The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 197 ชากลิ่นผลไม้

EP.197 ชากลิ่นผลไม้  

 

 

“ฟู่!”  

 

 

กระบี่เหลียวหยวนปล่อยพลังเพลิงออกมาปะทะกับโล่ปราการเกล็ดมังกรของฉินหยาน! ทว่าทำได้แค่เพียงรอยขีดข่วนเท่านั้น…ฉินหยานทำการโต้กลับอย่างรุนแรง! แต่กำแพงน้ำเต้าที่รับการโตมตีแทบไม่มีบุบสลาย ทั้งยังฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วจากปราณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ช่วยซ่อมแซม!  

 

 

หอกเขี้ยวอัคคีของฉินหยานนั้นเหมาะกับการโจมตีเป็นวงกว้าง แม้รูปลักษณ์ดูบอบบางทว่าแฝงด้วยความร้ายกาจ! ทุกการฟาดฟันจะเกิดการโจมตีซ้อน ทำให้แม้หลินมู่อวี่จะหลบครั้งแรกได้แต่ก็ยังโดนครั้งที่สองอยู่ดี การโจมตีต่อเนื่องกดดันหลินมู่อวี่อวี่อย่างรุนแรง  

 

 

ทว่าหลินมู่อวี่มีวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าคอยสนับสนุนอยู่ ทำให้สามารถฟื้นฟูตนเองได้เรื่อยๆ กลับกันโล่เกล็ดมังกรของฉินหยานที่คอยรับการโจมตีบุบสลายลงอย่างเห็นได้ชัด!  

 

 

“ยอมแล้ว…”  

 

 

ฉินหยานดึงหอกกลับก่อนจะถอนหายใจยาว เขาโบกมือและหัวเราะให้หลินมู่อวี่ “ปราณยุทธ์ข้าแทบไม่เหลือแล้ว ท่านพี่หลินมู่อวี่ช่างแข็งแกร่งเสียจริง ไม่แปลกใจเลยที่พี่ฉินเหลยบอกว่าท่านเก่งกาจไม่แพ้เขา!”  

 

 

“หืม? ท่านพี่ฉินเหลยกล่าวเช่นนั้นหรือ?”  

 

 

“ขอรับ เขาและผู้บัญชาการเฟิงจี้สิงประเมินค่าท่านพี่ไว้สูงมาก ถึงกับยกให้ท่านเป็นอันดับหนึ่งทั้งความสามารถกับทัศนคติสูงส่งที่สุดในบรรดาองครักษ์หนุ่ม ไม่แน่ว่าท่านพี่หลินมู่อวี่อาจเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเมืองหลันเยี่ยนในอนาคตก็ได้!”  

 

 

“อันที่จริง…” หลินมู่อวี่ลูบจมูกและกล่าวต่ออย่างขวยเขิน “ข้าไม่ได้แข็งแกร่งอย่างที่ร่ำลือ ทั้งยังเกือบถูกฆ่าตั้งหลายครั้งหลายครา”  

 

 

ฉินหยานหัวเราะลั่น “ทว่าทุกครั้งก็จบลงโดยที่ท่านชนะมิใช่หรือ? นี่แหละคือหลักฐานความแข็งแกร่งของท่าน!”  

 

 

“เอาเถิด เจ้าชายน้อยฉินหยาน ได้เวลาที่ข้าต้องกลับรังอินทรีแล้ว”  

 

 

“ขอรับ ข้าจะไปส่งท่านพี่เอง”  

 

 

“ได้สิ”  

 

 

ฉินหยานมองหลินมู่อวี่ออกจากวิหารศักดิ์สิทธิ์ไป บรรดาทหารยามเมื่อเห็นบุตรชายคนที่สองของราชาแห่งสันติมาส่งหลินมู่อวี่ก็พากันประหลาดใจ เพราะไม่เคยมีใครได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ จากที่เคารพอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกยำเกรงปรมาจารย์อันดับหนึ่งอย่างหลินมู่อวี่มากกว่าเดิม อีกทั้งจากการต่อสู้เมื่อครู่ก็เห็นได้ชัดว่าเขาเอาชนะครูฝึกอันดับหนึ่งอย่างฉินหยานได้อย่างง่ายดาย สมแล้วที่คนคนนี้จะถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด!  

 

 

เมื่อหลินมู่กลับมาถึงรังอินทรี เขาพยายามหลอมศิลาวิญญาณเก้าสวรรค์อีกครั้งทว่าไม่เป็นผล  

 

 

ตลอดระยะเวลาอันยาวนานจนถึงกลางดึก หลินมู่อวี่พยายามหลอมเหล็กทั้งคืนจนร่างกายอ่อนล้าหน้าตาซีดเผือด ลู่ลู่บินมาเกาะที่ไหล่ “จนกว่าจะหาวิธีได้ ท่านพี่พอก่อนเถิดเจ้าค่ะ …”  

 

 

หลินมู่อวี่อ่อนแรงลงมาก เขาพยักหน้ารับคำก่อนนั่งลง  

 

 

ทว่าทันใดนั้นเว่ยโฉวก็ตะโกนเรียก “ท่านผู้บัญชาการ องค์หญิงถังเสี่ยวซีมาขอพบขอรับ!”  

 

 

“หืม…เสี่ยวถังมาที่นี่หรือ?  

 

 

หลินมู่อวี่หัวใจพองโตรีบยืนขึ้นและเดินออกไปทันใด คืนนี้ท้องฟ้ายามราตรีไร้จันทร์หรือดวงดาว มีเพียงผืนฟ้าเปล่าอันดำมืดเท่านั้น ใต้แสงคบเพลิงส่องสลัวด้านนอก ถังเสี่ยวซีลงจากหลังม้าเดินมาหาหลินมู่อวี่ด้วยใบหน้ายิ้มแฉ่ง ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเหมือนศพของเขา นางถึงกับหุบยิ้มทันใด “มู่มู่ เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า หรือเจ้ายังไม่หายดีจากการต่อสู้ที่ตำหนักกวางโศกา…”  

 

 

“ไม่ใช่แบบนั้น” หลินมู่อวี่ส่ายหัว  

 

 

ถังเสี่ยวซีล้วงเอาผ้าเช็ดผืนหนึ่งออกมาเช็ดหยดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้าของหลินมู่อวี่ “ข้าฝึกฝนอยู่ในจวนขุนนางอยู่หลายวัน ไม่รู้เรื่องราวว่าเกิดอันใดขึ้นบ้าง ข้าขอโทษจริงๆ”  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เสี่ยวซี เหตุใดจึงต้องขอโทษเล่า? เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิด…”  

 

 

“อย่างน้อย…ข้าก็ควรมาพบเจ้าให้เร็วกว่านี้”  

 

 

“อย่างนั้นหรือ…” หลินมู่อวี่ถึงกับพูดไม่ออก  

 

 

“เจ้าจะไม่เชิญข้าเข้าไปด้านในหน่อยหรือ?” ถังเสี่ยวซียิ้มถาม  

 

 

“ตามข้ามาสิ…”  

 

 

หลินมู่อวี่เดินนำไปอีกทาง ถังเสี่ยวซีหันไปสั่งองครักษ์ทั้งสองให้คอยอยู่ด้านนอก ก่อนจะตามหลินมู่อวี่ไปยังที่พัก เว่ยโฉวตามหลังทั้งคู่ไปก่อนจะเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “ท่านผู้บัญชาการต้องการให้ข้าตระเตรียมสิ่งใดหรือไม่ขอรับ?”  

 

 

เป็นยิ้มที่น่าชกให้คว่ำเสียจริง หลินมู่อวี่จ้องหน้าเว่ยโฉวก่อนพูดขึ้น “เตรียมสิ่งใด? แล้วรอยยิ้มนั่น…เจ้าจะหาถุงยางอนามัยให้ข้ารึ?”  

 

 

เว่ยโฉวไม่เข้าใจ “อะไรคือ…ถุงยางอนามัย?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีเองก็สับสน จึงยิ้มถามอย่างไร้เดียงสา “มู่มู่ สิ่งใดคือ…”  

 

 

หลินมู่อวี่เกาหัว นึกเกลียดตัวเองที่พูดแบบนั้นออกไป ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงลนลาน “มันคือ…ใบชาชนิดหนึ่งจากบ้านเกิดข้าเอง มันนุ่มละมุน…และมีรสผลไม้หลากหลายเชียวล่ะ ฮ่าๆๆ…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหรี่ตาคู่สวยมอง “ดูก็รู้ว่าเจ้าโกหก ข้าอยากชกหน้าเจ้าเสียจริง แต่…มีชากลิ่นผลไม้จริงหรือ? หากเจ้ามีโอกาสเอามาให้ข้าชิมได้หรือไม่?”  

 

 

เมื่อมองใบหน้าสะสวยของถังเสี่ยวซีแล้วหลินมู่อวี่ก็คิดการใหญ่ เขาพยักหน้าและตอบกลับ “เช่นนั้น…หากมีโอกาสและเจ้าต้องการ…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ฮ่าๆๆ เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้ากัน? เหตุใดข้าถึงจะไม่ต้องการ?”  

 

 

เว่ยโฉวยืนมองทั้งคู่ด้วยความงุนงง “ท่านขอรับ เช่นนั้นอยากให้ข้าน้อยเตรียมของว่างกับชาหอมให้องค์หญิงถังหรือไม่ขอรับ?”  

 

 

“อืม! จะไปไหนก็ไป!”  

 

 

“รับทราบขอรับ!”  

 

 

ห้องของหลินมู่อวี่นั้นกว้างขวางทว่าไร้การตกแต่งใดๆ มีเพียงโต๊ะกับเก้าอี้ไม่กี่ตัวและเตียงหนึ่งหลังเท่านั้น เมื่อหันมองรอบห้อง จินเสี่ยวถังจึง ‘เลือก’ เดินไปนั่งบนเตียง “มู่มู่…ห้องเจ้าไม่มีอะไรเลย แต่ข้า…ชอบเตียงนุ่มๆ ของเจ้า”  

 

 

“ข้า…ข้าไม่ว่าหากเจ้าอยากนอน…”  

 

 

หลินมู่อวี่พยายามหักห้ามใจแล้วที่จะไม่ชวนถังเสี่ยวซีให้ลองนอนบนเตียง เพราะโลกนี้ทุกสิ่งล้วนดูจริงจังไปเสียหมด ไม่เหมือนโลกเดิมที่หยอกล้อกันเป็นปกติ หากเขาพูดเช่นนั้นถังเสี่ยวซีคงรับไม่ได้เป็นแน่  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “เจ้าประหม่าหรือ?”  

 

 

“ข้าไม่ได้ประหม่าอันใด”  

 

 

“เช่นนั้น…เหตุใดเจ้าจึงไม่นั่งเสียก่อนเล่า?”  

 

 

“อ๋อ…ได้สิ!”  

 

 

“ข้าหมายถึงให้มานั่งข้างๆ ข้า!”  

 

 

“ก..ก็ย่อมได้…”  

 

 

หลินมู่อวี่นั่งลงบนเตียงอย่างเชื่อฟัง ในขณะที่ภายในใจเขาเต็มไปด้วยอารมณ์มากมายอย่างบอกไม่ถูก เป็นเวลาเดียวกับที่เว่ยโฉวเดินถือถาดผลไม้และไวน์อุ่นๆ เข้ามาพอดี ทันทีที่เงยหน้าเว่ยโฉวก็ตกตะลึงกับภาพที่เห็น “ข…ข้าขออภัยที่รบกวน!”   

 

 

“เจ้าไม่ได้รบกวนข้ากับ…” ถังเสี่ยวซีเบิกตากว้างและยิ้มหัวเราะด้วยใบหน้าไร้เดียงสา  

 

 

หลินมู่อวี่รีบกระซิบสั่งการ “เว่ยโฉว! วางของไว้ตรงนั้นแล้วออกไปก่อน!”  

 

 

“ขอรับ!”  

 

 

เว่ยโฉวหมุนตัวออกไปโดยเร็ว  

 

 

บรรยากาศค่อนข้างแปลกเล็กน้อยเมื่อชายหนุ่มกับหญิงสาวอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้อง ตัวถังเสี่ยวซีนั้นมีกลิ่นหอมเย้ายวนใจน่าสัมผัสยิ่งนัก แล้วหนุ่มกลัดมันอย่างหลินมู่อวี่จะทนต่อสิ่งยั่วยวนนี้ได้อย่างไรเล่า? เขารีบตั้งสมาธิใช้ทักษะชีพจรวิญญาณ ทว่ามันกลับทำให้ถังเสี่ยวซีรู้สึกอึดอัด นางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเขินอาย “ข้า…ข้าไม่ควรมาหาเจ้าคืนนี้ใช่หรือไม่?”  

 

 

“ไม่…ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด…”  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ ก่อนแสร้งเปลี่ยนเรื่อง “เสี่ยวซี ตอนนี้พลังเจ้าอยู่ระดับไหนแล้ว?  

 

 

“เรื่องนั้น…ข้าเกือบบรรลุขอบเขตปฐพีขั้นสามแล้ว ท่านผู้เฒ่าชวีช่วยฝึกวิชายุทธ์ให้ ข้าจึงคืบหน้าได้เร็วนักแต่ก็ยังไปไม่ถึงขอบเขตนภาเสียที ศิลาวิญญาณห้าพันปีที่เจ้าเก็บมาให้ตอนลาดตระเวนเมื่อครั้งนั้นข้าก็ยังเก็บไว้อยู่ ต่อเมื่อข้าบรรลุถึงขอบเขตนภาแล้วจะได้ใช้มัน”  

 

 

“อืม…” หลินมู่อวี่ลุกขึ้นและเทไวน์ใส่แก้วให้ถังเสี่ยวซี “ดื่มไวน์อุ่นๆ สักหน่อยเถิด พลังยุทธ์ของเสี่ยวซีคืบหน้าไปไวกว่าที่ข้าคิดไว้มากโขทีเดียว!”  

 

 

ถังเสี่ยวซีลุกขึ้นยืนก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “อะไรกัน…เจ้าคิดว่าข้าเอาแต่ใจและเกียจคร้านงั้นรึ?”  

 

 

“หามิได้! เจ้าเป็นคนที่แข็งแแกร่ง…”  

 

 

“หึ!”  

 

 

ถังเสี่ยวซีดื่มไวน์ในแก้วจนหมดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “มู่มู่! ตอนที่เจ้าไปช่วยเสี่ยวอินที่ตำหนักกวางโศกา นางได้…”  

 

 

ถังเสี่ยวซีพูดติดขัดชั่วครู่ก่อนจะเงียบไป  

 

 

หลินมู่อวี่ถามอย่างลนลาน “เสี่ยวอินทำอะไรหรือ?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีดึงสีหน้าให้เป็นปกติ ทว่าหลินมู่อวี่ก็รู้สึกได้ถึงความไม่พอใจ นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดขัดอีกครั้ง “นาง…ได้บอกรักเจ้าหรือไม่?”  

 

 

“ไม่…นางไม่ได้บอกอันใดข้า…” หลินมู่วี่ตอบด้วยความอึดอัดใจ  

 

 

“เช่นนั้นก็ดี…” ถังเสี่ยวซีพูดอย่างโล่งใจก่อนเผยรอยยิ้มออกมา “มู่มู่ พอได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการรังอินทรีแล้ว งานเจ้ายุ่งหรือไม่?”  

 

 

หลินมู่อวี่สงสัย “ข้าดูเหมือนยุ่งขนาดนั้นเชียวหรือ?”  

 

 

“ก็ไม่เชิง…”  

 

 

“ข้าไม่ได้ยุ่งมากนักหรอก…ข้าให้เว่ยโฉว เซี่ยโหวซางกับทหารคนอื่นๆ ช่วยจัดการให้”  

 

 

“ในบรรดาผู้บัญชาการทหารคงมีแต่เจ้าที่ทำเช่นนี้…”  

 

 

“อย่างนั้นหรือ?” หลินมู่อวี่มองหน้าถังเสี่ยวซี “เจ้าดูขยันเสียจริงนะ…เหตุใดจึงไม่ลองมาเป็นคนดูแลคอยออกคำสั่งและฝึกทหารนับพันที่นี่ดูเล่า?”  

 

 

ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ข้าไม่เอาด้วยหรอก…”  

 

 

รอยยิ้มของถังเสี่ยวซีช่างงดงามราวดอกไม้ยามผลิบาน หลินมู่อวี่ใจเต้นแรงทุกครั้งเมื่อได้เห็น กระทั่งเสียงฟ้าร้องดังขึ้นอารมณ์พลุ่งพล่านที่เก็บไว้ก็เกือบปะทุขึ้นอีกครา  

 

 

“เสียงฟ้าร้องเช่นนี้ ฝนคงใกล้จะตกเต็มที…” ถังเสี่ยวซีกะพริบตากล่าว  

 

 

หลินมู่อวี่ยิ้มย่อง “รังอินทรียังมีห้องว่างอีกหลายห้องนัก หากฝนตกจริงๆ เจ้าค้างแรมที่นี่ทั้งคืนยังได้”  

 

 

ถังเสี่ยวซีเผยรอยยิ้มอย่างมีนัย “เจ้าอยากให้ค้าค้างแรมเพราะเรื่องนั้นใช่หรือไม่?”  

 

 

“เรื่องใดหรือ?” หลินมู่อวี่ตอบอย่างใสซื่อ  

 

 

ถังเสี่ยวซีเม้มปาก “เจ้าทำให้ข้าผิดหวังอีกแล้ว!”  

 

 

“นี่เจ้า…ข้าไม่พูดดีกว่า…”  

 

 

หลินมู่อวี่รู้สึกว่าตนกำลังถูกถังเสี่ยวซีคุกคามอยู่ ดูเหมือนว่าผู้หญิงที่โลกนี้…จะมี ‘ความรัก’ ล้นหลามเหลือเกิน ช่างร้อนแรงกว่าที่คิดไว้มาก…  

 

 

“พรึ่บ…”  

 

 

หลินมู่อวี่กางร่ม “เสี่ยวซี เจ้าอยากไปดูพายุกับข้าหรือไม่?”  

 

 

“อืม”  

 

 

ไฟจากคบเพลิงวูบวาบไปมาจากพายุฤดูหนาวที่มาพร้อมกับฝนลูกใหญ่บนเขารังมังกร เว่ยโฉวตะโกนเสียงดัง “เฮ้ย! ไอ้สันหลังยาว! คอยเติมเชื้อเพลิงด้วย…อย่าปล่อยให้คบเพลิงดับมิฉะนั้นข้าจะซ่อมวินัยเสียให้เข็ด!”  

 

 

ถังเสี่ยวซียิ้มก่อนจะกระชับผ้าคลุมและเดินเกาะแขนหลินมู่อวี่ไป  

 

 

………………………………….  

Related

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Options

not work with dark mode
Reset