EP.294 อสูรกาย
‘ชิ้ง’
แสงจากฝ่ามือคมดั่งใบดาบสว่างวาบจากเบื้องหลังซึ่งมาจากการโจมตีของเฒ่าจิง พลังยุทธ์ของเขาเยือกเย็นอย่างแท้จริง แม้แต่คำพูดก็เย็นชา อีกทั้งชายชราผู้นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ศาสตราวุธเลย เขาสามารถสังหารคนได้ด้วยมือเปล่า!
หลินมู่อวี่รีบหลบออกด้านข้างอย่างรวดเร็วขณะที่จิตสังหารเยือกเย็นตวัดผ่านปลายจมูก ‘เปรี้ยง!’ มันกระทบก้อนหินใกล้ๆ จนเจาะเป็นรูพร้อมเกิดน้ำค้างแข็งเกาะแน่นบนนั้น พลังยุทธ์ของเฒ่าจิงไม่ธรรมดาเลย
…
‘ชิ้ง!’
หลินมู่อวี่ชักกระบี่วิญญาณมังกรอย่างรวดเร็วพร้อมพุ่งตัวไปขณะที่จิงเหลายังคงระบำฝ่ามือรับการโจมตีอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้เกิดขึ้นใกล้ค่ายมาก จิงเหลาจึงต้องพยายามดึงออกไปในพื้นที่โล่ง มิเช่นนั้นอาจทำให้เขาเดือดร้อนได้
“เจ้ากลัวรึ?”
จิงเหลาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความโกรธพวยพุ่งปกคลุมร่างกาย พร้อมสัตว์วิญญาณสีดำปรากฏขึ้นบนไหล่ขณะที่เขาวิ่งไล่ตามหลินมู่อวี่ “ราชบุตรบุญธรรมอะไรกัน นี่มันไม่ต่างจากหมาตัวหนึ่ง ฮ่าๆ จากนี้ไปจักรพรรดิจะไม่มีราชบุตรบุญธรรมอีกต่อไปแล้ว!”
หลินมู่อวี่หยุดวิ่งกะทันหัน ก่อนจะหันกลับพร้อมตวัดกระบี่ออกไป ด้วยพลังเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ที่มีทำให้กระแทกชายชราถอยหลังไปหลายก้าวรวมทั้งตัวเขาเอง ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งมากกว่านี้ มิเช่นนั้นคงถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย หลินมู่อวี่ถอยไปกระแทกต้นสนเล็กน้อยและกระเด้งกลับ บนใบหน้าเผย ‘ความขุ่นเคือง’ อย่างเห็นได้ชัดและกล่าวว่า “เจ้า…หากเจ้าสังหารข้าที่นี่ จะต้องมีคนสืบหาความจริงและทำให้เสด็จพ่อยกทัพมาทำลายเมืองชีไห่เพื่อแก้แค้นให้ข้าอย่างแน่นอน!”
“ฮ่าๆๆ น่าขันยิ่งนัก…”
เฒ่าจิงมองหลินมู่อวี่ด้วยสายตาเหยียดหยามก่อนจะตะโกนใส่หลินมู่อวี่ “คิดว่าตนเองเป็นใคร? คิดว่าจะทำให้องค์จักรพรรดิแค้นเคืองแล้วยกทัพมาถล่มเมืองชีไห่อย่างนั้นเหรอ หึ! ฝันไปเถิด!”
ทว่าภายในใจจิงเหลาเย็นสะท้าน เขารู้ดีว่าหากสังหารหลินมู่อวี่ เรื่องนี้จะต้องถูกเปิดเผยแน่ และหลานกงคงไม่สามารถรับผิดชอบความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงนี้ได้
เฒ่าจิงส่งฝ่ามือกระแทกเกราะปราณยุทธ์ของหลินมู่อวี่ครั้งแล้วครั้งเล่ากระทั่งเลือดไหลออกจากมุมปาก
ทว่าหลินมู่อวี่ก็หลบหนีออกห่างไปเกือบสิบไมล์ในพริบตาซึ่งค่อนข้างไกลจากค่ายทหารเมืองชีไห่ แม้แต่ภูเขาหยิงเฉ่าก็กลายเป็นภูเขาลูกเล็กภายใต้แสงจันทร์ในสายาเขา ทันใดนั้นหลินมู่อวี่ก็หันกลับมาพร้อมอารมณ์ที่คุกรุ่น ปราณยุทธ์เพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด เขายกฝ่ามือขึ้นมาแผ่วเบาเรียกวิญญาณยุทธ์น้ำเต้าสีทองพร้อมกระดองเต่าทมิฬ ปราการเกล็ดมังกร และกำแพงน้ำเต้าออกมารับการโจมตีของเฒ่าจิง
‘ตูม!’
ฝ่ามือของจิงเหลากระแทกลงกำแพงน้ำเต้าอย่างรุนแรงจนเกิดแสงระเบิดขึ้น ทว่าแรงสะท้อนของกำแพงก็ทำให้แขนของจิงเหลาชาอย่างช่วยไม่ได้ หัวใจของชายชราเย็นยะเยือก เจ้าเด็กนี่…แกล้งเป็นหมูกินดีเสืออยู่เสมอเลยรึ?
“แสดงพลังที่แท้จริงออกมาซะ มิเช่นนั้นเจ้าคงได้ตายเร็ว!” หลินมู่อวี่ยิ้มเล็กน้อย กระบี่วิญญาณมังกรส่งเสียงอย่างท้าทาย ขณะเดียวกันพลังเจ็ดประทีปก็หลั่งไหลเข้าสู่กระบี่
ใบหน้าเฒ่าจิงบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ “ไอ้เด็กสารเลว…”
พูดจบใบหน้าจิงเหลาก็บิดเบี้ยวยิ่งขึ้น ทันใดนั้น! หนามแหลมก็แทงทะลุทั่วร่างกายจิงเหลาจนเลือดไหลอาบรวมทั้งบนศีรษะของเขาด้วย จากนั้นปราณยุทธ์ลุกโชนพร้อมกล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นราวกับจะระเบิด จิงเหลาขณะนี้ดูไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปแล้ว ทว่าเป็นปีศาจร้าย!
“อะไรน่ะ?” หลินมู่อวี่เอ่ยเสียงแผ่วเบา
จิงเหลากล่าวอย่างเย้ยหยัน “ข้าได้บรรลุวิชาการต่อสู้ผสมผสานอย่างวิทยายุทธ์สัตว์ร้าย…ข้าติดตามหลานกงต่อสู้ในสนามรบเหนือจรดใต้ ผ่านการต่อสู้มานับไม่ถ้วน ไม่มีใครในแผ่นดินนี้ไม่รู้จักชื่อของซือหม่าจิง! เจ้าคนเขลา ไปลงนรกซะ!”
พูดจบเฒ่าจิงก็ง้างฝ่ามือใส่หลินมู่อวี่ พยัคฆ์คลั่งปรากฏขึ้นขณะที่จิงเหลาคำรามลั่น “พยัคฆ์สยบภูผา!”
ปราณยุทธ์พวยพุ่งปกคลุมฝ่ามือ การโจมตีนี้ไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าจิงเหลาพัฒนาฝีมือขึ้นอย่างมากโดยการผสมผสานวิทยายุทธ์และวิญญาณยุทธ์เข้าด้วยกัน การโจมตีนี้คงไม่ต่ำกว่าขอบเขตนภาชั้นที่สาม
หลินมู่อวี่ปลดปล่อยพลังเจ็ดประทีปไหลเข้าสู่กระบี่ ก่อนจะจับกระบี่ด้วยสองมืออย่างมั่นคง ทันใดนั้น! ก็ฟาดกระบี่ออกไปอย่างรุนแรงพร้อมเสียงหวีดหวิวดังก้อง อัสนีคลื่นคลั่งผสานพลังกับหนึ่งประทีปพิฆาตชีวัน!
‘เปรี้ยง!’
ไฟและน้ำค้างแข็งทะยานขึ้นท้องนภา เกิดแสงสว่างจ้าราวกับเป็นเวลากลางวัน และทำให้เห็นกล้ามเนื้อของจิงเหลาที่บวมเปล่งดูน่ากลัวยิ่งขึ้น
“อั่ก…” หลินมู่อวี่กระอักเลือดพร้อมถอยออกไปสองสามก้าว พลังของเขาด้อยกว่า…
กระนั้นสภาพของจิงเหลาก็ไม่สู้ดีนัก เขารู้สึกชาไปทั้งแขน ความแข็งแกร่งของหนึ่งประทีปทรงพลังมาก แม้จะไม่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่จิงเหลา ทว่าก็ทำให้รู้สึกแย่
“เหอะ เก่งเหมือนกันนี่!”
เฒ่าจิงยิ้มเยาะก่อนจะประสานมือเข้าด้วยกัน ก่อเกิดน้ำค้างแข็งเกาะบนร่างกายอย่างเชื่องช้า เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและกล่าวว่า “บังคับให้สัตว์ร้ายเช่นข้าเอาจริงได้ คงถึงจุดจบของเจ้าแล้ว เตรียมตัวตายซะ!”
หลินมู่อวี่เช็ดเลือดออกจากมุมปากและอดไม่ได้ที่จะยิ้มขณะที่ก้มเก็บกระบี่เล่มยาว วิญญาณยุทธ์น้ำเต้าพลุ่งพล่านอย่างดุเดือดพัดเสื้อคลุมหลินมู่อวี่ปลิวไสวดูสง่างามและน่าเกรงขามซึ่งดูเหมือนแม่ทัพจากสรวงสวรรค์ที่ลงมาจุติ ครานี้หลินมู่อวี่ข้ามพลังสองประทีปและสามประทีป เนื่องจากพลังทางจิตวิญญาณของเขาแข็งแกร่งขึ้นมากจากการฝึกยุทธ์จนสามารถควบคุมพลังสี่ประทีปได้ เมื่อผสานกับแก่นเพลิงมังกรที่หลั่งไหลจากแขนเข้าสู่กระบี่ พลังสีประทีปก็พวยพุ่งปกคลุมทั่วใบดาบ
เฒ่าจิงระเบิดความโกรธทันใด ฝ่ามือทั้งสองประสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นเขาก็เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมตะโกนลั่น “จงตายซะ! พิภพเยือกแข็ง!”
หลินมู่อวี่ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาฟาดกระบี่ออกไปอย่างรุนแรง แก่นเพลิงมังกรผสานพลังสี่ประทีปเทพมารโศกา!
พื้นที่โดยรอบราวกับถูกบิดเบี้ยวด้วยพลังเจ็ดประทีป สนามรบขนาดเล็กนี้ได้กลายเป็นอาณาเขตของหลินมู่อวี่โดยสมบูรณ์ภายใต้ขอบเขตพลังสี่ประทีปเทพมารโศกา ทำให้เพิ่มความแข็งแกร่งแก่การโจมตีของหลินมู่อวี่อย่างท่วมท้น
‘ตูม!’
พลังน้ำแข็งและไฟปะทะกันอย่างรุนแรงก่อนจะพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนจะระเบิดออกจนทำให้ป่าโดยรอบเรียบเป็นหน้ากลองขณะที่กรวดบนพื้นปลิวกระจัดกระจาย
“อ๊าก…”
เฒ่าจิงส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาขณะที่หลินมู่อวี่ยังโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้นน้ำค้างแข็งที่ถูกพัดขึ้นไปก็ตกลงมาแยกทั้งสองออกจากกัน เฒ่าจิงถอยออกไปพร้อมเลือดอาบแขน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส
…
“ไอ้สารเลว เจ้าเอาชนะข้าได้อย่างไร?”
เฒ่าจิงคำรามเยี่ยงสัตว์ร้าย เขาพลันกระแทกฝ่ามือลงบนพื้นอย่างรวดเร็วเรียกน้ำแข็งรอบบริเวณให้พุ่งมาที่ร่างกายชายชรา
นี่คือกระบวนท่าที่ต้องการใช้ความแข็งแกร่งของน้ำค้างแข็งหรือ?
หลินมู่อวี่ตกใจเล็กน้อย แต่เขามั่นใจว่าจะต้องมีวิธีรับรือกับมัน หลินมู่อวี่พลันเก็บกระบี่เข้าฝักก่อนจะยกแขนซ้ายประทับบนหน้าอก แขนซ้ายของเขามิได้มีเพียงพลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ทว่ายังมีพลังจากเลือดมังกรอีกด้วย ภายใต้พลังอันน่าเกรงขาม มีเปลวไฟลุกโชติช่วงพร้อมภาพมายาที่ลอยวนรอบแขน ขณะเดียวกันก็รวบรวมพลังสามประทีปทรกรรมชีวี ทันใดนั้น! ราวกับเกิดสิ่งมหัศจรรย์ จิตวิญญาณของสัตว์ป่า ต้นไม้ ศิลา และทุกสรรพสิ่งบริเวณโดยรอบเข้าห่อหุ้มร่างกายหลินมู่อวี่ เขาสามารถขอยืมพลังจากธรรมชาติรอบตัวซึ่งจิงเหลาไม่มีทางเปรียบเทียบความแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน
เมื่อเฒ่าจิงเงยหน้าขึ้นก็พบหลินมู่อวี่ยืนตระหง่าน โดยมีวิญญาณมังกรเกาะอยู่ที่แขนซ้าย ฉับพลันทั่วทั้งร่างกายของเฒ่าจิงก็สั่นสะท้าน เขาก้มหัวลงพร้อมน้ำตาที่เอ่อล้น “ท่านหลานกง ข้าซือหม่าจิงมิสามารถต้านทานได้อีกต่อไป ข้าได้ติดตามท่านมานานตั้งแต่แผ่นดินเหนือจรดแผ่นดินใต้ ข้าหวังว่าท่านจะปลอดภัยและไม่กังวลสิ่งใดอีก…”
‘โฮก!’
ทันใดนั้นจิงเหลาก็พุ่งตัวพร้อมส่งเสียงคำรามดังก้องราวกับไม่ใช่มนุษย์ นิ้วมือทั้งห้าฟาดแหวกอากาศไปด้านหน้า นี่เป็นกระบวนท่าที่มีจิตสังหารอยู่หนาแน่น!
หลินมู่อวี่เงยหน้าชำเลืองเล็กน้อย ทันใดนั้น! เขาก็ออกแรงใต้ฝ่าเท้าพร้อมเปลวเพลิงลุกโชนทั่วแขนซ้าย
‘เปรี้ยง!’
เกิดคลื่นกระแทกอย่างรุนแรงราวกับแผ่นดินเคลื่อนชนกัน การปะทะของทั้งสองก่อเกิดพายุเพลิงขนาดใหญ่หมุนวน ‘ฉัวะ!’ เสียงดาบตัดผ่านบางสิ่ง วินาทีถัดมาจิงเหลาก็กรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา “อ๊าก!” แขนทั้งสองข้างของเฒ่าจิงขาดสะบั้นจนเลือดสาดกระเซ็นทั่วบริเวณซึ่งเป็นภาพที่น่าสยดสยอง
“ขอให้เจ้าได้รับความสงบสุข”
พลังของหลินมู่อวี่ยังคงท่วมท้น เขาพุ่งไปด้านหน้าพร้อมง้างกระบี่วิญญาณมังกรหวังฟันเข้าที่คอศัตรู
เฒ่าจิงลืมตาขึ้นและคำรามลั่น “ข้าสวมชุดเกราะปกป้องไว้ เจ้าจะสังหารข้าด้วยดาบเหล็กบิ่นๆ นั่นรึ เหอะ! องค์ชายกำลังจะกลับมา ไม่ช้าเจ้าต้องตายแน่ หลินมู่อวี่!”
กระนั้นหลินมู่อวี่ก็ไม่พูดสิ่งใด ใบดาบร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว ‘เปรี้ยง!’ กระบี่วิญญาณมังกรไม่สามารถทะลุผ่านชุดเกราะของศัตรูด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังถูกปิดกั้นจากเกราะปราณยุทธ์ ทว่าทันใดนั้น! แหวกรังสีก็ทะลุผ่านเกราะพุ่งตรงไปยังต้นคอเฒ่าจิง ก่อนจะเฉือนทะลุจนไปกระแทกก้อนหินด้านหลังแยกเป็นสองส่วน
“อ…อา…” เฒ่าจิงส่งเสียงอยู่ภายในลำคอ จากนั้นเลือดก็สาดกระเซ็นพร้อมหัวที่หลุดจากบ่า
หลินมู่อวี่เฝ้าดูศัตรูล้มลงอย่างไม่แย่แส ก่อนจะก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วและคว้ากระเป๋ามิติที่เอวของจิงเหลา หลินมู่อวี่ยังไม่มีเวลาตรวจสอบของภายใน เขาพลันเก็บกระบี่วิญญาณมังกรเข้าฝักและพาดไว้ที่แผ่นหลัง จากนั้นหลินมู่อวี่กระโจนออกไปและหายไปในความมืดอันหนาวเหน็บในพริบตา สายลมยามค่ำคืนช่างมืดมน มีเพียงร่างไร้วิญญาณของจิงเหลานอนแน่นิ่งบนพื้น ร่างนั้นถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว แม้แต่เลือดที่สาดกระเซ็นบนโขดหินก็แปรเปลี่ยนเป็นน้ำแข็ง
มีเพียงผู้ชนะและผู้แพ้ นี่คือกฎของแผ่นดินนี้ เฒ่าจิงและหลินมู่อวี่รู้ดีว่าเมื่อใดที่มีการประลอง เมื่อนั้นก็จะต้องมีคนตาย แม้หลินมู่อวี่จะอ่อนโยน แต่ก็ไม่ขี้ขลาด หากใครต้องการฆ่าหลินมู่อวี่ เขาก็จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ลังเล นายน้อยแห่งหลงซินกรุ๊ปคนเก่าไม่มีอีกแล้ว ยามใดที่เผยความโหดร้าย ศัตรูจักต้องสั่นสะท้าน มิเช่นนั้นหลินมู่อวี่คงไม่สามารถพิชิตบัลลังก์เทพทหารได้
หลินมู่อวี่ใช้ฝีเท้าดาวตกวิ่งผ่านผืนป่าอันหนาวเหน็บไปอย่างรวดเร็ว
“ฮึก…”
อีกด้านหนึ่งของมิติหลินมู่อวี่ได้ยินเสียงร้องของมังกรราวกับเด็กน้อย เขาไม่สนใจนัก ขณะที่ใบหน้ามิได้เผยความยินดีหลังเอาชนะจิงเหลาได้ เนื่องจากหลินมู่อวี่กังวลใจที่ไม่ทราบว่าถังเสี่ยวซีอยู่แห่งหนใด ภายใต้แสงจันทร์เย็นกลางป่า เงาของหลินมู่อวี่ช่างดูโดดเดี่ยวไร้มิตรสหาย…