หลินมู่อวี่เป็นผู้ชายตัวโต เนื่องจากออกไปกินข้าวทั้งที เขาก็ต้องกินเนื้อ หลินมู่อวี่จึงชวนฉู่เหยาไปกินเนื้อโต๊ะใหญ่ เขามีเงินมากพอ จึงสั่งเนื้อแกะ เนื้อวัว และอีกมากมาย ขณะที่ฉู่เหยาเป็นเด็กสาวหน้าตาดีผู้ขยันขันแข็งและมัธยัสถ์ นางจึงรู้สึกเสียดายอาหารเหล่านี้ ฉู่เหยาขอให้หลินมู่อวี่กินเนื้อเหล่านี้ทันทีที่มันถูกนำมาวางบนโต๊ะ จากนั้นทั้งคู่ก็กินอาหารบนโต๊ะจนหมด ก่อนจะเดินออกจากร้านพร้อมเอามือค้ำกำแพงเนื่องจากกินเยอะเกินไป
เมื่อกลับมายังสมาพันธ์โอสถ พวกเขาก็เดินเล่นบนทางเดินนอกโรงเพาะปลูก
…
สายลมพัดอ่อนโยน ดูเหมือนว่าในเมืองหลันเยี่ยนจะเป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว ทว่าในป่าล่ามังกรยังคงเป็นฤดูหนาว
สายลมพัดผมฉู่เหยาปลิวไสว ขณะที่เธอจับผมแผ่วเบาและเอนตัวลงกับขอนไม้ นางหันมองไปที่หลินมู่อวี่และเอ่ยถาม “อาอวี่ ขณะที่เจ้าและฉินอินไปเมืองหยาดสายัณห์ ระหว่างทาง…เกิดอะไรขึ้นหรือไม่?”
หลินมู่อวี่ตกใจ “ไม่ ไม่มีอะไรนอกจากถูกไล่ล่าและตามฆ่า”
ฉู่เหยาเม้มริมฝีปากและพูดว่า “พี่ชายถามข้าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา…ถามว่าข้าชอบเจ้าหรือไม่ และถามว่าข้าไม่เคยคิดเรื่องแต่งงานหรือ…”
“หือ?”
หลินมู่อวี่รู้สึกสับสนเล็กน้อยและพูดไม่ออก
ฉู่เหยายิ้ม “ท่านปู่เชี่ยวชาญในการปรุงโอสถมาตลอดชีวิต และท้ายที่สุดก็ได้เป็นเพียงปรมาจารย์โอสถ ขณะที่ข้าได้เป็นปราชญ์โอสถแล้ว
“เช่นนั้นแล้ว…?” หลินมู่อวี่ถาม
ฉู่เหยามองลึกเข้าไปในดวงตาหลินมู่อวี่ “อาอวี่และข้าหนีตายจากเมืองหยินซานมายังเมืองหลันเยี่ยน พวกเรามีประสบการณ์ด้วยกันมากมายระหว่างทาง เดิมทีข้าคิดว่าตนเองรักอาอวี่อย่างลึกซึ้ง ทว่าข้าครุ่นคิดเกี่ยวกับมันอยู่นาน และคิดว่าบางที…มันคงเป็นความสัมพันธ์ดั่งพี่สาวและน้องชายเท่านั้น ความรักเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับข้า ดังนั้นข้าจะตั้งใจปรุงโอสถเพียงอย่างเดียว หากเจ้ามีใจให้องค์หญิงฉินอิน เช่นนั้นเจ้าก็ควรจริงจังกับนาง”
หลินมู่อวี่เอนกายบนรั้วและกล่าวอย่างเศร้าเสร้อย “ความรักเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยสำหรับเราทั้งคู่ หากพี่สาวต้องการตั้งใจปรุงโอสถ ข้าเองก็คงต้องตั้งใจกับการฝึกฝน และรอจนกว่าข้าจะแข็งแกร่งมากพอ กระทั่งมีความภาคภูมิใจในตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่สายที่จะคุยเรื่องความรักอีกครั้ง!”
ฉู่เหยาหัวเราะคิกคัก “อาอวี่ เจ้าเด็กโง่!”
หลินมู่อวี่ตกใจ “พี่ฉู่เหยา พูดอะไรน่ะ?”
“เปล่า…”
ฉู่เหยาเม้มริมฝีปากอีกครั้ง “หลังจากพูดสิ่งเหล่านี้ อาอวี่…เจ้าคงมิได้รู้จักความรักอย่างแท้จริง”
หลินมู่อวี่มองฉู่เหยาอย่างจริงจัง “กระนั้นข้าจะปกป้องพี่ฉู่เหยาจากอันตรายเสมอ และจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อปกป้องคนที่ข้าห่วงใย นั่นคือกฎของข้าในโลกนี้!”
“อืม เจ้าคงต้องพยายามอย่างหนัก เนื่องจากเจ้าห่วงใยผู้คนมากมาย!” ฉู่เหยายิ้ม
หลินมู่อวี่พลันลุกขึ้น “ข้าควรกลับไปที่วิหาร แล้วเจอกันใหม่”
“อืม ข้าจะไปส่ง”
“ตกลง”
ฉู่เหยาออกไปส่งหลินมู่อวี่ที่ประตูสมาพันธ์โอสถ จากนั้นก็หันกลับเข้าไป ขณะที่หลินมู่อวี่ตรงไปที่ประตูวิหาร ทันใดนั้นก็มีเสียงเกือกม้าดังขึ้นที่ด้านหลัง จากนั้นสาวงามก็ลงมาจากม้า นางมีตราสัญลักษณ์สีทองของร้านค้าแห่งจักรวรรดิที่หน้าอก นางเดินเข้ามากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านหลินมู่อวี่ โปรดรอสักครู่!”
“โอ้?”
หลินมู่อวี่หันกลับไปมองก็รู้สึกคุ้นตาเด็กสาวตรงหน้าเล็กน้อย แต่ไม่แน่ใจว่านางเป็นใครจึงเอ่ยถาม “สาวน้อย เรารู้จักกันหรือ?”
“ท่านหลินมู่อวี่จำข้าไม่ได้แล้วหรือ…”
หญิงสาวยิ้มเล็กน้อยขณะที่เอียงศีรษะและพูดว่า “ท่านลืมเกี่ยวกับการประมูลครั้งสุดท้ายแล้วหรือ? ข้าเป็นประธานในการประมูลครั้งนั้น…พานจื่ออี ท่านจำได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“พานจื่ออี…”
หลินมู่อวี่ตกใจเล็กน้อยก่อนจะประสานมือและกล่าวอย่างเคารพ “เป็นพานจื่ออีลูกสาวพานติงเถียนผู้นำสมาคมการค้าแห่งเมืองหลวง และคุณหนูใหญ่ของร้านค้าแห่งจักรวรรดิ ข้าขออภัยในความไม่สุภาพก่อนหน้า!”
“ท่านถ่อมตัวเกินไป!”
พานจื่ออีก้าวไปด้านหน้าพร้อมหยิบบัตรสีทองออกจากแขนเสื้อ “ข้านำสิ่งนี้มาให้ พรุ่งนี้เช้าร้านค้าแห่งจักรวรรดิจะมีการประมูลลูกและไข่ของสัตว์วิญญาณจำนวนหนึ่ง พวกมันถูกล่าในป่ามณฑลหลิงหนาน สามารถนำไปเป็นสัตว์เลี้ยงได้ หากท่านหลินมู่อวี่สนใจ ก็มาที่งานประมูลได้เจ้าค่ะ พวกเราเชิญลูกค้ากิตติมศักดิ์ระดับเพชรทั้งหมด”
หลินมู่อวี่รับบัตรเชิญและยิ้ม “ตกลง ข้าจะไป คุณหนูพานจื่ออีเป็นธุระนำมาให้ด้วยตนเอง”
“ยินดีเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าขอตัว แล้วเจอกันที่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิพรุ่งนี้”
“อืม”
หลินมู่อวี่เก็บบัตรเชิญลงกระเป๋าสรรพสิ่งขณะที้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาไม่ได้รับสัตว์เลี้ยงที่น่าพึงพอใจในป่าล่ามังกร การประมูลของร้านค้าแห่งจักรวรรดิครั้งนี้จะเป็นโอกาสดีหรือไม่? ทว่า…พวกมันเป็นเพียงลูกของสัตว์ร้าย คงไม่สามารถทำให้เชื่องได้ด้วยวิญญาณที่อ่อนแอเช่นนั้น
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ช่างเถิด เขาเพียงแค่ต้องไปดูที่งานก่อน
ความจริงแล้วผู้คนมากมายในเมืองหลันเยี่ยนต่างก็มีสัตว์เลี้ยง แต่พวกมันเป็นเพียงลูกของสัตว์วิญญาณที่อายุไม่กี่สิบปี ซึ่งมิได้มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และทั้งหมดถูกปฏิบัติราวกับสุนัขเท่านั้น แตกต่างจากชางไป๋เฮ่อที่สามารถเลี้ยงงูมังกรอายุกว่าหมื่นปี ทว่าสุดท้ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือชวีฉู่
…
วันรุ่งขึ้นหลินมู่อวี่ตื่นแต่เช้า วันนี้เขาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลและฝึกฝนเหล่าครูฝึก แต่หลังจากประกาศการจับคู่ฝึกซ้อมเสร็จ หลินมู่อวี่ก็ออกจากวิหารทันที พูดได้ว่าตอนนี้ลูกของสัตว์วิญญาณสำคัญกับเขามากกว่า!
เมื่อหลินมู่อวี่ขี่ม้าไปที่ร้านค้าแห่งจักรวรรดิก็พบว่ามีผู้คนมากมาย เหล่าองค์ชายล้วนสวมชุดหรูหรามารวมตัวกัน สำหรับพวกเขาการมีสัตว์เลี้ยงคงเป็นเรื่องน่าสนุก แน่นอนว่าแตกต่างจากหลินมู่อวี่ ลูกสัตว์วิญญาณที่เขาประมูลจะต้องกลายเป็นเพื่อนที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ด้วยกัน เขาไม่ต้องการสัตว์เลี้ยง
“พี่อาอวี่!”
ท่ามกลางฝูงชน จินเสี่ยวถังจำหลินมู่อวี่ได้จึงรีบเข้ามาคว้ามือเขาไว้และพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้จัดที่นั่งดีๆ สำหรับพี่ชายไว้แล้ว มากับข้าสิ!”
“โอ้…”
หลินมู่อวี่ถูกจินเสี่ยวถังลากเข้าไปในฝูงชน ในที่สุดก็มาโผล่บริเวณที่นั่งแถวหน้า มันเป็นตำแหน่งของบุคคลสำคัญ เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นใครอื่น จินเสี่ยวถังมิได้คิดอะไร นางนั่งลงข้างหลินมู่อวี่และเอ่ยถาม “พี่อาอวี่ต้องการสัตว์เลี้ยงใช่หรือไม่?”
“ขอข้าดูก่อน”
“โอ้ กระนั้น…หลังจากการประมูล พี่ชายสะดวกปรุงโอสถฝันคืนสู่สูงสุดหนึ่งร้อยขวดให้เสี่ยวถังได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“ได้สิ…” หลินมู่อวี่ยิ้ม “ตามข้อตกลงเดิม หากเจ้าหาวัตถุดิบมาให้ ข้าก็จะเป็นผู้ปรุง”
“ตกลงเจ้าค่ะ!”
จินเสี่ยวถังยิ้มอย่างมีความสุข บางทีในสายตาจินเสี่ยวถัง หลินมู่อวี่คงเป็นดั่งเทพเจ้าแห่งโชคลาภ!
…
ไม่นานการประมูลก็เริ่มขึ้น พานจื่ออีเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยเสื้อคลุมสีม่วงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยินดีต้อนรับสู่การประมูลของร้านค้าแห่งจักรวรรดิ การประมูลครั้งนี้เรานำลูกสัตว์วิญญาณมาเจ้าค่ะ! รายการแรกเป็นลูกหมาป่าวาโยขนเงินอายุสามเดือน!”
พานจื่ออีอุ้มลูกหมาป่าจากผู้ช่วยอย่างระมัดระวังก่อนจะลูบหัวของมันและพูดว่า “หมาป่าวาโยเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว มันสามารถช่วยเจ้าของล่าสัตว์ได้ อีกทั้งสามารถใช้เฝ้าบ้านพักได้ แม่ของมันเป็นหมาป่าวาโยขนเงินอายุสามพันสองร้อยปี รับประกันว่ามันจะเติบโตอย่างดีในภายภาคหน้า การประมูลจะเริ่มต้นที่ห้าร้อยเหรียญทอง!”
จากนั้นทุกคนต่างเสนอราคา ทว่าหลินมู่อวี่มิได้สนใจ แม้แต่เสือดาวหิมะก็ยังไม่สามารถทนรับวิญญาณของเขาได้ หากประมูลลูกหมาป่าวาโยไป มันคงต้องตายอย่างแน่นอน
ท้ายที่สุดลูกหมาป่าวาโยขนเงินถูกประมูลไปด้วยราคาหนึ่งพันสองร้อยเหรียญทอง ผู้ประมูลคือคุณชายตระกูลร่ำรวยในเมืองหลวง!
จากนั้นสัตว์วิญญาณจำนวนหนึ่งถูกประมูลออกไป ส่วนใหญ่เป็นลูกสัตว์วิญญาณอายุราวสามปี ร้านค้าแห่งจักรวรรดิมีทุกอย่างตั้งแต่หมาป่าวาโยจนถึงลูกงูมังกร หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่ามีคนในเมืองหลันเยี่ยนกล้าเลี้ยงลูกงูมังกรด้วย แม้พวกมันจะมิได้น่ากลัวถึงเพียงนั้น ทว่าก็น่าเสียดายที่พวกเขาไม่รู้จักทักษะทำให้สัตว์วิญญาณเชื่อง อย่างมากคงเลี้ยงมันเหมือนกับเลี้ยงสุนัข และคงไม่สามารถดึงพลังของสัตว์วิญญาณออกมาได้!
สองชั่วโมงผ่านไปในพริบตา ลูกสัตว์วิญญาณถูกขายจนหมด
พานจื่ออีเดินขึ้นไปบนเวทีพร้อมหัวเราะ “รายการต่อไป เด็กสาวผู้นี้จะแนะนำสัตว์วิญญาณที่ฟักตัวจากไข่ซึ่งมาจากมณฑลหลิงหนาน เอาล่ะ รายการแรกคือ ไข่กิ้งก่าปฐพี!”
พานจื่ออีพลันชี้ไปที่ไข่ยักษ์ใบหนึ่ง “เปลือกไข่เป็นสีชมพูและสีขาว แสดงว่ามันกำลังจะฟักตัว ตราบใดที่อุณหภูมิสูงเพียงพอ กิ้งก่าปฐพีที่น่ารักก็จะฟักออกมา การประมูลจะเริ่มต้นที่สองร้อยเหรียญทองเจ้าค่ะ!”
เห็นได้ชัดว่าไข่มีราคาไม่แพงมากนัก!
หลินมู่อวี่ยังคงรออย่างอดทนขณะที่เขาใช้ทักษะชีพจรวิญญาณตรวจสอบความแข็งแกร่งของสัตว์วิญญาณในเปลือกไข่ และพบว่ามันเป็นเพียงสัตว์วิญญาณอ่อนแอและไร้ประโยชน์
หลังจากขายไข่สัตว์วิญญาณไปกว่าสิบตัว ในที่สุดพานจื่ออีก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ก็มาถึงรายการสุดท้ายแล้ว นำวัตถุวิเศษขึ้นมา”
ชายกำยำผู้หนึ่งถือวัตถุบางสิ่งไว้ในอ้อมแขน มันเป็นไข่สัตว์วิญญาณสีดำสูงราวครึ่งเมตร ‘ตึง’ เขาพลันวางไข่ลงบนโต๊ะ จากนั้นพานจื่ออีก็กล่าวว่า “นี่คือไข่สัตว์วิญญาณสีดำที่พบบริเวณภูเขาไฟในมณฑลหลิงหนาน แม้ว่าจะถูกเผาด้วยอุณหภูมิสูง มันก็ไม่สุก ฮ่าๆ อีกทั้งมีลวดลายมังกรบนเปลือกไข่ ผู้ประเมินของเราจึงสรุปว่ามันคือไข่อสูรวิญญาณมังกรที่ดุร้ายที่สุด โอกาสในการฟักมีไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ ราคาประมูลเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่นเหรียญทอง!”
เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในลานประมูล ชายสวมชุดโบราณผู้หนึ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูพานจื่ออี ไข่ที่ถูกเผาเช่นนี้มีราคาถึงหนึ่งหมื่นเหรียญทอง มิใช่ว่าร้านค้าแห่งจักรวรรดิขายแต่ของมีคุณภาพหรือ?”
พานจื่ออีหน้าแดงก่ำ ทว่ามิได้ตอบโต้
หลินมู่อวี่พลันขมวดคิ้ว ทักษะชีพจรวิญญาณของเขาสัมผัสได้ถึงคลื่นวิญญาณที่แข็งแกร่งส่งมาจากภายในเปลือก มันเป็นพลังวิญญาณที่ทรงพลังมาก!
ทันใดนั้นเสียงราชาปีศาจเจ็ดประทีปก็ดังขึ้นจากทะเลจิต “เจ้าไก่อ่อนหลิน นี่คือไข่มังกรที่ใกล้ฟักตัว ด้วยพลังวิญญาณของเจ้าจะต้องฟักมันได้อย่างแน่นอน!”
“จริงหรือ?”
หลินมู่อวี่ไม่สนใจคำด่า ‘ไก่อ่อนหลิน’ อีกต่อไป เขาพลันยกมือและพูดอย่างสงบนิ่ง “สองหมื่นเหรียญทอง”
…………………………