Ep.301 สวัสดิการของหลินมู่อวี่
ร่างของถังห่าวและคนอื่นๆ หายเข้าไปในป่า ขณะที่หลินมู่อวี่ประคองถังเสี่ยวซีไว้พลางมองบาดแผลทั่วร่างของนางอย่างปวดใจ ก่อนจะหยิบโอสถออกมาทาแผลให้ทั่ว
ถังเสี่ยวซีนอนไม่ได้สติในอ้อมแขนหลินมู่อวี่พร้อมกับรอยยิ้มจางบนใบหน้า ตั้งแต่ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางในตัวตื่นขึ้น นางก็ไม่พูดอะไรอีกเลยจนถึงตอนนี้ ซึ่งหลินมู่อวี่ที่อยู่เคียงข้างนางหาได้กลัวไม่
หลังจากให้ยาแล้ว หลินมู่อวี่ก็จัดท่าให้นางนั่งลง ทักษะชีพจรวิญญาณของหลินมู่อวี่สัมผัสได้ถึงพละกำลังของถังเสี่ยวซีอันมหาศาลจนหลินมู่อวี่ถึงกับขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เจ้าแข็งแกร่งยิ่งกว่าข้าเสียอีก เหตุใดจึงไม่ขัดขืน…ปล่อยให้ถังปินฆ่าเจ้าได้อย่างไร?”
ถังเสี่ยวซีค่อยๆ เปล่งเสียงด้วยใบหน้าอันอิดโรย “การที่กลายเป็นเช่นนี้มันทำให้ข้าอยากฆ่า…อยากทำร้ายผู้คน”
“มันคือการป้องกันตัว…ไม่ใช่ทำร้ายผู้อื่น”
“มันคือการทำร้าย…”
นัยตาสีทองของถังเสี่ยวซีสบตาหลินมู่อวี่ นางยิ้มพลางเอ่ยขึ้น “มู่มู่ เห็นข้าแบบนี้แล้วเจ้าไม่คิดกลัวเลยหรือ?”
“หาได้มีสิ่งใดให้กลัวไม่” หลินมู่อวี่ยิ้มพลางเอื้อมมือไปลูบหูจิ้งจอกของถังเสี่ยวซีและหัวหัวเราะ “ด้วยรูปร่างอันน่าเอ็นดูเยี่ยงนี้…”
“…”
ถังเสี่ยวซีเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “ข้าเป็นเช่นนี้…เจ้าไม่เกลียดข้าหรือ?”
“ไม่เลย…”
หลินมู่อวี่พูดปลอบโยน “ข้าเคยบอกเจ้าว่าข้ามาจากอีกโลกหนึ่งที่มีวัฒนธรรมต่างกัน ในโลกของข้า…หากใครได้มีคู่รักเช่นเจ้าจะเป็นที่น่าริษยายิ่งนัก และทุกคนก็จะพูดว่าจงภูมิใจในสิ่งเจ้าเป็นเถิด…ด้วยหางอันสง่างามทั้งเก้านี้ใครต่อใครก็อิจฉา”
“จริงหรือ?”
ถังเสี่ยวซียิ้มมองหลินมู่อวี่
“แน่นอนที่สุด” หลินมู่อวี่ผลุบสายตามองหางเพลิงทั้งเก้าก่อนจะกล่าว “แค่ลำบากเพราะหางเยอะนิดหน่อยเท่านั้น”
“ลำบากอย่างไรหรือ?” ถังเสี่ยวซีถาม
“อย่างเช่น…” หลินมู่อวี่กระแอม “หากข้าได้ร่วมรักกับเจ้า ข้าเกรงว่าคงจะทำท่าทางจากด้านหลังไม่ได้…เพราะมันจะโดนหางเจ้าแทน…”
ถังเสี่ยวซีเขินอายจนหน้าแดง “มู่มู่คนทะลึ่ง หาใช่เวลามาล้อข้าเล่นไม่”
หลินมู่อวี่วางใจเมื่อเห็นถังเสี่ยวซียังยิ้มได้
ไม่นานหลังจากนั้นถังเสี่ยวซีก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบ “ไม่เห็นลำบาก ข้าขึ้นให้ก็ได้…”
หลินมู่อวี่ชะงักจนไปต่อไม่เป็น
…
ภายใต้แสงจันทรา หลินมู่อวี่นำไม้แห้งมาทำเป็นฟืนก่อกองไฟ หลังจากนั้นจึงนำกระต่ายที่ล่าได้เมื่อไม่กี่วันก่อนออกมาจากถุงสรรพสิ่งและเอาไปย่างบนกองไฟ ไม่นานน้ำมันจากเนื้อก็เริ่มหยดจนสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วพลางส่งกลิ่นเนื้อย่าหอมฟุ้ง ดวงตาสีทองของถังเสี่ยวซีจ้องอาหารรสเลิศอย่างไม่ลดละ ดูเหมือนหลายวันมานี้ไม่มีของดีตกถึงท้องนางเลย
“หนาวหรือไม่?” หลินมู่อวี่หันไปมอง…ทั้งร่างถังเสี่ยวซีมีเพียงชุดขาดรุ่งริ่งที่ขโมยมาจากแม่บ้าน ส่วนมหึมาบนร่างโผล่พ้นเศษผ้าออกมาดูน่าเย้ายวน แม้จะเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิทว่าอากาศยังคงหนาวเย็น หลินมู่อวี่ดึงเอาผ้าคลุมวิหารศักดิ์สิทธิ์ด้านหลังมาห่มให้นางอย่างมิดชิด
หลินมู่อวี่หันมาใช้มีดเสียงปีศาจตัดเนื้อขาของกระต่ายย่างอย่างชำนาญและส่งมันให้ถังเสี่ยวซี “กินให้เยอะๆ”
“อืม”
ถังเสี่ยวซีรับเนื้อมาก่อนจะกัดกินอย่างหิวกระหายคล้ายกำลังอดอยาก หลินมู่อวี่เพียงแค่คิดว่าต้องทนเห็นถังเสี่ยวซีก้มลงดื่มน้ำจากลำธารเหมือนสุนัขจิ้งจอกน้อยเขาก็ปวดใจมากแล้ว
“ค่อยๆ กินเถิด เนื้อเป็นของเจ้าคนเดียว” หลินมู่อวี่ยิ้มกล่าว
ถังเสี่ยวซีหน้าแดง “ข้ากินได้หมดเลยหรือ?”
ไม่มีปัญหา ให้ข้าย่างเพิ่มอีกก็ได้” หลินมู่อวี่ยิ้มพลางล้วงเอาขาหมูออกมาจากถุงสรรพสิ่ง ขาหมูแห้งเพราะอยู่ในในถุงมิติถูกนำมาเสียบไม้ย่างไฟ
ทันใดนั้นทักษะชีพจรวิญญาณของหลินมู่อวี่ก็ได้แอปเปิลน้อยกำลังส่งเสียงร้องประท้วง เพราะทุกคนกำลังกินอาหารแต่มันกลับไม่มีอะไรให้กิน หลินมู่อวี่เผลอยิ้มก่อนจะใช้มือรวบรวมพลังมิติที่สี่และเปิดรอยแยกมิติ อสนีบาตปรากฏขึ้นขณะที่มิติแหวกออกหลายเมตร เจ้าแอปเปิลน้อยทะลวงออกมาด้านนอกทันที
มันถอนหายใจและส่งเสียงร้องครวญครางราวกับคิดถึงครอบครัวของตนกระทั่งมันเห็นถังเสี่ยวซี เจ้าแอปเปิลน้อยหาได้มีความกลัวต่อรูปลักษณ์ของนางไม่ มันทิ้งร่างตัวเองใส่อ้อมแขนถังเสี่ยวซีและไล้เลียฝ่ามือของนาง
ด้วยสัญชาตญาณของมังกรอย่างเจ้ามังกรผลึกโลหิตตัวนี้ มันสามารถแยกแยะผู้คนได้จากพลังที่แผ่ออกมา และมันยังคงเล่นกับถังเสี่ยวซี เท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่านางยังคงเป็นนายของมัน แม่รูปลักษณ์และความแข็งแกร่งจะเปลี่ยนไปก็ตาม
“แอปเปิลน้อย…”
ถังเสี่ยวซีลูบหัวแอปเปิลน้อยอย่างมีความสุข “ข้าคิดว่าจะไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว ไม่คิดเจ้าจะมาหาข้าอีกครั้ง…”
เจ้ามังกรโผเข้าอ้อนถังเสี่ยวซีราวกับเด็กเอาแต่ใจ หลินมู่อวี่รีบเข้าดึงหางมันไว้ก่อนจะยื่นขาหมูดิบให้ “เอาไปกิน…แล้วอย่าบังอาจไปแตะต้องสวัสดิการของข้าอีก
ถังเสี่ยวซียิ้มถาม “เจ้ามีสวัสดิการอะไรหรือ?”
หลินมู่อวี่ลดสายตามองนอนสูงสองเนินใต้ร่มผ้า “ก็…”
ถังเสี่ยวซีหน้าแดงระเรื่ออีกครั้ง “มู่มู่ เจ้าหื่นกามใส่ข้าอีกแล้ว!”
หลินมู่อวี่ยิ้มพลางเทน้ำมันราดลงขาหมูภูเขา “หลังจากกลายร่างเป็นจิ้งจอก เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้าง…ควบคุมพลังของมันได้หรือไม่?”
“ข้าไม่รู้อะไรเลย…”
ถังเสี่ยวซีนิ่งคิดชั่วครู่ “ในคืนนั้น ขณะที่ข้ากำลังฝึกฝนวิชาผนึกเทพเทวา ผนึกปัญจธาตุ ผนึกวิญญาณและผนึกจุติ ร่างกายข้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างขึ้น พลังแห่งเพลิงในเอ่อล้นอย่างมาก…กระทั่งข้ากลายมาเป็นเช่นนี้ หูของข้าเปลี่ยนเป็นหูของจิ้งจอกพร้อมกับหางทั้งเก้าที่งอกมาราวกับอสุรกาย”
“อย่าได้กังวลไป”
หลินมู่อวี่ยิ้ม “อันที่จริง…เท่าที่ข้าดูเท่านี้เจ้าก็ดีพออยู่แล้ว หากเจ้าได้ไปโลกของข้าต้องเป็นที่ชื่นชอบอย่างมากแน่”
“จริงหรือ?” ถังเสี่ยวซีหัวเราะ “ข้าจะถือว่านั่นเป็นคำมั่น…เจ้าจะต้องพาข้ากลับบ้านเจ้าด้วย”
“ได้สิ”
เมื่อกล่าวจบถังเสี่ยวซีก็ชะงักไปครู่หนึ่ง “ข้าเป็นเช่นนี้…ไม่รู้ว่าครอบครัวข้าจะคิดอย่างไร ท่านปู่ต้องเศร้ามากเป็นแน่ ข้ากลัว…กลัวว่าจะไม่ได้เจอท่านอีกตลอดชีวิต…”
หลินมู่อวี่หยิบฟืนเติมเข้ากองไฟพลางพูดปลอบโยนถังเสี่ยวซี “โปรดวางใจรอให้เรากลับถึงเมืองหลันเยี่ยนก่อนเถิด ผู้เฒ่าชวีฉูและใต้เท้าเหล่ยหงต้องรู้วิธีรักษาให้เจ้ากลับไปร่างเดิมแน่ ต่อเมื่อถึงเวลานั้นข้าจะพาเจ้ากลับเมืองชีไห่ไปพบปู่เจ้าเอง”
“ไปกับข้าหรือ…”
ถังเสี่ยวซีกล่าวต่อ “ข้าเกรงว่าเรื่องมันจะซับซ้อน มู่มู่…เจ้าสังหารถังปินเพื่อช่วยข้า หากท่านปู่รู้เรื่องนี้คงไม่ยอมแน่ ในบรรดาทายาทรุ่นเยาว์…ไม่มีใครสักคนที่จะสามารถเรียนรู้วิชาผนึกจิ้งจอกอัคคีได้นอกเสียจากถังปิน ทายาทที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ที่สุด ท่านปู่ได้แต่งตั้งเขาเป็นอ๋อง กระทั่งเขาถูกเจ้าสังหารไป…ท่านปู่คงไม่นิ่งเฉยรอให้ข้ากลับเมืองชีไห่อย่างใจเย็นแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ขึ้นอยู่กับเจ้า”
หลินมู่อวี่หยิบไม้ปิ้งหมูแล้วกลับด้านมัน น้ำมันไหลลงกองไฟส่งเสียงน่ากิน
ไม่นาน หลังจากเจ้าแอปเปิลน้อยกินขาหมูภูเขาดิบไปสองสามขา มันก็นอนกรนอย่างสบายใจ
หลินมู่อวี่หั่นขาหมูภูเขาแบ่งให้ถังเสี่ยวซีทาน นางหัวเราะขบขันกับการได้พูดคุยกับชายต่างโลกผู้นี้ เพราะคนในโลกของนางช่างหัวโบราณและเคร่งขรึม ผิดจากหลินมู่อวี่ที่ดูอิสระไม่เคร่งครัด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หัวใจหญิงสาวในแผ่นดินนี้หวั่นไหวยิ่งนัก
เมื่อไม่มีกระโจมให้พักอาศัย หลังจากทานอาหารเสร็จ ถังเสี่ยวซีก็หนุนแขนหลินมู่อวี่และหลับไป เปลวเพลิงจากกองไฟค่อยๆ มอดดับ หลินมู่อวี่เฝ้ามองใบหน้าสวยของนางยามหลับใหล ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดทว่าหลินมู่อวี่กลับไม่ง่วงเลย…ภายในใจของเขาเริ่มผ่อนคลาย ไม่มีอันตรายใดย่างกรายในสุสานมังกรแห่งนี้ ความรู้สึกของหลินมู่อวี่และถังเสี่ยวซี
…
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลินมู่อวี่ยังคงตื่นกระทั่งรุ่งเช้ามาเยือน น้ำค้างเย็นเกาะกุมไปทั่วสุสานขณะเดียวกันแสงอาทิตย์ยามเช้าก็เริ่มส่องแสงลอดผ่านแนวป่า เจ้ามังกรน้อยตื่นขึ้นพลางเข้าคลอเคลียหลินมู่อวี่ มันส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณแก่ผู้เป็นนายว่ากำลังหิว หลินมู่อวี่จึงต้องทำอาหารอย่าง่ายให้มันทาน
ดวงตาสีทองของถังเสี่ยวซีค่อยๆ เปิดออกพลางมองหาหลินมู่อวี่ด้วยความเสน่หาอย่างไม่ปิดบัง “มู่มู่ เช้านี้เราจะทำอะไรกันหรือ?”
“เราจะออกจากสุสานแล้วหาทางกลับเข้าเมืองอย่างเงียบๆ”
“อืม”