The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา – ตอนที่ 260 มอบอำนาจ

ทั้งสองขี่ม้าตามถนนอวิ้นจงสายเก่าข้ามวันข้ามคืน กระทั่งมองเห็นเมืองหน้าด่านชางหนานจากระยะไกลช่วงบ่ายของวันถัดไป

“ท่านแม่ทัพ”

นายพลประสานมือและกล่าวว่า “เมืองหน้าด่าน เป็นศูนย์กลางการคมนาคมระหว่างมณฑลอวิ้นจงและถนนสายเก่า ซึ่งมีการป้องกันที่แน่นหนาและโจมตีได้ยาก พวกเราแข็งแกร่งและมีกำลังพลมากมาย ข้าเกรงว่าข่าวที่หลงเซียนหลินได้รับมาจะเป็นข่าวเก่า”

“อืม เข้ามากับข้าสักครู่”

“ขอรับ!”

นายพลอีกนายพูดด้วยน้ำเสียงกังวล “หากหลงเซียนหลินกลายเป็นกบฏ ท่านแม่ทัพมิควรเข้าไปในกำแพง มันอันตรายเกินไป จะปล่อยให้ท่านแม่ทัพบาดเจ็บได้อย่างไร?”

“วางใจเถิด” หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรออกมาและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าตั้งค่ายพักด้านนอกซะ ข้าจะเข้าไปคนเดียว”

“ไม่ขอรับ…ข้าจะไปกับท่านแม่ทัพ และสู้จนตัวตายไปด้วยกัน ข้ามิใช่คนเห็นแก่ตัวหรือเกรงกลัวต่อความตาย!”

หลินมู่อวี่พยักหน้าอย่างชื่นชม “เอาล่ะ ท่านนายพลทั้งสามจะเข้าไปกับข้าเพื่อแสดงความจริงใจ!”

“ขอรับ!”

เมืองหน้าด่านชางหนานตั้งอยู่ระหว่างสามยอดเขาที่มีความสูงราวสิบเมตรและมีกำแพงรายรอบทั้งหมด ตัวกำแพงทำจากก้อนหินขนาดใหญ่พร้อมปกคลุมด้วยเถาวัลย์แห้ง และมีธงปลิวไสวอยู่ทางเหนือซึ่งเป็นธงของหลงเซียนหลิน และมีรูป ‘มังกร’ ขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง

หลินมู่อวี่เดินเข้าไปในเมืองอย่างเชื่องช้าพร้อมกับนายพลยศสูงทั้งสาม หนึ่งในนั้นตะโกนออกไปเสียงดัง “แม่ทัพองครักษ์ทางใต้หลินมู่อวี่ต้องการพบท่านแม่ทัพหลงเซียนหลิน โปรดเปิดประตูให้เรา”

‘แอ๊ด…’

สะพานแขวนเคลื่อนต่ำลงขณะที่ทหารรักษาการณ์ประสานมือ “แม่ทัพหลิน โปรดใช้สะพานขอรับ!”

“ขอบคุณ!”

เมื่อผ่านธรณีประตูเข้าไปก็พบว่าด้านในของเมืองหน้าด่านนั้นกว้างมากและค่อนข้างมีระเบียบ มีทหารประจำการอยู่ในค่ายทหารม้ากองบินกว่าหนึ่งหมื่นนาย เสียงทหารตะโกนดังก้องจากสนามฝึก

ทันใดนั้นก็มีกองทหารม้าวิ่งเข้ามาจากด้านในค่าย หลงเซียนหลินในชุดเกราะสีทองนำทัพมาด้านหน้าพร้อมหอกในมือ เขาหัวเราะและประสานมือกล่าว “ท่านหลินมู่อวี่มิได้เจอกันนาน ไม่คาดคิดว่าท่านจะมาที่เมืองหน้าด่านชางหนานเช่นนี้ ท่านมาดื่มกับข้าหรือ?”

“มิใช่เยี่ยงนั้น…”

หลินมู่อวี่มองเข้าไปในเมืองหน้าด่าน ทหารค่ายเขาเหินกำลังเตรียมอาหาร หญ้า และอาวุธ ราวกับกำลังจะเคลื่อนทัพ เขาจึงถามว่า “ท่านหลงเซียนหลิน กำลังจะเคลื่อนทัพออกไปที่ไหน?”

หลงเซียนหลินตอบกลับด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ข้าได้ยินมาว่ามีกองโจรปล้นสะดมหมู่บ้านต่างๆ ในเมืองห้าหุบเขาเมื่อไม่นานนี้ ดังนั้นจึงได้รับคำสั่งจากผู้ว่าการมณฑลชางหนานให้นำกองทหารค่ายเขาเหินไปทะลายกองโจรเหล่านั้น”

“เป็นเช่นนี้เอง…”

หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย “ทว่าข้าก็มีเหตุฉุกเฉินทางการทหารเช่นกัน…กลุ่มทหารรับจ้างพเนจรกำลังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ในมณฑลชางหนาน ด้วยพระราชโองการขององค์จักรพรรดิ ให้ข้านำเหรียญตรามังกรทองมารวบรวมกองกำลังจากท่านหลงเซียนหลินเพื่อปราบปรามพวกคนชั่ว!”

“ยืมกองกำลังของข้าหรือ?”

“ขอรับ สามารถให้ข้ายืมกองทหารหนึ่งหมื่นนายจากค่ายเขาเหินได้หรือไม่?” หลินมู่อวี่ควักเหรียญตรามังกรทองออกมา มันเปล่งประกายภายใต้แสงอาทิตย์

“นี่…” หลงเซียนหลินขมวดคิ้วพร้อมนิ่งงันไป ก่อนจะพูดขึ้น “ทว่าข้าได้รับคำสั่งจากท่านผู้ว่าให้ถอนกำลังกลับเมืองห้าหุบเขาโดยเร็วที่สุด…”

หลินมู่อวี่ยิ้ม “เหรียญตรามังกรทองเป็นสิ่งที่องค์จักรพรรดิพระราชทาน ท่านหลงเซียนหลิน ข้าขออนุญาตถาม…ทหารค่ายเขาเหินเป็นกองทหารของจักรวรรดิหรือเป็นของผู้ว่าการกันแน่?”

หลงเซียนหลินตะลึงงันก่อนจะรีบประสานมือคำนับ “เป็นกองทัพแห่งจักรวรรดิขอรับ ท่านหลินมู่อวี่กล่าวเช่นนี้ ข้าหลงเซียนหลินช่างละอายใจ…”

หลินมู่อวี่เลิกคิ้วและยิ้ม “กระนั้นเหตุใดจึงไม่ให้ข้ายืมกองทหารค่ายเขาเหินล่ะ?”

“ข…ข้า…” หลงเซียนหลินแสดงท่าทางหนักใจ

หลินมู่อวี่ขี่ม้าเข้าไปใกล้และเอ่ยเสียงแผ่วเบา “จวนผู้ว่าการกำลังล่มสลาย ความจริงเริ่มถูกเปิดเผยสู่คนภายนอก…ท่านหลงเซียนหลินต้องการทำให้กองทหารค่ายเขาเหินต้องกลายเป็นขยะไร้ค่าภายใต้กฎแห่งจักรวรรดิหรือ?”

หลงเซียนหลินกัดฟันแน่น เขาครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเงยหน้ามองหลินมู่อวี่ “เป็นราชโองการของฝ่าบาทจริงหรือ…”

“การแอบเก็บเหรียญไว้เองเป็นอาชญากรรม เจ้าไม่เข้าใจหรือ?”

“ข…ข้า…”

หลงเซียนหลินถอนหายใจขณะที่เลื่อนฝ่ามือไปบนด้ามดาบอย่างเชื่องช้า ทหารรักษาการณ์หลายนายมองมายังหลินมู่อวี่ด้วยสายตาดุดัน

หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะยิ้ม น้ำเต้าทองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเข้ามาในเมืองเพียงสี่คน และคนระดับท่านหลงเซียนหลินก็สามารถสังหารพวกเราได้ภายในพริบตาเดียว ทว่า…มู่หยุนกง องค์จักรพรรดิ ซูฉิน ซูอวี่ และคนทั้งมณฑลต่างก็รู้ว่าข้าเดินทางมาหน้าด่านเมืองชางหนานเพื่อขอยืมกองกำลัง ท่านสังหารข้าได้ แต่ต้องฝังข้ารวมกับทุกคนในเมืองหน้าด่านนี้ มันคุ้มค่าจริงๆ หรือ?”

สีหน้าหลงเซียนหลินแปรเปลี่ยนเป็นเจ็บปวด

หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ “ท่านเป็นที่เคารพในหมู่ทหาร และค่ายเขาเหินก็เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งมากในจักรวรรดิ พวกเขาควรจะออกรบเพื่อปกป้องแผ่นดินที่มีพระคุณนี้ ท่านต้องการเปลี่ยนกองทหารค่ายเขาเหินเป็นกบฏ และตายโดยที่ไม่มีแผ่นดินให้ฝังหรือ?”

ประโยคนี้ของหลินมู่อวี่แทงใจดำหลงเซียนหลิน ถูกต้องแล้วเขาเป็นทหารแห่งจักรวรรดิ และรักทหารใต้บัญชาของตนมาก

“เฮ้อ…”

หลงเซียนหลินถอนหายใจและเงยหน้าขึ้นฟ้า “หากสวรรค์กำหนดชะตากรรมข้าไว้แล้ว ก็คงไม่มีทางเลือก…ในเมื่อท่านหลินมู่อวี่มีเหรียญตรามังกรทองที่องค์จักรพรรดิพระราชทานให้ ข้าจักมอบความไว้วางใจให้ท่านใช้ทหารทั้งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายของค่ายเขาเหิน…ข้าหวังว่าท่านจะมีเมตตาแก่พวกเขา ไม่ว่าข้าหลงเซียนหลินและผู้ว่าการจะก่ออาชญากรรมมากเพียงใด ทหารเหล่านี้ก็เป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาต่างเป็นผู้จงรักภักดีต่อจักรวรรดิ”

“ข้ารู้”

หลินมู่อวี่มองลึกเข้าไปในตาหลงเซียนหลิน “ข้าให้คำมั่นสัญญาด้วยชีวิต กองทหารค่ายเขาเหินทั้งหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายจะปลอดภัย”

“ขอบคุณท่านมาก…”

จากนั้นหลงเซียนหลินก็ตะโกนดัง “นายกองทั้งหมดแห่งค่ายเขาเหินจงมาที่นี่!” พวกเขาเป็นผู้บัญชาการกองพันและเป็นผู้รับผิดชอบอำนาจทางการทหารมากที่สุด ไม่นานนายกองทั้งสิบเจ็ดนายก็ขี่ม้าเข้ามาเรียงแถวด้านหน้าหลงเซียนหลินด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

หลงเซียนหลินหยิบตราพยัคฆ์ออกมาอย่างไม่เต็มใจก่อนจะยกขึ้นสูงและพูดเสียงดัง “โปรดจำไว้เสมอว่าค่ายเขาเหินเป็นกองทัพแห่งจักรวรรดิ เจ้าและข้าต่างก็เป็นทหารของจักรวรรดิ พวกเราไม่เคยทรยศต่อประชาชน ไม่เคยทรยศต่อแผ่นดิน! ตั้งแต่วันนี้ไป บุคคลที่พวกเจ้าต้องติดตามคือท่านหลินมู่อวี่ ไม่ใช่ข้าหลงเซียนหลิน จงจำไว้ว่า…อย่าแก้แค้นให้ข้า และอย่าเคืองแค้นผู้ใด ภารกิจของเจ้าคือการปกป้องดินแดนของจักรวรรดิ!”

หลงเซียนหลินหันกลับมาพร้อมยื่นตราพยัคฆ์ให้หลินมู่อวี่ ดวงตาของเขาแดงก่ำขณะที่พูดว่า “จากนี้ไปค่ายเขาเหินจะขึ้นตรงกับท่านหลินมู่อวี่”

นายกองแต่ละนายตื่นตกใจพร้อมตะโกนดัง “ข้ายินดีจะติดตามท่านแม่ทัพไปตลอดชีวิต ได้โปรดอย่างทิ้งพวกเราเช่นนี้!”

หลงเซียนหลินเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “หุบปากซะ! จำไว้ด้วยว่าพวกเจ้าเป็นทหารของจักรวรรดิ ไม่ใช่ของข้า! กองทหารรักษาการณ์แห่งเมืองหน้าด่านชางหนานตามข้ามา!”

เขาพลันควบม้าออกไป

หลินมู่อวี่รีบเอ่ยถาม “หลงเซียนหลินเจ้าจะไปไหน?”

หลงเซียนหลินหันกลับมาพร้อมใบหน้าสิ้นหวังก่อนจะกล่าวว่า “เมืองห้าหุบเขาจบสิ้นแล้ว…ผู้ว่าการหูเถี่ยหนิงรู้จักข้าตั้งแต่ยังเป็นผู้น้อย และเขามีพระคุณกับข้า ดังนั้นข้าจะกลับไปสู้จนตัวตายที่เมืองห้าหุบเขาเพื่อเป็นการตอบแทนคุณแก่ผู้ว่าการเป็นครั้งสุดท้าย!”

“เจ้าจะก่อกบฏกับหูเถี่ยหนิงหรือ?” หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดัง

“แล้วข้ามีทางเลือกอื่นไหม?” หลงเซียนหลินตอบกลับอย่างโกรธเกรี้ยว

หลินมู่อวี่ชูตราพยัคฆ์และกล่าวเสียงดัง “ทหารค่ายเขาเหินฟังคำสั่งข้า ไปพาหลงเซียนหลินมาซะ!”

หลงเซียนหลินพลันตวัดดาบและตะโกนลั่น “ใครจะบังอาจมาหยุดข้า!?”

“หลงเซียนหลิน!!”

หลินมู่อวี่ตะโกนเสียงดังขึ้น “บางทีหูเถี่ยหนิงอาจมิได้ต้องการต่อต้านกองทัพเมืองหยาดสายัณห์ หากเจ้าไปจะเป็นการให้ความหวังแก่เขา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังรับใช้พยัคฆ์? แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีทหารกี่นายที่ถูกทวงถามถึงบุญคุณและต้องล้มตายเพื่อเมืองห้าหุบเขา? เหล่าภรรยากี่คนแล้วที่ต้องสูญเสียสามี? และมีเด็กๆ กี่คนแล้วที่ต้องสูญเสียบิดา?”

“ข…ข้า…”

หลงเซียนหลินสั่นสะท้านพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม เขาค่อยๆ เก็บดาบเข้าฝักอย่างเชื่องช้า “เช่นนั้นข้าจะไปคนเดียว หากข้าตายก็จะตายเพียงคนเดียว และจะไม่มีใครหยุดข้าได้!”

จากนั้นหลงเซียนหลินก็ควบม้าออกจากเมืองหน้าด่านชางหนานอย่างรวดเร็ว

แผ่นหลังหลงเซียนหลินช่างดูโดดเดี่ยว หลินมู่อวี่พลันขมวดคิ้ว “ผู้บัญชาการทหารม้ารวมตัวเดี๋ยวนี้ รวบรวมกำลังพลและเคลื่อนทัพไปกับข้า!”

เหล่าผู้บัญชาการทหารม้าตกตะลึง เมื่อหลงเซียนหลินจากไป บุคคลที่จะกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดก็คือหลินมู่อวี่ พวกเขายืนนิ่งชั่วครู่ก่อนจะวางมือขวาบนหน้าอกและคำนับเยี่ยงทหาร “ขอรับท่านแม่ทัพ!”

ในยามบ่าย กองกำลังค่ายเขาเหินหนึ่งหมื่นเจ็ดพันนายและทหารม้าเหล็กสามพันนายมารวมตัวกันยังสถานที่เดียว ทำให้กลายเป็นกองทัพที่ทรงพลังด้วยจำนวนทหารสองหมื่นนาย

หลินมู่อวี่ไม่ได้นำกองทัพไปเมืองห้าหุบเขา ทว่ามุ่งไปเมืองหยินซานแทน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองห้าหุบเขา อีกทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงไฟสงครามในเวลาเดียวกัน กระนั้นก็ไม่สามารถยกกองทหารค่ายเขาเหินให้ซูอวี่และซูฉินเด็ดขาด

เมื่อถึงเมืองหยินซานในตอนเย็นก็ตั้งค่ายพักอยู่นอกเมือง เหล่านายกองจากค่ายเขาเหินไม่ค่อยพอใจนัก หลินมู่อวี่จึงจัดการหารือชั่วคราวเพื่อปลอบประโลมจิตใจและให้คำสัญญาแก่พวกเขาเหล่านั้นว่า หลังจากทำการปฏิวัติเมืองห้าหุบเขาได้สำเร็จ หลินมู่อวี่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอให้องค์จักรพรรดิอภัยโทษให้หลงเซียนหลิน

ในความเป็นจริงจากมุมมองทางศีลธรรม หลินมู่อวี่หวังว่าหลงเซียนหลินจะรักษาชีวิตไว้ได้ ในบรรดาเจ็ดแม่ทัพเทพแห่งจักรวรรดิ ตู้ไห่ จื่อเย่า และเซี่ยงอวี้เป็นคนโหดเหี้ยม ส่วนเฟิงจี้สิง ฉินเหลย และคนอื่นๆ มิได้ปกป้องดูแลชายแดน หลินมู่อวี่ไม่รู้ว่าแม่ทัพอีกนายเป็นอย่างไร แต่ได้ยินมาว่ามีเพียงไม่กี่คนที่เห็นค่าชีวิตมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งจักรวรรดินี้ต้องการคนมีเมตตาเช่นหลงเซียนหลินเป็นจำนวนมาก

กลางดึกสงัด ‘พรึ่บ!’ นกส่งสารตัวหนึ่งร่อนลงที่ข้างกายหลินมู่อวี่

หลินมู่อวี่หยิบกระดาษขึ้นมาและอ่านข้อความด้านซึ่งมาจากหลัวอวี่ ‘ท่านหลินมู่อวี่ ไป๋หลี่ซิ่งผู้นำแห่งกลุ่มทหารรับจ้างมังกรอัคนีนำกองทัพเก้าพันนายมาพร้อมกับทหารเจ็ดพันนายจากกลุ่มทหารรับจ้างแดนปีศาจ ขณะนี้ทหารหนึ่งหมื่นหกพันนายกำลังล้อมภูเขาหลงหยาน อีกทั้งยังคุกคามกลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาด กองกำลังของเราทำได้เพียงต้านทานมันไว้เท่านั้น หวังว่าท่านแม่ทัพจะพากำลังเสริมมาโดยเร็ว!’

“กลุ่มทหารรับจ้างมังกรผงาดถูกปิดล้อม…”

หลินมู่อวี่ถอนหายใจ โชคดีที่เขามีทหารม้าสองหมื่นนายใต้บัญชาพอดี!

หลินมู่อวี่รีบเขียนจดหมายตอบกลับ ‘อดทนไว้ แล้วรอกำลังเสริม!’

…………………….

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา

The Alchemist God | ทะลุมิติเทพศาสตรา
Status: Ongoing
The Alchemist God ทะลุมิติเทพศาสตรา หลินมู่อวี่ บุตรชายมหาเศรษฐีพันล้านที่ชีวิตสมบูรณ์แบบสุดๆ คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉา เขามีโลกอีกใบคือการเป็นเซียนเกมที่ไต่ไปถึงระดับเทพยุทธ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจละทิ้งทุกอย่าง และหันหลังให้โลกที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะพ่อต้องการให้เขาไปช่วยสืบทอดกิจการ ในวันที่เขาตัดสินใจหันหลังให้โลกใบนี้ หลินมู่อวี่ตัดสินใจลบแอคเคาน์ เพื่อจะได้ไม่ต้องโหยหาโลกใบนี้อีกต่อไป ในระหว่างที่เขาลบแอคเคาน์และรีเซ็ทระบบเพื่อออฟไลน์นั้น จู่ๆ รอบตัวก็เต็มไปด้วยความมืดมิด เขาถูกฉุดกระชากลงไปสู่ดินแดนที่ไม่คุ้นเคย มีเพียงเสียงชายชราผู้หนึ่ง ที่บอกว่าเส้นทางของเขายังไม่จบง่ายๆ หลินมู่อวี่ต้องเอาตัวรอดในโลกใหม่พร้อมปริศนาว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เขาติดอยู่ในเกมและไม่สามารถออฟไลน์ออกไปได้ การผจญภัยในโลกแฟนตาซีสุดล้ำของหลินมู่อวี่จึงต้องเริ่มขึ้นอีกครั้ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset