Ep.312 วิชาดาบหลิงหนาน
ณ เมืองหน้าด่านอสูร ฉินอินยืนอยู่ตรงประตูเมือง สายตาคู่สวยมองทอดออกไป ในที่สุดก็เห็นหลินมู่อวี่กับถังเสี่ยวซีกลับมาเสียที หูจิ้งจอกของถังเสี่ยวซีหายไปแทนที่ด้วยหูของมนุษย์ ฉินอินตื่นเต้นอย่างมาก “ท่านเฟิงจี้สิง เสี่ยวซีกลับมาพร้อมร่างเดิมของนาง!”
เฟิงจี้สิงพยักหน้ายิ้ม “ขอรับ กระหม่อมเองก็อยากรู้ว่าหลิงหูจะเลือกจิ้งจอกสาวตนใดให้มาเป็นเมียกระหม่อม”
ฉินอิน “…”
…
หลังจากหลินมู่อวี่ ถังเสี่ยวซี และหลังหูเหลียนเข้าเมือง ฉินอิน เฟิงจี้สิงก็เข้าไปต้อนรับทันทีโดยมีถังเจิ้นและคนอื่นๆ ติดตามไปด้วย
“เสี่ยวซีสำเร็จแล้วใช่หรือไม่?” ฉินอินยิ้มถาม
“สำเร็จแล้ว!” ถังเสี่ยวซีหัวเราะเบาๆ
“เยี่ยมมาก!”
เฟิงจี้สิงที่อยู่ข้างๆ ดูผิดหวังเล็กน้อย เพราะหลิงหูเหยียนผิดคำพูดไม่พาลูกสะใภ้มาให้ บางทีในสายตาของหลิงหูเหยียนอาจคิดว่าเฟิงจี้สิงผู้เพียบพร้อมทั้งยังเป็นถึงผู้บัญชาการกองทัพ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีหญิงใดมาชอบ ในเมืองหลันเยี่ยนเองก็มีผู้หญิงอยู่มากมายให้เขาเลือก
ทว่าอันที่จริงผู้บัญชาการเฟิงนั้นยุ่งอยู่กับกิจการทางทหารจนไม่มีเวลาออกไปหาความสุขส่วนตัว หรือไม่ก็น้อยครั้งมาก
หลินมู่อวี่ยืนอยู่บนประตูเมืองพลางหันมามองกลุ่มทหารอสูรด้านล่าง พวกมันไร้อาวุธมีเพียงตัวเปล่าเท่านั้น ตอนนี้การจะสังหารพวกมันเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่ง แต่ก็เท่ากับเขาต้องเสียความเป็นพันธมิตรกับเผ่าอสูรไปด้วย แม้จะฆ่าล้างบางทหารอสูรทั้งห้าพันที่นี่ไปพร้อมกับปราชญ์หลิงหูเหลียนแล้วอย่างไร? สิ่งที่ได้ตอบแทนคงมีแต่ความขุ่นเคืองและการล้างแค้นจากอสูรอสรพิษและกิ้งก่าเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น หลินมู่อวี่เกรงว่าสิ่งที่จักรวรรดิต้องชดใช้ให้กับเรื่องนี้จะต้องใหญ่หลวงอย่างแน่นอน
“เปิดประตูปล่อยเชลยอสูรแล้วปิดทันที” หลินมู่อวี่สั่ง
ทันใดนั้นกลุ่มผู้บัญชาการแห่งชีไห่ต่างนิ่งเงียบ ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะคำนับและกล่าว “แม่ทัพหลวง ท่านจะปล่อยพวกมันไปจริงหรือ? บางทีมันอาจกลับไปที่ภูเขาแล้ว…”
หลินมู่อวี่กล่าวอย่างจริงจัง “เผ่าอสูรและมนุษย์เป็นพันธมิตรกันแล้ว เราไม่จำเป็นต้องเสียแรงและทรัพยากรโดยเปล่าประโยชน์ แต่เดิมคลังของจักรวรรดิก็ร่อยหรออยู่แล้วข้าไม่อยากสิ้นเปลืองที่นี่”
“แต่ท่านแม่ทัพหลวง…”
ก่อนที่ผู้บัญชาการจะได้กล่าวสิ่งใดต่อ หลินมู่อวี่ก็หันไปถามฉือหยิง “ท่านแม่ทัพฉือ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ฉือหยิงฉายแววตาราวนักปราชญ์
เขาประสานกำปั้นคำนับ “ทหารผ่านศึกผู้นี้เห็นด้วยกับแม่ทัพหลวง ผู้บัญชาการสูงสุดแห่งเมืองหน้าด่านอสูร คำสั่งของท่านแม่ทัพหลวงเปรียบดังประกาศิต ไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนขอรับ!”
ด้วยคำพูดของฉือหยิงทำให้บรรดาผู้บัญชาการจากชีไห่ไม่มีใครกล้าขัด
หลินมู่วอี่จึงยกมือขึ้นสั่งการด้วยเสียงอันหนักแน่น “เปิดประตู! ปล่อยเชลยอสูรให้เป็นอิสระ!”
เฟิงจี้สิงที่อยู่ด้านข้างเฝ้ามองฉินอินที่ยิ้มตามหลินมู่อวี่ ด้วยลักษณะของสาวน้อย หากไม่ได้สวมชุดเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิอยู่ เกรงว่าหลายคนคงมองทั้งสองเป็นเพียงพี่น้องกันจริงๆ
เมื่อโซ่เหล็กถูกม้วน ประตูเหล็กหนาก็ถูกยกขึ้นพร้อมกับประตูกรงขัง หลังจากนั้นหลิงหูเหลียนก็ปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้ม “นักรบเผ่าอสูรทั้งหลาย เรากลับบ้านกัน!”
เชลยเผ่าอสูรส่งเสียงร้องและทยอยออกจากกรงขัง
หลินมู่อวี่คำนับแก่หลิงหูเหลียนที่ควบม้าอยู่ด้านล่าง “ท่านนักปราชญ์ หลังจากช่วงเวลาอันยาวนาน ตอนนี้เราทั้งสองเผ่าพันธุ์ได้ผูกมิตรกันแล้ว คนของจักรวรรดิจากเมืองหน้าด่านแห่งนี้จะไม่ข้ามประตูไปอีก และหวังเช่นเดียวกันว่าเผ่าอสูรจะไม่ละเมิดข้อตกลง ให้หยุดยั่วยุและรุกล้ำพรมแดนของจักรวรรดินับจากนี้ไป”
หลิงหูเหลียนโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ทัพหลวงอย่าได้กังวลไป หลิงหูผู้นี้ทราบแล้วเจ้าค่ะ!”
นางกล่าวด้วยความนอบน้อมพลางหันมาคำนับให้ถังเสี่ยวซี “ท่านหญิงซี ถึงเวลาที่ข้ารับใช้ผู้นี้ต้องกลับแล้ว ป่านิรันดร์จะคอยต้อนรับท่านกลับไปเสมอ! อสูรนับหมื่นที่นั่นจะพร้อมจะรับฟังท่านทุกเมื่อที่ต้องการ!”
ถังเสี่ยวซียิ้มและพยักหน้า “ไปเถิดหลิงหู”
“เจ้าค่ะ!”
หลิงหูเหลียนหันหลังและควบม้าน้ำเผ่าอสูรออกจากเมืองกระทั่งหายไปจากสายตาของทุกคน
…
หลินมู่อวี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดความวุ่นวายจากเผ่าอสูรก็สิ้นสุดลงเสียที
เฟิงจี้สิงตบบ่าหลินมู่อวี่พลางกล่าว “เยี่ยมยอดมาก เท่านี้ปัญหาก็คลี่คลายลงแล้ว กองกำลังเจ็ดหมื่นนายของอวี่เหวินเซี่ยไม่ได้ช่วยแก้ไขสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นเจ้าที่ที่หาทางออกได้โดยแทบไม่เสียเลือดสักหยด ข้าจะกลับเมืองหลันเยี่ยนแล้ว ครานี้นับเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเจ้า ฝ่าบาทต้องมอบรางวัลให้อย่างงามเป็นแน่!”
หลินมู่อวี่ยิ้มอย่างขมขื่น “รางวัลรึ? ขอบคุณพระเจ้าเถิดที่ข้าไม่ถูกส่งเข้าคุกเสียก่อน”
“ฮ่าๆๆ” เฟิงจี้สิงหัวเราะ “เอาเถิด ปัญหาจบลงแล้ว เจ้าเองก็ควรกลับเมืองหลันเยี่ยนกับพวกข้าเพื่อรับคำสั่งต่อไป ก่อนออกมาฝ่าบาทได้รับสั่งให้ข้ามอบหมายหน้าที่ให้องครักษ์ซุนไคหลินคอยดูแลเมืองหน้าด่านแห่งนี้แทนแล้ว”
หลังเฟิงจี้สิงกล่าวจบ แม่ทัพอายุราวสี่สิบปีก็คำนับก่อนจะเอ่ยขึ้น “น้อมรับคำสั่ง ข้าจะคอยดูแลเมืองหน้าด่านอสูรเองขอรับ!”
หลินมู่อวี่ยิ้มก่อนจะก้าวเข้าไปแตะบ่าซูนไคหลิน “แม่ทัพซุนจงดูแลเมืองนี้ให้ดี และจำไว้ว่ามนุษย์และเผ่าอสูรทำข้อตกลงผูกมิตรกันแล้ว อย่าได้เริ่มความขัดแย้งอีก สิ่งเดียวที่ท่านควรทำคืออารักขาเมืองนี้และอย่าได้ล่วงล้ำเข้าไปฝั่งนั้น ต่อให้เผ่าอสูรจะยั่วยุก็ต้องทนให้ได้ เข้าใจหรือไม่?”
ซุนไคหลินตอบอย่างนอบน้อม “แม่ทัพผู้นี้ทราบแล้วขอรับ ท่านแม่ทัพหลวงอย่าได้กังวลไป ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อจากนี้”
“เป็นเช่นนั้นก็ดี ท่านพี่เฟิง เสี่ยวอิน เสี่ยวซี…เรากลับเมืองหลันเยี่ยนกัน!”
“อืม”
…
หลังจากทานอาหารเที่ยงกันเสร็จ หลินมู่อวี่ก็เริ่มเดินทางกลับเมืองหลวง หลังประตูเมืองยังคงมีทหารบาดเจ็บร้องครวญครางอย่างน่าสังเวชอยู่เป็นจำนวนมาก โชคดีที่สมาพันธ์โอสถส่งยามาให้มากพอจึงไม่มีใครตาย การนำกองทัพเจ็ดหมื่นเข้าปะทะและต้องสูญเสียอย่างมากของแม่ทัพอวี่เหวินเซี่ย ช่างเป็นความล้มเหลวที่น่าอับอายอย่างมากตั้งแต่ฉินจิ้นได้นั่งบัลลังก์
ระหว่างทางกลับ ธรรมชาติเริ่มฟื้นคืน ดอกไม้ผลิบาน…โดยเฉพาะดอกผักกาดก้านขาวที่เบ่งบานไปทั่วพื้นดิน
ถังเสี่ยวซีได้กลับร่างเดิมของนาง ทำให้ทุกคนชื่นมื่นอย่างมาก หลังจากนั้นเฟิงจี้สิงก็ได้พูดคุยถึงเรื่องที่ได้เจอกับจิงเหลาในป่าล่ามังกร
“สรุปแล้วซือหม่าจิงถูกเจ้าสังหารสินะ…” เฟิงจี้สิงบ่น “ซือหม่าจิงได้ติดตามหลานกงไปทุกที่ไม่ว่าจะเป็นสงครามเหนือหรือใต้ตลอดหลายปีมานี้ เป็นหนึ่งในกองทัพเจิ้นเจียง ข้าไม่คิดว่า…”
หลินมู่อวี่ดึงบังเหียนม้าพลางกล่าว “แรกเริ่มข้าไม่ได้อยากจะสังหารเขา ทว่าข้าได้ยินตาเฒ่าจิงน่ารังเกียจนั่นกับถังปินคุยกันเกี่ยวกับการสังหารเสี่ยวซีในป่าล่ามังกรเข้า”
ถังเสี่ยวซีที่อยู่ข้างๆ ร่างกายสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำ “ข้า…”
ฉินอินกระชับมือถังเสี่ยวซีไว้อย่างอ่อนโยน “เจ้าอย่าได้โทษตัวเองเสี่ยวซี เรื่องนี้เจ้าไม่ผิด”
เฟิงจี้สิงถอนหายใจ “มณฑลชีไห่เป็นหนึ่งในเจ็ดเมืองที่มีชื่อเสียงที่สุดในจักรวรรดิ มีความอุดมสมบูรณ์และประชากรมากมาย จึงไม่แปลกหากถังปินจะเกิดหน้ามืดตามัวอยากครอบครองเมืองนี้ อย่างไรก็ตาม…ตอนนี้ตำนานจิ้งจอกเก้าหางของเสี่ยวซีก็จบสิ้นลงแล้ว ทั้งยังได้ตัวตนใหม่เป็นเจ้าแห่งป่านิรันดร์ มีกองกำลังอสูรเป็นของตัวเองถึงแสนตน แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่มีทางปิดเงียบ…ไม่ช้าก็เร็วท่านหลานกงคงต้องรู้ และเมื่อถึงเวลานั้นคงอยากส่งมอบอำนาจแห่งเมืองชีไห่ให้หลานสาวโดยไม่ลังเลเชียวล่ะ”
ฉินอินหัวเราะ “ยินดีด้วยเสี่ยวซี เจ้าช่างโชคดีราวกับได้รับพร! จากนี้ไปเจ้าจะได้เป็นผู้ดูแลเมืองชีไห่แล้ว”
ถังเสี่ยวซีมีท่าทีเศร้าโศก “ถึงจะเป็นเช่นนั้น…เพื่อแลกกับการได้เป็นผู้ปกครองต้องเสียคนที่รักไป”
หลินมู่อวี่เงยหน้ามองก้อนเมฆที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า “โลกก็เป็นเช่นนี้เสี่ยวซี ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องรับมันให้ได้! อีกอย่าง…ท่านพี่เฟิง ระหว่างทางไปสุสานมังกรข้าได้พบกลุ่มทหารรับจ้างแปลกๆ ด้วย”
“ทหารรับจ้างแปลกๆ หรือ?” เฟิงจี้สิงยิ้ม “ทหารรับจ้างก็คือทหารรับจ้าง ก็แค่กลุ่มคนที่มารวมตัวกันมีสิ่งใดให้เจ้าแปลกใจ?”
หลินมู่อวี่กล่าว “พวกมันรู้ว่าข้าเป็นคนของวิหารศักดิ์สิทธิ์ ถึงกระนั้นก็ยังพยายามทำร้ายข้า พวกมันแข็งแกร่งมาก พลังยุทธ์อยู่เหนือกว่าขอบเขตมนุษย์แน่นอน ไม่มีเหตุผลเลยที่ทหารรับจ้างพเนจรจะเข้าป่าลึกเช่นนั้น อีกอย่าง…วิชาดาบที่ใช้ข้าไม่เคยเห็นที่ใดในหลันเยี่ยนมาก่อน”
“อย่างนั้นรึ?”
เฟิงจี้สิงแปลกใจ “เจ้าแสดงวิชาดาบที่ว่าให้ดูได้หรือไม่?”
“อืม”
หลินมู่อวี่พยายามนึกก่อนจะชักกระบี่วิญญาณมังกรออกและร่ายรำไปตามกระบวนท่าที่จำได้ ขณะกวัดแกว่งกระบี่อากาศโดยรอบนั้นถูกห้อมล้อมไปด้วยปราณยุทธ์ที่แผ่ขยายออก พลันเสร็จสิ้นก็เก็บกระบี่เข้าฝัก “เป็นเช่นนี้ขอรับ ข้ายังจำมันได้ดี…เพราะเป็นกระบวนท่าที่แปลกประหลาด”
เฟิงจี้สิงตกตะลึง “นี่มัน…เพลงดาบหลิงหนาน!”
“เพลงดาบหลิงหนาน?!”
หลินมู่อวี่ชะงัก “วิชาดาบจากหลิงหนานหรือ? แสดงว่าทหารรับจ้างพวกนี้มาจากมณฑลหลิงหนาน?”
“ไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”
เฟิงจี้สิงขมวดคิ้วกล่าว “อย่างที่เรารู้ จักรวรรดินี้ถูกแบ่งอาณาเขตเป็นสองส่วน โดยมีแปดมณฑลทางเหนือ และสี่มณฑลทางใต้ เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาวและมีหิมะตกหนัก เทือกเขาฉินจะไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ดินแดนทางเหนือและทางใต้ตัดขาดกัน ครั้งหนึ่ง…มณฑลหลิงหนานของฉินอี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมณฑลที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด เขาได้สร้างเพลงดาบชุดหนึ่งขึ้นเรียกว่า เพลงดาบหลิงหนาน ทหารทุกคนในมณฑลจะต้องได้เรียนรู้เพลงดาบนี้ ปัญหาคือ…ทหารรับจ้างจากดินแดนหลิงเป่ยจะใช้วชิาดาบจากฝั่งนั้นได้อย่างไร?”
หลินมู่อวี่ขนลุกวูบ “ท่านพี่เฟิงจะบอกว่าทหารรับจ้างพเนจรพวกนี้ แท้จริงแล้วมาจากหลิงหนานหรือ?”
“ใช่!” เฟิงจี้สิงพยักหน้า “หลายปีก่อน ข้ารู้สึกได้ว่าพายุลูกใหญ่กำลังมา ดูเหมือนว่าคงจะจริง…”
ฉินอินกล่าว “ท่านลุง…เขายังอยู่อีกหรือ? เขาเป็นน้องชายของเสด็จพ่อ ถึงกระนั้น…แม้ว่าหลิงหนานจะมีกองกำลังมากพอแต่ก็มิอาจเทียบกับแปดมณฑลหลักแห่งดินแดนหลิงเป่ย หนำซ้ำยังมีเทือกเขาฉินขวางดินแดนเหนือใต้ทั้งสองอยู่เป็นไปได้ยากหากจะข้ามมา…”
เฟิงจี้สิงพยักหน้า “นั่นแหละขอสิ่งที่กระหม่อมต้องการจะบอก เรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ อาอวี่…เจ้ากับข้าต้องไปรายงานเรื่องนี้ให้องค์จักรพรรดิทราบ!”
“ได้เลย!”