The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 216 การทดสอบดาบในตำหนัก

หลังจากข่มขวัญอสูรเทวาจนเชื่องแล้ว เพลิงสวรรค์ผลาญพิภพได้เข้าห้อมล้อมดวงวิญญาณของอสูร กระทั่งหลอมรวมเข้ากับมีดเสียงปีศาจ หลินมู่อวี่ใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ รู้สึกเหมือนจิตของอสูรเทวากำลังแทรกเข้ามาในตัว มีดเสียงปีศาจสั่นเล็กน้อยก่อนจะเปล่งแสงสีทองลอยขึ้นและกลายร่างเป็นอสูรเทวาขนาดเล็ก มันวิ่งเข้ามาพันแข้งขาหลินมู่อวี่ ทั้งยังเอาหัวถูไปมาราวกับสัตว์เลี้ยงน่ารัก

หลินมู่อวี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ด้วยจิตวิญญาณของอสูรเทวาที่คอยพิทักษ์มีดเสียงปีศาจอยู่ตอนนี้ ช่างดูแตกต่างจากร่างก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง

หลินมู่อวี่เริ่มทำการตีใบมีดต่อ ก่อนจะพบว่ามันง่ายอย่างน่าประหลาด ตลอดสิบสองครั้งที่ผ่านมาในการตีคมมีดแต่ละเล่มนั้นช่างยากเย็นจนเขาคิดล้มเลิกอยู่หลายครา ในครั้งนี้หลินมู่อวี่มั่นใจว่ามีดเสียงปีศาจต้องมีคุณภาพที่ดีกว่ากระบี่วิญญาณมังกรอย่างแน่นอน

ความร้อนจากตัวมีดค่อยๆ ลดลงเมื่อหลินมู่อวี่นำไปแช่ในน้ำเพื่อลดอุณหภูมิหลังตีเสร็จ เขาหยิบมีดเสียงปีศาจขึ้นมาและสัมผัสได้ถึงจิตของอสูรเทวาที่อยู่ด้านในราวกับวิญญาณทั้งคู่สามารถเชื่อมประสานและติดต่อกันได้ อาจเป็นเพราะการลงนามพันธสัญญาก่อนหน้านี้จึงทำให้ทั้งคู่สื่อสารกันได้ตราบใดที่มีดเล่มนี้อยู่ในมือหลินมู่อวี่

“มีดเล่มนี้อยู่ระดับไหน?” หลินมู่อวี่เอ่ยถาม

ลู่ลู่ตอบ “เป็นอาวุธปราชญ์ระดับสาม แข็งแกร่งยิ่งกว่ากระบี่วิญญาณมังกรเจ้าค่ะ!”

“โอ้…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “ข้าคิดไว้แล้วเชียว”

“ท่านพี่ต้องลองใช้เองดูถึงจะรู้เจ้าค่ะ!”

“อืม”

หลินมู่อวี่ไม่ได้โยนมีดออกไป ทว่าเพียงแค่คิดปราณยุทธ์ที่มองไม่เห็นก็ควบแน่นเข้ากับตัวมีด ทันใดนั้นมีดเสียงปีศาจก็เปล่งแสงสีทองและพุ่งออกไปเอง มีดคมล่องหนหายไปในอากาศมีเพียงเสียงหวีดหวิวยามมันตัดผ่านสายลมเท่านั้น!

“ล่องหนงั้นรึ?!” หลินมู่อวี่ประหลาดใจ

ลู่ลู่กล่าวตอบ “ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านพี่ เพราะวิญญาณที่ใช้หลอมเป็นของอสูรเทวาธาตุอรุณที่มีทักษะซ่อนรูปลักษณ์ด้วยการหักเหแสงโดยรอบ ด้วยเหตุนี้มีดเสียงปีศาจจึงสามารถหักเหแสงรอบตัวมันและล่องหนได้เช่นเดียวกับอสูรเทวา และมันยังล่องหนต่อไปได้เรื่อยๆ ตราบใดที่ท่านพี่ยังคงใช้ปราณยุทธ์เจ้าค่ะ”

“ยอดเยี่ยมมาก!”

หลินมู่อวี่เผยท่าทีตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้า ความสามารถในการล่องหนที่ใช้ลอบฆ่าได้ สมกับเป็นอาวุธลับจริงๆ ทว่าหากใช้อย่างไม่รอบคอบในอนาคต…มีดเสียงปีศาจที่หลอมด้วยวิญญาณของอสูรเทวาเล่มนี้ก็นับว่าอันตรายมากเช่นกัน ฉะนั้นเขาจะใช้อาวุธสังหารนี้เมื่อต้องเจอกับศัตรูตัวฉกาจเท่านั้น!

เพียงใช้ความคิดส่งผ่านปราณยุทธ์ในอากาศมีดเสียงปีศาจก็หมุนตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงหวีดร้องมันบินไปทั่วห้องก่อนจะหยุดลงตรงหน้าหลินมู่อวี่ เขาจึงรีบคว้ามันเก็บเข้าถุงทันที อาวุธสังหารอย่างไรก็อันตรายอยู่วันยังค่ำ!

หลินมู่อวี่เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายจึงออกไปหาอาหารกินก่อนจะกลับเข้าไปนอนต่อในห้อง ยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมากพรุ่งนี้ อย่างแรกเลยคือการวางเดิมพันกับอวี่จื้อหยาน และสองคืองานประลองยุทธ์ที่รอคอย…ซึ่งตำแหน่งหรือชื่อเสียงที่จะได้รับเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ที่สำคัญที่สุดคือเหรียญตรามังกรทอง สิทธิ์ในการเกณฑ์ทหารได้หมื่นคน…ใครบ้างจะไม่อยากได้!

กลางดึกหลังจากนอนขบคิดสักพักหลินมู่อวี่ก็เข้าสู่ห้วงนิทรา ขณะเดียวกันภายในทะเลจิตของหลินมู่อวี่กำลังฝึกฝนวิชาจากตำราหลอมกระดูกมังกร วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีทองที่ปรากฏขึ้นเริ่มทำการดูดซับพลังแห่งนภาและปฐพีอย่างรวดเร็ว

เช้าวันรุ่งขึ้นหลินมู่อวี่ตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าอันสดใน อาการบาดเจ็บบริเวณไหล่เริ่มบรรเทาขึ้น พลังส่วนใหญ่ก็เริ่มฟื้นคืนกลับจนเกือบเต็มร้อย เท่านี้ก็เพียงพอแล้วกับศึกชิงแชมป์ในงานประลองยุทธ์ที่จะถึงนี้!

อาหารเช้า ณ รังอินทรียังคงเป็นเหมือนเช่นเคย พายสองชิ้นกับซุปชามใหญ่ ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการองครักษ์อินทรี หลินมู่อวี่ก็ได้เนื้อในซุปเพิ่มขึ้นเป็นเจ็ดถึงแปดชิ้น ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ใส่ใจมาก พอกลืนลงท้องไปทุกอย่างก็จบ เช่นกันในเช้านี้ที่เขากินเพื่อให้ท้องอิ่มและมีแรงไปท้าทายในงานประลองยุทธ์

หลังจากแต่งตัวเสร็จ หลินมู่อวี่ก็ลุกขึ้นพร้อมสะพายกระบี่สองเล่มไว้ที่หลัง เล่มแรกคือกระบี่วิญญาณมังกรของตน ส่วนอีกเล่มคือกระบี่จื่อยินที่ต้องใจจะนำไปมอบให้กับฉินอิน เว่ยโฉวและเซี่ยโหวซางทำการรวมพลทหารเพื่อติดตามเขาไปงานประลองยุทธ์ไว้เรียบร้อยแล้ว พร้อมกับหัวหน้าหน่วยทั้งสองร้อยนายที่รวบรวมเหรียญทองสองพันเหรียญมาให้หลินมู่อวี่เพื่อนำไปมอบให้กับครอบครัวของฮันเช่า เป็นธรรมเนียมของหน่วยองครักษ์อินทรี…หากมีทหารตายในหน้าที่ ครอบครัวของคนตายจะได้รับสิ่งเยียวยาเป็นเงินสองพันเหรียญทอง และด้วยการจัดการของหลินมู่อวี่ ครอบครัวของฮันเช่าจะได้รับการคุ้มครองจากอาณาจักรให้ใช้ชวิตต่อไปได้อย่างสุขสบาย ลูกชายคนโตของฮันเช่าสามารถเข้าร่วมกองทัพจักรวรรดิได้ทันทีเมื่ออายุถึงเกณฑ์ พร้อมกับได้รับฉายาขั้นต้นในกองทัพอีกด้วย

ณ ตำหนักเจ๋อเทียนบริเวณลานกว้างคราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งทหารและประชาชนไปจนสุดลูกหูลูกตา เพราะมีข่าวลือว่าองค์จักรพรรดิและองค์หญิงฉินอินจะเข้าร่วมสังเกตการณ์งานประลองยุทธ์ในครั้งนี้ด้วย ทำให้ทุกคนอยากมาโยนโฉมเชื้อพระวงศ์ทั้งสอง แน่นอนว่าในบรรดาคนมากหน้าหลายตาย่ำมีคนประสงค์ร้ายต่อราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้จึงมีกฎจำกัดระยะการเข้าชมรอบลานประลองสองร้อยเมตร มีเพียงตระกูลขุนนางและทหารฝีมือดีเท่านั้นจะเข้าในบริเวณได้ ส่วนคนทั่วไปจะอยู่ได้แค่รอบนอกเท่านั้น

เว่ยโฉวคอยเดินนำหน้าและตะโกนเตือนอย่างสุภาพ “โปรดหลีกทางให้เราด้วยขอรับ”

อันที่จริงด้วยชุดองครักษ์ที่สวมอยู่ เว่ยโฉวสามารถตะคอกให้คนอื่นๆ หลีกทางได้ทันที ทว่าตนเองก็เกิดมาในครอบครัวฐานะต่ำต้อยจึงไม่อยากทำตัวสูงส่งเช่นนั้น หลินมู่อวี่เองก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เว่ยโฉวทำ เพราะเขาไม่ชอบให้ทหารใต้บังคับบัญชาถวดดียกตนข่มท่าน

เมื่อมาถึงตำหนักเจ๋อเทียน ฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยนที่รออยู่ก่อนแล้วจึงออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “มาจนได้นะอาอวี่ เข้ามาเถิดองค์จักรพรรดิ องค์หญิงฉินอิน และอวี่จื้อหยานกำลังรอพบเจ้าอยู่!”

“อย่างนั้นรึ?” หลินมู่อวี่ยิ้มตอบก่อนจะลงจากหลังม้าและเข้าตำหนักไป

ณ โถงกลาง บรรดาแม่ทัพและขุนนางต่างอยู่กันพร้อมหน้า เฟิงจี้สิง เจิ้งอี้ฝาน หลัวซิ่ง ฮินเหลย และนายทหารระดับสูงยืนอยู่ข้างบัลลังก์ ขณะที่ฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยนพาหลินมู่อวี่เดินเหยียบพรมแดงเข้าไป กระทั่งหยุดยืนอยู่ข้างเฟิงจี้สิง หลินมู่อวี่เงยหน้ามองฉินอินที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ข้างเสด็จพ่อของนางในชุดเจ้าหญิงอันสง่างาม เหล่าขุนนางต่างพากันตกตะลึงเมื่อหญิงผู้สูงศักดิ์แลบลิ้นใส่ชายเบื้องหน้าเหมือนเด็กไม่รู้จักโต ไม่แปลกใจเลยหากนางจะได้รับสมญาว่าหญิงที่สวยที่สุดในจักรวรรดิเพราะความน่ารักเป็นกันเองนี้

ฉินจิ้นยิ้ม “มาแล้วรึอาอวี่? ข้าได้ยินว่าเจ้าเดิมพันไว้กับตระกูลอวี่จื้อเมือวานนี้ว่าใครจะเป็นผู้หลอมอาวุธที่ดีที่สุดให้กับฉินอิน นี่เป็นโอกาสอันดีเลย ข้าจะรับหน้าที่เป็นสักขีพยานให้เอง”

“ขอรับ”

หลินมู่อวี่พยักหน้าก่อนจะหยิบกระบี่ในห่อผ้าสีดำออกมา “กระบี่เล่มนี้มีชื่อว่าจื่อยิน ข้ารับรองว่าเสี่ยวต้องชอบแน่!”

อวี่จื้อหยานแค่นหัวเราะก่อนจะเดินไปพร้อมกับกระบี่หยกสีขาวแวววาวในมือ “กระบี่จื่อยินหรือ? เป็นชื่อที่ไม่เลว…แต่ไม่รู้ว่าคุณภาพจะดีเหมือนชื่อหรือไม่ ข้าขอเสนอกระบี่วิญญาณหยกที่แข็งแกร่งกว่ากระบี่ขื่อหยินหมื่นเท่า!”

“ขนาดนั้นเชียวหรือ? ท่านจะทดสอบอย่างไรเล่า?” หลินมู่อวี่ยิ้มถาม

อวี่จื้อหยานเอ่ยขึ้นอย่างดูหมิ่น “เช่นนั้นทดสอบด้วยการประลองกระบี่ดีหรือไม่? กระบี่ใครหักก็เท่ากับแพ้…เจ้ากล้าเดิมพันหรือไม่หลินมู่อวี่?”

“เหตุใดจึงไม่กล้า เชิญเข้ามาได้เลย!”

“เยี่ยม!”

เมื่อทั้งคู่ตกลงกันได้แล้ว เฟิงจี้สิง ฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยน เจิ้งอี้ฝาน ฉินเหลย และคนอื่นๆ จึงหลีกทางให้ ทหารองครักษ์เข้าอารักขาจักรพรรดิและฉินอินเพื่อกันลูกหลงจากการทดสอบ

“เคร้ง!”

อวี่จื้อหยานชักกระบี่ขาวเปล่งประกายออกมาจากฝัก แม้จะแข็งแกร่งทว่าจากที่สังเกตมันเป็นเพียงอาวุธระดับนิลเท่านั้น อวี่จื้อหยานตะโกนลั่นพร้อมกับปล่อยพลังปราณ! ปราณยุทธ์รูปแบบเพลิงที่ปรากฏส่งผลให้กระบี่วิญญาณหยกเปล่งประกายแวววับ!

อวี่จื้อหยานมองหลินมู่อวี่ด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “เป็นอะไรไปเล่า…ถึงกับไม่กล้าชักกระบี่ออกมาเลยรึ?”

หลินมู่อวี่หัวเราะก่อนจะดึงผ้าคลุมสีดำออก กระบี่ที่ดูคุณภาพเยี่ยมทว่าไม่มีการตกแต่งลวดลายใดเช่นกระบี่ขาวของฝั่งตรงข้าม อวี่จื้อหยานเมื่อเห็นดังนั้นจึงอดหัวเราะเยาะไม่ได้ “เจ้าคิดจะใช้เศษเหล็กนั่นประลองกับข้ารึ?”

“เคร้ง!”

เมื่อกระบี่จื่อยินถูกชักออก หลินมู่อวี่ตั้งใจจะไม่เรียกใช้พลังจากอสูรระดับปราชญ์ เขากระชับกระบี่ด้วยมือข้างเดียวก่อนจะตั้งท่าราวกับยอดปรมาจารย์ ปราณยุทธ์ระเบิดออกพร้อมกับเสียงคำรามลั่น! คลื่นแสงสีขาวห่อหุ้มร่างกายหลินมู่อวี่จนชุดคลุมขาวปลิวไสว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลื่นนภากระแทกออกไป!

หญิงสาวที่อยู่ในโถงกลาง ทั้งฉินอิน ถังเสี่ยวซี หรือแม้แต่บรรดาภริยาและบุตรสาวของแม่ทัพกับขุนนางต่างตกตะลึง ด้วยรูปลักษณ์และพละกำลังของหลินมู่อวี่ในเวลานี้ช่างดูน่าหลงใหลหามีผู้ใดเทียบเท่า…อาจเหนือยิ่งกว่าฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยน เฟิงจี้สิง อี้ฝานและทุกคนที่นี่เสียด้วยซ้ำ

“อาอวี่ของเราบรรลุสู่ขอบเขตนภาขั้นสองแล้ว!” เฟิงจี้สิงหัวเราะลั่น

ฉู๋ฮว๋ายเหมี่ยนพยักหน้า “เจ้าบ้านี่นับวันยิ่งเก่งขึ้น!”

กระทั่งราชทูตจากต่างถิ่นยังต้องตกตะลึงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า “หากจะกล่าวว่าราชวงศ์ฉินมีอครักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกคงไม่เกินจริง!”

ฉินจิ้นลูบเคราและมองดูด้วยแววตาอันยกย่อง หลินมู่อวี่คือบุตรบุญธรรมในฝันที่เขาต้องการ ตระกูลฉินต้องการราชสีห์เช่นนี้มิใช่แกะไร้ค่า!

“เข้ามา!” หลินมู่อวี่มองอวี่จื้อหยานอย่างท้าทาย

อวี่จื้อหยานยอมรับว่าพลังของตนสู้หลินมู่อวี่ไม่ได้ ทว่าคุณภาพของอาวุธไม่ได้วัดที่ความแกร่งของผู้ใช้! กระบี่ในมือหลินมู่อวี่นั้นไร้การตกแต่งอย่างปราณีต ถึงจะดูเหมือนดาบบริสุทธิ์ ก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น เขายังมีโอกาสชนะอยู่!

“ฮ่า!”

อวี่จื้อหยานตะโกนลั่นพร้อมกับตวัดดาบด้วยพลังปราณขั้นสูงสุด!

หลินมู่อวี่กระโจนเข้าไปพร้อมกับส่งผ่านปราณยุทธ์เข้าไปในตัวกระบี่ กระทั่งวิญญาณมังกรนภาปรากฏตัวออกมา! วินาทีนั้นอวี่จื้อหยานหน้าซีดลมแทบจับ รู้ตัวทันทีว่าแพ้อย่างราบคาบแล้ว!

“เปรี้ยง!”

สิ้นเสียงปะทะ กระบี่วิญญาณหยกของอวี่จื้อหยานก็หักครึ่งในการโจมตีเดียว

“ป…เป็นไปได้อย่างไรกัน? กระบี่วิญญาณหยกเป็นถึงอาวุธนิลระดับสาม…” อวี่จื้อหยานพึมพำด้วยใบหน้าซีดขาวราวกับศพ

…………………………

Related

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God | ทะลุมิติเทพศาสตรา
Status: Ongoing
The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset