียนซุน หลัวอวี้ พวกเจ้าในฐานะราชทูตมีความเห็นเยี่ยงไรกับเด็กนี่?”
หลี่เฉียนซุน…ชายผู้มีใบหน้าเรียบเฉยอายุราวสี่สิบปี.ความแข็งแกร่งของเขาเป็นที่น่าจับตามอง! หลี่เฉียนซุนถือกระบีพร้อมกล่าวเสียงแผ่วเบา “ให้อยู่ไปเถิด…โดยเริ่มจากการเป็นทหารฝึกหัด ก่อนแล้วด้วยความสามารถของเขาจะค่อยๆ เลื่อนระดับไปอยู่ระดับที่สูงขึ้น! สํานักอัศวินมิได้ สนใจในเรื่องความสัมพันธ์อยู่แล้ว พวกเราต้องมีความเป็นกลาง..แม้เขาจะมีจดหมายแนะนําจาก จินเสียวถึงก็ตาม…”
ราชทูตใหญ่หัวเราะ “เอาล่ะ แล้วราชทูตหลัวอวี้มีความเห็นอย่างไร?”
หลัวอวี้คือชายหนุ่มอายุใกล้เคียงกับเฟิงจี้สิงและฉินเหลย เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าเห็นด้วยกับราชทูตหลี เขาควรเริ่มฝึกจากระดับต่ําสุด!”
“อืม!”
ราชทูตใหญ่โบกมือและกล่าวว่า “หลงหยาน เจ้าพาหลินหยานออกไปและมอบตรา ทหารฝึกหัดให้เขาเสีย จากนั้นช่วยจัดแจงที่พักให้ด้วย! อ้อ…แล้วขาก็มิได้สนใจว่าเจ้าจะเป็นมังกรหรือว่าแมลง หากต้องการที่ยืนในสํานักอัศวินเจ้าต้องเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา!”
หลินมู่อวียิ้มอย่างพอใจพร้อมประสานมือกล่าว “ขอรับ!”
หลินมู่อวี่เดินตามหลินหยานออกไปก่อนจะเลี้ยวซ้ายไปที่ลานกว้าง พวกเขาเห็นชายชรา นิ้วมือสั่นเทากําลังแกะสลักสัญลักษณ์ลงบนเหรียญซึ่งทําให้หลินมู่อวีรู้สึกกังวลเล็กน้อย ชายชราผู้ นี้ดูเหมือนเป็นโรคพาร์กินสัน และอาการมือสั่นของเขาค่อนข้างน่ากลัวเขาแกะสลักลงบนเหรียญด้วยอาการเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
หลงหยานยิ้มผยอง “สหายเฒ่า เตรียมเหรียญให้เด็กใหม่ด้วย เหรียญทหารฝึกหัดชื่อหลินหยาน เร็วเข้า! ข้าให้เวลาหนึ่งนาทีรีบทําให้เสร็จ”
ชายชราพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบเหรียญสีเขียวออกมาเริ่มแกะสลักคําว่า “หลินหยาน ลงไปอย่างรวดเร็ว และสลักสัญลักษณ์ดาบไขวของสํานักอัศวินที่ด้านหน้า
“เรียบร้อย…” ชายชราด้วยรอยยิ้ม
หลงหยานรับเหรียญมาก่อนจะมอบให้หลินมู่อวีพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลินหยาน ตอนนี้ เจ้าเป็นส่วนหนึ่งของสํานักอัศวินแล้ว ทว่ายังคงเป็นเพียงระดับทหารฝึกหัดเท่านั้น อ่ะ…นี่ตราของเจ้า”
หลินมู่อวีรับมาและติดไว้บนหน้าอก “ท่านหลงหยาน ระดับทหารฝึกหัดมีความหมายว่าอย่างไรหรือขอรับ?”
หลงหยานจ้องมองหลินมู่อวี่ “นี่เจ้าไม่รู้แม้กระทั่งการจัดอันดับของสํานักอัศวินเลยรี แล้วยังกล้าขึ้นมาบนภูเขานี้อีก?”
หลินมู่อวีนิ่งเงียบ
หลินหยานพลันหัวเราะออกมา “ฟังให้ดี สํานักอัศวินมีทั้งหมดเก้าระดับ จากระดับล่างสุดที่เจ้าอยู่ขณะนี้คือทหารฝึกหัด จากนั้นคือทหารชํานาญการ ทหารเหรียญโลหะ ทหารเหรียญทองแดง ทหารเหรียญเงิน ทหารเหรียญทอง ราชทูต และราชทูตใหญ่!”
หลงหยานหยุดพักชั่วครูก่อนจะกล่าวต่อว่า “แต่ละเขตจะมีกองบัญชาการใหญ่และมีราชทูตกํากับดูแลอยู่ ราชทูตใหญ่ของสาขาเสียวหลินแห่งนี้มีนามว่าจีหยาง เขาเป็นคนที่น่าทึ่งมากเลยล่ะ ฮ่าๆ ในอนาคตเจ้าจะได้เรียนรู้อีกมาก อีกทั้งยังมีระดับผู้นําราชทูตซึ่งมีระดับสูงกว่าราชทูตใหญ่ ทว่าคนธรรมดาไม่มีทางได้พบง่ายๆ ข้าอยู่สํานักอัศวินมาเจ็ดปีและไต่เต้าจนเป็นทหารเหรียญทองก็ยังไม่เคยพบผู้นําราชทูตเลย เขาเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับที่เดียว”
“ไปกันเถิด ข้าจะพาไปยังที่พักของเจ้า”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวีจูงม้าเดินตามหลงหยานไปยังที่พัก ภายนอกมันช่างน่าเวทนามากราวกับกระท่อมเก็บของที่พึ่งสร้างเสร็จ และรอบบริเวณไม่มีสิ่งก่อสร้างใดอีกเลย
หลงหยานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีของหลินมู่อวี่ “สวัสดิการของทหารฝึกหัดก็เป็น เช่นนี้หากเจ้ามีความสามารถที่จะไต่เต้าขึ้นมาเป็นทหารเหรียญเงิน ก็จะได้สนุกกับสาวๆ ทุกสามวัน และทหารเหรียญทองจะได้โอกาสมีนางบําเรอ ส่วนระดับราชทูตจะมีสวัสติการที่ดียิ่งกว่างสามารถมีลานกว้างส่วนตัวพร้อมนางบําเรอสามนาง ข้าไม่รู้สวัสดิการของราชทูตใหญ่ ทว่าคํา พูดของราชทูตใหญ่คือคําขาด และสํานักอัศวินจะขึ้นตรงกับเขา”
หลินมู่อวีพยักหน้า “แล้วข้าจะเลื่อนระดับได้อย่างไร?”
ง่ายมาก สํานักมีภารกิจให้ทําทุกวัน เช่นทําลายบ้านเรือนศัตรู ลอบสังหาร ล่าสัตว์วิญญาณ และอีกมากมาย ตราบใดที่เจ้าทําภารกิจสําเร็จก็จะได้รับแต้มสะสมซึ่งนาไปเลื่อนระดับได้
พูดจบหลงหยานพลันมีสีหน้าดุดัน “แต่ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ เมื่อใดที่เจ้าตาย มันก็จะกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ฮ่าๆ”
หลินมู่อวีแอบขําก่อนที่จะประสานมือ “เข้าใจแล้วขอรับ เช่นนั้นราตรีสวัสดิ์ท่านหลงหยาน”
“อืม”
ไม่ต้องหวังถึงอาหารเลิศรส…สิ่งที่หลินมู่อที่ได้รับมีเพียงข้าวต้มหนึ่งชามและหมั่นโถวร้อนๆ สองชิ้นเท่านั้น ทว่าก็อิ่มท้อง…ดูเหมือนสวัสดิการของทหารฝึกหัดจะไม่ดีนัก
มีกระท่อมฟางหลายหลังใกล้ๆ กระท่อมของหลินมู่อวี ขณะนี้เป็นเวลาพลบค่ําแล้ว ทว่าทหารหลายนายยังคงนั่งจิบชาและสนทนากันอยู่ด้านนอก
ทหารฝึกหัดที่มีใบหน้าราวกับเด็กอายุสิบเจ็ดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราจะได้รับภารกิจในวันพรุ่งนี้แล้ว ข้าตื่นเต้นเหลือเกินว่าจะได้ภารกิจอะไร”
ทหารฝึกหัดอีกคนอายุราวสามสิบปีพลันหัวเราะ “เสี่ยวติงฉือ เจ้าช่างไม่รู้ระดับของตัวเอง เลยมีทหารฝึกหัดที่ต้องตายในทุกๆ วันและข้าหวังว่าจะไม่เป็นเจ้า”
ทหารฝึกหัดหนุ่มนามว่าเสียวติงจื่อแลบลิ้นออกมาและกล่าวว่า “ลุงหวัง สาขาเสียวหลินแห่งนี้มีคนทั้งหมดเท่าไหร่?”
ลุงหวังกล่าวว่า “ข้าเห็นรายชื่อลงทะเบียนวันนี้ มีทหารฝึกหัดราวสองพันเจ็ดร้อยนาย ทหาร ชํานาญการสองร้อยยี่สิบสิ้นาย ทหารเหรียญโลหะหนึ่งร้อยสิบนาย ทหารเหรียญทองแดงสี่สิบ สองนาย ทหารเหรียญเงินสิบเจ็ดนาย ทหารเหรียญทองห้านาย สองราชทูต และหนึ่งราชทูตใหญ่ ซึ่งรวมทั้งหมดแล้วจํานวนน่าจะราวๆ สามพันกว่านาย นั่นเป็นสาเหตุที่ภูเขาแห่งนี้คับคั่งไปด้วยผู้คน เสี่ยวติงจื่อ…อย่าทําภารกิจที่เสี่ยงอันตรายเลย การรักษาชีวิตของเจ้าไว้นั้นสําคัญกว่า”
“ขอบพระคุณมากขอรับลุงหวัง”
“เข้านอนตั้งแต่หัววันเถิด แล้วพักผ่อนให้เพียงพอ”
“ขอรับ!”
หลินมู่อวีนอนไม่ค่อยหลับในคืนนั้น มันเป็นช่วงฤดูหนาว และสายลมยามค่ําคืนก็หนาวเหน็บ ราวกับถูกมีดกรีดลงบนผิวหนัง กระท่อมที่เขาอยู่ไม่มีแม้แต่ผนังกั้น หลินมู่อวีไม่เคยเจอสภาพเป็นอยู่ที่เลวร้ายถึงเพียงนี้ แต่ก็ต้องอดทนไว้ เนื่องจากเขายังไม่สามารถตีสนิทกับราชทูตใหญ่ และราชทูตคนอื่นๆ หลินมู่อวีเชื่อว่าเหล่าราชทูตจะเป็นกุญแจสําคัญที่นําไปสู่การไขความลับของ สํานักอัศวิน
จากนั้นหลินมู่อวีปลดปล่อยฌานสัมผัสอย่างช้าๆ สํานักอัศวินในยามค่ําคืนเงียบสงบราวกับ ไม่มีสิ่งมีชีวิต สิ่งเดี๋ยวที่รับรู้ได้คือพลังงานผันผวนซึ่งมันทําให้เขาผิดหวัง เนื่องจากอาอวีไม่สามารถสืบหาเบาะแสด้วยฌานสัมผัสได้เลย ดูเหมือนว่าสํานักอัศวินจะเข้มงวดเป็นอย่างมาก
เขาแผ่ฌานสัมผัสออกไปจนเจอรัศมีปราณยุทธ์ซึ่งมาจากที่พักของทหารเหรียญทอง ในระยะไกลมีพลังผันผวนของปราณยุทธ์ซึ่งอยู่ขอบเขตปฐพระดับที่สาม..นั่นคงเป็นหลัวอวี้ ไม่ไกลกัน นั้นมีผู้ปลดปล่อยปราณยุทธ์อย่างหนาแน่นซึ่งอยู่ขอบเขตนภา คนผู้นั้นคงเป็นหลี่เฉียนซุน และ บนยอดเขาไกลออกไปสามร้อยเมตรมีปราณยุทธ์ที่แข็งแกร่งมากซึ่งเขาคือราชทูตใหญ่จหยาง เขา ได้ซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ อย่างน้อยคงอยู่ขอบเขตนภาระดับที่สอง และกําลังเข้าสู่ขอบเขตรา ชั้นสวรรค์!
หลังจากปลดปล่อยฌานสัมผัสเป็นเวลานาน หลินมู่อวีค่อยๆ ถอนฌานกลับมา จากนั้นใช้ ทักษะชีพจรวิญญาณเพื่อปกปัดพลังไว้ หากเขาสามารถตรวจสอบผู้อื่นได้ ก็คงมีคนใช้วิธีเดียวกัน ในการตรวจสอบเขา ดังนั้นจึงต้องระวังตัวให้ดี
โดยไม่รู้ว่าหลับไปนานเพียงใด หลินมู่อวีสะดุ้งตื่นจากเสียงไก่ขัน เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็พบแสงตะวันจากทิศตะวันออกสาดส่องลงบนใบหน้าซึ่งบอกได้ว่าเป็นเวลาเช้าแล้ว
สํานักอัศวินไม่มีการฝึกตอนเช้า ดังนั้นทุกคนต่างฝึกวิทยายุทธของตัวเองโดยไม่รบกวนกันและกัน
หลังจากล้างเนื้อล้างตัว ก็เป็นเวลาอาหารเช้า ซึ่งเป็นอีกมื้อที่ไม่มีสารอาหารใดๆ
จากนั้นหลัวอวี้เข้ามาในจัตุรัสและกล่าวว่า “ทุกคนฟังข้า วันนี้เราจะทําภารกิจกันปกติ ล่าสัตว์วิญญาณและน้ําศิลาวิญญาณมาแลกแต้มสะสม นอกจากนี้ทางด้านตะวันออกของภูเขาจอหวีมีกลุ่มทหารรับจ้าง หากจัดการพร้อมนําหัวกลับมาจะได้แต้มตามระ ดับของพวกมัน เอาละแยกย้ายได้!”
“ภารกิจง่ายมาก” หลินมู่อวี่เผยยิ้ม
หลงหยานยกขวานสงครามขึ้นพร้อมตะโกนทึกก้อง “ใครจะไปภูเขาจ่อหวีมากับข้า! และจะ เป็นการดีหากว่าคันธนูและลูกศรมาด้วย!”
มีเสียงคํารามรับของผู้คนนับพันที่ไปกับหลงหยานเพื่อบุกภูเขาจื่อหวี
สํานักอัศวินมิได้เพ่งเล็งกลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มไหนอย่างเฉพาะเจาะจงและพวกเขายังสังหารทหารรับจ้างเพื่อเพิ่มความเกรงขามให้ตัวเองอีกด้วย ซึ่งเสิ่งนี้ในสิ่งที่คนภายนอกดูแคลน
หลินมู่อวีไม่ได้วางแผนจะไปฆ่าคน เนื่องจากมือของเขาเปื้อนเลือดมามากพอแล้ว และจะลงมือเฉพาะคนที่สมควรตายเท่านั้น เหล่าทหารรับจ้างเป็นเพียงหนุ่มสาวที่ทํางานหาเลี้ยงปากท้อง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะฆ่าพวกเขา
หลินม่อเก็บกระปเหลียวหยวนไว้ด้านหลังก่อนจะขี่ม้าออกไปเสี่ยงโชคในปาล่ามังกร ไม่รู้ ว่าวันนี้จะเจอสัตว์วิญญาณชนิดไหนบ้าง เขาอาจโชคดีเจอศิลาวิญญาณที่ช่วยให้เลื่อนระดับได้อย่างรวดเร็ว
หลังลงจากภูเขา หลินมู่อวีก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ทันที…