The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 237 ความรู้เล็กน้อยด้านยุทธศาสตร์

สองวันผ่านไป กองทัพทหารม้าก็มาถึงภูเขาหลงหยาน ณ ป่าล่ามังกร เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นตัวหนังสือสีเลือดขนาดใหญ่เขียนว่า ‘ภูเขาหลงหยาน’ บนหน้าผาสูง อีกทั้งมีธงมากมายปลิวไสวตามสายลมซึ่งเป็นป้ายของกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด ขณะเดียวกันก็มีหมู่บ้านที่เชิงเขา ซึ่งมีบ้านเรือนที่ปลูกสร้างขึ้นมาใหม่ ผู้คนจำนวนไม่น้อยอพยพมาที่นี่ และยังมีตลาดที่ใจกลางหมู่บ้านในตอนเที่ยง

ผู้บัญชาการกองพันฉีหยิงแห่งกองทัพทะลวงนภามองขึ้นไปบนภูเขาหลงหยานก่อนเอ่ยถาม “ท่านแม่ทัพ กล่าวกันว่ามีกลุ่มทหารรับจ้างชื่อว่า ‘กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด’ เป็นผู้ครอบครองภูเขาแห่งนี้ และพวกเขาค่อนข้างแข็งแกร่ง ในเมื่อเราอยู่ที่นี่แล้ว เราควรจะไปที่กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเพื่อ ‘ยืม’ อาวุธและเสบียงดีไหมขอรับ?”

หลินมู่อวี่เผยยิ้มชั่วร้าย

เขาพลันส่ายหัว “ไม่จำเป็น ทุกคนพักผ่อนอยู่ที่เชิงเขาเถิด แล้วข้าจะไปยังกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเพื่อเจรจาขอให้เดินทางไปกำจัดสำนักอัศวินที่มณฑลชางหนานด้วยกัน มิเช่นนั้นด้วยทหารเพียงห้าพันนายนี้…เราคงทำอะไรพวกมันไม่ได้”

“ฮะ!?”

ฉีหยิงตกตะลึงก่อนจะรีบพูดว่า “ไม่ได้ขอรับท่านแม่ทัพ…แม้ว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดแห่งนี้จะขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการก็ตาม…ทว่าทหารรับจ้างล้วนเป็นพวกโหดเหี้ยม ท่านแม่ทัพอาจตกอยู่ในอันตรายหากไปทางเจรจาผู้เดียวขอรับ”

“วางใจเถิด เจ้าเพียงตั้งค่ายพักแรมซะ และอย่าสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน”

“ขอรับ! ท่านแม่ทัพโปรดระวังตัว”

“อืม”

หลินมู่อวี่นำเว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางขึ้นไปบนภูเขา และพบว่ากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดนั้นแข็งแกร่งขึ้นมาก ทหารแต่ละนายไม่เหมือนผู้ฝึกหัดอีกต่อไป พวกเขาเต็มไปด้วยพละกำลัง การฝึกของหลัวอวี่และเฝิงสี่นั้นได้ผลเกินคาด

ไม่นานหลัวอวี่และเฝิงสี่ก็ออกจากโถงหลักด้วยสีหน้าแจ่มใส พวกเขารีบตรงเข้ามาพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลินมู่อวี่กลับมาแล้ว!”

“อืม”

หลินมู่อวี่พยักหน้าพร้อมเอ่ยถาม “การพัฒนากลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดเป็นอย่างไรบ้าง?”

หลัวอวี่ตอบด้วยรอยยิ้ม “ทุกอย่างเรียบร้อยดีขอรับ นอกเหนือจากทหารรับจ้างมังกรอัคนี เราได้จัดการทหารรับจ้างพเนจรและคนของสำนักอัศวินทั้งหมดในรัศมีห้าร้อยไมล์ และจำนวนคนของเราก็มีมากถึงห้าพันสี่ร้อยสิบเจ็ดคนแล้ว!”

“มากกว่าห้าพันคน?!”

หลินมู่อวี่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข “แล้วม้ากับอาวุธล่ะ?”

หลัวอวี่ประสานมือ “ทุกคนมีม้าประจำตัว พร้อมอาวุธยาวและสั้น ทหารห้าพันนายนี้ได้รับการฝึกเป็นได้ทั้งทหารม้า  และเป็นทหารราบเมื่ออยู่บนพื้น ท่านมิต้องกังวลถึงศักยภาพในการรบขอรับ”

“ยอดเยี่ยม!”

หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “นำทหารทั้งห้าพันนายพร้อมเสบียงอาหารแห้งสำหรับสามวันเพื่อติดตามข้าไปฝึกรบที่มณฑลชางหนาน”

“โอ้?” หลัวอวี่ประหลาดใจ “ท่านจะไปโจมตีสิ่งใดหรือ?”

“เรากำลังไปกำจัดคนของสำนักอัศวินทั้งหมดในมณฑลชางหนาน”

“เป็นเช่นนี้เอง…ข้าน้อยจะไปรวบรวมกำลังพลทันทีขอรับ!”

“ดี!”

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ทหารฝีมือดีทั้งห้าพันนายแห่งกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดก็มารวมตัวกัน ทุกคนอยู่บนหลังม้าและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง อาวุธและม้าพวกเขาดีกว่าของกองทัพทะลวงนภามาก…เป็นเรื่องดีที่หลินมู่อวี่มีเงิน!

“เคลื่อนทัพ!”

ทหารรับจ้างพลันชูธงขึ้น ธงรูปมังกรเริงระบำตามสายลมอย่างสวยงาม

เมื่อมาถึงเชิงเขา ฉีหยิงที่อยู่ไกลออกไปก็กระโดดขึ้นหลังม้าพร้อมตะโกนลั่น “ศัตรู!! แปรทัพป้องกัน!”

กองทหารม้าแห่งกองทัพสวรรค์ต่างขึ้นม้าพร้อมยกทวนขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารขณะเตรียมตัวปะทะกับกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดที่กำลังลงมาจากภูเขา

ทว่าหลินมู่อวี่ควบม้ามาด้านหน้าพร้อมตะโกนว่า “นายพลฉีหยิง นี่เป็นคนของพวกเราเอง ทุกอย่างปกติดี”

ฉีหยิงตะลึงงันก่อนจะเผยยิ้ม “แม่ทัพเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง ท่านสามารถพูดโน้มน้าวให้กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดมาร่วมทัพกับเราได้อย่างนั้นหรือ?”

เว่ยโฉวเดินมาสมทบ “พวกเขาเป็นคนของท่านแม่ทัพอยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องโน้มน้าวด้วย…เอาล่ะ ออกเดินทางไปเมืองหยินซานกันเถิด!”

“อืม!”

จากนั้นทหารม้าทั้งหมื่นนายก็ได้เคลื่อนทัพออกชายแดนเมืองหลันเยี่ยนมุ่งตรงไปยังมณฑลชางหนาน พวกเขาไปถึงที่หมายในอีกสองวันให้หลัง และมองเห็นเมืองหยินซานอยู่ไกลๆ ผู้ส่งสารสองนายรีบวิ่งไปเจรจากับทหารรักษาการณ์ของเมือง

หลินมู่อวี่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ครั้งสุดท้ายที่ออกจากเมืองหยินซาน เขาถูกไล่ล่าพร้อมฉู่เหยาจากฮว๋าเทียนและลูกชาย ไม่คิดเลยว่าจะได้กลับมาที่นี่พร้อมทหารหมื่นนายและยังเป็นในฐานะแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้

ไม่นานกองทัพของหลินมู่อวี่ก็เข้ามาในเมืองโดยมีคนคอยต้อนรับสองคน คนหนึ่งอยู่ในชุดราชการ ส่วนอีกคนสวมชุดเกราะทหารยศนายพล

“ข้าน้อยเป็นผู้ว่าการเมืองหยินซานนามว่าจางอี้ต๋า ขอต้อนรับท่านขอรับ!”

“ส่วนข้าน้อยเป็นผู้บัญชาการกองทหารแห่งเมืองหยินซานนามว่าหวังเฮ่อ ขอต้อนรับขอรับท่านแม่ทัพ!”

ทั้งสองให้ความเคารพเขามาก ทว่าหลินมู่อวี่ก็มิได้แปลกใจ เนื่องจากการจัดอันดับทหารของจักรวรรดิเข้มงวดมาก และหลินมู่อวี่เป็นแม่ทัพองครักษ์ทิศใต้ ซึ่งเปรียบดั่งเทพเจ้าสำหรับเมืองเล็กๆ เช่นนี้

จางอี้ต๋ายิ้มอย่างประจบขณะที่ลงจากหลังม้า “ท่านเป็นราชบุตรบุญธรรมขององค์จักรพรรดิ นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ท่านมาเยือนเมืองหยินซาน หากไม่รังเกียจโปรดตามข้าน้อยเข้าไปในเมือง ข้าจะจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่เพื่อต้อนรับท่านขอรับ!”

หวังเฮ่อประสานมือกล่าว “กรุณาเข้าเมืองเถิดขอรับ!”

ทั้งสองต้อนรับอย่างอบอุ่น ทว่าหลินมู่อวี่ก็ยังมีทีท่าเฉยเมย ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “มิจำเป็น กองทัพจะไม่เข้าเมืองเพื่อสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน เราจะสร้างค่ายพักแรมกันที่ป่าสัตตะดารานอกเมือง ท่านผู้ว่าได้โปรดเตรียมอาหารดีๆ น้ำ และอาหารม้าให้ด้วย ข้าคงต้องพึ่งพาท่าน”

จางอี้ต๋าตะลึง “ท่าน…จะไม่เข้าไปในเมืองหรือขอรับ?”

“ใช่ ข้าไม่ไป”

หลินมู่อวี่ประสานมืออย่างเคารพพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราคงต้องรบกวนท่านผู้ว่าและนายพลหวังเฮ่อเพื่อเตรียมสิ่งเหล่านั้นให้ทันที!”

“ขอรับ…”

จางอี้ต๋าและหวังเฮ่อตกตะลึง แต่ก็รีบไปอย่างรวดเร็ว

หลินมู่อวี่มองพวกเขาจากไปก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่วเบา “เราจะตั้งค่ายพักแรมในป่าสัตตะดาราที่อยู่ใกล้ๆ ห้ามปิดกั้นถนนสายหลัก และก่อกองไฟซะ คืนนี้เราจะพักผ่อน แล้วเคลื่อนทัพโจมตีศูนบ์บัญชาการสำนักอัศวินในวันรุ่งขึ้น!”

ฉีหยิงมองหลินมู่อวี่อย่างชื่นชม “ขอรับท่านแม่ทัพ!”

ค่ำคืนนี้ดวงดาวเต็มท้องฟ้าและอากาศเย็นยะเยือก อุณหภูมิลดต่ำลงราวกับหิมะจะตก

หลินมู่อวี่นำทหารม้าทั้งหมดมา ดังนั้นจึงต้องทำศึกโดยเร็วที่สุด หากทำไม่ได้…อาหารม้าจะกลายเป็นปัญหาใหญ่! เมืองหยินซานเป็นเพียงเมืองเล็กๆ มีอาหารให้ม้านับหมื่นเพียงหนึ่งถึงสองวันเท่านั้น และคงจะลำบากมากหากศึกนี้ลากยาวเป็นเดือน

ภายใต้เปลวไฟที่สั่นไหว เว่ยโฉวเปิดแผนที่มณฑลชางหนานและชี้ไปที่เครื่องหมายสีแดง “ศูนย์บัญชาการของมณฑลชางหนานอยู่บนภูเขาชื่อว่า ‘ภูเขาขวานไฟ’ ภูเขาแห่งนี้ไม่สูงนัก แต่พื้นที่โดยรอบสูงชันมากราวกับด้ามขวานซึ่งเป็นที่มาของชื่อ ตามข่าวกรองที่ได้รับมาปัจจุบันมีทหารมากกว่าสี่พันสองร้อยนายบนภูเขา พร้อมราชทูตใหญ่และสองราชทูต ฮ่าๆ…หนึ่งในราชทูตถูกท่านแม่ทัพสังหารไปแล้ว พวกมันคงเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อเรา”

ฉีหยิงกล่าว “สำนักอัศวินมีหูมีตาอยู่ทุกที่ เรามาเมืองหยินซานอย่างเปิดเผย พวกมันคงรู้การเคลื่อนไหวทั้งหมด เช่นนั้นเราคงต้องค่อยเป็นค่อยไป ข้าคิดว่า…ควรรอทหารราบหนึ่งหมื่นห้าพันนายจากท่านเฉินหยางแล้วเข้าจู่โจมพร้อมกันดีหรือไม่ขอรับ?”

“ไม่มีเวลามากพอ”

หลินมู่อวี่ส่ายหัว “มันคงจะสายเกินไปหากต้องรอทหารราบมาที่นี่ ส่งคนออกไปคืนนี้เพื่อสำรวจภูมิประเทศ และป้องกันมิให้ถูกซุ่มโจมตี เราจะบุกเข้าไปวันรุ่งขึ้น!”

“ขอรับ!”

หลังจากฉีหยิงและคนอื่นๆ ออกไป ดวงตาเว่ยโฉวพลันหรี่ลง “ท่านหลินมู่อวี่ เหตุใดจึงรีบโจมตี? นั่นไม่ใช่นิสัยของท่านเลย…”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ “หากชักช้าอาจเกิดปัญหา เนื่องจากสำนักอัศวินเป็นพันธมิตรกับเมืองห้าหุบเขา ดังนั้นจึงต้องรีบโจมตี มิเช่นนั้นเมื่อเมืองห้าหุบเขาเข้ามาสมทบ เราจะกำจัดสำนักอัศวินได้ยากขึ้น”

“ผู้ว่าการหูเถี่ยหนิงกล้าปกป้องสำนักอัศวินอย่างเปิดเผยหรือขอรับ?”

“ไม่ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เราปฏิบัติภารกิจได้อย่างราบรื่น”

“ขอรับ ข้าน้อยเข้าใจแล้ว…”

เช้าวันรุ่งขึ้นกองทหารหมื่นนายเคลื่อนทัพไปภูเขาขวานไฟ ภูเขาแห่งนี้อยู่ห่างเมืองหยินซานไม่ถึงสองร้อยไมล์ซึ่งใช้เวลาเดินทางครึ่งวันโดยม้า หลินมู่อวี่กวาดตามองกองทหารก็พบว่าทหารม้าหนักของกองทัพมีโล่ขนาดเล็กพร้อมหอกยาวและดาบซึ่งเหมาะสำหรับการโจมตีระยะใกล้ ส่วนทหารม้าของทหารรับจ้างมังกรผงาดเหมาะกับธนูยาวซึ่งมีความเหนือกว่ามาก หากต้องการชนะโดยไม่สูญเสียเลย พวกเขาจำเป็นต้องมีอาวุธที่เหมาะสม เหล่าทหารรับจ้างมังกรผงาดคุ้นเคยกับธนูเป็นอย่างดีซึ่งเหมาะแก่การทำศึกบนภูเขา

ระหว่างทางหน่วยสอดแนมก็กลับมารายงาน ภูมิประเทศโดยรอบได้รับการตรวจสอบแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่สำนักอัศวินจะซุ่มโจมตี

ก่อนเวลาเที่ยงวัน ในที่สุดกองทหารก็มาถึงเชิงเขาของภูเขาขวานไฟ!

เมื่อมองขึ้นไปก็พบว่าภูเขาขวานไฟมีลักษณะราวกับขวานขนาดใหญ่สีแดงตั้งตระหง่านขึ้นไปบนท้องฟ้าซึ่งเกิดจากหินธรรมชาติสีแดงเข้ม ธงของสำนักอัศวินปลิวไสวตามสายลม มีม้ายืนเป็นแถว และป้อมปราการหินบริเวณทางเข้าเพื่อป้องกันผู้บุกรุก

เป็นเรื่องยากที่จะใช้ม้าเดินขึ้นภูเขา แทบไม่ต้องพูดถึงทางเดินลาดชันที่ทำมุมสี่สิบห้าองศาเลย

ฉีหยิงขมวดคิ้ว “ท่านแม่ทัพ เราจะโจมตีได้อย่างไร?”

“ไม่จำเป็นต้องโจมตี”

หลินมู่อวี่บนหลังม้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าดูรายงานแล้ว แม้ว่าภูเขาแห่งนี้จะมีอาหารมากมาย ทว่าก็ต้องส่งคนลงจากเขาไปตวงน้ำจากน้ำพุ มีทหารกว่าสี่พันคนที่ศูนย์บัญชาการ จึงต้องการน้ำไม่น้อยในแต่ละวัน ดังนั้นเราจะล้อมภูเขาโดยไม่โจมตี และภายในสามวันพวกเขาต้องลงมาเพื่อต่อสู้อย่างแน่นอน!”

หลินมู่อวี่เผยยิ้มอย่างมั่นใจ “เฮอะ! เลือกภูเขาขวานไฟเป็นที่กบดาน แต่ลืมคิดถึงแหล่งน้ำ นี่เป็นการขุดหลุมฝังศพตัวเองชัดๆ!”

ฉีหยิงตะลึงก่อนจะประสานมือ “ข้าไม่คิดเลยว่าท่านแม่ทัพจะเก่งกล้าสามารถตั้งแต่เยาว์วัยเช่นนี้…”

“อย่ายกยอข้าถึงเพียงนั้นเลย”

หลินมู่อวี่ยกมือและออกคำสั่ง “ล้อมรอบภูเขานี้ซะ พลธนูเตรียมพร้อมยิงทุกเมื่อ แล้วรอพวกมันลงมาเอง!”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!” ทุกคนเผยสีหน้ายินดี

ทหารส่วนใหญ่คาดคิดว่าการโจมตีภูเขาจะต้องเกิดการสูญเสียครั้งใหญ่เป็นแน่ แต่ดูเหมือนพวกเขาไม่จำเป็นต้องสูญเสียมากมายถึงเพียงนั้นด้วยนักเชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์เยี่ยงหลินมู่อวี่

ตามกลยุทธ์ที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่ากองทัพต้องพึ่งพาอาหาร และน้ำเองก็เป็นสิ่งสำคัญ

หลินมู่อวี่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์เพียงเล็กน้อย ทว่าเมื่อเทียบกับราชทูตใหญ่บนภูเขานั่น ก็นับว่าหลินมู่อวี่เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง

………………………

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God | ทะลุมิติเทพศาสตรา
Status: Ongoing
The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset