The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 185 กลั่นแกล้งผู้อ่อนแอ

“เปรี้ยง!”

การปะทะกันของยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์และขอบเขตนภาทำให้ทั้งวังสั่นสะเทือนจนเหล่าขุนนางด้านในต้องหนีตาย เมื่อมองไปยังการต่อสู้ที่สวนด้านในตำหนัก มีเสียงอึกทึกปะปนกันทั้งเสียงอสูรคำราม เสียงอันเกรี้ยวกราดขององครักษ์อวี้หลิน รวมไปถึงเสียงคร่ำครวญของทหารใกล้ตาย

ผู้บัญชาการหลัวซิ่งกล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “ฝ่าบาท…ศัตรูคือชางไป๋เฮ่อผู้ซึ่งเคยเป็นสหายคนสำคัญของจวนเสินโหวพ่ะย่ะค่ะ…”

ฉินจิ้นขมวดคิ้ว “จวนเสินโหวอีกแล้วรึ?!”

หลิงหนานเทียนแม่ทัพแห่งเจิ้นกั๋วประสานมือคำนับก่อนจะชูดาบขึ้น “ฝ่าบาทตาแก่ชางไป๋เฮ่อหาได้มีความละอายไม่ ทั้งที่เมื่อครั้งอดีตเคยได้รับพระมหากรุณาธิคุณอย่างหามิได้ ทว่าเพลานี้กลับคิดกบฏต่อพระองค์ ข้าน้อยผู้นี้จะขอตัดหัวมันให้ฝ่าบาทเองพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินจิ้นตื้นตันใจ แต่ก็รู้ดีว่าหลิงหนานเทียนชำนาญในการวางแผนมากกว่าด้านการรบที่เทียบกับเฟิงจี้สิง ฉินเหลย และคนอื่นๆ แล้วเขายังด้อยกว่ามาก ฉินจิ้นส่ายหน้า “ไม่…เจ้าเป็นถึงแม่ทัพเจิ้นกั๋ว จะลดตัวลงมาสู้รบกับคนเช่นนี้ได้อย่างไร ใครก็ได้…ตามเฟิงจี้สิงมาพบข้า!”

เฟิงจี้สิงที่อยู่นอกตำหนักมาเข้าเฝ้าฉินจิ้นตามคำสั่ง “ถวายบังคมขอรับฝ่าพระบาท…”

“สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร?” ฉินจิ้นขมวดคิ้วถาม

เฟิงจี้สิงตอบ “ขณะนี้ท่านฉินเหลยนำกององครักษ์มังกรเข้าปะทะกับชางไป๋เฮ่ออยู่ขอรับ ฝั่งนั้นมีงูมังกรอายุพันปีเป็นพวกทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างยากลำบากยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ…อีกทั้งตำหนักนี้โล่งเกินไป ข้าน้อยขอเสนอให้องค์จักรพรรดิและขุนนางท่านอื่นๆ ถอยออกไปก่อน หากชางไป๋เฮ่อฝ่าองครักษ์มังกรมาได้เกรงว่าจะเป็นอันตรายขอรับ”

“อืม”

ฉินจิ้นพยักหน้ารับ “ทุกคนเตรียมย้ายไปสวนฝั่งตะวันตก!”

“ขอรับ!”

เฟิงจี้สิงดึงดาบขึ้นและตะโกน “องครักษ์อวี้หลิน! จงคุ้มกันองค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางไปสวนตะวันตก!”

ณ ประตูทิศตะวันออกของตำหนักกวางโศกา มีทหารองครักษ์อวี้หลินราวสามร้อยนายยืนเฝ้าอยู่ ท่ามกลางการต่อสู้พวกเขาทำได้เพียงคุ้มกันประตูไว้เท่านั้น

“ฟิ้ว…ฟิ้ว…ฟิ้ว…”

ฝนธนูแหวกฟ้ายามราตรีพุ่งสังหารทหารองครักษ์อวี้หลินหลายสิบนายในพริบตา กระทั่งหนึ่งในนั้นตะโกนขึ้น “สร้างกำแพงโล่แล้วใช้น้ำมันจุดไฟขวางทางไว้!”

“ตุบ…” องครักษ์อวี้หลินโยนถังน้ำมันทิ้งหลังจากสาดไปทั่วบริเวณก่อนโยนคบเพลิงลงไป ทำให้ตลอดทางจนถึงประตูทิศตะวันออกลุกท่วมไปด้วยทะเลเพลิงในทันใด

“พลธนู ยิง!!”

ลูกธนูตกลงมาเหมือนห่าฝนทหารเหรียญทองแดงหลายคนได้รับบาดเจ็บ ทว่าตายไปไม่กี่คนเท่านั้น…

จีหยางแสดงสีหน้าไม่พอใจ เขาลงจากหลังม้าและตะโกนขึ้น “หลี่เฉียนซุน ใช้ทักษะควบคุมวารี!”

“ขอรับพี่ใหญ่!”

หลี่เฉียนซุนกระโจนไปข้างหน้า ใช้ยกฝ่ามือทั้งสองรวบรวมน้ำจากในอากาศด้วยปราณยุทธ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะผลักฝ่ามือแยกออกด้านข้าง พลังธาตุวารีเคลื่อนตัวไปผสานกับมวลน้ำราวกับมันมีชีวิต ทักษะการดับเพลิงนี้ทำให้ผู้ที่เห็นมันต้องตกตะลึง

ทว่าการใช้ทักษะควบคุมวารีก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิด ด้วยปราณยุทธ์ที่ถูกใช้จนเกินขีดจำกัด ส่งผลใบหน้าหลี่เฉียนซุนเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปูดขึ้นพร้อมกับเหงื่อแตกพลั่ก

“กำจัดพวกมันให้สิ้น!”

จีหยางควบม้านำทัพฝ่าข้าศึกเข้าไป และด้วยเกราะรบที่เขาสวมอยู่ทำให้สามารถป้องกันฝนธนูที่ยิงมาได้อย่างดี จีหยางใช้หมัดชกประตูตำหนักทิศตะวันออกจนแหลกเป็นชิ้นๆ เพราะตำหนักกวางโศกาเป็นเพียงสถานที่ที่สร้างขึ้นเพื่อการล่าสัตว์ชั่วคราวเท่านั้น จึงไม่มีแผนตั้งรับการโจมตีใด ประตูไม้ธรรมดาที่ไร้การป้องกันจึงพังได้อย่างง่ายดายด้วยการโจมตีเดียว

กลุ่มทหารชำนาญการเข้าซ้อนทัพตามหลังจีหยาง ทหารองครักษ์อวี้หลินทั้งหกร้อยคนพ่ายยับเมื่อต้องเผชิญกับยอดฝีมือขอบเขตนภาระดับเจ็ดสิบสี่ การจะเอาชนะชายผู้นี้คงเป็นเพียงฝันเท่านั้น

“กา…”

อีกาดำตัวหนึ่งส่งเสียงร้องโฉบบินลงมาเกาะไหล่หลี่เฉียนซุน ก่อนเขาจะเอ่ยขึ้นด้วยแววตาอันชั่วร้าย “พี่ใหญ่! จักรพรรดิฉินจิ้นกำลังมุ่งหน้าไปที่สวนฝั่งตะวันตก หากเราเดินตัดสวนดอกไม้ไปได้ทันก็จะสามารถจับมันแยกจากพวกองครักษ์และสังหารมันได้!”

“เอาตามนั้น!”

แสงจันทร์สาดส่องยามค่ำคืน หลายร้อยไมล์รอบนอกตำหนักกวางโศกาหิมะยังคงจับตัวหนา กองทัพม้าที่เหยียบผ่านหิมะทิ้งรอยเท้าดั่งจันทร์ฉายตัดกับพื้นขาวไว้

แสงจากกองไฟโหมกระหน่ำสาดส่องไปทั่วผืนฟ้า เสียงต่อสู้จากตำหนักกวางโศกาดังกระหึ่มไปทั่ว

เว่ยโฉวขมวดคิ้วพร้อมเอ่ยขึ้น “อย่าบอกนะว่าเรามาช้าไป?”

“ไม่มีคำว่าสายตราบที่เรายังอยู่!”

หลินมู่หยูเลิกคิ้วขึ้นและดึงกระบี่เหลียวหยวนออก “ประตูทางทิศใต้ยังไม่ถูกโจมตี ฉะนั้นเราต้องเข้าปะทะทางฝั่งทิศเหนือที่ถูกโจมตีแล้ว ทั้งหมดเดินหน้าเต็มกำลัง!”

“ขอรับ!”

หน่วยองครักษ์อินทรีกว่าสามร้อยนายบุกทะลวงผ่านประตูทางทิศเหนือที่พังทลายแล้ว หลินมู่อวี่ใจสั่นระรัวเมื่อเห็นซากประตูที่ถูกพังด้วยการโจมตีเดียว คนที่มีพลังหมัดอันทรงพลังนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากจีหยางและชางไป๋เฮ่อ!

สวนทางตะวันตกของตำหนักกวางโศกา มีฝูงกวางเขายาวอาศัยอยู่กว่าร้อยตัว พวกมันกระทืบเท้าอย่างกระวนกระวายเพราะความวุ่นวายด้านนอก

ฉินจิ้นที่นั่งอยู่กลางวงล้อมของกองทหารอารักขาและบรรดาขุนนาง มองไปยังแสงของเพลิงที่ลุกโชนอยู่อีกฝั่งก่อนจะถอนหายใจและนึกโทษตัวเองอยู่ในใจลึกๆ “องค์หญิงฉินอินอยู่แห่งใด?”

“องค์หญิงฉินอินทรงพำนักอยู่ที่สวนน้ำพุร้อนทางฝั่งใต้พ่ะย่ะค่ะ…” ขุนนางคนหนึ่งกล่าว

“องค์จักรพรรดิมีรับสั่งให้ส่งคนไปตามหาองค์หญิงเดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ!”

“ช้าก่อน…” ฉินจิ้นยกมือขึ้นปราม “เฟิงจี้สิงเจ้าจงนำทหารองครักษ์สองร้อยคนไปยังสวนฝั่งใต้แล้วคุ้มกันองค์หญิง…อย่าให้นางตกอยู่ในอันตรายเป็นอันขาด!”

เฟิงจี้สิงยืนนิ่ง “ข้าแต่ฝ่าพระบาท…สวนฝั่งตะวันตกก็ขาดกำลังพล ทั้งยังมีศัตรูอยู่รายล้อม ข้าน้อยเกรงว่าทางนั้นจำเป็นมากกว่าขอรับ…”

“ไม่ต้องพูดให้มากความ ไปคุ้มกันฉินอินเดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ!”

เฟิงจี้สิงถวายบังคมและกระชับดาบสะบั้นวาโยเดินนำกองทหารไป ทว่าก่อนหน้านั้นเขาได้กล่าวว่า “หากสำนักอัศวินบุกเข้ามา จงเปิดประตูสวนอสูรและปล่อยกวางเขายาวเข้ามาเสีย…พวกมันคงช่วยยื้อเวลาศัตรูได้ครู่หนึ่ง และเมื่อข้าน้อยเจอองค์หญิงฉินอินแล้วจะเร่งกลับมาโดยเร็วพ่ะย่ะค่ะ”

“ขอรับ!”

หลัวเลี่ยพยักหน้าและประสานมือคำนับ

เฟิงจี้สิงออกไปไม่ถึงห้านาที กำแพงสวนตะวันตกก็ถูกทุบจนแหลก เศษหินกระจัดกระจาย…ปรากฏทหารชำนาญการของสำนักอัศวินกว่าพันคนถือคบไฟอยู่นอกกำแพง จีหยางที่บัดนี้ร่างกายห่อหุ้มไปด้วยปราณยุทธ์เดินข้ามซากปรักหักพังเข้ามาในสวน ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากและเอ่ยขึ้น “ถึงเวลาของแกแล้วไอ้จักรพรรดิ ทหารบุกได้!”

ผู้บัญชาการทหารองครักษ์หลัวเลี่ยเปิดสวนอสูรและนำกองทหารเข้าปะทะ ทันใดนั้นกวางเขายาวพุ่งเข้าจู่โจมทหารสำนักอัศวินอย่างดุเดือด ฝูงกวางเขาแหลมวิ่งกระหน่ำจนมีคนบาดเจ็บและถูกเหยียบจนตาย

“ฆ่าพวกมัน!”

จีหยางกระโจนเข้าไปพร้อมกับใช้มือรวบรวมปราณยุทธ์ก่อนปล่อยคลื่นพลังใส่กองทหารองครักษ์จนแหลกเป็นเศษเนื้อ จนคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตกตะลึงไปตามกัน

ทหารเหรียญทองและเหรียญเงินตามเข้าสมทบจนเกิดการต่อสู้ชุลมุน

“คุ้มกันองค์จักรพรรดิ!”

เหล่าขุนนางแตกตื่นกระวนกระวาย ใครจะช่วยฉินจิ้นได้ในเวลานี้?

จีหยางและหลี่เฉียนซุนที่เป็นถึงปรมาจารย์ขอบเขตนภากระหน่ำโจมตีจนทิศทางการต่อสู้เปลี่ยนไป ชั่วพริบตา…กองทหารของหลัวเลี่ยเหลือเพียงห้าสิบจากสองร้อย หลัวเลี่ยเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของจีหยาง ทั้งแขนและมือหักจนจับดาบต่อสู้ไม่ได้

หลัวเลี่ยกัดฟันใช้มือซ้ายที่ไม่ถนัดจับดาบกระโจนออกไปก่อนจะถูกจีหยางซัดกระเด็นจนกระอักเลือดด้วยฝ่ามือเดียว

“ผู้บัญชาการหลัวเลี่ย!”

ฉินจิ้นกัดฟันกรอดและตะโกนออกไป “พอได้แล้ว พวกเจ้าไม่สมควรมาตายเช่นนี้! ไอ้พวกสำนักอัศวิน…หากอยากสังหารข้านักก็เข้ามา! ต่อให้ข้าตาย…ก็ยังมีฉินอินสืบทอดบัลลังก์ ประเทศนี้จะไม่มีวันล่มสลาย!”

จีหยางระเบิดเสียงหัวเราะ “แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยลูกสาวเจ้าไปงั้นรึ? ฮ่าๆๆ ทหาร! ฆ่าพวกมันอย่าให้เหลือ! ถึงเวลาเปลี่ยนจักรพรรดิแล้ว…”

ทันใดนั้นกำแพงด้านข้างก็ถูกระเบิดจนเป็นรูขนาดใหญ่ กลุ่มคนสวมชุดเกราะองครักษ์อวี้หลินปรากฏกาย ชายที่อยู่เบื้องหน้าทุกคนขณะนี้คือผู้บัญชาการหนุ่มในชุดคลุมสีขาวในมือถือกระบี่เพลิง เขากางฝ่ามือออกพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชนขึ้น กระบี่ยาวควงสะบัดไปมา

กระบี่เพลิงจักรพรรดิ!

หลินมู่อวี่ควบม้ากระโจนเข้าหาจีหยางพร้อมกับกระบี่

“แกเองรึหลินหยาน!” จีหยางจำหลินมู่อวี่ได้ในทันทีก่อนตะโกนออกมาอย่างเดือดดาล “ไอ้ขยะไร้ยางอาย! ไอ้หมารับใช้จักรพรรดิ!”

“เชิญเห่าให้พอใจได้เลย!”

หลินมู่อวี่กระโดดลงม้าด้วยเจตนาฆ่าที่เอ่อล้น เขาใช้มือทั้งสองข้างควบคุมกระบี่เหลียวหยวนให้แทงไปที่จีหยาง!

จีหยางเข้าปะทะหลินมู่อวี่เต็มกำลัง! สองฝ่ามือประสานกลางอกรวมพลังสร้างเกราะปราณยุทธ์ “โล่ปราการร้าง!”

“เปรี้ยง!”

เกลียวคลื่นเพลิงมังกรแทงทะลุโล่ปราการร้างพร้อมกับปราณยุทธ์ การโจมตีของหลินมู่อวี่ทำให้ราชทูตใหญ่ต้องใช้สมาธิอย่างมาก แก่นเพลิงมังกรค่อยๆ เจาะทะลวงผ่านการป้องกันของโล่ซึ่งเป็นเพียงรูปร่างที่สร้างจากทักษะการควบแน่นปราณยุทธ์เพื่อใช้ปกป้องร่างกายเท่านั้น

โล่ปราการร้างถูกทำลายสิ้น พร้อมกับกระบี่ยาวที่ใช้พลังในการเจาะทะลวงโล่จนหมด

“ฟึบ!”

กระบี่เหลียวหยวนที่ไร้พลังถูกเรียกกลับไปยังเจ้าของ หลินมู่อวี่คว้ากระบี่ที่ลอยมาก่อนจะคำรามลั่น “เพลิงจงปรากฏ!”

ปราณยุทธ์เข้าโอบล้อมตัวกระบี่พร้อมปลดปล่อยพลังวิญญาณ เสียงเปลวเพลิงโหมกระหน่ำขณะที่กระบี่พุ่งทะลวงหน้าอกจีหยาง

“เฮือก…”

จีหยางใช้ปราณยุทธ์ไปกว่าครึ่งในการต่อสู้และต้องใช้พลังสองในห้าส่วนที่เหลืออยู่ในการสร้างโล่ปราการร้างป้องกันกระบี่ทะลวงของหลินมู่อวี่อีกครั้ง ด้วยพลังที่เหลือน้อยนิดไม่สามารถต้านทานการโจมตีอันรุนแรงได้ ความเจ็บปวดจากเพลิงผลาญแผ่กระจายทั่วหน้าอก ไม่เพียงเท่านั้น…จีหยางมองเห็นพลังงานที่เหมือนวิญญาณล้อมรอบหลินมู่อวี่ขณะที่เขารวบรวมพลังดวงดาราไว้ที่ฝ่ามือ

“เทพมังกรโศกศัลย์…” ภายในใจของจีหยางเต็มไปด้วยความโศกา

หลินมู่อวี่เรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าของตนและระเบิดมันออก ปลดปล่อยพลังสามประทีปด้วยความแรงสิบเท่า!

“ปกป้องท่านราชทูตใหญ่!”

หลี่เฉียนซุนตะโกนก่อนจะวิ่งไปบังหน้าจีหยางอย่างรวดเร็วพร้อมกับสร้างโล่ขึ้นมาด้วยฝ่ามือ

“เปรี้ยง!”

เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้น พลังขอบเขตนภาของหลี่เฉียนซุนและหลินมู่อวี่ปะทะกัน ทว่าพลังของหลี่เฉียนซุนไม่ได้มหาศาลเช่นพลังฌานเจ็ดประทีปทำให้ถูกซัดกระเด็นจนกระอักเลือด ยิ่งกว่านั้นพลังสามประทีปที่ทะลุผ่านหน้าอกหลี่เฉียนซุนยังกระแทกเข้าหน้าท้องจีหยางอย่างเต็มกำลังด้วย

จีหยางเซถอยหลัง เลือดสดๆ ไหลออกจากมุมปาก…

“บุกเข้าไป…สังหารฉินจิ้นเสีย ต้องไม่มีใครหน้าไหนรอดออกไปได้ทั้งนั้น!”

ไฟแค้นปรากฏขึ้นในตาของจีหยาง

พลังของหลินมู่อวี่เองก็ลดลงจนเหลือริบหรี่ เขาสูญเสียพลังไปอย่างมากและต้องการฟื้นพลังจึงต้องรีบถอยออกไป ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า “องครักษ์อวี้หลิน…จงอารักขาองค์จักรพรรดิและเหล่าขุนนางให้ดี!”

“ขอรับ!”

เว่ยโฉวและทหารคนอื่นๆ เตรียมอาวุธและปลดปล่อยปราณยุทธ์ก่อนเข้าห้ำหั่นกับเหล่าทหารสำนักอัศวิน!

……………………………

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Options

not work with dark mode
Reset