EP.33 พืชกินเนื้อและปีศาจเถาวัลย์หยก 1
ในวันฝนตก บรรดาสัตว์วิญญาณพากันซ่อนตัวอยู่ในรัง ดูเหมือนทั้งสามคนจะหาคู่ต่อสู้ที่จะลงมือด้วยไม่ได้ จึงค่อยๆ เดินต่อไปท่ามกลางสายฝน
ชวีฉู่ที่เดินอยู่กลางสายฝน เขาไม่ได้กางร่ม แถมไม่ได้สวมเสื้อคลุม แต่น้ำฝนกลับไหลผ่านตัวเขาลงไปที่พื้น โดยเสื้อผ้าเขาไม่เปียกเลยสักนิด ดูน่าประหลาดนัก เช่นนี้เองหลินมู่อวี่จึงเริ่มรู้จักพลังของยอดฝีมือขอบเขตปราชญ์ขึ้นมาบ้าง ทำให้เขาถึงกับตื่นตะลึง ส่วนชวีฉู่เพียงหันไปยิ้มให้กับเด็กหนุ่มที่กำลังรู้สึกตกใจเพียงเล็กน้อย แล้วกล่าวขึ้น “ยอดฝีมือที่ไปถึงขอบเขตนภาสามารถเปลี่ยนปราณของตนเองให้กลายเป็นปราณยุทธ์ได้ ซึ่งเป็นพลังที่แข็งแกร่งกว่ามาก มีปราณยุทธ์คุ้มกัน แน่นอนว่าน้ำไฟทำอะไรไม่ได้”
หลินมู่อวี่พยักหน้าเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจ ถังเสี่ยวซีปลดหมวกที่คลุมศีรษะออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงาม เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้อาวุโสชวีท่านว่าข้าต้องดูดซับวิญญาณสัตว์ประเภทไหนถึงจะช่วยพัฒนาวิญญาณยุทธ์จิ้งจอกอัคคีของข้า”
ชวีฉู่ตอบว่า “จิ้งจอกอัคคีจัดเป็นธาตุไฟ แน่นอนว่าต้องดูดซับวิญญาณสัตว์ที่เป็นธาตุไฟ แต่วันฝนตกที่ชื้นแฉะแบบนี้ พวกสัตว์วิญญาณธาตุไฟต่างหลบซ่อนอยู่ในรังของพวกมัน กระหม่อมว่าถึงอยากจะหาก็คงหาไม่เจอ อีกอย่างองค์หญิงใกล้จะไปถึงขอบเขตปฐพีแล้วด้วย อย่างน้อยต้องดูดซับวิญญาณสัตว์ที่มีอายุสองพันปีขึ้นไป ซึ่งยากขึ้นไปอีก แต่น้ำเต้าเขียวของหลินมู่อวี่อาจจะเจอสัตว์วิญญาณดีๆ ก็ได้”
“ เป็นเพราะน้ำเต้าเขียวอยู่ในหมวดพืช และวันฝนตกก็เป็นโอกาสดีที่พืชจะเจริญเติบโตเช่นนั้นหรือ”
“ ถูกต้อง”
ชวีฉู่มองไปยังป่าทึบเบื้องหน้า “ลงม้าแล้วเตรียมตัวเดินเท้ากันต่อ พวกเราจะเข้าไปในป่าลึก ดูซิว่าจะหาสัตว์วิญญาณหมวดพืชที่เหมาะสมเจอสักตัวสองตัวไหม”
“ ตกลง!”
ทั้งสามลงจากหลังม้า แล้วจูงบังเหียนม้าเดินเข้าไปในป่าทึบ แต่ตอนนี้ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆเสียงฝนตกกระทบใบไม้ดังขึ้นทั่วป่า หลินมู่อวี่ขมวดคิ้ว เขาไม่มีพลังที่จะทำแบบเดียวกับชวีฉู่ได้ ไม่มีแม้แต่เสื้อคลุมกันฝนแบบถังเสี่ยวซี เขาจึงเปียกโชกไปทั้งตัวนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไร ลำบากแค่นี้เขาทนได้
“ ระวัง!”
ชวีฉู่ก็ยื่นมือออกไปขวางหน้าสองหนุ่มสาวกะทันหัน แล้วชี้ไปยังกอพืชสีดำเบื้องหน้า เอ่ยขึ้น “พวกเราเดินอ้อมกันหน่อย แถวนี้พืชกินเนื้อกำลังกินอาหารของพวกมันอยู่ ”
“ พืชกินเนื้อ ?” หลินมู่อวี่งง “มันคืออะไรหรือ”
ถังเสี่ยวซีแลบลิ้นแล้วยิ้มพูด “มู่มู่ พืชกินเนื้อเป็นสัตว์วิญญาณประเภทพืช จริงๆ แล้วก็คือสัตว์ร้ายประเภทหนึ่งนั่นแหละ มันกินซากศพเป็นอาหาร พลังจู่โจมไม่รุนแรง แต่ว่ามีพิษร้าย เราอ้อมพวกมันไปเถอะ! ผู้อาวุโสชวีเจ้าพืชกินเนื้อตัวนี้อายุเท่าไหร่แล้วหรือ”
ชวีฉู่เอ่ย “ลายวงแหวนสีดำบนส่วนหัวมีทั้งหมดเจ็ดวง น่าจะมีอายุเจ็ดสิบปี ช่างเถอะ วิญญาณของสัตว์วิญญาณประเภทพืชชนิดนี้ไม่บริสุทธิ์พอที่จะใช้ได้”
หลินมู่อวี่จ้องมันเขม็ง พืชที่มีขนาดใหญ่เท่าเครื่องโม่แป้งนี่กินเนื้อจริงๆ หรือ
สักพัก ราวกับพืชกินเนื้อสัมผัสได้ว่ามีคนจ้องดูมันอยู่ จานโม่แป้งนี้จึงขยับน้อยๆ ค่อยๆ ยกส่วนที่เป็น “ใบหน้า” ของมันขึ้นมา ใบหน้าที่น่าสะพรึงกลัวเต็มไปด้วยหนามแหลมและเมือก ส่วนที่อยู่ถัดจากใบหน้าลงไปด้านล่างคือปากที่กำลังเคี้ยวซากของลูกหมูป่าที่นอนตายอยู่บนพื้น กลิ่นเหม็นคลุ้งโชยออกมา
“ อี๋…น่าขยะแขยงที่สุด…” ถังเสี่ยวซีบีบจมูก รีบจูงม้าอ้อมไป
ชวีฉู่พูดขึ้น “เจ้าหนุ่ม ไม่ต้องดูแล้ว รีบไปเถอะ!”
“ ขอรับ!”
หลินมู่อวี่รีบเดินตามไป แต่ในใจยังหวาดผวาเช่นเดิม ป่าสัตตะดาราแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไร้ความเมตตา ปีศาจแบบนี้ยังจะมีอยู่อีก พืชกินเนื้อนี้หลินมู่อวี่ไม่เคยเห็นมันมาก่อนในเกมผู้พิชิต ดูท่าสิ่งของบนโลกนี้จะไม่ได้เหมือนกับในเกมไปเสียทุกอย่าง !
เดินมาไกลขึ้น ทั้งสามคนมองไม่เห็นทางเดินแล้ว จึงได้แต่แหวกโค่นดงหนามเดินไปข้างหน้า หลินมู่อวี่ชักกระบี่ด้านหลังออกมา แล้วเดินไปอยู่หน้าถังเสี่ยวซีเพื่อตัดพุ่มหนามให้นาง ขณะเดินอยู่ จู่ๆ บนพื้นก็มีเถาวัลย์หลายเส้นโผล่ขึ้นมาจากผิวดิน สีเขียวมรกต ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่จะฟันพวกมันไม่ขาด หลินมู่อวี่อดเดาะลิ้นไม่ได้ “นี่มันเถาวัลย์อะไร ทำไมถึงได้เหนียวแบบนี้”
ชวีฉู่กวาดตามอง เอ่ยเสียงเบา “เลิกฟันได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเจ้าได้ตายแน่”
“ มีอะไรหรือขอรับ” หลินมู่อวี่รีบหยุดมือ
ชวีฉู่ตาเป็นประกาย มองไปรอบๆ ยิ้มมุมปาก “ดูท่าพวกเราคงจะเจอกับปีศาจเถาวัลย์หยกที่จัดการยากในตำนานแล้ว หึๆ โชคดีเสียจริง!”
“ ปีศาจเถาวัลย์หยก ?” ถังเสี่ยวซียิ้มตื่นเต้น “ข้าเคยอ่านเจอสัตว์วิญญาณชนิดนี้ในตำราร้อยสรรพสัตว์ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นตัวเป็นๆ เลย มันอยู่ตรงไหน”
“ องค์หญิงซี ท่านระวังตัวด้วย ปีศาจเถาวัลย์หยกตนนี้อย่างน้อยอายุห้าร้อยปีได้!”
“ หา ?” ถังเสี่ยวซีอ้าปากค้าง “งั้นก็แข็งแกร่งมากน่ะสิ”
“ ถูกต้อง”
ชวีฉู่ชี้ไปด้านหน้าแล้วพูดขึ้น “เจ้าหนุ่ม วิญญาณสัตว์ของเจ้าปรากฏตัวขึ้นแล้ว เห็นหญ้าที่มีหงอนไก่สีแดงนั่นไหม นั่นก็คือส่วนหัวของปีศาจเถาวัลย์หยก ไปเถิด สังหารปีศาจเถาวัลย์หยกนี่ซะ แต่ต้องระวังเถาวัลย์ของมันด้วย ถ้าถูกพันธนาการเข้าละก็ เกรงว่าเทพเซียนก็คงช่วยเจ้าไม่ได้ จำเอาไว้ ข้าจะไม่ช่วยเจ้า ถ้าเจ้าสังหารปีศาจเถาวัลย์หยกไม่ได้ เจ้าก็จะกลายเป็นอาหารอันโอชะของมัน ปีศาจเถาวัลย์หยกกินพืชเป็นอาหาร แต่ก็กินมนุษย์ด้วยเหมือนกัน!”
ชวีฉู่กล่าวชัดถ้อยชัดคำ ไม่เหลือพื้นที่ให้ได้สงสัยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าหลินมู่อวี่ก็รู้ผลได้ผลเสียนั้นดี เขาสูดลมหายใจ ไม่รีบร้อนลงมือ แต่กลับเทยาสลบใส่หัวลูกศรทุกดอกในกระบอก จากนั้นดื่มโอสถผิวศิลาลงไปหนึ่งขวด ถ้าพลังป้องกันเพียงพอ น่าจะไม่ถูกสังหารง่ายๆ
ถังเสี่ยวซียืนอยู่ข้างๆ เรียกวิญญาณยุทธ์ออกมาราวกับว่ากำลังเผชิญศัตรูที่ร้ายกาจ จิ้งจอกอัคคีปรากฏกายขึ้นบนบ่าของนาง ท่าทางพร้อมจะกระโจนออกไป นางหัวเราะคิกคักแล้วเอ่ยเสียงต่ำว่า “มู่มู่ ระวังตัวให้ดีล่ะ! แต่เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง หากเจ้าจัดการปีศาจเถาวัลย์หยกไม่ได้ ถึงผู้อาวุโสชวีฉู่จะไม่ช่วยเจ้า แต่ข้าจะแอบช่วยเจ้าเอง!”
หลินมู่อวี่ยิ้มขอบคุณ “ขอบคุณองค์หญิงซี”