เดิมทีหลินมู่อวี่เพียงต้องการดื่มสุราเป็นเพื่อนฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนเล็กน้อย ทว่ายังไม่ทันดื่ม ฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ดื่มจนหมดจอกแล้ว และภายในสิบนาทีฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็ดื่มจนหมดไหสุรา เขาถอนหายใจอย่างเศร้าโศก ไม่ว่าจะอำนาจ ยศฐา หรือชื่อเสียง มีสิ่งใดบ้างหรือที่มีค่าน้อยกว่าความรัก?
ความรักในช่วงที่มีปัญหาถาโถมก็เหมือนกับใบไม้ร่วงที่ล่องลอยไปตามสายลม…มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถคว้ามันได้
ไม่นานหลังจากนั้นฉู่ฮว๋ายเหมี่ยนก็เมามาก เฟิงจี้สิงจึงสั่งให้ทหารอวี้หลินสองนายพาเขากลับไปยังค่ายทหารรักษาพระองค์เพื่อพักผ่อน ขณะที่เฟิงจี้สิงและหลินมู่อวี่ยังคงอยู่อารักขาองค์จักรพรรดิและองค์หญิง
โชคดีที่งานเลี้ยงฉลองใช้เวลาไม่นานและจบลงประมาณบ่ายสองโมง
ฉินจิ้นสุขภาพไม่ดีนักจึงขอออกไปก่อนเวลา หลังจากนั้นเหล่าข้าราชบริพารก็ทยอยออกไปทีละคน
…
หลังจากส่งอ๋องน้อยและเสนาบดีจำนวนมากออกไป หลินมู่อวี่ก็ขึ้นม้าศึกและส่งฉินอินกลับจวนหงส์ไฟด้วยตนเอง ขณะที่เว่ยโฉวและเซี้ยโหวซางไปส่งถังเสี่ยวซียังจวนเจ้าเมืองชีไห่
โถงของจวนหงส์ไฟเงียบมาก ฤดูใบไม้ผลิกำลังมาเยือนจึงทำให้ทั้งบริเวณเต็มไปด้วยนกและดอกไม้ สาวใช้ส่วนใหญ่ถูกจัดไว้ที่จวนหงส์ไฟ จึงทำให้ฉินจิ้นแทบไม่มีสาวใช้อยู่ภายในห้องนอนเลย ไม่นานพวกนางก็เข้ามาต้อนรับทั้งคู่ ฉินอินเดินเข้าไปในโถง ขณะที่หลินมู่อวี่คิดว่าคงดูไม่ดีหากจะตามเข้าไป เขาจึงประสานมือและกล่าวว่า “เสี่ยวอิน ข้ามาส่งเพียงเท่านี้”
ฉินอินหันกลับมาและเอ่ยถาม “พี่อาอวี่ ไม่เข้ามาในจวนหงส์ไฟเพื่อดื่มน้ำชาก่อนกลับหรือเจ้าคะ?”
“ไม่ล่ะ ข้ายังต้องไปจัดการอีกหลายสิ่งในวิหารศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้นข้าจะไปที่ตำหนักเจ๋อเทียนเพื่อพบเจ้าอีกครั้งภายหลัง”
“เจ้าค่ะ”
ฉินอินยิ้มเล็กน้อย “หากพี่อาอวี่ไม่มาหาข้านานเกินไป ข้าจะไปพบท่านที่วิหารศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเอง!”
หลินมู่อวี่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อื้ม ข้าต้อนรับเสี่ยวอินเสมอ ข้าไปล่ะ”
“เจ้าค่ะ”
จากนั้นหลินมู่อวี่ขึ้นหลังม้าและควบออกไป…
…
วันนี้เป็นเทศกาลหว่านพืชผลซึ่งเป็นเทศกาลที่รื่นเริงมากที่สุดของจักรวรรดิ ช่วงบ่ายบนถนนทงเทียนมีคนเดินกันอย่างพลุกพล่าน และมีศิลปะการแสดงมากมาย รวมทั้งมีการประดับโคมไฟตลอดทาง บนถนนคึกคักมากจนหลินมู่อวี่ต้องลงมาเดินจูงม้า ขณะที่เดินผ่านฝูงชน พวกเขาต่างมองหลินมู่อวี่อย่างประหลาดใจที่ได้เห็นแม่ทัพยศสูงของจักรวรรดิมาเดินเช่นนี้
หลังจากเดินผ่านย่านที่รุ่งเรืองที่สุดของตำหนักเจ๋อเทียน ในที่สุดบนถนนก็เริ่มเงียบสงบลง ทว่ายังคงมีแผงขายมากมายริมทางเช่นลูกอม กังหัน ขนมหวาน และอีกมากมาย หลินมู่อวี่พลันกระโดดขึ้นม้าและกำลังควบออกไป ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนจากจวนต่างๆ ซึ่งนำโดยอวี่เหวินเหลี่ยน เขาเดินถือเชือกที่คล้องคอลูกพยัคฆ์กระหายเลือดออกมา
“หยุดก่อน”
อวี่เหวินเหลี่ยนชี้ไปยังหลินมู่อวี่ที่อยู่บนถนนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่ทัพองครักษ์ทิศใต้…หืม? จำพวกเราไม่ได้แล้วหรือ?”
“มิใช่ขอรับ” หลินมู่อวี่ยิ้มจางๆ “ข้าจำท่านอวี่เหวินเหลี่ยนได้เป็นอย่างดี”
“หึ…”
อวี่เหวินเหลี่ยนยกมุมปากขึ้นและกล่าวว่า “หลินมู่อวี่ อย่าเล่นลิ้นไป คงมิได้ลืมการเดิมพันระหว่างเราใช่หรือไม่? ประมาณเดือนมกราคมใช่หรือไม่? เวลานั้นได้มาถึงแล้ว หวังว่าไข่ที่เจ้าเรียกว่าไข่มังกรนั้นจะไม่ฟักออกมาเป็นหมาหรอกนะ ฮ่าๆๆ”
กลุ่มผู้ติดตามและคนรับใช้รอบตัวอวี่เหวินเหลี่ยนต่างก็หัวเราะ ผู้เดียวที่ไม่หัวเราะก็คือหลิงเฟิง บุตรชายของแม่ทัพแห่งมณฑลหลิงหนาน ส่วนคนอื่นๆ ในกลุ่มต่างก็เป็นบุตรชายของแม่ทัพในเมืองหลวง และรู้จักกันดีในนาม ‘ลูกคนรวย’ แห่งเมืองหลันเยี่ยน พวกเขามักจับกลุ่มอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะไม่มีชื่อเสียงในด้านการทหาร ทว่าก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อสถานะพวกเขาได้
หลินมู่อวี่ตกใจ และเพิ่งนึกออกว่ามีข้อตกลงดังกล่าวอยู่จริง
เขามองไปยังลูกพยัคฆ์กระหายเลือดของอวี่เหวินเหลี่ยน มันเป็นเพียงลูกสัตว์วิญญาณอายุน้อยกว่าหนึ่งปี แม้ว่ากรงเล็บจะโตเต็มที่แล้ว ทว่าก็ไม่มีอะไรเทียบได้กับแอปเปิลน้อย
หลินมู่อวี่ยิ้ม “ต้องการจะประลองจริงเหรอ?”
“ใช่ ที่นี่ตอนนี้!” อวี่เหวินเหลี่ยนหัวเราะเยาะ “คำถามสำคัญอยู่ที่…ไข่มังกรของเจ้าฟักออกมาหรือไม่?”
“รอสักครู่เถิด”
หลินมู่อวี่ผูกม้าไว้กับเสาด้านข้าง ก่อนจะเดินเข้าไปในตรอก เขาใช้จังหวะที่อวี่เหวินเหลี่ยนและคนอื่นๆ ไม่ได้มองรีบดื่มโอสถและทำการเปิดมิติที่สี่ สายฟ้าสว่างวาบพร้อมฌานสัมผัสแตกออกเกิดรอยแยกมิติยาวสิบเจ็ดเมตร
‘โฮก…’
มังกรน้อยเหยียบอุ้งเท้าลงบนรอยมิติอย่างเกียจคร้าน ก่อนที่หัวจะโผล่ออกมองไปรอบบริเวณราวกับไม่อยากออกมา
หลินมู่อวี่จึงพูดกับมังกรน้อยด้วยฌานสัมผัส “ออกมาหาข้า ได้เวลาขยับร่างกายแล้ว เมื่อเห็นพยัคฆ์กระหายเลือด เจ้าสามารถฆ่ามันได้ทันทีโดยไม่ต้องเกรงใจ เจ้าอายุน้อยกว่ามัน แต่อย่าแสดงความแข็งแกร่งออกมามากนัก เข้าใจหรือไม่?”
แอปเปิลน้อยม้วนตัวหล่นลงจากรอยแยก มันกระแทกลงพื้นและส่งเสียงออกมาอย่างโง่เขลา อีกทั้งมังกรน้อยยังท้องอืดเนื่องจากกินอาหารเยอะเกินไป หลินมู่อวี่รู้ว่ามันเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่เติบโตในพื้นที่รกร้างและมีกลิ่นค่อนข้างแรง ทว่ามังกรผลึกโลหิตกลับดูชอบมาก
จากนั้นหลินมู่อวี่หันหลังเดินออกจากตรอกพร้อมมังกรน้อย
‘ตึก ตึก…’
ขณะที่เดินอยู่นั้น มังกรน้อยก็ก้าวเท้าหน้าลงพื้นจนโคลนกระเด็นเปื้อนปากแหลม มันครางเล็กน้อยขณะที่พยายามใช้อุ้งเท้าหน้าเช็ดและนั่งลงบนขาหลังราวกับหมาโง่
หลินมู่อวี่มองอย่างตกตะลึงและพูดในใจ สหาย…ข้าบอกว่าอย่าแสดงความแข็งแกร่งมากเกินไป แต่เจ้ากลับทำตัวเช่นนี้ได้อย่างไร? การแสดงของเจ้านั้นช่างอนาคตไกลเสียจริง…
อวี่เหวินเหลี่ยน หลิงเฟิง และคนอื่นๆ หัวเราะเสียงดัง
หลิงเฟิงกล่าว “ท่านหลินมู่อวี่ สิ่งนั้นคืออะไรที่ฟักออกจากไข่มังกรของท่าน?”
“อาจเป็นกิ้งก่าปฐพี…” หลินมู่อวี่แตะจมูกและกล่าวว่า “กระนั้นมันก็ดูไม่เหมือนมังกร”
อวี่เหวินเหลี่ยนหัวเราะลั่น “ข้าเกรงว่ามันคงจะไม่ใช่กิ้งก่าปฐพีธรรมดา ทว่าเป็นกิ้งก่าปฐพีโง่เง่าใช่หรือไม่?”
หลินมู่อวี่ไม่ได้โกรธ เขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ท่านอวี่เหวินเหลี่ยน พร้อมจะประลองหรือไม่?”
“เหตุใดจึงไม่?”
อวี่เหวินเหลี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ทว่าหลินมู่อวี่คงต้องเตรียมใจไว้บ้าง ความสามารถด้านไฟของพยัคฆ์กระหายเลือดตื่นแล้ว ระวังกิ้งก่าปฐพีจะถูกไฟเผาจนสุก และเมื่อถึงเวลานั้น…หึ! ข้าจะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายสำหรับสองหมื่นเหรียญทองที่เจ้าซื้อมา แต่เจ้าต้องจ่ายข้าห้าหมื่นเหรียญทอง!”
หลินมู่อวี่พยักหน้า “ไม่เป็นไร หากพยัคฆ์กระหายเลือดสามารถทำอาหารได้จริง เช่นนั้นข้าจะไปหยิบยี่หร่ามาสักหนึ่งกำมือแล้วแบ่งกันกินทุกคน คิดว่าอย่างไร?”
“ฮ่าๆๆ น่าสนใจดีนี่!”
อวี่เหวินเหลี่ยนออกคำสั่ง “ทุกคนหลบไป และเตรียมรับมือการประลองของสัตว์ร้าย!”
ทุกคนถอยออกมาเป็นรูปวงกลม ชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลก็เริ่มทยอยเข้ามามุงดูด้วยความตื่นเต้นและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับเรื่องนี้
“โอ้! มีการประลองสัตว์ร้ายหรือ ไม่รู้ว่าครานี้เดิมพันสิ่งใดกัน!”
“ดูเหมือนว่าจะเป็นบุตรชายของแม่ทัพอวี่เหวินเซี่ย พยัคฆ์กระหายเลือดเป็นสัตว์ในตำนานซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถเข้าใกล้ได้เลย”
“อีกฝ่ายดูเหมือนจะมาจากวิหารศักดิ์สิทธิ์และเป็นผู้ดูแล!”
“โอ้ มาจากวิหารรึ ช่างน่าสนใจ! ไม่รู้เลยว่ากิ้งก่านั่นจะสามารถเอาชนะพยัคฆ์กระหายเลือดได้หรือไม่!”
“กิ้งก่านั่นดูโง่มาก มันคงไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน กิ้งก่าที่ไหนจะเอาชนะเสือได้? แทบไม่ต้องพูดถึงว่านั่นคือราชาพยัคฆ์กระหายเลือด!”
“ฮ่าๆๆ รอดูการแสดงน่าสนใจนี้เถิด!”
…
“พยัคฆ์กระหายเลือดเตรียมโจมตี!” อวี่เหวินเหลี่ยนแตะหน้าผากพยัคฆ์พร้อมออกคำสั่ง
กระนั้นพยัคฆ์กระหายโลหิตก็ดุร้ายโดยสัญชาตญาณ เมื่อไม่มีพันธะวิญญาณกับอวี่เหวินเหลี่ยน มันก็แว้งกัดมือเขาทันที! โชคดีที่อวี่เหวินเหลี่ยนฝึกฝนมาเพียงพอจึงหลบการโจมตีอย่างง่ายดาย ทว่าก็เสียหน้าเล็กน้อย
เมื่อเทียบกันแล้วมังกรผลึกโลหิตแล้ว มันมีพฤติกรรมที่ดีกว่ามาก มังกรน้อยเพียงนั่งลงด้วยขาหลังขณะที่ขาหน้าเหยียดตรง ตากลมโตจับจ้องไปที่หลินมู่อวี่พร้อมหางกวาดไปมาบนพื้น
“ออกไปสู้ซะ!” หลินมู่อวี่ออกคำสั่ง
มังกรน้อยพลันกระโจนออกไปทันทีพร้อมคำรามใส่พยัคฆ์กระหายเลือดอย่างยั่วยุ และด้วยศักดิ์ศรีความเป็นราชาพยัคฆ์ มันจึงคำรามกลับทันที สัตว์ร้ายทั้งสองขู่คำรามใส่กันโดยไม่มีตัวใดจู่โจมก่อน
อวี่เหวินเหลี่ยนยิ้มเยาะ “หลินมู่อวี่ หากกิ้งก่าของเจ้าถูกฆ่าตาย ก็อย่าเสียใจไปเลย”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เสียใจแน่นอน”
หลินมู่อวี่กอดอกและมองฉากต่อสู้ของสัตว์ร้ายอย่างเกียจคร้าน
ในที่สุดพยัคฆ์กระหายโลหิตก็เป็นฝ่ายจู่โจมก่อน ‘โฮก!’ เสียงคำรามก้องพร้อมเปลวไฟลุกโชนทั่วร่างกาย ทันใดนั้น! มันก็พุ่งออกไปพร้อมตะปบกรงเล็บเพลิงใส่มังกรผลึกโลหิต!
บรรดาชาวบ้านที่มุงดูต่างกรีดร้อง ไม่บ่อยนักที่พยัคฆ์กระหายเลือดอายุน้อยจะมีพลังโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้
กระนั้นดูเหมือนว่าทุกคนจะมองข้ามเส้นสีเงินห้าเส้นบนหัวของมังกรผลึกโลหิต สัตว์วิญญาณอายุห้าร้อยปีจะเกรงกลัวพยัคฆ์กระหายเลือดอายุไม่ถึงปีได้อย่างไร? อีกทั้งมังกรผลึกโลหิตก็ฉลาดมาก มันเกลือกกลิ้งลงบนพื้นจนทั้งตัวปกคลุมไปด้วยโคลน เมื่อพยัคฆ์กระหายเลือดกำลังจะประชิดตัว มังกรน้อยพลันม้วนตัวเป็นลูกบอลก่อนจะใช้เกล็ดแข็งรับการโจมตีของพยัคฆ์ร้าย
‘ผัวะ!’
เสียงอุ้งเท้าพยัคฆ์กระหายโลหิตปะทะมังกรผลึกโลหิตจนลอยออกไปกระแทกกำแพงอย่างรุนแรง
‘โฮก…’
พยัคฆ์กระหายโลหิตคำรามลั่นและกระทืบเท้าลงบนพื้นพร้อมปล่อยพลังเปลวเพลิงทะยานเหนือฟ้า!
‘ฟิ้ว!’ เปลวเพลิงพุ่งตรงไปยังมังกรน้อยอย่างรวดเร็ว!
“จุดจบของกิ้งก่าปฐพีมาถึงแล้ว…” หลิงเฟิงกล่าวพร้อมตาเบิกกว้าง
เหล่าชาวบ้านต่างก็ตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าราชาพยัคฆ์จะเป็นฝ่ายชนะได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
กระนั้นภายใต้การจับจ้องของทุกคน มังกรน้อยพลันคลายตัวพร้อมกระทืบขาหน้าลงบนพื้นและคำรามลั่น จากนั้นลวดลายมังกรสีทองก็ปรากฏขึ้นบนร่างกาย ก่อนจะรับพลังเพลิงของศัตรูเต็มแรง!
‘ตูม!’
พลังเพลิงกระเด็นออกไปอีกทาง! เห็นได้ชัดเจนว่ามังกรผลึกโลหิตแข็งแกร่งเพียงใดจึงสามารถปัดป้องเปลวเพลิงอย่างง่ายดาย วินาทีถัดมามังกรผลึกโลหิตก็กระโจนเข้าไปเผชิญหน้ากับพยัคฆ์กระหายเลือดพร้อมปลดปล่อยพลังแห่งมังกร สิ่งนี้เป็นเหตุทำให้พยัคฆ์กระหายเลือดถูกปกคลุมไปด้วยความหวาดกลัวและส่งเสียงร้องโหยหวน แต่ก็สายเกินไปแล้ว ทันใดนั้น! กรงเล็บแหลมคมของมังกรผลึกโลหิตถูกยกขึ้นและตะปบไปด้านหน้าอย่างรุนแรง!
เลือดสาดกระเซ็นพร้อมหัวพยัคฆ์กระหายเลือดระเบิดออกทันที! จากนั้นมังกรน้อยก็อ้าปากกว้างเยี่ยงสัตว์ร้ายและกลืนกินศิลาวิญญาณของศัตรูอย่างหิวกระหาย!
…
ทุกคนรอบบริเวณต่างยืนนิ่งราวกับหินขณะที่จับจ้องเหตุการณ์ตรงหน้า “กิ้งก่าปฐพีอะไรกัน เหตุใดจึงแข็งแกร่งเยี่ยงนี้…”