กลางดึก…หลินมู่อวี่เก็บกระบี่เข้าฝัก ใช้ผ้าคลุมพันมือแล้วชกก้อนหินระบายความอัดอั้นในใจก่อนจะกลับไปพักผ่อน
ที่พักของหลินมู่อวี่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นบ้านสวนของทหารเหรียญทองแล้ว ทหารฝึกหัดสี่คนทำหน้าที่เฝ้ายามที่ประตูเอ่ยทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นเขากลับมา “ท่านหลินหยานกลับมาแล้วหรือ? เราได้จัดหาสาวงามสามคนไว้ให้ท่าน พวกนางรออยู่ในห้องขอรับ!”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “อืม”
เมื่อเปิดประตูห้องก็มีเสียงหลายเสียงลอดออกมา ก่อนจะปลายตามองตามโคมไฟสลัวที่เปิดอยู่จนพบกับหญิงงามทั้งสามถูกมัดแขนขานอนแผ่กับเตียง พวกนางช่างดูสวยสมคำโอ้อวด ดูเหมือนว่าเอกราชทูตจีหยางพยายามจะซื้อใจเขา มิเช่นนั้นคงไม่ยอมยกสามคนนี้ให้เขาเป็นแน่
หลินมู่อวี่ค่อยๆ เดินไปนั่งข้างเตียง หญิงชุดแดงที่อยู่เบื้องหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เขาดึงผ้าที่มัดปากของนางออกก่อนนางจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อย่าทำข้า…ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วยเถิด…อภัยให้ข้า”
หลินมู่อวี่ส่ายหัว มองไปที่หญิงสาวอย่างช่วยไม่ได้ “ผ่อนคลายเถิด ข้าไม่อาจทำอันใดเจ้า…เช่นนั้นจงหยุดร้อง หากมีใครได้ยินเข้าข้าคงช่วยอะไรพวกเจ้าไม่ได้”
หญิงทั้งสามมองตาหลินมู่อวี่ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย
หลินมู่อวี่ไล่แก้มัดเชือกของทุกคน ทว่าหญิงสาวคนที่สอง…เมื่อผ้าได้หลุดจากปาก นางก็พุ่งเข้ากัดมือของหลินมู่อวี่ทันที! นางจ้องหน้าเขาด้วยสายตาแห่งความเกลียดชังพลางกัดมือเขาไว้อย่างนั้น
ร่างกายหลินมู่อวี่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนักหน่วงไม่ได้สะทกสะท้านอะไรกับแรงกัดของหญิงสาว…หญิงผู้นี้ยังไม่ใช้ผู้ฝึกยุทธ์ ต่อให้กัดแรงแค่ไหนก็สร้างรอยแผลให้เขาไม่ได้ แค่เจ็บปวดเล็กน้อยเท่านั้น
หลินมู่อวี่มองหญิงร่างสูงก่อนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กัดจนพอใจหรือยังเล่า? หากสมใจแล้วก็ปล่อยเถิด เดี๋ยวเจ้าจะเหนื่อยเอา”
หญิงสาวร้องไห้ออกมา ทันทีที่มือถูกปลดจากพันธนาการ นางใช้หัวกระแทกแขนหลินมู่อวี่…ทว่าหาได้ผลไม่ อีกทั้งนางยังถูกหลินมู่อวี่ดึงไว้ก่อนใช้นิ้วที่รวบรวมปราณยุทธ์ตัดเชือกที่เหลือออก ก่อนจะผลักนางไปด้านข้าง
“หยุดได้แล้ว”
หลินมู่อวี่พูดอย่างอ่อนโยน “ข้าไม่เคยคิดจะทำร้ายพวกเจ้า ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวข้าเช่นนี้”
หญิงในชุดแดงถอยไปด้านข้างและเอ่ยขึ้น “ได้โปรดท่านอย่าโกรธเสี่ยวฉินเลยเจ้าค่ะ พ่อแม่นางถูกพวกทหารรับจ้างฆ่าเมื่อเช้า นางถึงแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา ข้าขอเจ้าค่ะ…ได้โปรดอย่าโกรธนางเลย”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “อืม…วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำร้ายใครทั้งนั้น”
พอพูดจบหลินมู่อวี่ก็ทำการตัดเชือกให้คนที่เหลือ เมื่อเห็นใบหน้างามดูอิดโรยหลินมู่อวี่จึงเอ่ยถาม “พวกเจ้าหิวหรือไม่?”
หญิงที่ชื่อว่าเสี่ยวฉินส่ายหัวปฏิเสธ
ทว่าอีกสองคนกลับพยักหน้า หลินมู่อวี่เผลอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสามคนคงไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องเลยตั้งแต่เที่ยง พวกสำนักอัศวินช่างทารุณเสียจริง อยากให้พวกนางปรนเปรอแท้ๆ แต่กลับไม่ให้สิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต คนพวกนี้ไม่ควรถูกเรียกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ แล้วยังกล้าเรียกตัวเองว่า ‘ผู้ผดุงความยุติธรรม’ ช่างน่าขันสิ้นดี
หลินมู่อวี่เดินออกไปสั่งทหารฝึกหัดนอกประตู “จัดเตรียมสำรับอาหารให้ข้าสามที่”
ทหารฝึกหัดพยักหน้ารับก่อนจะเอ่ยขึ้น “ท่านอยากเลี้ยงพวกนางด้วยอาหารดีๆ ก่อนหรือขอรับ? ฮ่าๆ ท่านหลินหยานช่างแสนดีเหลือเกิน”
หลินมู่อวี่อยากจะฆ่าเจ้าพวกนี้เสียให้สิ้นทว่ายั้งอารมณ์เอาไว้ “ไปจัดการให้เรียบร้อย!”
“ขอรับ…”
ไม่นานทหารฝึกหัดก็กลับมาพร้อมถาดอาหารที่มีซุปเนื้อและหมั่นโถวอย่างละสามชุด หลินมู่อวี่ยกถาดเข้าห้องแล้ววางไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปปิดประตูห้อง เขาโบกมือเรียกแม่หญิงทั้งสาม “กินเสีย…พวกเจ้าจะได้มีแรงคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไป”
หญิงชุดแดงกล่าว “ท่าน…จะทำอย่างไรกับพวกเราหรือเจ้าคะ?”
“อย่างน้อยข้าก็ไม่สังหารเจ้า”
หลินมู่อวี่เห็นใบหน้าฉงนของพวกนางจึงยิ้ม “และแน่นอน…ข้าจะไม่แตะต้องพวกเจ้า ทำใจให้สบายเถิด”
หญิงชุดแดงกล่าว “ท่านหลินหยานไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้เจ้าค่ะ พวกเราทำใจตั้งแต่ถูกจับแล้วว่าต้องปรนเปรอให้พวกท่าน หงอวี่ขอแค่ให้ท่านช่วยปกป้องเราได้หรือไม่เจ้าคะ หากท่านยอมเราจะทำตามคำสั่งเจ้าค่ะ”
หญิงชุดเหลืองปาดน้ำตาและเอ่ยขึ้นบ้าง “ข้าได้ยินมาว่าหมู่บ้านหินทมิฬก็ถูกปล้นโดยสำนักอัศวิน และเด็กสาวส่วนใหญ่ก็ถูกสังหารจนสิ้น คนพวกนั้นไม่ได้มองผู้หญิงเป็นมนุษย์เลยเจ้าค่ะ…”
ขณะเดียวกันเสี่ยวฉินกลับเป็นคนที่สงบที่สุด นางกล่าวด้วยใบหน้าซีดเซียว “ในเมื่อข้าไม่ตาย และสิ่งใดจะเกิดขึ้นหรือท่านจะทำสิ่งใดต่อเราแทนนั้นข้าคงไม่สนอีกแล้ว”
หลินมู่อวี่หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้ทันที เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนที่สังหารพ่อแม่เจ้างั้นหรือ? เจ้าคิดว่าข้าอยากทำร้ายเจ้าจริงๆ หรือ? ข้าจะบอกให้…เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเช่นนั้นกับข้า เพราะข้าไม่ได้สนใจเจ้าเลยแม้แต่น้อย นั่นก็เพราะเจ้าไม่คู่ควร!”
เสี่ยวฉินตกตะลึง ความหยิ่งผยองของทหารเหรียญทองเบื้องหน้าเธอผู้นี้ทำให้เธอรู้สึกไร้ค่าและเป็นตัวตลก เธอรู้ได้ทันทีว่าตนได้ทำพลาดเสียแล้ว
“ท่านหลินหยาน ข้า…” เสี่ยวฉินอยากจะพูดทว่ากลับพูดไม่ออก
หลินมู่อวู่โบกมือปัด “ไม่ต้องพูดสิ่งใด กินให้อิ่มก่อนค่อยคุยกันก็ได้ ข้าจะหาลู่ทางพาเจ้าออกไป ฉะนั้นอย่าได้เอะอะให้เสียเรื่อง”
“เจ้าค่ะ…” แววตาของทั้งสามเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง
พวกนางกินอาหารอย่างรวดเร็ว
หลินมู่อวี่นั่งบนเก้าอี้ ถอดชุดเกราะออกก่อนจะถอนหายใจ “พวกเจ้านอนบนเตียงเถิด…ข้าจะนอนตรงนี้ แล้วจำไว้ว่าอย่าได้ส่งเสียงร้องอีก จากนี้ไปพวกเจ้าคือคนของข้า จะไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้ตราบที่ยังอยู่ในห้องนี้ เข้าใจหรือไม่?”
“เจ้าค่ะ…”
“นอนเสีย”
“เจ้าค่ะ…”
หลินมู่อวี่นั่งครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับเด็กสาวสามคนนี้ หากยังอยู่ในศูนย์บัญชาการแห่งนี้พวกนางจะต้องเจ็บปวดอีกเป็นแน่…พวกทหารด้านนอกจ้องผู้หญิงอย่างกับหมาล่าเนื้อ สาวทั้งสามคนนี้นับว่ายังสาวและสวยจะต้องตกเป็นเป้าหมายอย่างไม่ต้องสงสัย ทว่าหากเขาปล่อยพวกนางเป็นอิสระและชีวิตพวกนางจะเป็นเช่นไรต่อ?
หลินมู่อวี่ถอนหายใจด้วยร่างกายเหนื่อยล้าและผล็อยหลับไปในที่สุด
หลินมู่อวี่กรนออกมาเบาๆ ทว่าภายใต้แสงไฟสลัวหญิงสาวทั้งสามกับยังตื่นอยู่ ดวงตาสามคู่จ้องมองไปยังหลินมู่อวี่ ถึงแม้นายทหารระดับสูงคนนี้จะไม่ทำสิ่งใด…แต่พวกนางหาได้วางใจไม่ พวกนางไม่รู้ว่าควรทำสิ่งใดต่อและควรเชื่อคนตรงหน้าดีหรือไม่
เสี่ยวฉินหยิบมีดหั่นเนื้อบนโต๊ะขึ้นมา เดินตรงไปยังหลินมู่อวี่ด้วยสายตาแห่งความเกลียดชัง
“เสี่ยวฉิน!”
หงอวี่ตะโกนเรียกเบาๆ ก่อนจะรีบเข้าไปชิงมีดคืน “เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ? ท่านหลินหยานอยากปกป้องเราจริงๆ…เจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”
เสี่ยวฉินยิ้มอย่างเย็นชา “คนชั่วก็คือคนชั่ววันยังค่ำ! เพียงทำดีต่อเราเล็กน้อยเจ้าคิดว่าข้าจะจงรักภักดีและยอมงั้นรึ? ไม่มีทาง!”
หงอวี่กัดฟันกรอด “เสี่ยวฉิน! เจ้าอย่าโง่ไปหน่อยเลย เขาจะทำเช่นนั้นไปทำไม? หากเขาคิดจะทำร้าย เราคงตายไปแล้ว! ทว่าท่านผู้นี้มิได้ทำอันใดต่อเราเลย! หากเจ้าสังหารเขา และต่อให้เราหนีไปได้ นั่นก็เท่ากับเราฆ่าคนบริสุทธิ์!”
เสี่ยวฉินตัวสั่นเทารู้สึกทำอะไรไม่ถูก
“กลับไปนอนเถิด…”
หงอวี่พานางกลับไปที่เตียง เมื่อทั้งสองล้มตัวลงนอนและหันไปมองหลินมู่อวี่ก็พบว่าเขาลืมตาอยู่ก่อนแล้ว เขามองพวกนางโดยไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา
“ท่าน…พวกเราแค่…” หงอวี่เสียงสั่นเครือ
หลินมู่อวี่หัวเราะเบาๆ “อย่าได้กังวล ข้าไม่ได้โทษพวกเจ้า ข้าเห็นทุกสิ่งที่เกิดในเมืองทะเลครามแล้ว ทว่าข้ากลับช่วยอะไรไม่ได้เลย ฉะนั้นการปกป้องพวกเจ้าทั้งสามจึงเป็นวิธีเดียวที่ข้าจะแก้ตัวได้”
“ขอบพระคุณท่านมากเจ้าค่ะ…”
“นอนเสีย”
“เจ้าค่ะ!”
ค่ำคืนผ่านพ้น ตอนเช้าตรู่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นตามด้วยเสียงตะโกนเรียกจากด้านนอก “ท่านหลินหยาน…ท่านราชทูตใหญ่เรียกประชุมที่โถงกลาง แจ้งให้ไปเข้าร่วมภายในหนึ่งชั่วโมงขอรับ”
“ข้ารับทราบแล้ว”
หลินมู่อวี่ลุกขึ้นสวมเกราะ ก่อนเดินออกจากห้องแล้วบอกทหารฝึกหัดด้านนอกให้นำอาหารมาให้ที่ห้องเหมือนก่อนหน้านี้ เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินทางไปเข้าร่วมประชุมที่ศูนย์บัญชาการ หลินมู่อวี่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตำแหน่งทหารเหรียญทองที่ได้เป็นเพียงอุบายของจีหยาง หนึ่งเพื่อใช้งานและสอง…เพื่อยืนยันความจงรักภักดีเท่านั้น
เมื่อมาถึงศูนย์บัญชาการก็พบสองราชทูตหลี่เฉียนซุนกับหลัวอวี่ และทหารเหรียญทองอีกสี่คน
“ท่านหลินหยานเชิญนั่ง”
หลงหยานทักทาย มีที่นั่งเตรียมไว้ให้หลินมู่อวี่อยู่แล้ว เขามีตำแหน่งสูงพอในสำนักอัศวินสาขาใหญ่ ทว่ายังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้าราชทูตใหญ่เช่นจีหยาง
“เมื่อทุกคนมาครบแล้ว เราจะเริ่มถกประเด็นเรื่องการโจมตีภูเขาทางเหนือได้หรือยัง?” จีหยางกล่าว
หลัวอวี่ประสานมือคำนับ “ท่านราชทูตใหญ่ ภูเขาทางเหนือนั้นสูงชันและง่ายต่อการป้องกัน พวกทหารรับจ้างที่คุ้มกันที่นั่นเป็นระดับสูง…ยากต่อการกำจัด ข้าน้อยคนนี้ขอแนะนำให้ชะลอการโจมตีไปก่อนขอรับ”
“ไม่ เราจะรอนานกว่านี้ไม่ได้”
จีหยางมองอย่างเย็นชาและเอ่ยขึ้น “พวกทหารรับจ้างเทียนจิงมีสมาชิกเกินห้าพันคนและเป็นภัยคุกคามต่อเราอย่างมาก แม้จะเป็นเพียงระดับล่างทว่าหากเราพิชิตห้าพันคนนี้ได้ เจ้าคิดว่าจะมีผู้ใดในป่าล่ามังกรกล้าท้าทายเราอยู่หรือไม่? แม้กระทั่งทหารอวี้หลินเองก็อาจรับมือกับเราได้ยาก”
หลี่เฉียนซุนคำนับ “ท่านราชทูตใหญ่ โปรดให้ข้าเป็นผู้นำภารกิจเถิดขอรับ!”
จีหยางส่ายหัวและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ ท่านหลัวอวี่เหมาะสมจะนำภารกิจนี้มากกว่า ข้าอยากให้เขานำทัพพร้อมหลินหยาน หลงหยานและทหารเหรียญทองสามคนบุกโจมตีภูเขาด้วยกองกำลังอีกหนึ่งพันคน หากพวกเขาพิชิตได้สำเร็จจะเป็นสิ่งที่น่ายินดียิ่ง!”
“…” หลัวอวี่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะประสานมือคำนับ “น้อมรับคำบัญชาขอรับ…”